Electric Vehicle – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 27 Jun 2024 03:34:21 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Volkswagen ลงทุนใน Rivian แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสหรัฐฯ เป็นเงินถึง 184,000 ล้านบาท เพื่อขยายตลาด EV เพิ่ม https://positioningmag.com/1479927 Wed, 26 Jun 2024 15:40:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1479927 โฟล์คสวาเก้น (Volkswagen ) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากเยอรมนี ได้ประกาศลงทุนใน ริเวียน (Rivian) ผู้ผลิตรถยนต์จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งการลงทุนของทั้ง 2 ฝ่ายถือว่าเป็นกลยุทธ์ Win-Win เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมนีรายนี้ประสบปัญหาในการพัฒนาซอฟต์แวร์ของรถยนต์ ขณะที่ผู้ผลิตจากสหรัฐอเมริกานั้นประสบปัญหาเงินสดขาดมือ และต้องการขยายตลาดไปเอเชียและยุโรป

Volkswagen แบรนด์ยานยนต์จากเยอรมนี ประกาศร่วมทุนใน Rivian แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสหรัฐฯ เป็นมูลค่ารวมถึง 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 184,000 ล้านบาท โดยบริษัทต้องการที่จะขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติมจากที่มีอยู่

การลงทุนนของ Volkswagen จะมีการลงทุนใน Rivian เริ่มต้นที่ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนที่จะลงทุนเพิ่มอีก 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และทั้ง 2 ฝ่ายจะมีการตั้งบริษัทร่วมทุน ซึ่งมีการถือหุ้นในสัดส่วนเท่ากัน

โดยการลงทุนและการร่วมทุนดังกล่าวจะทำให้ Volkswagen เข้าถึงทรัพย์สินทางปัญญาของ Rivian และเข้าถึงซอฟต์แวร์รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้รถยนต์ของในเครืออย่าง Audi หรือ Porsche ฯลฯ สามารถใช้ซอฟต์แวร์จากกิจการร่วมทุนดังกล่าว และจะช่วยให้ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีรายนี้ประหยัดเวลาในการพัฒนาซอฟต์แวร์

ในช่วงที่ผ่านมามีรายงานในสื่อหลายแห่งชี้ว่า ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์ของเยอรมันประสบปัญหาในการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และยังประสบปัญหาในการใช้ค่าใช้จ่ายมากเกินไป จนในท้ายที่สุดบริษัทต้องปลดผู้บริหารที่ดูแลในเรื่องดังกล่าว

ไม่เพียงเท่านี้การลงทุนใน Rivian เองนั้นยังถือเป็นการเร่งให้บรรลุเป้าหมายของ Volkswagen ที่ต้องการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้เต็มรูปแบบภายใน 5 ปี

ขณะที่ Rivian จะมีเม็ดเงินหมุนเวียน เพื่อที่จะสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในรุ่น R2 ออกมาได้ และเม็ดเงินดังกล่าวยังทำให้บริษัทสามารถโรงงานผลิตรถยนต์เพิ่มเติม รวมถึงสามารถขยายตลาดไปยังทวีปเอเชียและทวีปยุโรปได้

และเม็ดเงินดังกล่าวของ Volkswagen ยังเป็นการต่ออายุให้กับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้จากสหรัฐฯ รายนี้ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ในสภาวะที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ส่งผลทำให้ต้นทุนการเงินของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น และการหาเม็ดเงินก้อนใหญ่จากผู้ลงทุนในเวลานี้ถือว่าเป็นเรื่องยาก

ขณะเดียวกันสถานการณ์การเงินของ Rivian เองก็ไม่ได้ดีมากนัก ล่าสุดบริษัทเหลือเงินสดและสินทรัพย์เทียบเท่าแค่ 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ฉะนั้นการที่บริษัทได้เม็ดเงินจาก Volkswagen เหมือนกับเป็นการต่ออายุของบริษัทไปได้อีกระยะใหญ่

ที่มา – CNN, Euronews

]]>
1479927
KResearch มอง Clean Tech และ EV เป็นโอกาสใหม่ของเศรษฐกิจไทย แนะภาครัฐสนับสนุนการใช้วัตถุดิบในประเทศ https://positioningmag.com/1479287 Sun, 23 Jun 2024 13:53:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1479287 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch) มองว่า Clean Tech และ EV เป็นโอกาสใหม่ของเศรษฐกิจไทยในอนาคต โดยแนะนำให้ภาครัฐสนับสนุนการใช้วัตถุดิบในประเทศ ขณะเดียวกันคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2024 นี้จะเติบโตได้ราวๆ 2.6% ท่ามกลางความเสี่ยงในหลายปัจจัย

บุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ได้กล่าวถึงเรื่องสภาวะแวดล้อมโลกจากเดิมที่ไม่ค่อยมีความผันผวนมากนัก แต่ปัจจุบันกลับพบว่ามีความผันผวนอย่างมาก ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจาก

เขาได้เกริ่นถึงสาเหตุโลกร้อน ซึ่งอุณภูมิโลกเปลี่ยนแปลงตามจำนวนมนุษย์เพิ่มมากขึ้น โดยจุดเปลี่ยนสำคัญคือการเกิดปฏิวัติอุตสาหกรรมในอังกฤษทำให้เกิดการเผาถ่านหิน ขณะเดียวกันโลกในยุคปัจจุบันเองพื้นที่ป่าตอนนี้เหลือน้อยมาก ตอนนี้อาจทำให้สัตว์หรือพืชบางชนิดสูญพันธุ์อย่างถาวร เนื่องจากป่าทำให้เก็บคาร์บอน และมีความหลากหลายทางชีววิทยาเยอะมาก 

ปัจจุบันบุรินทร์ได้กล่าวว่าโลกตอนนี้กำลังมีการลดคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ปัญหาคือการเลี้ยงสัตว์หรือแม้แต่เรื่องของการทำเกษตรกรรม ทำให้มีการใช้พื้นที่จำนวนมาก รวมถึงการทำเกษตรแบบเดิมๆ

ข้อมูลจาก KResearch

จีนหันมารุก Clean Tech มากขึ้น

นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ จีนเน้นเทคโนโลยีสะอาด (Clean Tech) เยอะมาก โดยบุรินทร์ชี้ถึงหลังปี 2008 นั้นอากาศในจีนดีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับอดีตที่อากาศในประเทศจีนนั้นถือว่าไม่ได้สะอาดมากนัก และจีนเองยังส่งออกรถยนต์มากกว่าเยอรมันแล้วในปัจจุบัน

เขายังชี้ว่า การที่จีนทำ Clean Tech เพราะเม็ดเงินลงทุน และได้กำไรเข้าประเทศ เนื่องจากจีนมีอุตสาหกรรมดังกล่าวตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ซึ่งประเทศอื่นไม่ได้ประโยชน์เลย เพราะมองว่าโลกหลังจากนี้เดินหน้าไปยัง Clean Tech แน่นอน

อย่างไรก็ดีกลุ่มประเทศตะวันตก เช่น สหรัฐอเมริกา หรือยุโรป นั้นไม่ต้องการสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากจีนกินรวบอยู่คนเดียว จึงมีการออกมาตรการขัดขวางออกมา เช่น กำแพงภาษี เป็นต้น

ขณะเดียวกันบุรินทร์ชี้ว่าสหรัฐอเมริกามีพื้นที่ในการตั้งประเทศดีมาก และในอดีตนั้นเป็นประเทศเดิผู้นำเข้าพลังงานรายใหญ่ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่แล้ว แตกต่างกับจีนที่ยังเป็นประเทศที่ต้องการพลังงานจำนวนมาก การที่หันมาสู่ Clean Tech เองนั้นถือว่าดีกับประเทศจีนไปในตัว

ข้อมูลจาก KResearch

ความขัดแย้งระหว่างประเทศเป็นประโยชน์กับไทยในเรื่อง Clean Tech และ EV

Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ยังกล่าวถึง ภาษีนำเข้าสินค้าในช่วงที่ผ่านมาทำให้บริษัทจีนย้ายฐานการผลิต ไม่ว่าจะเป็น แผงโซลาร์ อย่างไรก็ดีเขาได้กล่าวว่าถ้าหาก โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจมีการขึ้นภาษีสินค้าบริษัทที่มีจีนเป็นเจ้าของ

ฉะนั้นแล้ว กลยุทธ์ของจีนอย่าง China+1 ที่มีการขยายฐานการผลิตออกจากจีนไปยังประเทศอื่น ๆ เพื่อเลี่ยงกำแพงภาษีทางการค้า ก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบทันทีถ้าหาก โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ

แต่เขายังชี้ว่าถ้าหากสหรัฐฯ มีการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากบริษัทจีนจริง คาดว่ารัฐบาลจีนจะทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนอีก 20% ถ้าหากมีการประกาศภาษี ซึ่งการลดค่าเงินหยวนนั้น ปัญหาที่ตามมานั้นอาจทำให้สินค้าจากจีนทะลักเข้ามาในอาเซียนซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย ส่งผลทำให้เกิดความวุ่นวายด้านการผลิตในไทย และยอดขาดดุลการค้าของไทยเพิ่มมากขึ้น 

อย่างไรก็ดี เขามองว่า Clean Tech และ EV จะเป็นโอกาสใหม่ของไทย และกลยุทธ์ China+1 อาจไม่ใช่การกระจายความเสี่ยงต่อไป  เขายังชี้ว่าอาเซียนจะต้องรวมพลังกันเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง รวมถึงการมีบทบาทในตลาด เขตเศรษฐกิจ และศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญของโลกหลังจากนี้

ขณะเดียวกันเขายังชี้ว่าไทยยังมีจุดแข็งเช่น พลังงานสะอาด หรือกระบวนการผลิตสินค้า ซึ่งเป็นโอกาสดึงภาคการผลิตใหม่ๆ หรือดึงคนเก่งๆ เข้ามา แต่เขาเองก็มองว่าเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่เหนื่อยมากเช่นกัน

ข้อมูลจาก KResearch

เศรษฐกิจไทย ภายใต้การกีดกันทางการค้า

ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่าความกังวลในการกีดกันทางการค้าทำให้จีนเร่งส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งไทยได้ประโยชน์จำกัด นอกจากนี้ยังรวมถึงปัญหาเชิงโครงสร้างทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง และในช่วงที่ผ่านมาไทยมีตัวเลขส่งออกสินค้าแย่กว่าในอาเซียน  

ปัจจัยที่กระทบเศรษฐกิจไทยในช่วงข้างหน้า คือเรื่องการเบิกจ่ายภาครัฐ สินค้านำเข้าจากผลสงครามการค้า และต้นทุนสินค้าเพิ่มจากผลกระทบจากเอลนีโญ จากปัจจัยดังกล่าวทำให้เกิดความเสี่ยงที่ว่าภาคการผลิตอุตาหกรรมไทยอาจหดตัวได้อีก

สำหรับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้านั้น KResearch มองว่า ภาครัฐควรเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ กวดขันสินค้านำเข้าและสนับสนุนการใช้วัตถุดิบในประเทศ รวมถึงเติมสภาพคล่องให้กับ SMEs และเน้นวางแผนการจัดการน้ำ ขณะเดียวกัน ถึงเวลาที่ทุกภาคส่วนจะต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจขนานใหญ่ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในทุกมิติ ทำให้รายได้เติบโตเร็วกว่าการเพิ่มขึ้นของต้นทุน

โดยในปี 2024 นี้ KResearch คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ราวๆ 2.6% สำหรับค่าเงินบาทที่อ่อนค่านั้นมองว่ามาจากปัญหาเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า และค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า รวมถึงการขายพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นไทยจากนักลงทุนชาวต่างชาติ

]]>
1479287
Volvo เตรียมย้ายกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนกลับสู่ทวีปยุโรปบางส่วน ลดความเสี่ยงโดนภาษีนำเข้า EV https://positioningmag.com/1477236 Sun, 09 Jun 2024 16:20:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1477236 วอลโว่ (Volvo) แบรนด์รถยนต์ชื่อดังในทวีปยุโรป ซึ่งมีบริษัทจีนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้เตรียมวางแผนย้ายกำลังการผลิตกลับทวีปสู่ยุโรปบางส่วน เนื่องจากต้องการลดความเสี่ยงจากภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้น ถ้าหากสหภาพยุโรปสอบสวนแล้วพบว่าจีนได้ให้เงินอุดหนุนผู้ผลิต EV จากจีน

The Times สื่อในประเทศอังกฤษ รายงานข่าวว่า Volvo แบรนด์รถยนต์ในทวีปยุโรป ที่ปัจจุบันมีเจ้าของคือ Geely แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีน ได้เตรียมย้ายกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากลับสู่ทวีปยุโรปอีกครั้ง ซึ่งสาเหตุสำคัญมากจากเพื่อต้องการลดความเสี่ยงจากภาษีนำเข้าสินค้า

โดยแหล่งข่าวของสื่ออังกฤษรายงานว่าโรงงานผลิตของ Volvo ได้ระงับการขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศจีนซึ่งส่งออกไปยังทวีปยุโรปแล้ว นอกจากนี้สื่อรายดังกล่าวยังได้รายงงานว่า จะมีการย้ายกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในรุ่น EX30 และ EX90 จากจีนไปยังเบลเยียมอีกด้วย

นอกจากนี้กำลังการผลิตในยุโรปนั้นอาจรวมถึงการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าของ Volvo ไปยังสหราชอาณาจักรด้วย

สาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทเตรียมแผนดังกล่าวเนื่องจากสหภาพยุโรปนั้นกำลังพิจารณาจะมีการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า หลังจากมีการสอบสวนว่าจีนมีการใช้เงินอุดหนุนดังกล่าวจริงหรือไม่ เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าจากประเทศจีนนั้นมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับผู้ผลิตในยุโรป ส่งผลทำให้ผู้ผลิตในทวีปยุโรปประสบปัญหา

อย่างไรก็ดีจีนได้ออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าวว่า จีนไม่เคยมีการอุดหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และมองว่ารถยนต์ไฟฟ้าของจีนนั้นได้รับความนิยมเนื่องจากราคาและรถยนต์ไฟฟ้าของจีนสามารถแข่งขันกับผู้เล่นรายอื่นๆ ได้

ปัญหาการทะลักเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 มหาอำนาจย่ำแย่ลง เนื่องจากยุโรปนั้นอุตสาหกรรมยานยนต์ถือเป็นเครื่องจักรทางเศรษฐกิจสำคัญของทวีป มีการจ้างงานจำนวนมาก รวมถึงซัพพลายเออร์หลากหลายแห่ง และถ้าหากอุตสาหกรรมดังกล่าวได้รับผลกระทบ ย่อมกระเทือนถึงเศรษฐกิจยุโรปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

]]>
1477236
รัฐบาลจีนยืนยันไม่ได้ให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า แต่ EV จากแดนมังกรได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม https://positioningmag.com/1477006 Fri, 07 Jun 2024 04:26:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1477006 โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้กล่าวว่า จีนไม่ได้ให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า แต่รถ EV จากแดนมังกรได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ซึ่งการตอบโต้ดังกล่าวตามหลังมาจากสหรัฐอเมริกากล่าวหาว่าจีนได้ส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมากจนทะลักตลาด

สำนักข่าว Reuters ได้รายงานข่าว โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้กล่าวถึงประเด็นที่กำลังเผ็ดร้อนอยู่ในเวลานี้คือ รถยนต์ไฟฟ้าจีนได้ออกสู่ท้องตลาดโลกและกำลังตีตลาดในหลายประเทศนั้นรัฐบาลจีนได้มีการสนับสนุนผ่านเม็ดเงินอุดหนุนหรือไม่

Mao Ning โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้กล่าวถึงในกรณีดังกล่าวว่า รถยนต์ไฟฟ้าของจีนได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดต่างประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากความได้เปรียบในการแข่งขันและกฎหมายตลาด

โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศของจีน ยังกล่าวเสริมในเรื่องดังกล่าวว่า จีนไม่ได้มีการให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแต่อย่างใด ซึ่งเงินอุดหนุนดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามตามกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าระหว่างประเทศ (WTO)

ไม่เพียงเท่านี้ โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศของจีน ยังกล่าวว่าในปี 2023 ที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนได้ส่งออกสู่สหรัฐอเมริกาเพียงแค่ 13,000 คันเท่านั้น ด้วยตัวเลขดังกล่าวสหรัฐอเมริกาไม่สามารถที่จะกล่าวหาจีนได้

ในช่วงที่ผ่านมามีหลายประเทศเริ่มกังวลถึงการเข้ามาตีตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ที่มีการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า หรือแม้แต่ยุโรปที่กำลังสอบสวนในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากกังวลว่าการทะลักของรถยนต์ไฟฟ้าจีนอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมาก

ขณะที่ในมุมผู้บริหารอย่าง Elon Musk ซึ่งเป็น CEO ของ Tesla เคยกล่าวไว้เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า ถ้าหากไม่มีกำแพงด้านการค้าต่อผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนแล้ว หัวเรือใหญ่ของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐฯ รายนี้มองว่า EV จากจีนเองจะทำลายคู่แข่งจากทวีปอื่นจนย่อยยับได้

ถ้อยแถลงดังกล่าวของโฆษกของกระทรวงการต่างประเทศของจีน ตามหลังมาจาก โจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวหาว่าจีนให้เงินอุดหนุนเพื่อทำให้สหรัฐอเมริกาท่วมท้นไปด้วยรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ซึ่งสะท้อนความกังวลจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ในเรื่องดังกล่าว

]]>
1477006
Xiaomi คาดยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าปีนี้อยู่ที่ 120,000 คัน ชี้ EV ที่บริษัทผลิตได้ผลตอบรับดีกว่าคาดจากรุ่น SU7 https://positioningmag.com/1474950 Fri, 24 May 2024 10:30:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1474950 เสียวหมี่ (Xiaomi) ผู้ผลิตสินค้าไอที รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า คาดว่าบริษัทจะสามารถส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าได้ 120,000 คันได้ภายในปีนี้ หลังจากลูกค้าชาวจีนมีกระแสตอบรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น SU7 ของบริษัทดีกว่าคาด และบริษัทเตรียมขยายศูนย์บริการทั่วประเทศจีนเพิ่มมากขึ้น

Xiaomi ผู้ผลิตสินค้าไอทีรวมถึงผลิตภัณฑ์ล่าสุดอย่างรถยนต์ไฟฟ้า ได้คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทในปีนี้จะอยู่ที่ 120,000 คัน มากกว่าคาดการณ์เดิมที่ 100,000 คัน และโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทเตรียมที่จะเพิ่มกำลังการผลิตหลังจากนี้

สาเหตุสำคัญมาจาก ผลตอบรับที่ดีจากรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น SU7 ที่บริษัทได้เริ่มส่งมอบเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทมีผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวจีน โดยยอดจองรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น SU7 ของบริษัทมียอดจองบนช่องทางออนไลน์ 88,898 คัน ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งลูกค้าจองดังกล่าวทำให้ลูกค้าต้องรอรับรถอย่างน้อย 5-7 เดือน

ล่าสุดบริษัทได้เปิดเผยว่าบริษัทสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น SU7 จำนวนมากกว่า 100,000 คันจะส่งมอบได้ภายในปีนี้ โดยข้อมูลล่าสุดในวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัทส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วมากถึง 10,000 คันแล้ว

Lei Jun ซึ่งเป็น CEO ของ Xiaomi ได้เคยกล่าวว่า การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาได้ทำกับบริษัท และเขาเองพยายามในสิ่งนี้ ขณะเดียวกันบริษัทเองได้วางเป้าว่าจะติดอยู่ใน 1 ใน 5 ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ให้ได้ในระยะยาว

นอกจากนี้แผนการของ Xiaomi จะมีการเปิดโชว์รูมรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทให้ได้ 219 สาขาทั่วประเทศจีนภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงศูนย์ซ่อมบำรุง 143 เมืองทั่วประเทศจีนภายในปี 2024 นี้ จากเดิมที่มี 86 เมือง

ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ ของบริษัทในไตรมาส 1 ของปี 2024 บริษัทมียอดขายสมาร์ทโฟนเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมีส่วนแบ่งตลาด 13.8% และยอดขายนั้นเติบโตมากถึง 33.3% โดยการเติบโตหลักๆ มาจากอาเซียน ตะวันออกกลาง หรือแม้แต่แอฟริกา

อย่างไรก็ดีสำหรับรายได้ของ Xiaomi นั้นรายได้หลักยังคงมาจากการเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทที่กำลังวางจำหน่ายในช่วงเวลานี้ยังถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก และ CEO ของ Xiaomi ได้กล่าวว่าบริษัทจะแยกรายได้ในส่วนรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทให้กับนักลงทุนได้ทราบถึงข้อมูลด้วย

ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 75,500 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 27% และบริษัทมีกำไรทั้งสิ้น 2,300 ล้านหยวน คิดเป็นเงินไทย 11,661 ล้านบาท 

ที่มา – Reuters, CNEVPost

]]>
1474950
Volkswagen ยังสู้ศึก EV ในจีน แม้ส่วนแบ่งทางการตลาดลดลง เตรียมส่งรถยนต์ไฟฟ้า 30 รุ่นภายในปี 2030 https://positioningmag.com/1470906 Thu, 25 Apr 2024 03:27:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470906 โฟล์คสวาเกน (Volkswagen) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากเยอรมนี เตรียมส่งรถยนต์ไฟฟ้า 30 รุ่นจากหลากหลายแบรนด์ภายในปี 2030 และยังยืนยันที่จะเดินหน้าทำธุรกิจ โดยตั้งเป้าที่จะเป็นแบรนด์ต่างประเทศเบอร์ 1 ในจีน แม้ว่าตัวเลขส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศจีนจะเริ่มลดลงก็ตาม

Volkswagen ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากเยอรมนี มีแผนที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากถึง 30 รุ่นเพื่อวางขายในประเทศจีนภายในปี 2030 ซึ่งตลาดดังกล่าวมีการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่บริษัทยังเดินหน้าในการทำธุรกิจ และต้องการที่จะเป็นแบรนด์ต่างประเทศเบอร์ 1 ในจีน

ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ได้เปิดเผยในงาน Auto China 2024 ว่าบริษัทจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากถึง 30 รุ่นเพื่อวางขายในประเทศจีนภายในปี 2030 ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ของบริษัท อย่างไรก็ดีบริษัทยังมีการผลิตรถยนต์ประเภทใช้เชื้อเพลงจากฟอสซิล 12 รุ่นและรุ่นไฮบริดอีก 6 รุ่นด้วย

Ralf Brandsatter ซึ่งเป็น CEO ของ Volkswagen ยังตั้งเป้าว่าภายในปี 2030 บริษัทจะส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าได้มากถึง 4 ล้านคันต่อปีภายในปี 2030 และเขายังกล่าวว่าในการผลิตสินค้าในจีนยังทำให้ต้นทุนการผลิตนั้นสามารถที่จะแข่งขันและทำให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจแบบมีกำไรได้

บริษัทเองยังได้โปรโมตว่าการผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั้นเกิดขึ้นในประเทศจีนเพื่อที่จะวางขายให้กับคนจีน (In China, for China) และยังกล่าวถึงการพัฒนาเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้าหรือแม้แต่การจับมือกับพันธมิตรที่เป็นบริษัทจีน

Volkswagen ยังได้ส่งสัญญาณว่าบริษัทต้องการที่จะเป็นผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่างประเทศที่ต้องการเป็นเบอร์ 1 ในตลาดจีน ซึ่งบริษัทได้กล่าวถึงการทำตลาดในแดนมังกรมายาวนานกว่า 40 ปีและจะยังคงเดินหน้าต่อไป

ไม่เพียงเท่านี้ CEO ของ Volkswagen ยังกล่าวว่าจะมีความร่วมมือกับบริษัทในจีนเพื่อพัฒนาการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารวมถึงลดต้นทุนในการผลิตด้วย

การแข่งขันของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนถือว่าดุเดือดไม่น้อย เนื่องจากผู้ผลิตในจีนครองตลาดในแดนมังกรมากถึง 64% ในขณะที่ผู้ผลิตจากต่างประเทศ ซึ่ง Volkswagen ก็เป็นหนึ่งแบรนด์ที่อยู่ในตลาดดังกล่าว กลับมีส่วนแบ่งทางการตลาดลดลง

ภายใต้การแข่งขันอันดุเดือดดังกล่าวทำให้หลายแบรนด์เองต้องงัดลูกเล่นไม่ว่าจะเป็น การตัดราคา หรือแม้แต่การเพิ่งฟังก์ชั่นในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อที่จะดึงดูดลูกค้าชาวจีนให้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ตัวเอง

อย่างไรก็ดีในปี 2023 ที่ผ่านมาส่วนแบ่งทางการตลาดของ Volkswagen ในประเทศจีนได้ลดลง 0.6% เหลือเพียงแค่ 14.2% เท่านั้น แต่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากเยอรมนีรายนี้ได้ส่งสัญญาณว่าจะยังสู้ศึกดังกล่าวต่อไป

ที่มา – Volkswagen Group, CleanTechnica, South China Morning Post

]]>
1470906
Tesla ปลดพนักงานมากกว่า 10% ขององค์กร Elon Musk ชี้ทำเพื่อลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพองค์กรและความคล่องตัว https://positioningmag.com/1470133 Mon, 15 Apr 2024 14:55:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470133 เทสลา (Tesla) ได้ประกาศปลดพนักงานมากกว่า 10% ขององค์กร โดยให้เหตุผลเนื่องจากลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพองค์กรและความคล่องตัว ขณะเดียวกันสถานการณ์ดังกล่าวยังชี้ให้เห็นว่าช่วงเวลาของความยากลำบากของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกนั้นกำลังกลับมาอีกครั้ง

Electrek เว็บไซต์ข่าวที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวหลายแห่ง รวมถึงอีเมลภายในองค์กร ได้ชี้ว่า Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศปลดพนักงานเป็นจำนวนมากกว่า 10% ขององค์กร เพื่อที่จะลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพองค์กร

เว็บไซต์ดังกล่าวได้อ้างอิงจดหมายที่ Elon Musk ซึ่งเป็น CEO ของ Tesla ได้ส่งให้กับพนักงาน โดยชี้ว่าในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการขยายโรงงานขนาดใหญ่ไปทั่วโลก และเนื่องด้วยการเติบโตดังกล่าวทำให้มีหน้าที่ตำแหน่งงานที่ซ้ำซ้อน

ขณะเดียวกัน CEO รายดังกล่าวยังชี้ว่า การที่บริษัทต้องการจะเติบโตในก้าวต่อไปก็จะต้องมีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ทำให้หลังจากมีการพิจารณาบริษัทได้ตัดสินใจที่จะปลดพนักงานมากกว่า 10% แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบ แต่ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำ เนื่องจากทำให้บริษัทมีความคล่องตัว มีนวัตกรรม และกระหายต่อการเติบโตในรอบต่อไป

Elon Musk เองยังได้กล่าวลากับพนักงานที่ถูกปลดด้วยความขอบคุณในการทำงานหนักและมีส่วนร่วมมากมายในภารกิจของบริษัท ขณะเดียวกันเขาได้กล่าวกับพนักงานที่ยังอยู่กับบริษัทต่อว่ายังมีภารกิจมากมายรออยู่

สำหรับพนักงานที่โดนปลดนั้นคาดว่าจะมีจำนวนมากกว่า 10% ของทั้งองค์กร ซึ่งคาดว่าจะอยู่มากกว่า 14,000 ราย

ข่าวการปลดพนักงานดังกล่าวนตามหลังมาจากยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทนั้นทำได้ต่ำกว่าที่คาด และในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาบริษัทต้องงัดกลยุทธ์ในการลดราคาเพื่อที่จะต่อสู้กับคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน หรือแม้แต่ผู้ผลิตหลายรายในยุโรปและสหรัฐอเมริกา

สถานการณ์ของ Tesla และผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายรายทั่วโลกในเวลานี้ถือว่าไม่สู้ดีมากนัก เนื่องจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้านั้นไม่เติบโตเท่าที่ควร และยังรวมถึงการแข่งขันอย่างดุเดือด จนทำให้ท้ายที่สุดบริษัทรายใหญ่จากสหรัฐอเมริการายนี้ต้องงัดมาตรการในการลดค่าใช้จ่ายด้วยการปลดพนักงานออกมา

]]>
1470133
จีนปฏิเสธข้อกล่าวหา EU ว่าให้การอุดหนุนราคารถยนต์ไฟฟ้า ชี้นวัตกรรมทำให้ EV จีนประสบความสำเร็จ https://positioningmag.com/1469432 Mon, 08 Apr 2024 12:14:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469432 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหภาพยุโรปว่าให้การอุดหนุนราคารถยนต์ไฟฟ้า และจะมีการเข้าสอบสวนในเรื่องดังกล่าวในเร็วๆ นี้ โดยเขามองว่านวัตกรรมและหลากหลายปัจจัยได้ส่งผลทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจีนประสบความสำเร็จ

หวัง เหวินเทา (Wang Wentao) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน ได้กล่าวในการประชุมระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีน และผู้แทนของหอการค้าจีนประจำสหภาพยุโรป โดยเขากล่าวว่าจีนไม่ได้ให้การอุดหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า แต่ชี้ว่านวัตกรรมและหลากหลายปัจจัยที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจีนประสบความสำเร็จ

การประชุมดังกล่าวนั้นมีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็น BYD Geely หรือแม้แต่ SAIC รวมถึงผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่อันดับต้นๆ ของโลกอย่าง CATL และรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง

สำหรับจุดมุ่งหมายในการประชุมดังกล่าวนั้นเพื่อที่จะตอบสนองในเรื่องที่ สหภาพยุโรป (EU) เตรียมเข้าสืบสวนผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มาจากประเทศจีนหลายแบรนด์ หลังจากที่มีข้อกล่าวหาว่าแบรนด์เหล่านี้อาจได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ทำให้การแข่งขันเกิดความไม่ยุติธรรม

นอกจากนี้ยังรวมถึงราคารถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนถือว่ามีราคาถูก เมื่อเทียบกับราคารถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ผลิตรายยุโรป ส่งผลทำให้ผู้ผลิตหลายรายในยุโรปเองประสบปัญหาความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งถ้าหากผู้ผลิตในทวีปยุโรปนั้นต่อสู้ไม่ได้นั้นอาจกระทบต่อการจ้างงาน ทำให้มีการสอบสวนจาก EU ตามมา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีนได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ EU และสหรัฐอเมริกาได้กล่าวว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนได้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมากออกมา โดยเขาชี้ว่าไม่พบเรื่องดังกล่าว และยังชี้ว่าผู้ผลิตจากจีนนั้นพึ่งพาเรื่องนวัตกรรม เทคโนโลยี หรือแม้แต่เรื่องของ Supply Chain ไม่ได้เกิดจากการพึ่งภาการอุดหนุนของรัฐบาลเพื่อที่จะชิงความได้เปรียบแต่อย่างใด

ไม่เพียงเท่านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน ยังมองว่าการที่ EU เข้ามาสืบสวนเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็น ‘การกีดกันทางการค้า’ อีกด้วย

นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน ยังได้ให้คำแนะนำกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนว่า เมื่อเผชิญความท้าทายและความไม่แน่นอนจากภายนอก องค์กรต่างๆ ควรที่จะฝึกฝนทักษะภายใน ยึดมั่นการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม รวมถึงเสริมสร้างการบริหารความเสี่ยง เป็นต้น

]]>
1469432
Xpeng แบรนด์ EV จีน ประกาศเตรียมเปิดตัวแบรนด์ลูกเน้นราคาถูก ชูคอนเซ็ปต์ ‘รถคันแรกของหนุ่มสาว’ https://positioningmag.com/1466560 Sun, 17 Mar 2024 16:05:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466560 เสี่ยวเผิง (Xpeng) แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่เน้นขายรถเจาะกลุ่มตลาดกลางค่อนบน ล่าสุดบริษัทเตรียมที่จะเปิดตัวแบรนด์ EV ใหม่ของบริษัท โดยเน้นราคาถูก และมีคอนเซ็ปต์ของแบรนด์คือรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกขับเคลื่อนด้วยระบบ AI คันแรกของหนุ่มสาว

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวว่า Xpeng แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ได้ประกาศว่าจะมีการเปิดตัวแบรนด์ลูกที่เน้นทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกโดยเฉพาะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการแข่งขันของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนนั้นยังมีการแข่งขันที่สูง

He Xiaopeng ซึ่งเป็นประธานและ CEO ของบริษัทได้กล่าวในงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเขากล่าวว่าบริษัทได้เตรียมเปิดตัวแบรนด์ลูกที่เน้นทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกโดยเฉพาะ ซึ่งมีราคาเริ่มต้นราวๆ 100,000 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 500,000 บาท

แบรนด์ดังกล่าวนั้นได้วางคอนเซ็ปต์ของแบรนด์คือ “รถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยระบบ AI คันแรกสำหรับหนุ่มสาว” โดยราคาในแต่ละรุ่นจะมีความสามารถแตกต่างกันไป

นอกจากนี้บัญชี WeChat ของ Xpeng เองยังได้ลงคำพูดของ CEO รายดังกล่าวด้วย ซึ่งเป็นการยืนยันว่าบริษัทได้ลงมาเล่นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ Xpeng ต้องเลือกใช้กลยุทธ์ในการออกแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก ทั้งๆ ที่ปกติแล้วบริษัทขายรถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับกลางค่อนบน ในราคาเริ่มต้นที่ 200,000 หยวนเป็นต้นไปนั้นก็เป็นเพราะว่าแบรด์ใหญ่ของจีนอย่าง BYD ได้เริ่มทำสงครามราคาอีกรอบ

ในช่วงที่ผ่านมาผู้ผลิต EV จากประเทศจีนต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อที่จะสามารถทำให้ยอดขายของบริษัทเติบโตได้ ไม่ว่าจะเป็นการตัดราคา ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การเจาะตลาดต่างประเทศ ไปจนถึงการเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆ ให้กับรถยนต์

ตัวเลขยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล่าสุดช่วง 2 เดือนแรกของจีนในปี 2024 นั้นอัตราการเติบโตลดลงมาเหลือ 18.2% เมื่อเทียบกับปี 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเติบโตลดลงเรื่อยๆ ส่งผลทำให้แบรนด์ EV จีนต้องเร่งหาวิธีที่จะทำให้บริษัทสามารถขายรถยนต์ได้มากที่สุดนั่นเอง

]]>
1466560
Nissan และ Honda พิจารณาลดกำลังการผลิตรถยนต์ในจีน หลังผู้ผลิตในแดนมังกรแข่งขันดุเดือดมากขึ้น https://positioningmag.com/1466084 Tue, 12 Mar 2024 17:29:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466084 ‘นิสสัน’ และ ‘ฮอนด้า’ ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น ได้พิจารณาลดกำลังการผลิตรถยนต์ในจีน หลังเจอแรงกดดันจากผู้ผลิตในประเทศหลายรายจากการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามรถยนต์ไฟฟ้าจากหลายแบรนด์

Nikkei Asia รายงานข่าวว่า นิสสัน (Nissan) และ ฮอนด้า (Honda) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น ได้พิจารณาเตรียมลดกำลังการผลิตในประเทศจีน โดยสาเหตุสำคัญคือผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นต้องดิ้นรนเพื่อไล่ตามการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้ากับผู้ผลิตแดนมังกร

โดย Nissan จะเริ่มพูดคุยกับบริษัทร่วมทุนในท้องถิ่นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อลดกำลังการผลิตในจีนสูงสุดถึง 30% ขณะที่ Honda นั้นจะลดกำลังการผลิตราวๆ 20% กำลังการผลิตที่ลดลงจะทำให้ Nissan เหลือจำนวนรถยนต์ที่ผลิตในจีนเหลือแค่ 1.6 ล้านคันต่อปี ซึ่งผลิตในโรงงาน 8 แห่งทั่วประเทศจีน ขณะที่ Honda จะเหลือแค่ 1.2 ล้านคันต่อปีเท่านั้น

ในปี 2023 ที่ผ่านมา ปริมาณการผลิตรถยนต์ของ Nissan ในประเทศจีนลดลง 24% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เหลือ แค่ 793,000 คันเท่านั้น ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนั้นถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดครั้งแรกในรอบ 14 ปีของบริษัทอีกด้วย

ในช่วงทศวรรษ 2000 ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นหลายรายได้เริ่มให้ความสำคัญกับการผลิตและการขายรถยนต์ในจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านการร่วมทุนกับบริษัทในแดนมังกร เพื่อตอบสนองต่อคำขอของรัฐบาลจีนที่ขอให้ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ

รถยนต์ญี่ปุ่นได้รับความนิยมในหมู่ชาวจีนเนื่องจากมีคุณภาพสูง ในช่วงปี 2020 ผู้ผลิตจากญี่ปุ่นได้ครองตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลซึ่งมีสัดส่วนมากถึง 20% แต่อย่างไรก็ดีเมื่อเวลาผ่านไป บริษัทในประเทศจีนหลายรายได้หันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นซึ่งเราจะเห็นได้จากหลากหลายแบรนด์

ขณะที่ผู้ผลิตจากญี่ปุ่นเองนั้นไม่สามารถที่จะไล่ตามเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของผู้ผลิตในประเทศจีนได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงการแข่งขันทางด้านราคา หรือแม้แต่การเพิ่มลูกเล่นต่างๆ เข้ามา เพื่อดึงดูดลูกค้า

จีนยังมีผู้เล่นหน้าใหม่ที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็น Nio หรือ Xpeng หรือแม้แต่ผู้ผลิตสินค้าไอทีอย่าง Xiaomi ที่ลงมาลุยตลาดดังกล่าว รวมถึง Huawei เองก็ได้ร่วมทุนกับผู้ผลิตยานยนต์ในประเทศจีนก็มีแผนที่จะออกรถยนต์ไฟฟ้ามาสู่ท้องถนนให้ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ยอดขายรถไฟฟ้าในประเทศจีนชะลอตัวลง แบรนด์จีนหลายแห่งยิ่งต้องแข่งขันเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งสร้างแรงกดดันให้กับผู้ผลิตรถยนต์จากแดนอาทิตย์อุทัยเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ท้ายที่สุดต้องมีการปรับลดการผลิต

]]>
1466084