Indonesia – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 02 Jul 2024 14:28:50 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 อินโดนีเซียเตรียมขึ้นภาษีสินค้าจีนบางรายการถึง 200% ชี้ผู้ประกอบการในประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนักจนต้องปิดกิจการ https://positioningmag.com/1480645 Tue, 02 Jul 2024 05:58:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1480645 อินโดนีเซียเตรียมที่จะขึ้นภาษีสินค้าจีนบางรายการสูงสุดถึง 200% โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้ตามมาจากสินค้าจีนหลายประเภท เช่น สิ่งทอ เสื้อผ้า ฯลฯ ได้ทะลักเข้าสู่ประเทศมากเกินไป ส่งผลทำให้ธุรกิจสิ่งทอและผู้ผลิตเสื้อผ้าในประเทศได้รับผลกระทบจนต้องมีการปิดกิจการ

Reuters และ Channel News Asia รายงานข่าวว่า อินโดนีเซียเตรียมที่จะขึ้นภาษีสินค้าจีนบางรายการสูงสุดถึง 200% โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้ตามมาจากสินค้าจีนหลายประเภทได้ทะลักเข้าสู่ประเทศมากเกินไป จนทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการดังกล่าวออกมา

สินค้าจากจีนที่จะมีการขึ้นภาษีนั้นประกอบไปด้วย รองเท้า ผลิตภัณฑ์เซรามิก เสื้อผ้า สิ่งทอ เครื่องสำอาง เหล็ก โดยอัตราภาษีนั้นเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ 100% และบางรายการนั้นปรับเพิ่มมากถึง 200%

Zulkifli Hasan รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าอินโดนีเซีย ได้กล่าวว่า สินค้าจีนหลายประเภทได้ทะลักเข้าสู่ประเทศมากเกินไป ซึ่งผลดังกล่าวจะทำให้ธุรกิจขนาดกลาง ขนาดเล็ก หรือแม้แต่ธุรกิจขนาดย่อมนั้นล่มสลายลงได้ และการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจะทำให้สินค้าเหล่านี้ลดการทะลักเข้ามา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าอินโดนีเซีย ยังได้กล่าวเสริมในการสัมภาษณ์ของ Channel News Asia ว่า ผู้ประกอบการในประเทศได้รับผลกระทบโดยเฉพาะอุตสาหกรรมสิ่งทอและเสื้อผ้า เนื่องจากสินค้านำเข้ามีราคาถูกกว่าสินค้าที่ผู้ประกอบการในประเทศผลิต

สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลทำให้ผู้ประกอบการในประเทศอินโดนีเซียไม่สามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากประเทศจีนได้ มาตรการดังกล่าวนั้นออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ต้องปิดตัวลง หรือแม้แต่ต้องมีการปลดพนักงาน เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีการปิดตัวลงของธุรกิจประเภทดังกล่าว หรือแม้แต่การล้มละลายจำนวนมาก

สาเหตุที่ทำให้อินโดนีเซียต้องประกาศมาตรการดังกล่าวออกมานั้น เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนที่ทวีความรุนแรง ทำให้สินค้าจากแดนมังกรที่ไม่สามารถส่งออกไปยังโลกตะวันตกได้ทะลักเข้าสู่หลายประเทศ ซึ่งอินโดนีเซียเป็นอีกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว

ในปี 2023 ที่ผ่านมา อินโดนีเซียได้ออกกฎระเบียบเพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้านำเข้ามากกว่า 3,000 รายการ ตั้งแต่ส่วนผสมอาหาร อิเล็กทรอนิกส์ และสารเคมี เนื่องจากรัฐบาลต้องการให้มีการผลิตสินค้าในประเทศมากขึ้น ซึ่งทำให้บริษัทหลายแห่ง ไม่เว้นแม้แต่ Apple เรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการดังกล่าว

จีนนั้นถือเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ 1 ใน 3 ของอินโดนีเซีย นอกจากนี้จีนยังเป็นประเทศที่นำเม็ดเงินลงทุน หรือ FDI เข้าอินโดนีเซียเป็นอันดับต้นๆ ด้วย

]]>
1480645
อินโดนีเซียอยู่ระหว่างสอบสวน Shopee และ Lazada อาจมีพฤติกรรมผูกขาด เน้นใช้บริการขนส่งของตัวเองเป็นหลัก https://positioningmag.com/1475286 Tue, 28 May 2024 02:11:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1475286 หน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันของอินโดนีเซียอยู่ระหว่างสอบสวน Shopee และ Lazada อาจมีพฤติกรรมว่าอาจมีพฤติกรรมละเมิดกฎต่อต้านการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีในการใช้บริษัทขนส่งของตัวเองนั้นอาจทำให้ผู้บริโภคนั้นไม่สามารถเลือกบริษัทขนส่งได้อย่างอิสระ

หน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันของอินโดนีเซีย (KKPU) กำลังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน 2 ผู้เล่น E-commerce รายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Shopee รวมถึง Lazada ว่าอาจมีพฤติกรรมละเมิดกฎต่อต้านการแข่งขัน ซึ่งถ้าหากมีผู้เล่นรายใดรายหนึ่งทำผิดจริง อาจต้องจ่ายค่าปรับจำนวนมาก

ความเคลื่อนไหวล่าสุดนั้นมีการสอบสวนในฝั่งของ Shopee ในวันนี้ (อังคารที่ 28 พฤษภาคม) ว่าอาจมีการละเมิดกฎต่อต้านการแข่งขัน ขณะที่ฝั่งของ Lazada นั้นหน่วยงานพบว่ามีเหตุต้องสงสัยว่าอาจมีพฤติกรรมละเมิดกฎต่อต้านการแข่งขัน

รายงานของ DealStreetAsia ได้ชี้ว่า Shopee มีพฤติกรรมที่เอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจขนส่งสินค้าของตัวเองอย่าง SPX ซึ่งถือเป็นการกีดกันไม่ให้บริษัทขนส่งรายอื่นเข้ามาทำธุรกิจ เพิ่มปริมาณการจัดส่งสินค้าให้กับบริษัทตัวเอง และยังเป็นการจำกัดทางเลือกของผู้บริโภค

M. Fanshurullah Asa ประธานของหน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันของอินโดนีเซีย ได้กล่าวว่า Shopee และ Lazada มีพฤติกรรมคล้ายคลึงกันในเรื่องดังกล่าว แต่เขาไม่ได้กล่าวในรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม

ประเทศอินโดนีเซียนั้นตลาดในการขนส่งสินค้าถือว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการแข่งขันสูง และมีผู้เล่นหลายรายทั้งผู้เล่นภายในประเทศอย่าง เช่น GoTo หรือแม้แต่ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Grab หรือแม้แต่ J&T Express

นอกจากนี้อินโดนีเซียเองยังเป็นประเทศที่หน่วยงานกำกับดูแลคุ้มครองผู้ประกอบการภายในประเทศ ในช่วงที่ผ่านมามีบริษัทเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็น TikTok หรือแม้แต่ Meta นั้นถูกการกำกับดูแลในเรื่องดังกล่าวมาแล้ว

ถ้าหาก 2 ผู้เล่นรายใหญ่ของ E-commerce รายดังกล่าวถูกตัดสินคดีว่ามีความผิดจริง โทษปรับที่บริษัทจะโดนคือปรับกำไร 50% หรือรายได้จากยอดขาย 10% ในช่วงเวลาที่เกิดการกระทำผิด

ที่มา – Reuters, Inquirer

]]>
1475286
Elon Musk เยือนอินโดนีเซีย เปิดตัว ‘Starlink’ เป็นประเทศที่ 3 ในอาเซียน เน้นบริการไปยังพื้นที่ห่างไกล https://positioningmag.com/1474237 Sun, 19 May 2024 18:14:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1474237 Elon Musk เจ้าของกิจการหลากหลายธุรกิจอย่างเช่น SpaceX และ Tesla ฯลฯ ได้เยือนประเทศอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ โดยบริษัทได้มีการเปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมอย่าง Starlink ซึ่งการเปิดตัวดังกล่าวเน้นบริการไปยังพื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการด้านการแพทย์

Elon Musk เจ้าของกิจการหลากหลายธุรกิจอย่างเช่น SpaceX และ Tesla ฯลฯ ได้เยือนประเทศอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ โดยบริษัทได้มีการเปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมอย่าง Starlink อย่างเป็นทางการ โดยบริการดังกล่าวนั้นเน้นไปยังด้านการแพทย์ตามพื้นที่ห่างไกล

เจ้าของ SpaceX รายนี้ได้เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวมายังเกาะบาหลี เพื่อที่จะพบปะกับ Budi Gunadi Sadikin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซีย และเปิดตัวบริการดังกล่าว ซึ่งเป็นประเทศที่ 3 ในอาเซียนต่อจากมาเลเซีย และฟิลิปปินส์

ในเริ่มต้นนั้นศูนย์การแพทย์ในเกาะบาหลีจะใช้งาน Starlink ได้ 2 แห่ง และอีกแห่งบนเกาะ Aru ซึ่งใกล้กับหมู่เกาะปาปัว โดย Elon Musk ได้กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ว่าจะสามารถช่วยชีวิตได้มากเพียงใด และเขายังได้มีการทดสอบพูดคุยกับทีมงานในศูนย์การแพทย์ด้วย

นอกจากนี้ Starlink ยังมีการเปิดใช้งานในอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ แต่รัฐบาลเองมีแผนที่จะนำบริการดังกล่าวเข้าไปยังพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากประเทศมีหมู่เกาะใหญ่เล็กรวมกันหลายร้อยเกาะ ทำให้ประสบปัญหาในเรื่องการติดต่อสื่อสาร

ผู้ใช้งานของ Starlink นั้นมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2021 นั้นมีผู้ใช้งานราวๆ 500,000 รายเท่านั้น แต่ตัวเลขล่าสุดในเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีผู้ใช้งานมากถึง 2.4 ล้านรายรวมกัน และมีประเทศที่เปิดให้ใช้งานเพิ่มขึ้น ซึ่งอินโดนีเซียถือเป็นประเทศล่าสุด

ที่มา – Reuters, The Independent

]]>
1474237
Apple และบริษัทอื่นๆ ทั่วโลก เรียกร้องให้รัฐบาลอินโดนีเซียพิจารณามาตรการจำกัดการนำเข้าสินค้า เน้นผลิตในประเทศ https://positioningmag.com/1469253 Fri, 05 Apr 2024 08:43:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469253 บริษัทหลายแห่งทั่วโลก เรียกร้องให้รัฐบาลอินโดนีเซียพิจารณามาตรการจำกันการนำเข้าสินค้า 4,000 รายการ ซึ่งกระทบกับบริษัทต่างชาติไม่ว่าจะเป็น Apple คาดว่า MacBook Pro ที่วางจำหน่ายในอินโดนีเซียนั้นสินค้าจะหมดสต๊อกภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ หรือแม้แต่ผู้ผลิตยางรถยนต์อย่าง Michelin ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่าหลายบริษัททั่วโลกไม่ว่าจะเป็น Apple ไปจนถึง Michelin ได้เรียกร้องให้รัฐบาลอินโดนีเซียพิจารณามาตรการจำกันการนำเข้าสินค้า เนื่องจากเป้าหมายรัฐบาลต้องการให้มีการผลิตสินค้าในประเทศแทนการนำเข้า

รัฐบาลอินโดนีเซียได้ออกมาตรการห้ามนำเข้าสินค้า 4,000 รายการ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมานั้นต้องการที่จะทำให้บริษัทต่างๆ มาตั้งฐานการผลิตในประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลมองว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศในระยะยาว

ถ้าหากบริษัทไหนต้องการที่จะนำเข้าสินค้าใน 4,000 รายการดังกล่าวจะต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบต่างๆ และในการขออนุญาตจะต้องส่งคาดการณ์เกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าเหล่านี้

ประเด็นดังกล่าวนั้นยังรวมถึงรัฐบาลอินโดนีเซียไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว ทำให้เกิดความสับสน กับบริษัทต่างๆ ทั่วโลกถึงมาตรการดังกล่าว เนื่องจากบริษัทต่างชาติจะต้องมีการวางแผนในด้านธุรกิจตลอดเวลา

และมาตรการดังกล่าวยังสวนทางกับนโยบายของอดีตประธานาธิบดี โจโก วีโดโด ซึ่งพยายามที่จะเป็นมิตรต่อบริษัทต่างชาติ และต้องการให้บริษัทจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน ซึ่งเขาได้ชักชวนบริษัทดังๆ เช่น Tesla และ SpaceX ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายแห่ง หรือแม้แต่บริษัทอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สินค้าที่รัฐบาลอินโดนีเซียได้ออกมาตรการจำกัดการนำเข้าที่หลายบริษัทต่างชาติได้รับผลกระทบถ้วนหน้ามีตั้งแต่ การห้ามนำเข้า Laptop ซึ่งกระทบกับ Apple และบริษัทรายอื่น โดยคาดว่า MacBook Pro ที่วางจำหน่ายในอินโดนีเซียนั้นสินค้าจะหมดสต๊อกภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้

ขณะที่สินค้าประเภทเคมีภัณฑ์กระทบกับ Michelin ผู้ผลิตยางรถยนต์นั้นวัสดุเคมีภัณฑ์ที่นำเข้าจากทวีปยุโรปในช่วงเดือนมีนาคมนั้นคาดว่าวัสดุดังกล่าวจะหมดสต๊อกภายในระยะเวลา 2-3 เดือนหลังจากนี้

ความเคลื่อนไหวล่าสุดนั้น Michelin ได้ทำงานร่วมกับบริษัทต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวเพื่อจะแก้ปัญหา และมองโลกในแง่ดีว่ารัฐบาลอินโดนีเซียจะแก้ปัญหานี้ได้ และหลายบริษัทเตรียมพูดคุยกับตัวแทนของรัฐบาลอินโดนีเซียในปัญหาดังกล่าวแล้ว

]]>
1469253
สิงคโปร์จับมืออินโดนีเซีย รวมถึงมาเลเซีย เปิดตัวระบบโอนเงินข้ามประเทศผ่าน QR Code รับเงินได้ทันที https://positioningmag.com/1452362 Sun, 19 Nov 2023 10:20:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1452362 ธนาคารกลางสิงคโปร์และธนาคารกลางอินโดนีเซีย รวมถึงธนาคารกลางมาเลเซีย ได้จับมือเชื่อมต่อระบบระบบโอนเงินข้ามประเทศผ่าน QR Code ระหว่างกัน ทำให้ประชาชนสามารถรับเงินได้ทันที ส่งเสริมการทำธุรกิจระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น

ธนาคารกลางสิงคโปร์และธนาคารกลางอินโดนีเซีย รวมถึงธนาคารกลางมาเลเซีย ได้ระบุในแถลงการณ์ร่วมว่า ประชาชนของทั้ง 3 ประเทศจะสามารถโอนเงินระหว่างประเทศผ่าน QR Code และสามารถรับเงินได้ทันที ซึ่งส่งเสริมเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น

ธนาคารกลางสิงคโปร์ ได้ประกาศว่านับตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ประชาชนของมาเลเซีย รวมถึงอินโดนีเซียสามารถโอนเงินผ่านระบบ QR Code ของแต่ละประเทศ

โดยผู้ใช้ระบบ PayNow ของสิงคโปร์สามารถโอนเงินไปยังผู้ใช้งานระบบ DuitNow ของมาเลเซียทั้งไปและกลับ อย่างไรก็ดีจะมีจำกัดการโอนเงินวันละ 1,000 เหรียญสิงคโปร์ หรือ 3,000 ริงกิตมาเลเซีย แถลงการณ์ของธนาคารกลางสิงคโปร์และมาเลเซีย ชี้ว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะช่วยให้การโอนเงินและการโอนเงินระหว่างบุคคลระหว่างทั้งสองประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และคุ้มค่า

ทางด้านฝั่งของชาวสิงคโปร์และอินโดนีเซียจะโอนเงินหากันผ่านระบบ QRIS ของอินโดนีเซียไปยัง NETS QR ของสิงคโปร์ได้ทั้งไปและกลับได้เช่นกัน ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นหลังจากธนาคารกลางอินโดนีเซีย และ ธนาคารกลางสิงคโปร์ประกาศถึงการเชื่อมโยงระบบดังกล่าว

ในแถลงการแยกระหว่างสิงคโปร์และอินโดนีเซีย ชี้ว่าการเชื่อมโยงการชำระเงินผ่าน QR ข้ามพรมแดนถือเป็นก้าวสำคัญในความพยายามของทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อส่งเสริมการบูรณาการเศรษฐกิจดิจิทัลและระบบนิเวศทางการเงินให้มากขึ้น ตลอดจนส่งเสริมการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศดังกล่าว

ในปี 2022 ผู้ว่าการธนาคารกลาง 5 ประเทศ ประกอบด้วยอินโดนีเซีย ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ได้เซ็นหนังสือบันทึกข้อตกลงที่จะทำให้การโอนเงินไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ สถาบันการเงิน ไปจนถึงประชาชนทั่วไปของ 5 ประเทศนั้นทำได้ง่ายขึ้นในการประชุม G20 ที่อินโดนีเซีย

การเชื่อมโยงระบบการชำระเงินล่าสุดครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของกระแสในหลายประเทศในเอเชียที่มีการโอนเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความนิยมในการใช้ QR Code ที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งลดเวลาการแลกเงินของประชาชนของ 3 ประเทศดังกล่าว และยังเพิ่มความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจซึ่งกันและกัน

ที่มา – MAS [1], [2]

]]>
1452362
Facebook YouTube และ TikTok เตรียมขอใบอนุญาตทำ E-Commerce หลังรัฐบาลอินโดนีเซียสั่งห้ามทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง https://positioningmag.com/1449478 Fri, 27 Oct 2023 06:53:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1449478 บริษัทเทคโนโลยีหลายรายอย่าง Meta และ Alphabet รวมถึง ByteDance จากจีน เตรียมที่จะขอใบอนุญาตทำธุรกิจ E-Commerce หลังรัฐบาลอินโดนีเซียสั่งแบนไม่ให้เครือข่ายสังคมทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้า เนื่องจากรัฐบาลกังวลถึงผู้ค้าขนาดกลางและขนาดเล็กจะเสียเปรียบแพลตฟอร์มเหล่านี้

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า Facebook และ YouTube รวมถึง TikTok ได้เตรียมขอใบอนุญาตทำธุรกิจ E-Commerce หลังรัฐบาลอินโดนีเซียสั่งแบนบรรดาแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคม (Social Network) ขายสินค้า รวมถึงห้ามทำธุรกรรมซื้อขายสินค้า

แหล่งข่าวของ Reuters ได้กล่าวว่า Facebook และ YouTube ได้เตรียมขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นใบอนุญาตที่อนุญาตให้โปรโมตสินค้าบนแพลตฟอร์มของตนได้ โดยทางด้าน Meta บริษัทแม่ของ Facebook เตรียมที่จะขอใบอนุญาตเพิ่มเติมให้กับ Instagram รวมถึง WhatsApp ด้วย

ทางด้านของ TikTok วางแผนที่จะยื่นขอใบอนุญาต E-commerce นอกจากนี้แหล่งข่าวรายดังกล่าวยังได้ชี้ว่า TikTok เองกำลังพูดคุยกับเจ้าของ E-commerce ในประเทศอย่าง GoTo ที่เป็นเจ้าของ Tokopedia รวมถึงมีการพัฒนาแอปพลิเคชันแยกออกมาอย่าง TikTok Shop

โดย TikTok เองได้เตรียมที่จะหยุดให้บริการ TikTok Shop ในช่วงเดือนสิ้นเดือนนี้แล้ว เพื่อที่จะรอท่าทีของทางการอินโดนีเซีย หลังจากที่บริษัทได้รุกตลาดประเทศอินโดนีเซียอย่างหนัก

ก่อนหน้านี้รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศแบนการทำธุรกรรม E-commerce ผ่านเครือข่ายสังคม ซึ่งจะส่งผลทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถที่จะจ่ายเงินซื้อสินค้าผ่านเครือข่ายสังคม (Social Network) ได้ โดยข้อระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทันที และต้องทำตามภายใน 7 วัน ถ้าหากยังฝ่าฝืนต่อก็อาจมีสิทธิ์ถูกระงับการใช้งานในประเทศได้

เหตุผลที่รัฐบาลอินโดนีเซียสั่งห้ามการทำธุรกรรม E-Commerce ผ่าน Social Network เมื่อเดือนที่ผ่านมา ก็คือต้องการที่จะปกป้องผู้ค้าและตลาดออฟไลน์ขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมถึงเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของผู้ใช้งานได้รับการปกป้อง

]]>
1449478
บริษัทแม่ J&T Express เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงในเดือนนี้ ระดมทุนมากถึง 18,000 ล้านบาท https://positioningmag.com/1448214 Tue, 17 Oct 2023 05:45:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1448214 บริษัทขนส่งรายใหญ่อย่าง J&T Global Express ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ J&T Express เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงในเดือนนี้ โดยระดมทุนมากถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยราวๆ 18,000 ล้านบาท เม็ดเงินดังกล่าวบริษัทเตรียมนำไปขยายธุรกิจ รวมถึงระบบคัดแยกสินค้า

J&T Global Express ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริการขนส่ง J&T Express ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ล่าสุดประกาศระดมทุนมากถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 18,000 ล้านบาท หลังจากที่บริษัทได้รับไฟเขียวจากตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงหลังยื่นไฟลิ่งในช่วงที่ผ่านมา

ถ้าหากคำนวณราคาต่อหุ้นที่บริษัทได้นำเสนอขายที่ 12 ดอลลาร์ฮ่องกง กับจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท 326.6 ล้านหุ้น คาดว่าบริษัทจะมีมูลค่ากิจการมากถึง 105,750 ล้านฮ่องกงดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 493,000 ล้านบาท

เม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุน J&T Global Express จะนำไปขยายเครือข่ายลอจิสติกส์ ขยายคลังสินค้า ลงทุนในระบบคัดแยกสินค้าในประเทศที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ นอกจากนี้ยังรวมถึงขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ หรือแม้แต่ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนด้วย

สำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทนั้นประกอบไปด้วย Tencent และ SF Express บริษัทขนส่งอีกราย รวมถึง Sequoia จะลงทุนมูลค่ารวมกัน 236.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ผู้ลงทุนรายอื่น เช่น Hillhouse และกองทุนความมั่งคั่งของสิงคโปร์อย่าง Temasek ก็ได้ลงทุนในบริษัทลอจิสติกส์รายนี้เช่นกัน

ก่อนหน้านี้บริษัทตั้งเป้าที่จะ IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา และคาดว่าจะระดมทุนได้มากถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดีบริษัทได้พับแผนดังกล่าว และเบนเป้ามา IPO ในตลาดหุ้นฮ่องกงแทน ขณะเดียวกันเม็ดเงินที่ระดมทุนนั้นลดลงถึง 50% เนื่องจากสภาวะตลาดในตอนนี้

ขนาดเม็ดเงินระดมทุนของ J&T Global Express จะทำให้บริษัทขนส่งรายดังกล่าวเตรียมขึ้นแท่นเป็น IPO ใหญ่อันดับ 2 ของตลาดหุ้นฮ่องกงในปีนี้ด้วย หลังจากตลาดหุ้นฮ่องกงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาแทบไม่ค่อยมีบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาระดมทุนมากนัก

J&T Global Express ก่อตั้งธุรกิจขึ้นในประเทศอินโดนีเซียช่วงปี 2015 โดย Tony Chen Mingyong ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Oppo ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติจีน

ในรายงานของบริษัทที่ได้อ้างอิงข้อมูลของ Frost & Sullivan ในปี 2022 ที่ผ่านมา J&T Global Express มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากถึง 22.5% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าหากวัดปริมาณพัสดุที่ส่ง มากกว่าคู่แข่งอันดับ 2 มากถึง 3 เท่า

ปัจจุบัน J&T Global Express มีเครือข่ายครอบคลุม 13 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย กัมพูชา สิงคโปร์ จีน ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เม็กซิโก บราซิล และอียิปต์ โดยสำหรับในประเทศไทยนั้นลูกค้าหลักของบริษัทลอจิสติกส์รายนี้คือลูกค้าจากแพลตฟอร์ม E-commerce

ผลประกอบการ 6 เดือนแรกของบริษัทนั้นทำรายได้ราวๆ 146,893 ล้านบาท เติบโต 18.5% เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่ผ่านมา โดยวันแรกของการซื้อขายหุ้น J&T Global Express คือวันที่ 27 ตุลาคมนี้

ที่มา – South China Morning Post, The Jakarta Post

]]>
1448214
อินโดนีเซียแบนธุรกรรม E-commerce ผ่านเครือข่ายสังคม TikTok Shop และผู้เล่นรายอื่นได้รับผลกระทบทันที https://positioningmag.com/1445869 Wed, 27 Sep 2023 16:08:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1445869 รัฐบาลอินโดนีเซียใช้ยาแรง ประกาศแบนธุรกรรม E-commerce ผ่านเครือข่ายสังคม โดยแพลตฟอร์มที่ได้รับผลกระทบทันทีคือ TikTok และอาจรวมถึง Facebook ด้วย เหตุผลที่มีการแบนเพื่อต้องการปกป้องผู้ประกอบการภายในประเทศ

รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศแบนการทำธุรกรรม E-commerce ผ่านเครือข่ายสังคม ซึ่งจะส่งผลทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถที่จะจ่ายเงินซื้อสินค้าผ่านเครือข่ายสังคม (Social Network) ได้ โดยข้อระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทันที และต้องทำตามภายใน 7 วัน ถ้าหากยังฝ่าฝืนต่อก็อาจมีสิทธิ์ถูกระงับการใช้งานในประเทศได้

กระทรวงการค้าของอินโดนีเซียให้เหตุผลว่าต้องการที่จะคุ้มครองผู้ประกอบการภายในประเทศ เนื่องจากการซื้อสินค้าผ่านเครือข่ายสังคมนั้นถูกเอาเปรียบในเรื่องของราคา ซึ่งเครือข่ายสังคมกำลังคุกคามพ่อค้าแม่ค้าที่มีธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในประเทศ

นอกจากนี้กฎระเบียบดังกล่าวยังกำหนดให้แพลตฟอร์ม E-commerce ต้องกำหนดราคาขั้นต่ำที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสินค้าบางรายการที่ซื้อโดยตรงจากต่างประเทศ

ปัจจุบันธุรกิจของพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งมีจำนวนมากถึง 64.2 ล้านคน เป็นเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ของเศรษฐกิจอินโดนีเซีย โดยคิดเป็นสัดส่วน 61% ของ GDP อินโดนีเซีย

รัฐมนตรีกระทรวงการค้าของอินโดนีเซียกล่าวว่า กฎระเบียบดังกล่ามีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มั่นใจว่าการแข่งขันทางธุรกิจ นั้นมีความยุติธรรม โดยเขามองว่าปัจจุบันเครือข่ายสังคมหลายแห่งได้เพิ่มบริการทั้ง E-commerce หรือแม้แต่บริการด้านการเงิน แต่กลับกันเขามองว่าบริการ E-commerce ไม่มีทางที่จะมีบริการเครือข่ายสังคม

ผลกระทบจากกฎระเบียบดังกล่าว กระทบกับแพลตฟอร์มที่เน้นด้าน Social Commerce ซึ่งได้แก่ TikTok ที่เพิ่งจะมีการเปิดตัว TikTok Shop ไป โดยที่กฎระเบียบดังกล่าวอาจทำให้บริษัทต้องแยกตัวแอปออกมาใหม่

ก่อนหน้านี้ TikTok เองได้เปิดบริการในประเทศที่มองว่าเป็นตลาดสำคัญก่อนเพื่อน อย่างเช่น TikTok Shop หรือแม้แต่บริการสตรีมมิ่งเพลง โดยบริษัทได้กล่าวว่าตลาดในอินโดนีเซียถือเป็นประเทศที่มีความสำคัญมากประเทศหนึ่ง จากปัจจัยของผู้ใช้งานจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่า Facebook เองก็อาจได้รับผลกระทบดังกล่าวจากกกฎระเบียบนี้ด้วย

อย่างไรก็ดีผลประโยชน์ดังกล่าวกลับตกอยู่กับพ่อค้าแม่ค้าในประเทศ หรือแม้แต่แพลตฟอร์ม E-commerce ในประเทศอย่าง Tokopedia ของ GoTo หรือแม้แต่ Shopee ของ Sea

ที่มา – Tech Wire Asia, Reuters, The Jakarta Post

]]>
1445869
InnovestX มองเป้าหุ้นไทยสิ้นปี 1,650 จุด อินโดนีเซีย เวียดนาม ยังเหมาะลงทุนระยะยาว https://positioningmag.com/1445465 Tue, 26 Sep 2023 01:20:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1445465 บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ยังมองหุ้นไทยมีอัพไซด์ มองเป้าสิ้นปี 1,650 จุด จากกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ฟื้นตัว ขณะเดียวกันก็มองถึงตลาดหุ้นต่างประเทศอย่าง อินโดนีเซีย เวียดนาม ยังน่าสนใจในระยะยาว มีหลายอุตสาหกรรมที่เติบโตเหมือนหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา

สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ได้กล่าวถึงหุ้นไทยว่ามองแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ในไตรมาส 4 นี้ แม้ว่าครึ่งปีแรก ผลตอบแทนหุ้นไทยจะติดลบประมาณ 10% และผลตอบแทนนั้นยังสู้หุ้นต่างประเทศไม่ได้เลย

กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัยฯ ของ InnovestX มองว่า กรณีของหุ้นไทยสาเหตุสำคัญคือมีความไม่ชัดเจนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล แต่ในช่วงที่ผ่านมาตลาดเริ่มฟื้นตัวแล้ว

ขณะเดียวกันทาง InnovestX มีมุมมองเศรษฐกิจโลกไตรมาส 4 ของปี 2023 ใน 3 ประเด็นได้แก่

  1. เศรษฐกิจที่จะชะลอตัวอย่างพร้อมเพรียง ภาคการผลิตทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว หดตัวมาโดยตลอด ผลจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ ประกอบกับความต้องการสินค้าต่างๆ เริ่มหมดลงทำให้ภาคการผลิตมีปัญหา และในปัจจุบันภาคบริการเริ่มมีปัญหาแล้วเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากดอกเบี้ยสูง
  2. ดอกเบี้ยสูงยาวนานขึ้น (Higher for longer) ในช่วงที่ผ่านมาเงินเฟ้อในประเทศพัฒนาแล้วลดลงมาพอสมควรจากเงินเฟ้อภาคการผลิตเป็นหลัก อย่างไรก็ตามในระยะต่อไปเงินเฟ้อจะลดลงยากมากขึ้น เนื่องจากเป็นเงินเฟ้อในส่วนภาคบริการ นอกจากนั้นราคาน้ำมันที่เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นจากการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ก็มีส่วนทำให้เงินเฟ้อในระยะต่อไปกดลงได้ยากเช่นเดียวกัน
  3. เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังขยายตัวได้แตกต่างกับประเทศอื่น ถ้าหากเทียบเศรษฐกิจสหรัฐกับยุโรปและจีนที่จะชะลออย่างมีนัยสำคัญ

ในกรณีของเศรษฐกิจจีน สุกิจมองว่า เศรษฐกิจจีนระยะยาวเองเสี่ยงเข้าสู่สภาวะเงินฝืดมากขึ้นคล้ายกับกรณีของญี่ปุ่นช่วงทศวรรษ 1990 แม้ว่าจีนจะออกนโยบายต่างๆ มาแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่อง การลดดอกเบี้ย ก็ตาม

ขณะที่เศรษฐกิจไทยปัจจุบันชะลอตัวลงมาก หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ออกมา แต่สุกิจมองว่าอนาคตมีความหวังจากความชัดเจนทางการเมืองและนโยบายกระตุ้นจากภาครัฐ ซึ่ง InnovestX คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2024 จะขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้จากหลากหลายนโยบาย เป็นผลมาจากเสถียรภาพทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น

กลยุธ์การลงทุนในหุ้นไทยหลังจากนี้ สุกิจมองเป้าดัชนีหุ้นไทยในปี 2023 ที่ 1650 จุด ขณะที่ปีหน้ามอง 1,750 จุด เขาให้เหตุผลจากจากการฟื้นตัวของผลประกอบการ ขณะที่แนวรับหุ้นไทยที่น่าจะสะสมหุ้นได้อยู่ในช่วง 1,500 ถึง 1,550 จุด

InnovestX แนะนำให้นักลงทุนโฟกัสไปหุ้นที่กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือทำจุดต่ำสุดแล้ว และสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นหุ้นวัฏจักรที่มีความสัมพันธ์กับการใช้จ่ายอุปโภคบริโภคภายในประเทศสูงซึ่งจะได้รับโมเมนตัมเชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของกำไร โดยหุ้นที่แนะนำ เช่น AOT BCH CRC KCE และ KTB

ทางด้านความเสี่ยงสำคัญที่อาจกระทบหุ้นไทยที่ InnovestX มองคือ ผลกระทบจากการเกิดเอลนีโญระดับรุนแรงจะสร้างความเสียหายต่อผลผลิต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของเกษตรกร และเรื่องที่รัฐบาลเลือกที่จะกู้เงินเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจส่งผลต่อความเข้มแข็งทางการคลัง

ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศอย่าง เวียดนาม และ อินโดนีเซีย ทาง InnovestX มองถึงเรื่องการเติบโตของชนชั้นกลางที่มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้นในอีก 5-10 ปีข้างหน้า โดยอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของประชากรคนชั้นกลาง เช่น อาหารและเครื่องดื่ม ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ธนาคาร หรือบริการทางการเงิน เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งหุ้นเหล่านี้เติบโตเหมือนกับหุ้นกลุ่มดังกล่าในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา

]]>
1445465
อินโดนีเซียพิจารณาออกมาตรการจูงใจผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ต้องเสียภาษีส่งออก ไม่ต้องจ่าย VAT เพื่อตั้งโรงงานในประเทศ https://positioningmag.com/1440936 Tue, 15 Aug 2023 03:34:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1440936 เอาใจกันสุดๆ อินโดนีเซียพิจารณาออกมาตรการจูงใจผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ต้องเสียภาษีส่งออก ไม่ต้องจ่าย VAT เพื่อที่จะทำให้บริษัทเหล่านี้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศให้ได้ หลังจากประเทศในอาเซียนต่างแข่งขันเพื่อจูงใจให้มีการมาตั้งโรงงานผลิต

สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวว่า รัฐบาลอินโดนีเซีย พิจารณาเตรียมออกมาตรการจูงใจผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้มาตั้งฐานการผลิตในประเทศ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างต้องการรวมถึงออกมาตากรรจูงใจให้ผู้ผลิตจากต่างประเทศเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศของตน

แหล่งข่าวไม่ระบุตัวตนของสื่อรายดังกล่าวได้กล่าวว่า มาตรการล่าสุดที่คณะรัฐมนตรีอินโดนีเซียพิจารณาว่าจะเข็นออกมาก็คือ สิทธิประโยชน์ด้านภาษี ถ้าหากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ส่งออกรถยนต์เหล่านี้ไปขายยังต่างประเทศนั้นไม่ต้องเสียภาษี และยังไม่ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม

โดยบริษัทที่จะได้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวสามารถนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ามาขายในประเทศก่อนได้ แต่จะต้องสร้างโรงงานในประเทศอินโดนีเซียภายใน 2 ปีให้แล้วเสร็จด้วย มิเช่นนั้นจะถูกปรับจากรัฐบาล

อย่างไรก็ดีมาตรการดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ และจะต้องมีการแถลงจากรัฐบาลอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้รัฐบาลอินโดนีเซียได้เจรจาให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายราย ไม่ว่าจะเป็น Tesla จากสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่ BYD เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศ โดยชูจุดเด่นคืออินโดนีเซียมีแร่ที่จำเป็นสำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างนิกเกิล

ขณะเดียวกันผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะแบรนด์จีน ไม่ว่าจะเป็น Geely ก็วางแผนที่จะลงทุนเป็นเม็ดเงินหลายพันล้านบาทในการลงทุนที่มาเลเซีย ขณะที่ไทยนั้นตั้งเป้าจะให้มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศเป็นสัดส่วน 30% ให้ได้ภายในปี 2030 ซึ่งล่าสุดมีเม็ดเงินลงทุนของบริษัทจีนมากกว่า 30,000 ล้านบาทแล้ว

จะได้เห็นว่าหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องการที่จะให้ผู้ผลิตเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศ โดยออกมาตรการจูงใจ รวมถึงอินโดนีเซียที่ต้องการให้ผู้ผลิตต้องการปักธงลงทุนในประเทศให้ได้เช่นกัน ซึ่งทำให้อินโดนีเซียต้องออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อจูงใจ

]]>
1440936