MasterCard – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 04 Jul 2024 08:38:42 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “ไทย” ติดอันดับ 5 ประเทศ Non-OIC ที่เป็นมิตรต่อ “นักท่องเที่ยวมุสลิม” แห่งปี 2024 https://positioningmag.com/1481277 Thu, 04 Jul 2024 07:08:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1481277
  • Mastercard จัดทำรายงานดัชนีการท่องเที่ยวของชาวมุสลิมประจำปี 2024 “ไทย” ติดอันดับ 5 ประเทศที่เป็นมิตรกับ “นักท่องเที่ยวมุสลิม” มากที่สุดในกลุ่มประเทศ Non-OIC
  • ตลาดนักท่องเที่ยวมุสลิมทั่วโลกปีนี้คาดว่าจะมีกว่า 168 ล้านคน โตขึ้น 5% จากช่วงก่อนโควิด-19 ถือเป็นอีกกลุ่มนักท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
  • Mastercard จัดทำรายงาน “ดัชนีการท่องเที่ยวของชาวมุสลิมทั่วโลกประจำปี 2024” (The Mastercard-Crescent Rating Global Muslim Travel Index หรือ GMTI 2024) เพื่อจัดอันดับประเทศที่เป็นมิตรต่อ “นักท่องเที่ยวมุสลิม” มากที่สุดในโลก สร้างโอกาสดึงดูดการเข้ามาท่องเที่ยวของชาวมุสลิมจากหลายประเทศ

    โดยดัชนีนี้มีตัวชี้วัดแบ่งออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่ 1)การบริการ เช่น มีห้องละหมาดในสถานที่ต่างๆ มีอาหารฮาลาลให้เลือก โรงแรมและสนามบินที่เป็นมิตรกับมุสลิม 2)สิ่งแวดล้อม เช่น ความปลอดภัยโดยทั่วไปต่อคนมุสลิม ระเบียบข้อบังคับที่ไม่กระทบต่อศรัทธา 3)การเข้าถึง เช่น มีเที่ยวบินเข้าถึงง่าย การให้วีซ่า 4)การสื่อสาร เช่น การทำการตลาดต่อคนมุสลิมโดยตรง

    ดัชนีนี้มีการวัดใน 145 ประเทศทั่วโลก และมีการแยกกลุ่มประเทศที่ไม่ใช่ประเทศที่เป็นสมาชิกขององค์การความร่วมมืออิสลาม (Non-OIC) ในการจัดอันดับไว้ด้วย เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าประเทศที่ไม่ใช่ประเทศมุสลิมก็สามารถดึงดูดด้านการท่องเที่ยวฮาลาลได้

    5 อันดับแรกประเทศ OIC ที่เป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยวมุสลิมมากที่สุด ปี 2024

    อันดับ 1 (ร่วม) อินโดนีเซีย (76 คะแนน)
    อันดับ 1 (ร่วม) มาเลเซีย (76 คะแนน)
    อันดับ 3 ซาอุดิอาระเบีย (74 คะแนน)
    อันดับ 4 ตุรกี (73 คะแนน)
    อันดับ 5 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (72 คะแนน)

    5 อันดับแรกประเทศ Non-OIC ที่เป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยวมุสลิมมากที่สุด ปี 2024

    อันดับ 1 สิงคโปร์ (66 คะแนน)
    อันดับ 2 สหราชอาณาจักร (58 คะแนน)
    อันดับ 3 ไต้หวัน (55 คะแนน)
    อันดับ 4 ฮ่องกง (54 คะแนน)
    อันดับ 5 ไทย (52 คะแนน)

    ประเทศไทยโดดเด่นเรื่องอาหารฮาลาลมีให้เลือกหลากหลาย (Photo: Shutterstock)

    สำหรับประเทศ “ไทย” นั้นรายงาน GMTI ของ Mastercard ประเมินว่า ไทยมีความพยายามที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวมุสลิมเสมอมา ด้วยการสนับสนุนร้านอาหารฮาลาลและผลิตภัณฑ์ฮาลาลในสถานที่ท่องเที่ยว และยังใช้ประโยชน์จากการมีชุมชนคนมุสลิมในประเทศมาสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในจุดหมายปลายทางสำคัญ ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และกระบี่ ซึ่งจะมีร้านอาหารฮาลาลทุกระดับให้เลือกไม่เว้นแม้แต่สตรีทฟู้ด

    นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีมุ่งสู่การเป็น “ศูนย์กลางฮาลาล” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2027 ด้วย มุ่งเน้นการขยายอุตสาหกรรมฮาลาลหลายด้าน เช่น อาหาร ท่องเที่ยว บริการ เครื่องแต่งกาย ซึ่งน่าจะทำให้ประเทศไทยยังอยู่ในระดับต้นๆ ของการวัดดัชนี GMTI ในอนาคต

     

    “นักท่องเที่ยวมุสลิม” ตลาดที่ไม่ควรมองข้าม

    รายงาน GMTI ยังคาดการณ์ด้วยว่า ปี 2024 นี้จะมีนักท่องเที่ยวมุสลิมออกท่องเที่ยวต่างประเทศกว่า 168 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5% จากก่อนโควิด-19 และประเมินว่าภายในปี 2028 น่าจะมีนักท่องเที่ยวมุสลิมขึ้นไปแตะ 230 ล้านคน เนื่องจากประเทศมุสลิมหลายประเทศมีจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้นและมีรายได้สูงขึ้น

    นักท่องเที่ยวมุสลิม
    (Photo: Ihsan Adityawarman / Pexels)

    ด้านกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวมุสลิม หากวัดจากจีดีพีต่อหัวของประชากรซึ่งยิ่งสูงก็ยิ่งมีโอกาสที่จะใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้นนั้น 10 อันดับประเทศมุสลิมที่มีจีดีพีต่อหัวมากที่สุด ได้แก่ 1)กาตาร์ 2)สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3)คูเวต 4)บรูไน 5)บาห์เรน 6)ซาอุดิอาระเบีย 7)โอมาน 8)ตุรกี 9)คาซัคสถาน และ 10)มาเลเซีย

    อย่างไรก็ตาม มีประเทศมุสลิมอื่นด้วยที่น่าสนใจด้วยจำนวนประชากรมากและมีกลุ่มผู้มีฐานะมาก โอกาสจะออกมาท่องเที่ยวต่างประเทศสูง เช่น อินโดนีเซีย อิหร่าน อียิปต์ ปากีสถาน เป็นต้น

    กลุ่มนักท่องเที่ยวมุสลิมเป็นคนวัยไหน? ด้วยโครงสร้างประชากรมุสลิมทั่วโลก 70% คือคนวัยไม่เกิน 40 ปี แตกต่างจากเทรนด์ประชากรโลกที่จะสูงวัยมากกว่า

    หากเจาะลึกลงไป กลุ่มที่น่าจะเดินทางท่องเที่ยวจะเป็นคนวัย 21-40 ปีเป็นหลักซึ่งเป็นวัยทำงาน การเดินทางจึงมักจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะใหญ่ๆ คือ “กลุ่มเดินทางกับครอบครัว” กลุ่มนี้จะต้องการที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับเด็กหรือไปได้ทั้งครอบครัว และอีกกลุ่มคือ “กลุ่มยังโสด” ซึ่งต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวหลากหลาย มีทั้งมาพักผ่อน และมาทำธุรกิจ

    ]]>
    1481277
    Visa และ Mastercard ยื่นข้อเสนอ 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ยุติคดีผูกขาด แต่ผู้พิพากษาสหรัฐฯ เตรียมปัดตกดีลดังกล่าว https://positioningmag.com/1478305 Mon, 17 Jun 2024 01:40:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1478305 วีซ่า (Visa) และ มาสเตอร์การ์ด (Mastercard) ได้ยื่นข้อเสนอที่จะยอมความในคดีผูกาขาด ซึ่งมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการรูดบัตรที่เหล่าภาคธุรกิจในสหรัฐฯ มองว่าแพงมากเกินไป อย่างไรก็ดีในคดีความดังกล่าวผู้พิพากษาในคดีความนี้เตรียมที่จะปัดตกในข้อตกลงยอมความ

    Visa และ Mastercard ได้ยื่นข้อเสนอมากถึง 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 1.1 ล้านล้านบาท ในการยุติคดีผูกขาดซึ่งกินระยะเวลาเกือบ 20 ปี หลังจากที่ผู้ประกอบการรายย่อยในสหรัฐอเมริกาได้ฟ้องร้องว่าทั้ง 2 นั้นผูกขาดในธุรกิจ ทำให้เกิดต้นทุนในการจ่ายค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตและบัตรเดบิตสูงเกินไป

    ตามบันทึกของศาลในสหรัฐอเมริกา Margo Brodie ผู้พิพากษาในเขตบรูคลิน ได้กล่าวกับทนายความของฝั่ง Visa และ Mastercard ในการพิจารณาคดีว่าเธอ “มีแนวโน้มจะไม่อนุมัติข้อตกลงในข้อเสนอดังกล่าว”

    ผู้พิพากษาในเขตบรูคลินรายนี้ยังกล่าวว่า “ฉันไม่รู้ว่าข้อตกลงที่เหมาะสมจะเป็นอย่างไร แต่ฉันรู้ว่าฉันรู้สึกหนักใจกับข้อตกลงนี้ และไม่มีข้อตกลงใดๆ ที่ฉันได้ยินในวันนี้แล้วสามารถเปลี่ยนใจได้ว่า ข้อตกลงนี้ควรจะได้รับการอนุมัติ”

    สำหรับคดีความดังกล่าวผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อยในสหรัฐอเมริกาได้ฟ้องร้อง Visa และ Mastercard ในปี 2005 ว่าทั้ง 2 นั้นมีการผูกขาดตลาด ส่งผลทำให้ต้นทุนในการจ่ายค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตและบัตรเดบิตสูงเกินไป และยังมีการขัดขวางไม่ให้ธุรกิจต่างๆ ในการหาวิธีที่ทำให้มีการจ่ายเงินได้ถูกลง

    คดีความดังกล่าวนี้ได้มีการยอมความเมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา โดย Visa และ Mastercard จะลดค่าธรรมเนียมลงอย่างน้อยปีละ 0.04% เป็นเวลา 3 ปี และสามารถขยายได้ถึง 5 ปี รวมถึงสามารถให้ลูกค้าที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กสามารถให้ทางเลือกในการจ่ายเงินรูปแบบอื่นแก่ลูกค้าได้

    ธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐอเมริกามากกว่า 90% ของผู้ค้าที่ตกลงที่จะยุติคดีความดังกล่าวกับ Visa และ Mastercard

    สมาพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐ (NRF) มองว่าการยุติคดีดังกล่าวนั้นไม่ได้มอบผลประโยชน์ให้เหล่าธุรกิจมากพอ รวมถึงข้อเสนอจาก Visa และ Mastercard ถือว่ามีระยะเวลาสั้นไป รวมถึงการลดค่าธรรมเนียมลงนั้นถือว่าน้อยมาก และข้อตกลงดังกล่าวยังทำให้ 2 บริษัทควบคุมค่าธรรมเนียมในการรูดบัตรต่อไปได้

    ปัจจุบันค่าธรรมเนียมรูดบัตรของ Visa และ Mastercard อยู่ในช่วง 1.5% ถึง 3.5%

    ภาคธุรกิจในสหรัฐอเมริกาได้มีความพยายามอย่างหนักในการที่จะลดค่าธรรมเนียมในการรูดบัตรลงมา อย่างไรก็ดีนอกจาก Visa และ Mastercard ที่ได้รับค่าธรรมเนียมแล้ว ทางธนาคารผู้ออกบัตรเครดิตในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น JPMorgan Chase Bank of America และ Citibank รวมถึงธนาคารรายอื่นก็ได้รับค่าธรรมเนียมดังกล่าวด้วย

    ในกรณีการยอมความดังกล่าวผู้พิพากษา Margo ยังเตรียมวางแผนที่จะเขียนความคิดเห็นเพื่ออธิบายการตัดสินใจพร้อมทั้งยกเหตุผลว่าทำไมเธอถึงปัดตกในเรื่องการยุติคดี

    ที่มา – Reuters, Bloomberg

    ]]>
    1478305
    วีซ่า-มาสเตอร์การ์ด ทิ้งบอมลูกใหญ่! ประกาศระงับการทำธุรกรรมในรัสเซีย https://positioningmag.com/1376485 Sun, 06 Mar 2022 05:33:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1376485 วีซ่า (Visa) และ มาสเตอร์การ์ด (Mastercard) 2 ผู้ให้บริการบัตรชำระเงินยักษ์ใหญ่ ได้ประกาศว่ากำลังระงับการดำเนินงานในรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการทิ้งบอมระบบการเงินของประเทศรัสเซียครั้งล่าสุด หลังจากที่มีการบุกโจมตียูเครน

    โดยมาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า บัตรที่ออกโดยธนาคารในรัสเซียจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายอีกต่อไป และบัตรมาสเตอร์การ์ดที่ออกนอกประเทศจะสามารถใช้งานที่ร้านค้าหรือตู้เอทีเอ็มของรัสเซีย

    “เราไม่ได้ใช้การตัดสินใจนี้อย่างไม่ใส่ใจ แต่การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการหารือกับลูกค้า พันธมิตร และรัฐบาล” มาสเตอร์การ์ดกล่าว

    ด้าน วีซ่า กล่าวว่า กำลังทำงานร่วมกับลูกค้าและคู่ค้าในรัสเซียเพื่อยุติการทำธุรกรรมของวีซ่าทั้งหมดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดย อัล เคลลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของวีซ่า ระบุในถ้อยแถลงว่า “เราถูกบังคับให้ดำเนินการหลังจากการรัสเซียบุกโจมตียูเครนอย่างไม่มีเหตุ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ยอมรับไม่ได้”

    เมื่อต้นสัปดาห์วีซ่าและมาสเตอร์การ์ด ได้ประกาศการเคลื่อนไหวที่จำกัดมากขึ้นเพื่อบล็อกสถาบันการเงินจากเครือข่ายที่ทำหน้าที่เป็นหลอดเลือดแดงสำหรับระบบการชำระเงิน ทำให้ชาวรัสเซียได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการคว่ำบาตรรวมถึงบทลงโทษทางการเงินที่บังคับใช้โดยรัฐบาลสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ

    อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของ มาสเตอร์การ์ดและวีซ่า ก็ส่งผลต่อกำไรทั้ง 2 บริษัท เพราะรายได้จากรัสเซียคิดเป็น 4% ของรายรับสุทธิทั้งหมดของวีซ่าในปีงบประมาณที่แล้ว ซึ่งรวมถึงเงินที่ได้จากกิจกรรมในประเทศและข้ามพรมแดน ส่วนประเทศยูเครนมีสัดส่วนประมาณ 1% ส่วนมาสเตอร์การ์ดเปิดเผยว่ารายได้จากรัสเซียคิดเป็น 4% ของรายรับสุทธิ อีกประมาณ 2% มาจากยูเครน

    ทั้งนี้ นับตั้งแต่การรุกรานของยูเครน ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียก็ลดลงมากกว่า 1 ใน 3 สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ นั่นเป็นการผลักดันอัตราเงินเฟ้อให้กับครัวเรือนในรัสเซีย ทำให้ชาวรัสเซียแห่ถอนเงินออกจากธนาคาร และไม่ใช่แค่สถาบันการเงิน แต่บริษัทอื่น ๆ ทั่วโลกได้เคลื่อนไหวเพื่อเพิ่มแรงกดดันทางการเงินต่อรัสเซียและผู้คนในรัสเซีย เนื่องจากการจู่โจมยูเครน บางคนขายหุ้นของตนในบริษัทรัสเซีย เช่น BP ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน เป็นต้น

    Source

    ]]>
    1376485
    “เซ็นทรัลเวิลด์” ควงคู่หู “Mastercard” ช้อปสบายผ่านบริการ Tap & Go พร้อมสิทธิพิเศษเพียบ! https://positioningmag.com/1367037 Thu, 16 Dec 2021 10:00:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1367037

    “เซ็นทรัลเวิลด์” และ “Mastercard” เปิดแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี Happy Everyday Tap & Go with Mastercard จัดโปรโมชัน และสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าเซ็นทรัลเวิลด์เท่านั้น เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรมาสเตอร์การ์ดกับบริการ Tap & Go กับกว่า 300 ร้านค้าชั้นนำที่ร่วมรายการ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เริ่ม 1 ธ.ค. 64 – 6 ม.ค. 65

    เข้าถึงเดือนธันวาคมเดือนสุดท้ายของปี กลิ่นอายของเทศกาลปีใหม่ เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองกลับมาอีกครั้ง จะมีความสุขไหนเท่ากับการได้ช้อปปิ้งเพื่อเป็นของขวัญให้ตัวเอง หรือคนที่เรารัก รวมไปถึงการทานอาหาร ขนมอร่อยๆ แน่นอนว่าการช้อปปิ้งในศูนย์การค้าเป็นการตอบโจทย์ทุกอย่าง

    ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นแลนด์มาร์กระดับโลก ผนึกกำลังบัตร Mastercard เอาใจนักช้อปในช่วงส่งท้ายปี จัดแคมเปญ Happy Everyday Tap & Go with Mastercard เดินหน้าส่งมอบความสุขส่งท้ายปี ที่ให้คนไทยทั้งประเทศได้เปย์ความสุข ด้วยสิทธิพิเศษ และโปรโมชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับลูกค้าบัตรมาสเตอร์การ์ดที่ช้อปปิ้งในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์โดยเฉพาะ แต่มีเงื่อนไขที่ว่าต้องเป็นสมาชิก The1 ด้วย

    โปรโมชันนี้เพียงแค่ใช้จ่ายผ่านบัตรมาสเตอร์การ์ด กับกว่า 300 ร้านค้าชั้นนำที่ร่วมรายการ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สนุกครบทุกไลฟ์สไตล์ ควบคู่กับบริการ Tap & Go ช้อปสบาย ปลอดภัย จ่ายสะดวก เริ่มตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2564 – 6 มกราคม 2565 ก็ได้รับสิทธิพิเศษเพียบ!

    ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

    “เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การออกมาใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันที่ต้องการความสะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัย เราจึงได้ผนึกกำลังพันธมิตรชั้นนำอย่างบัตรมาสเตอร์การ์ด ร่วมส่งมอบความสุขผ่านสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับลูกค้าเซ็นทรัลเวิลด์ที่เป็นสมาชิก The1 โดยเฉพาะ”

    แคมเปญนี้ได้รวมกว่า 300 ร้านค้าชั้นนำในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร หรือแฟชั่น เป็นการดีไซน์ขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าของเซ็นทรัลเวิลด์ทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มครอบครัวยุคใหม่ Young Modern Family ไปจนถึงสายแฟชั่น, Sports, YOLD และ Young Gen เรียกได้ว่าโดนใจทั้งสายกิน สายช้อป สายชิลล์กันเลยทีเดียว

    ร้านค้าที่รวมรายการได้แก่ ร้านอาหาร-คาเฟ่ชั้นนำระดับโลกอย่าง TP TEA ชานมไข่มุกเจ้าแรกของโลก, Xin Fu Tang ชานมไข่มุกทำสด อันดับ 1 จากไต้หวัน, Fire Tiger ร้านชานมไข่มุกชื่อดังของไทย และThe Coffee Academics เจ้าของมิชลินไกด์ โด่งดังจากฮ่องกง รวมถึงแบรนด์แฟชั่นชื่อดัง อาทิ Disaya, Jaspal, Kate Spade New York, Marimekko, Pandora, Pendulum, Polo Ralph Lauren, Pomelo, Swarovski, และ Zara เป็นต้น

    บริการ Tap & Go นี้ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังเข้ากับการใช้ชีวิตแบบ New Normal ได้ดีอีกด้วย เพราะเป็นบริการที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย แคมเปญนี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปลายปีได้เป็นอย่างดี

    ทางด้าน ไอลีน ชูว ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า

    “ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ก้าวสู่ยุคของ Digital Paymentsเพราะความรวดเร็วในการชำระเงิน และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี มาสเตอร์การ์ดทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรทั่วโลกเพื่อสร้างโซลูชั่นและนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเรารู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมกับเซ็นทรัลเวิลด์ มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่คุ้มค่าให้แก่ลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านบัตรมาสเตอร์การ์ด ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้ง รับประทานอาหาร ก็สามารถรับสิทธิพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟได้”

    โปรโมชั่น และสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ได้แก่

    สาย Café Hopping รับฟรี! คูปองเครื่องดื่ม 1 แก้ว เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรมาสเตอร์การ์ดโดยไม่มีขั้นต่ำ

    • Fire Tiger (1-5 ธ.ค. 64)
    • The Coffee Academics (6-12 ธ.ค. 64)
    • Xing Fu Tang (13-19 ธ.ค. 64)
    • TP TEA (20 ธ.ค. 64 – 6 ม.ค. 65)

    สาย Fashion Lovers รับฟรี! Cash Voucher มูลค่า 1,000 บาท เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรมาสเตอร์การ์ดครบ 5,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ

    • Pandora (1-5 ธ.ค. 64)
    • Marimekko (6-12 ธ.ค. 64)
    • Rev Edition : Champion, Hoka, Rev Runnr, Slammers, Teva (13-19 ธ.ค. 64)
    • Zara (20 ธ.ค. 64 – 6 ม.ค. 65)

    เห็นโปรโมชั่น และสิทธิพิเศษสุดปังขนาดนี้จะไปที่ไหนได้ ลูกค้าเตรียมบัตรให้พร้อมแล้วพุ่งตรงไปช้อปที่เซ็นทรัลเวิลด์ เพราะแคมเปญ Happy Everyday Tap & Go with Mastercard จัดเต็มให้ลูกค้าแบบจุกๆ เลยทีเดียว

    สามารถร่วมแคมเปญได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 6 มกราคม 2565 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สอบถามรายละเอียดและตรวจสอบเงื่อนไขที่ CPN Call Center โทร. 02-021-9999 หรือติดตามข้อมูลโปรโมชั่น และกิจกรรมพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : CentralWorld

    **เงื่อนไข สินค้าโปรโมชั่นมีจำนวนจำกัด อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

    ]]>
    1367037
    เทรนด์ Virtual Card มาเเรง กรุงศรี ส่ง ‘บัตร NOW’ จับใจคนรุ่นใหม่ กระตุ้นใช้จ่ายด้วย ‘เเคชเเบ็ก’ https://positioningmag.com/1359534 Mon, 01 Nov 2021 15:18:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1359534 ตลาดคนรุ่นใหม่ไลฟ์สไตล์ดิจิทัล มีการใช้จ่ายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นโอกาสของธุรกิจที่จะสรรหาฟีเจอร์ต่างๆ มาตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้

    ล่าสุดกับบัตรเครดิต Krungsri NOW’ บัตรดิจิทัลใบแรกจากเครือบัตรเครดิต กรุงศรี ที่ออกมาจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัย 21-35 ปี รายได้เฉลี่ยตั้งแต่ 1.5-7 หมื่นบาทต่อเดือน เเละนิยมการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะ

    ความเคลื่อนไหวของกรุงศรีครั้งนี้ เป็นการปรับกลยุทธ์ครั้งสำคัญเพื่อหันมาเพิ่มสัดส่วนลูกค้า Millennials และ Gen Z ตามที่เห็นกันเเล้วว่าในช่วงหลังมานี้ว่ากรุงศรีมีการรีเเบรนด์บัตรต่างๆ ให้มีความทันสมัยเเละดูเด็กลงมากขึ้น

    โดยหวังจะเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ขึ้นเป็น 35% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30% ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 25% ขณะที่ลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุดของบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี ยังเป็นกลุ่ม Gen X ที่ 45% เเละ Baby Boomer ที่ 27%

    วิถีชีวิตแบบนิวนอร์มอลเป็นตัวเร่งให้เกิดการเติบโตของกลุ่มผู้บริโภคยุคดิจิทัล ที่คุ้นชินกับความสะดวกสบายจากบริการออนไลน์ ทั้งช้อปปิ้ง สั่งอาหาร บริการสตรีมมิ่ง แม้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว แต่บริการเหล่านี้ก็ยังเป็นที่นิยม สมหวัง โตรักตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าว

    จากข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต กรุงศรี (ณ เดือนกันยายน 64) พบว่า ยอดใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ในปีนี้เติบโตสูงขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับปี 2563 และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่

    Virtual Card มาเเรง เมื่อคนไม่อยากพกบัตร

    บัตรเครดิต กรุงศรี จึงทุ่มเงินกว่า 50 ล้านบาท เพื่อรุกขยายตลาดนี้ ผ่านการจับมือมาสเตอร์การ์ด เปิดตัวบัตร NOW” ซึ่งเป็น Virtual Credit Card ขึ้นมาตามเทรนด์ของผู้บริโภค โดยเชื่อมอยู่กับแอปพลิเคชัน UCHOOSE ที่มีผู้ใช้งานอยู่ในปัจจุบันถึง 6.5 ล้านบัตร

    ผู้บริโภคทั้งในไทยและทั่วโลก เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมโดยมีมุมมองและความคาดหวังว่า มาตรฐานการบริการต่าง ๆ ควรจะเป็นดิจิทัลโดยอัตโนมัติ ผู้บริโภคแสวงหารูปแบบการชำระเงินใหม่ ๆ และต้องการประสบการณ์การใช้จ่ายแบบ Omnichannel ที่ปรับให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะบุคคล

    โดยข้อมูลจาก Mastercard New Payments Index 2021 ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมการชำระเงินและการซื้อขายผ่านทางออมนิแชนเนล พบว่า เกือบ 80% ของผู้บริโภคชาวไทย น่าจะใช้จ่ายด้วยเงินสดน้อยลงในปีหน้า อีกกว่า 59% บอกว่า จะหลีกเลี่ยงร้านค้าที่ไม่รับชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ใดๆ

    คนรุ่นใหม่ชอบ Cash Back

    จุดเด่นของ บัตรเครดิต Krungsri NOW จะเน้นให้สิทธิพิเศษตามพฤติกรรมกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยจากการศึกษากลุ่มลูกค้า พบว่า 72% อยากได้เงินคืนเข้าบัญชี หรือ Cash Back คืนไว คืนเยอะ เหล่านี้นำมาสู่แนวคิดบัตรเหนือ Norm ของคนยุค NOW” ดีไซน์ที่เรียบง่าย แฝงความสนุกของสีสัน สื่อถึงอิสระจากข้อจำกัด

    โดยนำเสนอ Cash Back 5% สำหรับการใช้จ่ายออนไลน์ (ยกเว้นหมวดประกัน และหมวดท่องเที่ยว) ครอบคลุมทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์ แบบใช้ได้ทุกวัน โดยไม่ต้องรอดีลพิเศษ หรือวันพิเศษ และสามารถสะสมคะแนน 2 เท่าที่ร้านอาหารร่วมรายการ หรือรับพอยต์สะสม 1 พอยต์จากทุกการใช้จ่ายผ่านบัตร 25 บาท พร้อมทางเลือกในการแบ่งชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน กับสินค้าและบริการที่ร่วมรายการ และไม่มีค่าธรรมเนียม

    ตั้งเป้า 1 ปี ยอดสมัคร 3.6 หมื่นใบ

    บริษัทตั้งเป้าว่าภายใน 1 ปีหลังจากเปิดตัว ยอดสมัครบัตรเครดิต NOW จะมีมากกว่า 36,000 ใบ และมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรใหม่เพิ่มขึ้น 1,200 ล้านบาท และประเมินว่าจะเติบโต 10%ในปีต่อๆ ไป

    “ในระยะยาว เราคาดว่าผลิตภัณฑ์บัตรใหม่นี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัท ด้วยการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง”

    สำหรับกลยุทธ์การตลาดที่จะทำให้บัตรเครดิต NOW ทำยอดใช้จ่ายผ่านบัตรใหม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้นั้น ผู้บริหารบัตรเครดิต กรุงศรี ตอบว่า โดยพื้นฐานของฟีเจอร์ต่างๆ นั้นดึงดูดผู้ใช้คนรุ่นใหม่อยู่เเล้ว เเต่จะมีการทำการตลาดเพิ่มเติม เน้นไปที่ช่องทางสื่อสารออนไลน์ เเจกคูปองเเลกซื้อสินค้า รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อยู่เสมอ เช่น จะมีการให้เล่นเกมสนุกๆ ผ่านเเอปฯ UCHOOSE ฯลฯ โดยผู้สมัครบัตรใหม่ ตั้งแต่ 1 พ.ย. 2564-31 ม.ค. 2565 จะรับเครดิตเงินคืนสูงสุดถึง 2,000 บาท

    เเละเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่มากขึ้น บัตรเครดิต Krungsri NOW ได้ดึง กระทิง ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ นักแสดงรุ่นใหม่ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วย โดยจะมีการสร้างการรับรู้เเละจดจำผ่านวิดีโอออนไลน์ที่นำเอาคาแร็กเตอร์ของ กระทิง มาสร้างเป็นแอนิเมชัน ถ่ายทอดเรื่องราวของบัตรเครดิต NOW รวมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่องเต็มรูปแบบ

    หวังปีหน้าเศรษฐกิจฟื้น ดันยอดใช้จ่ายโต 8%

    โดยภาพรวมธุรกิจของบัตรเครดิต กรุงศรีในปีนี้ ประเมินว่า น่าจะอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา จากการเติบโตได้ดีในหลายหมวด เช่น ประกันภัย, ช้อปปิ้ง, ปั๊มน้ำมัน, เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน รวมถึงห้างสรรพสินค้า คาดว่าจะมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวม ตลอดปีนี้ที่ 180,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 3% เทียบกับปีก่อน

    ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท คาดว่าภายในสิ้นปีจะจบอยู่ที่ 1.9 แสนล้านบาท เติบโตราว 2-3% และมียอดบัตรใหม่อยู่ที่ 9 หมื่นใบ ซึ่งประเมินว่าสิ้นปีจะทำยอดได้ 1.4 แสนใบ ซึ่ง ‘ต่ำกว่าเป้าหมาย’ ที่วางไว้ หลังช่องทางการเข้าหาลูกค้าต่างๆ หยุดชะงักไปบ้างในช่วงวิกฤตโควิด-19 ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ในระดับต่ำที่ 1.17% ยังต่ำกว่าทั้งอุตสาหกรรมที่ 2.5-2.6%

    “เเนวโน้มการใช้บัตรเครดิตนั้นขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อเศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัว กำลังซื้อของประชาชนก็จะเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงปัจจัยการเปิดประเทศ ก็จะช่วยหนุนให้มีการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น”

    โดยภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิตในปี 2565 คาดว่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรจะเติบโตอยู่ที่ระดับ 7-8% เกี่ยวเนื่องกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่หลายสำนักคาดการณ์ว่าจะโตเฉลี่ยที่ 3-4%

    ด้านเป้าหมายของบัตรใหม่ตั้งเป้าเติบโต 30% หรือราว 1.9 แสนใบเเละสิ้นปีหน้าฐานลูกค้าทั้งหมดจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2.4 ล้านใบ จากยอดปีนี้ที่ 2.3 ล้านใบ

    สำหรับการเเข่งขันในตลาดบัตรเครดิตในปีหน้า จะมีเเคมเปญดุเดือดในหมวดออนไลน์เเละการท่องเที่ยว ทั้งในประเทศเเละต่างประเทศที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตได้ หลังสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย โดยกรุงศรีก็เริ่มมีแคมเปญกระตุ้นการใช้จ่ายใน 2 หมวดนี้ตั้งเเต่ช่วงปลายปีนี้ เเละมองว่าการพัฒนาระบบดิจิทัลของเเต่ละเเพลตฟอร์มจะมีการเเข่งขันกันมากขึ้น เพื่อดึงฐานลูกค้า

     

    ]]>
    1359534
    ‘มาสเตอร์การ์ด’ เปิดตัวเครื่องวัด ‘คาร์บอน’ โดยคำนวณจากรายการสินค้า https://positioningmag.com/1327772 Tue, 13 Apr 2021 08:04:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1327772 สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่างและสุขภาพคงจะถูกใจหากอาหารที่ทานมีการบอกจำนวนแคลอรี แต่สำหรับผู้ที่อยากมีส่วนร่วมในการ ‘ลดโลกร้อน’ ก็อาจจะอยากรู้เหมือนกันว่าตนเองมีส่วนช่วยในการลด ‘คาร์บอน’ ได้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้น ‘มาสเตอร์การ์ด’ (Mastercard) ต้องการให้ลูกค้าเข้าใจว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายของพวกเขามีส่วนทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและภาวะโลกร้อนมากเพียงใด จึงเกิดเป็นเครื่องที่ใช้วัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการซื้อของ

    บริษัทบัตรเครดิต ‘มาสเตอร์การ์ด’ ได้สร้างเครื่องคำนวณที่ใช้วัดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผู้บริโภคโดยพิจารณาจากสิ่งที่พวกเขาซื้อ โดยเครื่องมือนี้จะพร้อมใช้งานบนเว็บไซต์และแอปของ Mastercard โดยเน้นไปที่หมวดการใช้จ่ายที่เฉพาะเจาะจง แต่ไม่ได้ติดตามธุรกรรมแต่ละรายการ

    เครื่องมือดังกล่าวจะรวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีการที่เรียกว่า Doconomy Åland Index ซึ่งรวบรวมข้อมูลจาก Trucost ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Environmental, Social, Governance: ESG) ที่ประเมินค่าใช้จ่ายแอบแฝงของธุรกิจในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่ยั่งยืน

    ดัชนีดังกล่าวจะคำนวณผลกระทบของธุรกรรมโดยใช้ปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์เฉลี่ยสำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะ เช่น ‘อาหารและเครื่องดื่ม’ หรือ ‘เครื่องแต่งกาย’ โดยเครื่องดังกล่าวยังแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนต้นไม้ที่ต้องใช้ในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณเดียวกันที่ปล่อยออกมาจากการซื้อของผู้บริโภคอีกด้วย

    “แม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นตัวบ่งชี้ที่ดีมากเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายโดยรวมของคุณในเดือนนั้น ทั้งนี้ก็เพื่อบาลานซ์กึ่งกลางระหว่างความเป็นส่วนตัวและการให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภค” Jorn Lambert ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัลของ Mastercard กล่าว

    การสร้างเครื่องคำนวณคาร์บอนเป็นความพยายามล่าสุดของบริษัทในการมุ่งเน้นไปที่ความยั่งยืน โดยก่อนหน้านี้มาสเตอร์การ์ดเริ่มดำเนินการเพื่อลดการใช้พลาสติกครั้งแรกในการผลิตบัตรเครดิต และในเดือนมกราคมบริษัทให้คำมั่นว่าจะปล่อยก๊าซให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยเข้าร่วมในรายชื่อบริษัทใหญ่ ๆ ที่มีพันธสัญญาในลักษณะเดียวกัน

    Source

    ]]>
    1327772
    TreeCard บัตรเดบิต “รักษ์โลก” ที่ทำจากไม้ ใช้จ่ายพร้อมช่วย “ปลูกป่า” https://positioningmag.com/1311062 Fri, 18 Dec 2020 03:00:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1311062 ผู้บริโภครุ่นใหม่ใส่ใจเทคโนโลยีเเละรักษ์โลกล่าสุดกับ “TreeCard” บัตรเดบิตที่ทำมาจากต้นไม้ สามารถใช้ชำระเงินเเบบไร้เงินสดเเละถอนเงินจากตู้ ATM ได้เหมือนบัตรพลาสติกทั่วไป เริ่มทำตลาดกับผู้ใช้ในสหรัฐฯ เเละยุโรป

    สำหรับ TreeCard เป็นบัตรเดบิตที่ทำมาจากไม้เชอรี่ (Cherry) มีเเหล่งที่มาผ่านการปลูกแบบยั่งยืน โดย 80% ของกำไรที่ได้จากค่าธรรมเนียมการใช้จ่ายของลูกค้า จะถูกนำไปใช้เพื่อการสนับสนุนการปลูกป่าเเละเเผนการขยายพื้นที่สีเขียวในสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก

    บัตร TreeCard ได้รับการรับรองจาก Mastercard เพื่อใช้สำหรับการชำระเงินออนไลน์และออฟไลน์ นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมกับ Apple Pay, Google Pay และ Samsung Pay ได้อีกด้วย

    เราทำบัตรที่ทำจากไม้เพื่อลดการใช้พลาสติก โดยต้นไม้เเค่ 1 ต้นสามารถผลิตการ์ดได้มากกว่า 3 เเสนใบ ซึ่งครอบคลุมจำนวน TreeCard ทั้งหมดของเราเเล้ว เเละจะนำไปสู่การตอบเเทนด้วยการปลูกป่าต่อไปอีกนับล้านต้น

    โดยผู้ถือบัตรสามารถติดตามและจัดหมวดหมู่การใช้จ่ายในบัญชี TreeCard พร้อมตรวจสอบว่าจำนวนต้นไม้ที่ปลูกจากกำไรค่าธรรมเนียมที่หักไปนั้น มีความคืบหน้าเเค่ไหนอย่างไร ผ่านเเอปพลิเคชันมือถือของผู้ใช้บริการบัตรดังกล่าว

    ตอนนี้ TreeCard ได้เปิดรับสมัครผู้ที่สนใจจะใช้บริการเเล้ว เเละคาดว่าจะสามารถจะเริ่มจัดส่งบัตรได้ภายในช่วงต้นปี 2021 นี้

     

    ที่มา : NFCW , Telegraph

     

     

    ]]>
    1311062
    ดีลเเพง! Visa ซื้อกิจการ Plaid สตาร์ทอัพพัฒนา API การเงิน มูลค่ากว่า 1.6 แสนล้านบาท https://positioningmag.com/1260572 Tue, 14 Jan 2020 21:02:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1260572 ยักษ์ใหญ่ธุรกิจผู้ให้บริการชำระเงินผ่านบัตรอย่าง Visa ประกาศเข้าซื้อกิจการสตาร์ทอัพฟินเทคดาวรุ่ง “Plaid” ด้วยมูลค่ากว่า 5,300 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.6 เเสนล้านบาท) เเพงขึ้นเป็นเท่าตัวจากการเพิ่มทุนครั้งล่าสุด เมื่อปี 2018 ที่บริษัทเคยมีมูลค่า 2,700 ล้านเหรียญ

    สำหรับ Plaid เป็นสตาร์ทอัพผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ API เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลบัญชีธนาคารของผู้ใช้งานเข้ากับแอปพลิเคชั่นบริการทางการเงินต่าง ๆ เป็นที่รู้จักกันอย่างเเพร่หลายในเหล่าผู้พัฒนาฟินเทค (fintech) เเต่คนทั่วไปอาจจะไม่ค่อยรู้จักกัน

    Plaid มีลูกค้าเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงอย่าง Venmo แอปพลิเคชั่นชำระเงินยอดนิยม, Robinhood แอปฯ สำหรับซื้อขายหุ้น เเละ Coinbase ที่ให้บริการซื้อขายเงินคริปโต เป็นต้น

    ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ผู้มีบัญชีธนาคารกว่า 1 ใน 4 ของอเมริกาเชื่อมต่อสู่บริการแอปฯ ฟินเทคต่าง ๆ ด้วย Plaid

    บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นคู่เเข่งกันทั้ง Visa, Mastercard, Citi, American Express รวมถึง Goldman Sachs ต่างก็ร่วมลงทุนในสตาร์ทอัพ Plaid

    อ่านเพิ่มเติม : Mastercard ซื้อกิจการ RickRecon สตาร์ทอัพประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

    Photo : plaid.com

     

    ในปี 2018 ทาง Plaid ระดมทุนได้ 250 ล้านเหรียญเเละได้รับการประเมินมูลค่าบริษัทเป็น 2,700 ล้านเหรียญ มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นสองเท่าจากปี 2017 ถึง 2018 เเละกำลังขยายไปยังสหราชอาณาจักรและแคนาดา

    Al Kelly ซีอีโอของ Visa เปิดเผยว่า Plaid มีการเติบโตต่อเนื่องจากปี 2015 ด้วยอัตราเฉลี่ยกว่า 100% โดยข้อตกลงนี้จะช่วยในการวางเเผนอนาคตของ Visa ในระยะยาว เเละจะช่วยขยายตลาดเเละเพิ่มรายได้ของบริษัท พร้อมเชื่อมความสัมพันธ์กับกลุ่มฟินเทคด้วย

    ด้าน Zach Perret ซีอีโอของ Plaid บอกกับ CNBC ว่า แบรนด์ของ Visa จะช่วยให้บริษัทพัฒนาความสามารถ พร้อมขยายขนาดบริษัทเเละผลิตภัณฑ์ไปทั่วโลกได้ เเละรู้สึกโชคดีที่จะได้มีส่วนช่วยพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลของ
    เทคโนโลยีฟินเทค

     

    ที่มา : cnbc

    ]]>
    1260572
    Mastercard ซื้อกิจการ RickRecon สตาร์ทอัพประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย https://positioningmag.com/1258448 Wed, 25 Dec 2019 07:31:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1258448 Photo : Pixabay

    Mastercard ประกาศซื้อกิจการ RickRecon สตาร์ทอัพประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเเละเสริมเเกร่งความปลอดภัยขององค์กร

    ความปลอดภัยไซเบอร์ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกับบริษัทผู้ให้บริการทางการเงินรายใหญ่ของโลกอย่าง Mastercard

    “ด้วยการผสมผสานที่มีประสิทธิภาพของ AI และเทคโนโลยีขั้นสูงที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล RiskRecon จะเข้ามาเสริมกลยุทธ์และเทคโนโลยีที่มีอยู่ของเราเพื่อรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์” Mastercard ระบุในเเถลงการณ์

    ด้าน Kelly White ซีอีโอของ RiskRecon มองว่าการเข้าร่วมกับ Mastercard ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้มีส่วนร่วมในองค์กรขนาดใหญ่ สามารถทำการขยายโซลูชั่นของบริษัทและช่วยบริษัทในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ในแต่ละภูมิภาคให้จัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ได้ดียิ่งขึ้น

    สำหรับ RiskRecon สตาร์ทอัพดาวรุ่งจาก Salt Lake City ดำเนินธุรกิจโดยการนำเอาข้อมูลที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ตเข้ามารวมกันเพื่อประเมินความเสี่ยงโดยรวมขององค์กร เปิดตัวเมื่อปี 2015 สามารถระดมทุนได้ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามข้อมูล Crunchbase โดยมีผู้ลงทุนรายใหญ่อย่าง Accel, Dell Technologies Capital, General Catalyst และ F-Prime Capital

    อย่างไรก็ตาม Mastercard ไม่ได้เผยมูลค่าดีลในการเข้าซื้อ RiskRecon ครั้งนี้เนื่องจากต้องผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน ซึ่งคาดว่าจะปิดดีลได้ในไตรมาสแรกของปี 2020

     

    ที่มา : techcrunch

    ]]>
    1258448
    Visa-Mastercard-eBay แท็กทีมถอนตัวจาก ”Libra” ของเฟซบุ๊ก หวั่นปัญหาฟอกเงิน https://positioningmag.com/1249700 Mon, 14 Oct 2019 05:44:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1249700 หลังจากที่ PayPal ได้ประกาศเลิกสนับสนุน Libra ล่าสุด Visa, Mastercard, eBay และ Stripe ต่างประกาศในวันที่ 11 .. ที่ผ่านมาว่าขอถอนตัวไม่เข้าร่วมโปรเจกต์เงินดิจิทัล “Libra” ของเฟซบุ๊ก หวั่นมีปัญหาฟอกเงิน

    CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า บริษัทชื่อดังด้านการเงินทั้ง Visa, Mastercard และ Stripe ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการจ่ายและชำระสินค้า รวมถึง eBay ต่างออกมายืนยันว่าได้ถอนตัวจากโปรเจกต์สกุลเงิน Libra ของเฟซ บุ๊กแล้ว

    บริษัทเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่มีรายชื่อในฐานะผู้ก่อตั้งสมาคม Libra ไม่ต่ำกว่า 2 โหลของทั้งองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรและบริษัท

    Mastercard ตัดสินใจจะไม่เป็นสมาชิกของสมาคม Libra ในช่วงเวลานี้โฆษกบริษัท Mastercard กล่าวผ่านแถลงการณ์ให้กับ CNN ภาคธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตามทาง Mastercard กล่าวว่า ทางบริษัทยังคงเฝ้าติดตามต่อความพยายามของ Libra ต่อไป

    และเหมือนเช่นที่โฆษก eBay แถลงว่าทางเรานับถืออย่างสูงต่อวิสัยทัศน์ของสมาคม Libra แต่อย่างไรก็ตาม eBay ได้ตัดสินใจที่จะไม่ก้าวต่อไปร่วมกันในฐานะสมาชิกผู้ก่อตั้ง

    ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเฟซบุ๊กได้อ้างว่า โปรเจกต์เงินบิทคอยน์ “Libra” จะช่วยพัฒนาการเข้าถึงการให้บริการทางการเงินเพิ่มมากขึ้น

    แต่นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมาที่ทางเฟซบุ๊กได้ประกาศโปรเจกต์นี้ต่อสาธารณะพบว่าทางเฟซบุ๊กได้ถูกตรวจสอบทางความมั่นคงอย่างหนักและได้รับการต่อต้านจากผู้กำกับจากทั่วโลกที่เกรงว่าอาจจะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้บริโภค และมีความเป็นไปได้ว่าอาจถูกนำไปใช้ในการก่อการร้าย

    ทั้งนี้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก” ผู้ก่อตั้งร่วมบริษัทเฟซบุ๊ก และซีอีโอบริหารมีกำหนดต้องเข้าให้การกับคณะกรรมาธิการบริการทางการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในเดือนนี้ โดยหัวหน้าคณะซึ่งเป็น ส.ส จากพรรคเดโมแครตวิพากษ์วิจารณ์โปรเจกต์ Libra ของเฟซบุ๊กอย่างหนัก พร้อมกับเรียกร้องให้ยุติการดำเนินการเสีย

    โฆษกสมาคม Libra ของเฟซบุ๊กกล่าวผ่านแถลงการณ์กับ CNN ภาคธุรกิจว่าเรารู้สึกซาบซึ้งต่อการสนับสนุนของ บริษัทสตริปและอีเบย์ต่อเป้าหมายและพันธกิจของสมาคม Libra”

    Source

    ]]>
    1249700