หลังจาก พีพีทีวี เลือกกลยุทธ์ คว้ารายการดังจากช่องเบอร์ใหญ่มาอยู่ในมือ ไม่ว่าเดอะวอยซ์ จากช่อง 3 และ “กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน” จากช่อง 7 ได้กลายเป็นรายการ “แม่เหล็ก” ดึงดูดผู้ชม ขยายฐานไปสู่กลุ่มแมส จนสร้างเรตติ้งให้ช่อง จากในปี 2561 ที่เคยอยู่อันดับ 12-15 ในปีที่แล้ว ขึ้นมาติดอันดับท็อปเท็นในช่วงต้นปี
เร็วๆ นี้ พีพีทีวี เพิ่งไปคว้ารายการ “ก่อนบ่ายคลายเครียด” รายการตลกเก่าแก่ของบริษัท โคเมดี้ ไลน์ ที่มี ธัญญา โพธิ์วิจิตร หรือ “เป็ด เชิญยิ้ม” เป็นผู้ก่อตั้ง ออกอากาศอยู่ทางช่อง 3 มาเป็นเวลา 20 กว่าปี มาเติมผังให้พีพีทีวีเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนดูในเมือง แม่บ้าน คนทำงานที่บ้าน โดยออนแอร์ในเดือนมีนาคม จันทร์ถึงศุกร์ เวลา 10.00น-10.30 น
เมื่อตีตื้นขึ้นมาได้ แผนต่อไปของ พีพีทีวี ในปีนี้จึงต้องจัดหนักกว่าเดิม เพิ่มเดิมพันสูงขึ้น ขยายคอนเทนต์บันเทิง มุ่ง “ละคร” เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ เพื่อขยายคนดูไปในระดับแมส ต่างจังหวัดห่างไกล และกลุ่มผู้หญิง ซึ่งเป็นสนามเดียวกันกับช่องใหญ่ อย่างช่อง3 ช่อง 7 และช่องวัน
เป้าหมายของพีพีทีวีในปี 2562 คือการติดอันดับท็อป 10 และหากโชคดีก็อาจไปถึงท็อป 5 ได้
การผลิตละคร ถือเป็นการตัดสินใจสำคัญของพีพีทีวี ที่ต้องเตรียมพร้อมเรื่องของทีมงาน เพราะละครเป็นการลงทุนระยะยาว มีรายละเอียดเยอะมาก ทีผ่านมาเน้นซื้อรายการจากต่างประเทศเป็นหลัก ทีมงานจึงไม่ได้ทำอะไรด้วยตัวเอง ปีนี้ถือเป็นความท้าทายของคนพีพีทีวีมาก
พีพีทีวี เริ่มจุดพลุ “ละคร” ด้วยการดึงดาราดัง “ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล” นางเอกเบอร์ต้นๆ ของช่อง 7 เข้ามาอยู่ในสังกัดเป็นรายแรก ซึ่งการได้ดาราดังจากช่องอื่นๆ มาสังกัด ส่วนจะมี “ดารา” มาเพิ่มหรือไม่นั้น สุรินทร์บอกว่าขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส
โดยละครจะเริ่มลงจอ 10 เรื่อง ออนแอร์ 6-7 เรื่อง เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ได้แก่ ละคร วุ่นรักนักข่าว ได้แอนดริว เกร็กสัน และ นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี แสดงนำ โดยบริษัท ทีวี ธันเดอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิต ซึ่งเรื่องนี้พีพีทีวีซื้อเรื่องมาจากบริษัท เอ็นเดอโม่ เจ้าของฟอร์แมตรายการดังอย่าง รายการบิ๊กบราเธอร์ต่างประเทศ มาผลิตเป็นละคร
“แนวละครจะเน้นความหลากหลาย ซึ่งช่องใหญ่ก็ทำแบบนี้ เพื่อตอบโจทย์คนดูหลายกลุ่ม ส่วนความแตกต่างของเรา คือ การมีทีหลังจึงมีโอกาสเลือกทำงานกับคนที่มีความสามารถ ต่างจากช่องหลักที่มีทีมงานในสังกัดเท่านั้น แต่ของเราป้อนให้ตามความถนัด”
ผังรายการของพีพีทีวีในปีนี้จึงมีรายการแม่เหล็กมาลงผังไพรม์ไทมต่อเนื่อง เริ่มจากวันจันทร์ เดอะวอยซ์ ส่วนอังคาร กิ๊กดู๋ ดังนั้นละครจะมีเวลาออนแอร์ 5 วัน ตั้งแต่พุธถึงอาทิตย์ แต่ฟุตบอลเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจมาชนกับละคร
สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด เจ้าของช่องพีพีทีวี บอกว่า หลังจากรายการ “กิ๊กดู๋” เป็นแม่เหล็กนำพาให้พีพีทีวีก้าวไปหาผู้ชมชนบทในท้องถิ่นมากขึ้นแล้ว การมีคอนเทนต์ละครเข้ามาเติมผัง จะยิ่งทำให้ช่องสามารถเปลี่ยน “ภาพลักษณ์” จากสถานีสปอร์ตและข่าวที่มีผู้ชมเป็นผู้ชายถึง 60% มาสู่ “ช่องวาไรตี้และบันเทิง” ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ขยายไปสู่ผู้ชมระดับแมสทั่วประเทศ และผู้หญิงเพิ่มขึ้นได้
โดยคอนเทนต์บันเทิงจะเพิ่มสัดส่วนจาก 30% เป็น 50% ส่วนกีฬาลดลงเหลือ 20% ซึ่งกีฬาจะรีรันเฉพาะแมตช์ใหญ่จริงๆ เท่านั้น ส่วนข่าว 30%
ปีนี้ พีพีทีวี ใช้งบลงทุนคอนเทนต์ 2,000 ล้านบาท เท่าๆ กับปีที่แล้ว ในจำนวนนี้ เป็นงบผลิตละคร 500 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทำรายได้จากค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีที่แล้ว
“ช่องทีวีมีกำไรไม่กีช่อง ทีวีเป็นธุรกิจที่ลงทุนสูง การลงทุนเป็นพันล้านไม่ใช่เรื่องแปลก เป้าหมายของพีพีทีวีไม่ใช่เรื่องการประหยัดต้นทุน แต่ทำอย่างไรถึงจะมีคนดูเราต่อเนื่อง ซึ่งการจะมีรายการดีๆ ได้ก็ต้องแลกมาด้วยต้นทุนสูง”
สุรินทร์ มองว่า ธุรกิจทีวีหากจะไปได้ดี และแข็งแรง ควรมีไม่เกิน 10 ช่อง จะเป็นผลดีทั้งคนดู ไม่ต้องดูรายการซ้ำประเภทเดียวกัน เพราะเมื่อจำนวนช่องลดลง คู่แข่งน้อยลง การตัดสินใจลงทุนคอนเทนต์จะดีขึ้น.
อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง
- ช่อง 3 ขำไม่ออก “ก่อนบ่ายคลายเครียด” แพ้พลังดูด พีพีทีวี
- สุรินทร์ คอนเฟิร์ม ! ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ ย้ายเข้าสังกัดพีพีทีวีแล้ว