เจาะกลยุทธ์ GET บนสังเวียน Food Delivery : ได้เวลาน้องใหม่อัพสกิลเจาะ “ตลาดแมส”

ปฏิเสธไม่ได้ว่า Food Delivery เป็นเทรนด์แรงที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด เฉพาะ 6 เดือนแรกของปีนี้เติบโตกว่า 6 เท่า อันเป็นผลมาจากความสะดวกสบายที่ผู้บริโภคได้รับไม่ต้องไปผจญรถติดต่อคิวนานๆ ก็ได้กินอาหารร้านดังมาส่งให้ถึงที่

GET FOOD บริการเรือธงของ “GET” ออนดีมานด์แอปพลิเคชั่นที่ได้รับเงินลงทุนจาก “GO-JEK” ยักษ์ออนดีมานด์จากอินโดนีเซีย ได้เข้ามาเป็นน้องใหม่รายล่าสุดของศึก Food Delivery ได้ราว 6 เดือนแล้ว โดยช่วงไตรมาส 2 เติบโตจากไตรมาส 1 คิดเป็นตัวเลข 168%

GET ระบุว่าตัวเองนั้นมีจุดเด่นใน 3 เรื่อง ได้แก่ หนึ่ง “Street Food” ซึ่งยอดจากสั่งซื้อ 45% และจำนวนร้านอาหารกว่า 70% จากจำนวนร้านทั้งหมดที่มีอยู่ในระบบตอนนี้ 20,000 ร้านค้าก็เป็น Street Food แม้ตัวเลขนี้จะยืนพื้นมาตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการ แต่ GET ยืนยันว่าร้านทั้งหมดเพียงพอสำหรับเป็นตัวเลือกให้แก่ลูกค้ายังไม่ต้องรีบเพิ่มตอนนี้

อีกทั้งยังเชื่อว่าตัวเองนั้นมีจำนวนร้านอาหารที่ Active หรือมียอดสั่งอาหารอย่าน้อย 1 ครั้งต่อเดือน มากที่สุดในบรรดา Food Delivery โดยร้านที่ขายดีจะมียอดสั่งซื้อไม่น้อยกว่า “1 แสนครั้งต่อเดือน

สองค่าส่ง 10 บาทบางช่วงลงไปเหลือ 5 บาท ซึ่งแม้ตัวเลขนี้จะไม่ได้สะท้อนตัวเลขต้นทุนที่แท้จริง ด้วยอยู่ในช่วงทำโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งจากการสำรวจพฤตติกรรมพบว่าราคามักจะเป็นตัวเลือกแรกที่ลูกค้าจะนึกถึงเวลาจะสั่ง Food Delivery สักราย รองลงมาคือความวาไรตี้ของร้านอาหาร แต่ GET ยังยืนยันจะใช้ราคานี้ต่อไป

ขณะเดียวกัน GET ก็ยอมรับว่า แม้ Food Delivery จะเติบโตหวือหวาก็จริง แต่ปัญหาใหญ่มากที่สุดคือราคาค่าส่งที่ค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน เช่น เวียดนามหรืออินโดนีเซียซึ่งพบว่า คนขับของไทยมีรายได้มากกว่า 3 เท่าตัว

สามเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ GET ใช้ “Data” มาเป็นตัวกำหนดทิศทางของธุรกิจ ทั้งใส่ส่วนของลูกค้าที่มีฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาทั้งระะบบฟิวเตอร์ที่จะช่วยให้สามารถเสิร์ชหาร้านหรือเมนูที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ฟีเจอร์ OMAKASE ที่จะแนะนำเมนูอาหารที่ Personalized ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละราย ฟีเจอร์การแสดงส่วนลดแบบใหม่

คนขับซึ่งระบบจำคำนวณว่า ชอบรับงานประเภทไหน ส่งคน ส่งอาหาร หรือ ส่งของ ชอบรับช่วงเวลาไหน ส่งใกล้หรือไกล โดยจะนำข้อมูลเหล่านี้มาประมวลผลเวลาที่ลูกค้ามีคำสั่งเข้ามา จะได้มอบงานที่เหมาะกับคน

ขณะนี้กำลังเตรียมเพิ่มทางเลือกให้กับการส่งสินค้าซึ่งจะไม่ได้มีแค่รถมอเตอร์ไซค์อีกต่อไป GET ไม่ปฏิเสธว่า ตัวเลือกการส่งที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นรถจักรยานหรือสกูตเตอร์ไฟฟ้า

แต่ที่แน่ๆ การเดินส่ง” ในระยะ 1 กิโลเมตรอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก เพราะอากาศและถนนในเมืองไทยยังไม่เอื้ออำนวย สุดท้ายร้านค้า เตรียมทำแอปแยกที่จะแจ้งร้านค่ามีคำสั่งซื้อเข้ามา

เรียงจากซ้ายมาขวา : ภิญญา นิตยาเกษตรวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GET, วงศ์ทิพพา วิเศษเกษม ผู้อำนวยการธุรกิจ GET FOOD และ ก่อลาภ สุวัชรังกูร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด GET

ภิญญา นิตยาเกษตรวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GET กล่าวว่า ในช่วงแรกของการให้บริการความท้าทายของ GET คือทำให้บริการนิ่ง การส่งต้องอยู่ภายในครึ่งชั่วโมง และมีเมนูอาหารที่ไม่ด้อยไปกว่ารายอื่นๆ ซึ่งตอนนี้ทำได้แล้ว

ความท้าทายต่อจากนี้ของ GET ไม่ใช่สู้กับ Food Delivery แต่เป็นการดึงให้ผู้บริโภคหันมาสั่งมากขึ้นแทนที่จะไปซื้อที่ร้านเอง ซึ่งแม้ว่าตัวเลขตลาดจะเติบโต 6 เท่าก็จริง แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ยังเติบโตได้อีกมาก ปัญหาที่พบคือ ถึงจะมีความต้องการกินก็จริง แต่ไม่ได้สั่งผ่าน Food Delivery ทั้งหมด

เป้าหมายต่อจากนี้ของ GET คือการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มแมสอายุ 18-45 ปี จากเดิมอยู่ในช่วงอายุ 25-34 ปี ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานต่อเนื่อง (Active User) อยู่ที่ 5 แสนคนต่อเดือน และแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

  • Explorers 58% รู้ว่าอยากกินอะไรร้านไหนในแอป เข้ามาแล้วชอบเสิร์ชชื่อร้าน ชื่อเมนู โดยยอดนิยมที่ถูกเสิร์ช คือ ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง ส้มตำ
  • Chillaxer 18% กลุ่มนี้รู้ว่าหิวแต่ไม่รู้เมนูที่ต้องการสั่ง GET นำเสนอเมนูต่างๆ แก่ลูกค้า เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา เช่น ช่วงเช้าจะแนะนำ โจ๊ก ปาท่องโก๋ กาแฟ เป็นต้น
  • Routine Lover 16% กลุ่มนี้รู้อยู่แล้วว่าชอบอะไรต้องการสั่งอะไร และมักจะสั่งเมนูเดิมๆ GET จึงออกฟีเจอร์ช่วยให้ง่ายสั่งได้ใน 3 คลิก คือ เลือกร้าน เลือกเมนูประจำ และกดสั่งได้เลย

การบุกแมสในครั้งนี้ของ GET เลือกที่จะจัดแคมเปญใหญ่ อยากกินอะไร สั่ง GET เลย ที่มาพร้อมกับการดึงนนท์ ธนนท์มาเป็นพีเซ็นเตอร์คนแรกของ GET ซึ่งเลือกเพราะมีคาแร็กเตอร์ที่เข้าถึงได้ง่าย จะให้หล่อหรือตลกก็ได้เหมือนกับ GET มีสัญญา 1 ปี

โดยจะมีการใช้สื่อทั้งออฟไลน์และออนไลน์ไปพร้อมๆ กับการออกสินค้าในคอลเลกชั่น “Only At GET เรื่องกินต้องเก็ท ที่เปิดโอกาสให้สั่งอาหาร 7 เมนู ที่ทำโดย 4 เชฟชื่อดัง ได้แก่ เชฟต้น เจ้าของร้านอาหารบ้าน (Bann) เชฟกิ๊ก เจ้าของร้านอาหารเลิศทิพย์ เชฟเปเปอร์ แห่งร้าน ICI และเฮียเก๊า แห่งร้านเจ๊โอว โดยจำกัดระยะเวลาขาย 1 เดือน