นิ้วโป้งและนิ้วชี้ของ “ปัญญา นิรันดร์กุล” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคำว่า “ถูกต้องนะ...คร้าบ” เคยมีอิทธิพลที่ทำให้แฟนรายการทีวีใช้เป็นมุก เลียนแบบกันสนั่นเมือง... ใช่แล้ว, ผู้ชายสวมแว่นหน้าตี๋ผู้นี้ เขาคือสัญลักษณ์ของเกมโชว์ วาไรตี้โชว์ และสารพัดโชว์ทางจอตู้ เป็นเจ้าของรายการทีวีมากถึง 1,121 ชั่วโมงต่อปี ไม่แปลกใจนักที่ใครๆ ยกย่องเขาว่า “เจ้าพ่อเกมโชว์” ในเมืองไทย 1. POSITIONING พบปัญญาในวันเปิดตัวรายการเกมโชว์ “อัจฉริยะข้ามคืน” ที่อาณาจักรเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์แห่งใหม่ ย่านปทุมธานี แม้ในวันนี้รังใหม่ของเวิร์คพอยท์จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่รอยยิ้มของปัญญาดูจะภูมิอกภูมิใจเมื่อมีใครต่อใครบอกว่า บ้านหลังใหม่ของเวิร์คพอยท์ใหญ่และน่าอยู่ที่สุด อาณาจักรของเวิร์คพอยท์ มีห้องอัดรายการ 5 ห้อง มีออฟฟิศ และพื้นที่โอ่อ่ากว้างขวางรองรับธุรกิจที่ขยายตัว ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเอนเทอร์เทนเมนต์ของปัญญาสมบูรณ์แบบที่สุด...
บนถนนสายหัวเราะ...ไม่มีแก๊งตลกใด ดังและประสบสำเร็จเท่ากับ หม่ำ เท่ง โหน่ง อีกแล้ว พวกเขาคือสูตรขายขำสนั่นจอ เป็น Idol ทางธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ ที่มีอิทธิพลทำให้วงการตลกเมืองไทยหันเหมาสู่วงการจอตู้กันอย่างคึกคัก ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นความคิดอันเบ่งบานของเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ผู้สร้างแก๊งสามช่า ที่มี หม่ำ โหน่ง เท่ง เป็นตัวตลกวาไรตี้ ดูเหมือนว่าสูตรขายขำทางจอตู้ที่นำมาผสมกับเกมโชว์ ได้กลายเป็นความสำเร็จทางธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่ทรงพลัง และออกดอกออกผลสู่ขุมทรัพย์อันยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ดี ถ้าสูตรดี ตลกไม่เก่ง สูตรนี้คงสร้างความสำเร็จไม่ได้ แต่ความสามารถของแก๊งสามช่ากลุ่มนี้ ต้องยอมรับอย่างใจจริงว่า เก่งและอัจฉริยะอย่างมาก ปัญญา...
...คนหนุ่มสาวกว่าสิบชีวิต... แต่งตัวด้วยชุดพื้นบ้านประยุกต์ สะดุดตา มีสีสัน... ถือเครื่องเล่นดนตรีพื้นฐานจากถิ่นอีสาน แคน โปงลาง...ผสม ลีลา ร้อง เต้น เล่นมุก...จนสามารถสะกดคนดูได้ทุกครั้งที่พวกเขาออกโชว์...น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก "โปงลางสะออน" กลุ่มศิลปินคนรุ่นใหม่ที่สร้างชื่อ ระบือถิ่นไปทั่ว จนกลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ ร้อนแรงที่สุดในวงการดนตรีไทยเวลานี้ ความสำเร็จ "โปงลางสะออน" วันนี้ไม่ใช่แค่มีจำนวนคนรู้จัก พูดถึงเขามากขึ้น แต่ซีดีการแสดงครั้งแรกในชีวิต ชุดแรกทุบสถิติแซงหน้าทะลุ 1 ล้านแผ่นภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ! ...คิวตระเวนโชว์ ออกแสดงคอนเสิร์ต ตามสถานที่ต่างๆ แน่นเอี๊ยดจนถึงปลายปี…นี่ไม่นับรวมผลงานด้านภาพยนตร์เรื่องแรก "รักจัง" ที่ถูกประกบเล่นกับ ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หนุ่มฮอตค่าตัวร้อยล้าน และอีกเรื่องหนึ่งที่กำลังเตรียมเปิดกล้องปลายปีนี้ ...
สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ใครๆ ก็เรียกเขาว่า “เสี่ยเจียง” เจ้าของอาณาจักรสหมงคลฟิล์ม ผู้มีเครือข่ายธุรกิจภาพยนตร์ไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาคือบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในวงการหนังไทย เพียงเขาขยับเขยื้อน วงการหนังไทยก็สั่นสะเทือนแล้ว! โรงหนังที่ยังไม่จบ บุรุษมาดเสี่ย ที่มักสวมเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมเสื้อหนึ่งเม็ด พูดจาโผงผาง ดุดัน น่าเกรงขาม ถึงวันนี้ 30-40 ปีที่แล้วที่เขายังทำงาน ทำธุรกิจภาพยนตร์อย่างทุ่มเท แม้อายุของเขาจะเข้าวัยเกษียณแล้วก็ตาม แต่โรงหนังชีวิตของเขาก็ยังไม่รู้จบสิ้น ทุกวันนี้ เสี่ยเจียงยังตื่นนอนประมาณ 3 โมงเย็น ถ้าไม่ติดภารกิจใดๆ เขาจะออกจากบ้านที่ซอยราชครูมาทำงานที่สหมงคลฟิล์ม ย่านสะพานควาย ใครๆ ที่นัดหมายกับเขา มักจะมาพบเขาที่นี่ ตั้งแต่ 4 โมงเย็นเรื่อยไปถึงสองทุ่ม สามทุ่ม...
“ลูกชายท่านคนหนึ่ง สุภาพ ติดดิน มีน้ำใจมาก เคยเจอครั้งหนึ่งที่งานสังคม เขาก็อุตสาห์เดินไปหาเก้าอี้ให้ดิฉันนั่ง” ข้าราชการคนหนึ่งเล่าให้ฟังด้วยความปลาบปลื้ม และออกอาการชื่นชมบุตรชายคนหนึ่งของ ”เจริญ สิริวัฒนภักดี” เศรษฐีอันดับ 1 ของไทย อย่างมาก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมาย ที่ลูกมหาเศรษฐีจะบริการและให้เกียรติคนธรรมดาคนหนึ่งได้อย่างไม่ถือตัว ทำให้อดชื่นชมเสียไม่ได้กับการเลี้ยงดูบุตรและธิดา ที่กลายเป็นที่รักใคร่ของคนในสังคม ซึ่งไม่เพียงอ่อนน้อมถ่อมตน และมีสัมมาคารวะแล้ว ยังไม่ได้ทำตัวเหมือนชาวไฮโซทั่วไป นี่คือความสำเร็จสุดยอดของคนคนหนึ่งที่พึงมี ในการสามารถสร้างทายาทที่มีคุณภาพต่อสังคม จึงไม่น่าแปลกใจว่าในยุคนี้ ที่สังคมไทยจะรู้จัก ”เสี่ยเจริญ” กันอย่างดี โดยไม่ใช่การรู้จักเฉพาะความร่ำรวยเท่านั้น และไม่เพียงประเทศไทยเท่านั้น แต่ในสังคมโลกก็รู้จัก ”เสี่ยเจริญ” ในฐานะเศรษฐีระดับโลกด้วยเช่นกัน จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส ในปี 2548 ด้วยทรัพย์สินมูลค่า...
ผู้หญิงวัยขึ้นเลข 5 ดูปราดเปรียวเกินวัย ที่ชื่อ ศุภลักษณ์ อัมพุช กับการ Think Big ด้วยการนำพื้นที่กว่า 52 ไร่ Prime Location ของกรุงเทพฯ อันได้ชื่อว่าเป็นที่ดินทองคำมาปั้นร่วมกับชฏาทิพ จูตระกูล จากสยามพิวรรธณ์ ให้กลายเป็นเพชรเจิดจรัส นาม สยามพารากอน นับเป็นการการก่อร่างสร้างอภิมหาอาณาจักรค้าปลีกที่เธอหมายมั่นปั้นมือให้เป็น Pride of Bangkok...Jewel of Asia เลยทีเดียว และผ่านไปครึ่งปีนับจากเปิดตัวยังเป็น Talk of the town...
ในบรรดานักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลของเมืองไทย “เจริญ สิริวัฒนภักดี” คือแบบอย่างของนักธุรกิจรุ่นเก่า ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาจากศูนย์ และเจริญก็ใช้โอกาสและเงินทุนที่มีอยู่ไล่ซื้อกิจการเพื่อต่อยอดอาณาจักรธุรกิจ จนกลายเป็นเจ้าของกิจการเหล้า และอสังหาริมทรัพย์ และในกรณีการเทกโอเวอร์กิจการทุกครั้ง จะมีชื่อของเจริญติดอยู่ด้วยเสมอ ถ้าเป็นอาณาจักของโรงภาพยนตร์แล้ว “วิชา พูลวรลักษณ์” คือผู้ทรงอิทธิพลตัวจริง จากโมเดลการมองธุรกิจโรงหนังที่ไม่ใช่เป็นแค่เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ด้วยความยิ่งใหญ่ และหรูหรา ของห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน คงไม่มีนักธุรกิจหญิงคนใด จะโด่งดังเท่ากับ “ศุภลักษณ์ อัมพุช” อีกแล้ว
ย้อนหลังไป 30 ปีคงไม่มีใครไม่รู้จักหนังสือการ์ตูน “ขายหัวเราะ” และ “มหาสนุก” ที่มีเหล่าแฟนคลับทั้งรุ่นเยาว์รุ่นใหญ่ติดกันงอมแงมไปทั่วเมือง นั่นเกิดจากไอเดียที่แตกต่างของ “วิธิต อุตสาหจิต” บรรณาธิการและผู้ก่อตั้งหนังสือการ์ตูน “ขายหัวเราะ” หรือที่รู้จักกันในนาม “บ.ก.วิติ๊ด”ลูกชายคนโตของ “บันลือ อุตสาหจิต” เจ้าครอบครัวธุรกิจโรงพิมพ์กลุ่มบรรลือสาส์น 1 ใน 5 สำนักพิมพ์ขนาดใหญ่ของไทย “ผมเริ่มต้นการ์ตูนขายหัวเราะครั้งแรกในปี 2516 ตอนนั้นวาดเอง และเขียนเองจากแก๊กสนุกๆ ที่เรามี โดยออกวางขายเล่มแรกไซส์ขนาดใหญ่เท่ากระดาษ A4 ราคาเล่มละ 5 บาท ปรากฏว่าขายดิบขายดี จนอีก 2 ปีต้องออกเล่มใหม่ในเครือเป็นมหาสนุก เพื่อขยายกลุ่มผู้อ่านให้กว้างขึ้น จนอายุขายหัวเราะครบ 8...
ตลอดกว่า 20 ปีชื่อ “บัญชา-คามิน” เป็นที่รู้จักในฐานะนักเขียนการ์ตูนการเมืองได้อย่างโดดเด่น และได้รับความนิยมบริโภคสูงสุด กลายเป็นโลโก้หนึ่งควบคู่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และโดดเด่นอย่างยิ่งในช่วงหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ด้วยแนวความคิดที่แหลมคม และลายเส้นที่สวยงาม และได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน หากเปรียบ “ชัย ราชวัตร” เป็นการ์ตูนนิสต์ที่ถือกำเนิดในยุค 14 ตุลาคม 2516 ที่โดดเด่นด้วยลีลาการ์ตูนล้อเลียนการเมืองยุคแรก และยังมีผลงานตีพิมพ์อยู่ในไทยรัฐหน้า 3 เรื่อยมา “บัญชา-คามิน” ก็เป็นการ์ตูนการเมืองยุค 2 ที่เกิดขึ้นมาที่หลังในบุคลิกที่แตกต่าง ด้วยสูตรสำเร็จความลงตัวของ “ไอเดีย” ที่กลั่นกรองเหตุการณ์ และข้อมูลทางการเมืองจนตกผลึก ก่อนส่งต่อให้ “บัญชา” เป็นผู้ถ่ายทอดผ่านการ์ตูนลายเส้น เพื่อตีแผ่ประเด็นการเมืองได้อย่างเฉียบคม ปนทะเล้น ชวนหัวเราะ ...
จังหวะการเต้นของลายเส้นที่ร่างจากเส้นแรกไปจนถึงเส้นสุดท้าย ปรากฏเป็นใบหน้าของ ”ชัย ราชวัตร” ภายในไม่กี่นาทีที่เราเฝ้ามองจากปลายปากกาคอแร้งของ ”ชัย ราชวัตร เอง แทบไม่น่าเชื่อว่ารู้สึกได้จริงๆ ถึงเส้นสายที่มีชีวิต การ์ตูนนิสต์ชื่อดังระดับชาติ ไม่ได้มีฟอร์ม ไม่ได้วางท่าแบบศิลปินบางคน ที่ทำให้รู้สึกเข้าถึงได้ยาก ตรงกันข้าม “ชัย ราชวัตร” จับต้องได้ ด้วยน้ำเสียงที่เนิบช้า ใจเย็น ทำให้คนส่วนใหญ่ในไทยรัฐ และคนที่ได้มีโอกาสรู้จักเขาเป็นการส่วนตัว จะมีน้ำเสียงชื่นชม แต่ตรงกันข้าม อาจมีบางกลุ่มที่ไม่ชอบเขาเป็นการส่วนตัว โดยเฉพาะพวกนักการเมือง หรือคนที่ถูกเหน็บ ประชดประชัน หรือเสียดสี แบบไม่เจ็บแต่แฝงอารมณ์ขัน อันเป็นเสน่ห์ของการ์ตูนหลายช่อง บนหน้า 5 ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โดย...








