ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ที่โดดเด่น และถือเป็นจุดขายของธุรกิจสื่อในเครือมาโดยตลอดต้องยกให้ ”สุทธิชัย หยุ่น” ผู้บริหารเครือเดอะเนชั่น ที่ปัจจุบันมีทั้งหนังสือพิมพ์ภาคภาษาอังกฤษ “The Nation” หนังสือพิมพ์ธุรกิจ ”กรุงเทพธุรกิจ” หนังสือพิมพ์หัวสี อย่าง ”คมชัดลึก” นิตยสารวิเคราะห์ ”เนชั่น สุดสัปดาห์” รายการวิทยุ “เก็บตกจากเนชั่น” สถานีโทรทัศน์ ”เนชั่น แชนนอล” และรายการ ”ชีพจรโลก” ที่ได้ออกอากาศทุกวันจันทร์ในสถานีโทรทัศน์ โมเดิร์นไนน์ ทุกสื่อในเครือ ”เดอะเนชั่น” “สุทธิชัย หยุ่น” จะปรากฏตัวให้เห็น ทั้งทีวี วิทยุ และข้อเขียน โดยเฉพาะข้อเขียนที่ยังคงทำให้ผู้คนยังนึกถึงความเป็น ”สุทธิชัย หยุ่น” อยู่ได้ต้องยกให้คอลัมน์”กาแฟดำ” ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ...
ในช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา “เปลว สีเงิน” เป็นคอลัมนิสต์ ที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของเมืองไทย ข้อเขียนของเขาได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงจากคนในวิชาชีพ สื่อสารมวลชน และบรรดาคอการเมือง คอลัมน์ “คนปลายซอย” ของเปลว สีเงิน ที่ตีพิมพ์ในหน้า 5 ของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ มีความโดดเด่นอยู่ที่ความรู้รอบด้านและหลากหลาย ทั้งเรื่อง การเมือง สังคม เศรษฐกิจ ศาสนา ด้วยสำนวนการเขียนที่มีความเป็นอิสระสูง ให้ข้อคิดเห็นอย่างมีความชัดเจนตรงไปตรงมา และเผ็ดร้อน ชนิดที่ไม่ต้องตีความต่อให้เสียเวลา จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเขา คือ การอธิบายเรื่องยากๆ ที่มีความสลับซับซ้อนให้เข้าใจได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเครื่องมือทางการเงิน หรือเรื่องของศาสนา ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์...
สรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้ชื่อว่าเป็นเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย ในวงการข่าว เขาดังไปพร้อมๆ กับกระแส News talk ฟีเวอร์ เป็นผู้มีอิทธิพลที่จุดไฟแห่งสงครามเล่าข่าว ให้รายการทีวีในเมืองไทย เขาถือเป็นผู้มีแบรนด์ของ “นักวิเคราะห์ข่าว เล่าข่าว” ที่มีอิทธิพลต่อวงการข่าวอย่างยิ่ง สรยุทธเคยทำให้วงการ News talk โด่งดังชนิดที่ทีวีทุกช่อง หันมาทำรายการประเภทเล่าข่าวกันอย่างคึกคัก ประวิทย์ มาลีนนนท์ บิ๊กใหญ่ของช่อง 3 และมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ แห่งโมเดิร์นไนน์ทีวี เคยบอกว่า สรยุทธ คือขุมทรัพย์ที่มีค่ายิ่งในวงการทีวี เขาทำให้รายการเล่าข่าวมีเรตติ้งพุ่งกระฉูด และทำให้รายได้จากอัตราค่าโฆษณาข่าวพุ่งขึ้นจากเดิมถึง 2-3 เท่าตัว...
บุคคลที่มีอิทธิพลด้านสื่อสารมวลชน นาทีนี้เห็นทีไม่มีใครเกิน “สนธิ ลิ้มทองกุล” และ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” โดยเฉพาะ สนธิ ชื่อนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้กับรัฐบาลยุคทักษิณ และมีอิทธิพลต่อการพลิกโฉมการเมืองไทยอย่างยิ่ง ในขณะที่ สรยุทธ สุทัศนะจินดา บุคคลด้านสื่ออีกคนที่ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากในวงการ News talk หรือเล่าข่าว แม้ภาพลักษณ์ของเขาจะเอนเอียงไปทางรัฐบาล แต่เขามีอิทธิพลทำให้วงการทีวีเมืองไทยเกิดกระแส News talk ฟีเวอร์
คงไม่มี “สื่อมวลชน” คนใดที่จะสามารถสร้างปรากฏการณ์ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้เท่ากับ “สนธิ ลิ้มทองกุล” เมื่อพลานุภาพของเขา ทำให้ ทักษิณ ชินวัตร ต้องยอมลุกจาเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ย้อนไปเพียงแค่ปีเศษๆ ที่แล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ความนิยมของนายกฯทักษิณและรัฐบาลพรรคไทยรักไทยอยู่ในระดับสูงยิ่ง กวาดเสียงได้ถึง 19 ล้านเสียง ได้ที่นั่งในสภามากเป็นประวัติการณ์จนตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ แต่เพียงแค่ 1 ปีผ่านไป อะไรทำให้ความนิยมของพรรคและ “ท๊าก…สิน” จากการสำรวจของหลายๆ โพลตกต่ำลงรวดเร็ว ? ไม่เพียงแค่ผลทางการเปลี่ยนแปลงความคิดคน ยังมีผลต่อเนื่องไปทางการเมืองจริงจังถึงขั้นที่นายกฯทักษิณตัดสินใจยุบสภา หวังแก้ปัญหาแต่กลับพาไปสู่แรงกดดันมากขึ้นจนต้องประกาศเว้นวรรค ในเวลาเพียงปีเศษหลังจากชนะเลือกตั้งถล่มทลาย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สนธิ ลิ้มทองกุล คือ คำตอบแรกๆ ของคำถามเหล่านี้...
เมื่อเอ่ยชื่อ “ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช” คนส่วนใหญ่ต้องนึกถึงความเจ้าระเบียบ และความเคร่งในการรักษาขนบธรรมเนียบประเพณีไทย จนกลายเป็นโลโก้ “ระเบียบรัตน์” ที่สาวนุ่งน้อยห่มน้อยได้ยินชื่อแล้วต้องผวา เพราะเป้าหมายของเธอคือมุ่งมั่นให้หญิงไทยรักษาความเป็นกุลสตรี และปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่างให้สังคม เธอมีรางวัล “สตรีดีเด่นในพระพุทธศาสนาแห่งโลก” สาขาการเมืองด้านสตรีในพระพุทธศาสนาในวันสตรีสากลปี 2546 การันตรี และรางวัลต่างๆ ด้านสตรีและด้านสังสงเคราะห์อีกมากมาย อาทิ รางวัล “ยอดหญิงปี 2546” รางวัล “สตรีตัวอย่าง” มูลนิธิสร้างสรรสังคมไทย และรางวัล “นักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น” ปี 2541 การันตีได้ว่า ระเบียบรัตน์ เป็นสตรีอีกคนหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อสังคมไทย เธอ ปกป้องสิทธิ์ของการเป็น “เมียหลวง” อย่างเต็มที่...
นักวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค ที่หากขึ้นเวทีเพื่อสัมมนาเมื่อไหร่ ก็สามารถเรียกสื่อมวลชนให้เข้าไปทำข่าวได้จำนวนมาก หรือหากเกิดภาวการณ์ต้องเตือนสตินโยบายของรัฐบาลในการบริหารระบบเศรษฐกิจทั้งตลาดเงิน และตลาดทุนเมื่อไหร่ หลายคนจะต้องพยายามตามหา ”ศุภวุฒิ สายเชื้อ” เพราะความน่าเชื่อถือในข้อมูล และการคอมเมนต์อย่างมีระบบ ไม่ยากต่อการทำความเข้าใจนัก “ศุภวุฒิ” เป็นบุตรชายของ ”เชาวน์ สายเชื้อ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ปี 2541-2542 และข้าราชการกระทรวงต่างประเทศในฐานะเอกอัครทูตประจำประเทศฟิลิปปินส์ และนิวซีแลนด์ ซึ่งทำให้ ”ศุภวุฒิ” มีโอกาสศึกษาต่อต่างประเทศตั้งแต่ระดับมัธยม ปัจจุบัน “ศุภวุฒิ” ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด (มหาชน) โดยเริ่มงานในสายการวิจัยและวางแผน ตั้งแต่ปี 2537 ในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ ซึ่งในปีเดียวกันนี้ได้มีการแยกกิจการระหว่างบริษัทเงินทุน และบริษัทหลักทรัพย์ออกจากกัน “ศุภวุฒิ”...
“ปีละหน คนกันเอง” ที่สังคมไทยจะได้เห็นข้อเขียนวิจารณ์รัฐบาลที่เขียนด้วยสำนวนภาษาเชิงเสียดสี มีคำให้ฉายาใหม่ๆ แก่รัฐบาลขณะนั้น ให้หนังสือพิมพ์ได้ไปลงพาดหัวทุกครั้ง ผลงานนี้มาจากอาจารย์ด้านสังคมศาสตร์ที่ชื่อ ธีรยุทธ บุญมี "ซีอีโอขาโจ๋", “ประชา Marketing”, “บริกรสีเทา” ไปจนถึง "เศรษฐีโรคจิต" และ “ทักษิโนมิกส์” เป็นบางส่วนของฉายาที่เป็นสีสันในบทวิจารณ์รัฐบาลระยะหลังๆ ของธีรยุทธ ทุกครั้งหลังธีรยุทธแถลงข่าววิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล สิ่งที่เกิดต่อเนื่องมาคือการแถลงโต้จากบรรดา “องครักษ์” ของรัฐบาล และการตั้งฉายาวิจารณ์กลับตอบโต้คืนให้กับธีรยุทธ เช่น “เสื้อกั๊กตัวเก่า”, “เสื้อกี๊กขาประจำ” หรือ “คนเฝ้าห้องสมุด” ฯลฯ แต่เหนือกว่าสีสันเหล่านั้น สาระโครงสร้างความคิดในงานของธีรยุทธก็หนักแน่นเป็นที่สนใจและยอมรับของหลายๆ ฝ่ายเสมอมา ตัวอย่างล่าสุดคือการเสนอแนวทางการต่อสู้ที่ทรงอิทธิพลทางความคิด จนฝ่ายกลุ่มพันธมิตรฯ นำไปใช้ทันทีด้วยคำใหม่ที่ยอมรับกันกว้างขวางว่า “อารยะขัดขืน” ก่อนหน้านี้งานเขียนของธีรยุทธก็วิเคราะห์เสนอทางเลือกให้สังคมไทย...
แม้ว่าภาพลักษณ์ตำรวจไทยจะสั่นคลอนอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าเอ่ยถึงตำรวจที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ปราบปรามทุจริต หรือประเภท “ตงฉิน” จะต้องมีชื่อของ “พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส” เสมอ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เริ่มต้นมีชื่อเสียงในช่วงปี 2520 จากความกล้าหาญในการขอย้ายตัวเองจากเขตเมืองไปยังเขตสีแดงที่มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชุกชุมในยุคนั้นคืออำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ซึ่งเขาเคยกล่าวไว้กับนิตยสาร “สารอโศก” ว่า “เราคนเดียว เป็นโสดไม่มีครอบครัว อยู่ในเมืองอย่างสบาย ก็ย้ายตัวเองออกไปเพื่อทำงานตรงนั้น อย่างน้อยก็ได้ไปแทนคนที่มีภาระครอบครัวหนึ่ง เขาจะได้กลับไปดูแล ครอบครัวของเขา ผมแต่งงานตอนเป็นผู้กำกับจังหวัด พ.ศ. 2527 อายุ 36 ปีแล้ว ถ้าแต่งงานก่อนหน้านั้น คงบู๊ไม่ได้ถึงขนาดนี้” เสรีพิศุทธ์ยังกล่าวถึงหลักการบริหารตลอดเส้นทางการเติบโตในสายงานกับสารอโศกว่า “ผมผ่านมาเยอะ ปราบคอมมิวนิสต์มา 100...
ซูเปอร์ ”ทนง” ฮีโร่ ”ของทักษิณ” “หมดเวลาฮันนีมูน ถึงเวลามาช่วยกันทำงานได้แล้วนะ” ประโยคจากปากของ ”พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ระหว่างการสนทนาครั้งหนึ่งกับ ”ทนง พิทยะ” ขณะที่ ”ทักษิณ” กำลังเตรียมจัดตั้งรัฐบาลชุดทักษิณ 2 ต่อจากทักษิณ 1 หลังดำรงตำแหน่งมาครบวาระ 4 ปี จนเป็นที่มาทำให้ ”ทนง” กลับมาในตำแหน่งทางการเมืองอีกครั้ง การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 เป็นไปตามคาดที่พรรคไทยรักไทยได้เสียงข้างมาก พ.ต.ท.ทักษิณจึงจัดตั้งรัฐบาล โดยดึง ”ทนง พิทยะ” ที่ในช่วงรัฐบาลทักษิณ 1 ได้ดำรงตำแหน่งสำคัญ อย่างประธานคณะกรรมการการบินไทย...






