หากจะเรียกแนวทางการเมืองที่เน้นว่าอำนาจรัฐบาลต้องไปทางเบ็ดเสร็จสงบเงียบจากเสียงคัดค้านว่าเป็นแนว "ขวา" ก็นับได้ว่ามีอยู่ผู้หนึ่งที่ยึดมั่นคงเส้นคงวา "ขวาอมตะ" ตลอดมาถึง 38 ปีแล้วในวงการเมืองไทย และไม่ว่าจะลงสมัครตำแหน่งใดทางการเมือง จะได้คะแนนเสียงมากมายอยู่เสมอ เขาคือ สมัคร สุนทรเวช หลังจบนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ รุ่นเดียวกับอดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย เส้นทางการทำงานของสมัครเริ่มจากการเป็นสื่อสายการเมือง โดยเขียนบทความและความคิดเห็นทางการบ้านการเมืองแบบไม่ประจำในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ, สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ และชาวกรุง ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 และเขียนไปถึง พ.ศ. 2516 หลังเล่นการเมืองแล้ว และหลังจากนั้นมาเขาแทบไม่เคยยุติบทบาทตนเองในการเป็น "สื่อ" ที่มีสำนวนและมุมมองดุเดือดตลอด จนถึงต้นปีที่ผ่านมาทางทีวี สมัคร ข้ามจากการเป็นสื่ออย่างเดียวมาเริ่มต้นชีวิตทางการเมืองโดยเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ปี 2511 ลงสมัครในระดับต่างๆ ไล่ขึ้นมาจากท้องถิ่น จนมีบทบาทโดดเด่นในช่วงปี 2519...
ในการแข่งขันไม่ว่าธุรกิจหรือการเมือง ส่วนใหญ่ผู้คนมักจะมุ่งความสนใจไปที่คู่ขับเคี่ยวอันดับหนึ่งและสอง และหลายครั้งที่อันดับสามจะกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลขึ้นมาได้ในฐานะที่เป็น “ตัวแปร” ในสภาพที่อาจเรียกว่า “กึ่งแข่งขัน กึ่งร่วมมือ” (Co-opetitive) ได้กับทั้งคู่สองอันดับแรก ก่อนเข้าสู่เส้นทางการเมือง บรรหารสร้างฐานะเติบโตมาจากการทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เข้าสู่เส้นทางการเมืองโดยการลงสมัคร ส.ส. กับพรรคชาติไทย ไต่เต้าสู่ตำแหน่งเลขาธิการพรรค รัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีในที่สุดเมื่อปี 2538 ด้วยความใหญ่ของพรรคที่มาจากการรวม ส.ส. หลายกลุ่มจากหลายพรรคเข้ามาไว้ด้วยกัน แต่ต่อมาด้วยสถานการณ์ที่ถูกพรรคร่วมรัฐบาลกดดันให้ลาออก บรรหารได้ปฏิรูประบบพรรคใหม่ ซึ่ง นิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคที่เป็นคนเก่าคนแก่ของพรรค เล่าไว้ในเว็บไซต์พรรคชาติไทยว่า ถึงเช้าวันหนึ่งที่หัวหน้าพรรคถามเขาว่า “คุณนิกร คุณจะเสียใจไหมถ้าพรรคของเราซึ่งมีจำนวน 90 กว่าในขณะนี้จะเหลือเพียงแค่ 40 คน” นิกรยังถ่ายทอดคำพูดหัวหน้าพรรคเพิ่มเติมว่า “แนวคิดการรวมกลุ่มการเมืองเข้าด้วยกันนั้นไม่ได้ผล เพราะมีมากในจำนวน แต่ขาดคุณภาพ...
ทักษิณ ชินวัตร ทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้สร้างอิทธิพลด้านความคิด ความรู้สึก และด้านอื่นๆ ไว้อย่างรุนแรงกว้างขวางที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เส้นทางการเมืองของทักษิณเริ่มต้นอย่างธรรมดายิ่ง คือเป็นนักธุรกิจนายทุนอุดหนุนพรรคการเมืองที่ข้ามมา “เล่นเอง” ภายหลัง เริ่มจากเข้าไปเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม ชูนโยบายแก้ปัญหาจราจรภายใน 6 เดือนจนเมื่อพรรคเหลือ 1 เสียงและหมดบทบาททางการเมืองไปก็ย้ายไปเป็นรองนายกฯในรัฐบาลพลเอกชวลิตก่อนยุคที่ประเทศไทยพบวิกฤตค่าเงินบาทลอยตัวไม่นานนัก แต่หลังจากนั้นเขาก่อตั้งพรรคไทยรักไทยและความเป็นผู้ทรงอิทธิพลหลายๆ อย่างจึงฉายออกมาอย่างชัดเจน ทักษิณ ชินวัตร ได้ใช้การตลาดนำการเมืองโดยโหมโฆษณานโยบายที่ทุ่มทุนวิจัยทางการตลาดมาแล้วว่าโดนใจคนส่วนใหญ่ ด้วยชื่อนโยบายและถ้อยคำที่กระชับเร้าใจไม่น่าเบื่อ ต่างจากสไตล์ของพรรคการเมืองไทยอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความเข้าใจถึงนิสัยเบื่อเร็วทางการเมืองของคนไทยกับจุดอ่อนทางภาพลักษณ์ของพรรคคู่แข่ง ลีลาการพูด การปรากฏตัวของทักษิณยุคนั้นจึงนำเสนอความกล้าได้กล้าเสีย ผูกมัดตัวเองด้วยเด๊ดไลน์กับนโยบายประชานิยมเอาใจ “รากหญ้า” ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ควบไปกับการโจมตีภาพความเชื่องช้าของคู่แข่งขณะนั้น ได้ผลโดนใจคนไทยจำนวนมากจนได้เป็นรัฐบาลด้วยเสียงมากพอที่จะมีอิทธิพลเหนือพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง ภาพลักษณ์ความเป็นนักธุรกิจใหญ่มาก่อนถูกชูมาเป็นจุดขายเด่นของสินค้า สร้างอิทธิพลทางความคิดค่านิยมว่านักการเมืองที่จะเข้ามาบริหารประเทศยุคใหม่ต้องเป็นประสบความสำเร็จทางธุรกิจมาก่อน คิดแบบเถ้าแก่...
"เส้นทางข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เราไม่รู้ แต่เมื่อมาถึงวันนี้แล้ว เรารู้แต่ว่า... เราแน่ใจเลยว่า เราจะไม่ออกจากร่มกาสาวพัสตร์...เราจะขอตายอยู่บนหนทาง ทางอื่นไม่มีสำหรับเรา" ปณิธานอันมุ่งมั่นของแม่ชี ศันสนีย์ เสถียรสุต กว่า 25 ปี กับภารกิจธรรมอันยิ่งใหญ่ ที่ทำให้แม่ชีศันสนีย์มีผลงานโดดเด่นไม่น้อย ที่รู้จักกันดี คือ การสร้าง “เสถียรธรรมสถาน” สถานที่ปฏิบัติธรรม ซึ่งแต่ละปีมีผู้สนใจเข้าฟังธรรมหลายพันคน และบ้านสายสัมพันธ์ บ้านแห่งชีวิตใหม่ของผู้หญิงที่ประสบปัญหาชีวิตท้องขณะไม่พร้อม “เสถียรธรรมสถานเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ ที่มีธรรมะเป็นหยดน้ำ ที่ทำให้ชีวิตงอกงามได้ เมื่อใดก็ตามที่มีธรรมะ เมื่อนั้นชีวิตงอกงามได้ เหมือนเมื่อใดก็ตามที่มีหยดน้ำ ชีวิตก็ปรากฏขึ้นได้" แม่ชีกล่าวถึงเสถียรธรรมสถาน...
จากพ็อกเกตบุ๊กเล่มเล็ก ที่ชื่อ “ธรรมติดปีก” ของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี ที่สามารถเปลี่ยนแปลงธรรมะ ที่เรียกว่าเป็นยาขม ให้กลายเป็นเรื่องง่ายใกล้ๆ ตัวด้วยสีสัน และเนื้อหา ทันสมัย ใส่กลไกการตลาด จนติดอันดับหนังสือขายดีที่สุด ต้องยอมรับว่า พ็อกเกตบุ๊ก “ธรรมะติดปีก” ที่แต่งโดย พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี เป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันหนังสือธรรมะที่ได้เคยชื่อว่าเป็นลูกเมียน้อยในวงการหนังสือ ให้กลายมาเป็นหนังสือที่ติดอันดับหนังสือขายดีในร้านขายหนังสือ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยังถูกนำไปเป็นบทละครทางสถานีโทรทัศน์ ส่งผลให้มีพ็อกเกตบุ๊กตามมาไม่น้อยกว่า 20 เล่ม เช่น ธรรมะหลับสบาย ธรรมะดับร้อน เป็นต้น...
“ข้าพเจ้ามอบชีวิต และร่างกาย ถวายแด่พระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นนายของข้าพเข้า” เป็นคำบอกเล่าถึงที่มาของชื่อ “พุทธทาส” และความตั้งมั่น ที่มีต่อการอุทิศตนรับใช้พระพุทธเจ้า ด้วยการทำให้พุทธศาสนาแพร่หลาย ผลงานของท่านพุทธทาสภิกขุ ไม่เพียงแต่จะได้รับการยอมรับจากวงการสงฆ์ และวงการศึกษาไทยเท่านั้น ยังส่งผลไปถึงวงการศึกษาธรรมะโลก เมื่อหนังสือของท่านได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษ 15 เล่ม ฝรั่งเศส 8 เล่ม ปี 2549 เป็นปีแห่งวาระ “100 ปี ท่านพุทธทาส” สำนักพิมพ์ต่างๆ รวมทั้งเว็บไซต์ พร้อมใจกันผลิตผลงานท่านพุทธทาส ซึ่งมีทั้งการรวมผลงานของท่านในอดีต และรวบรวมจากประสบการณ์ที่ได้ฟังคำสอนจากท่านพุทธทาสโดยตรง จนเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า “ธรรมะฟีเวอร์” ขึ้น ที่สำคัญ ในวาระนี้องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ...
สาวไทยกรี๊ดสนั่น…มกุฎราชกุมาร”จิกมี” พาดข่าวหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 19 มิถุนายน 2549 ที่สะท้อนเห็นชัดเหลือเกินว่าสาวไทย ”ฟีเวอร์” เจ้าชายแห่งภูฏานองค์นี้มากเพียงใด แม้กระทั่งทรงเสด็จกลับไปแล้ว ก็ยังมีต่อจากกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวที่เล็งเห็นช่องทางให้ผู้ชื่นชมในพระบารมีของเจ้าชายองค์นี้ มีโอกาสไปเยือนภูฏานมากขึ้น และแม้กระทั่งสำนักวิจัยเอแบคโพล ก็ได้สำรวจในหัวข้อเรื่อง “ความปลื้มปิติ ประทับใจของคนไทยต่อพระราชอาคันตุกะที่เสด็จร่วมงานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปีของในหลวง : กรณีศึกษาประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล” ก็พบว่า 70.4% ของผู้ถูกสำรวจ 1,591 คน ตอบว่ามีความประทับใจเป็นพิเศษเพิ่มเติมในพระราชอาคันตุกะจากราชอาณาจักรภูฏาน ด้วยเหตุผลว่าทรงมีจริยวัตรงดงาม ไม่ทรงถือพระองค์ เป็นกันเอง และยังเห็นว่าประทับใจที่ทรงมีพระสิริโฉมงดงาม มกุฎราชกุมาร ”จิกมี” จึงทรงมาแรง กลายเป็นขวัญใจคนไทยจำนวนมากในเวลานี้...
พระองค์ทรงอยู่เหนือ ทุกคำนิยาม และบุคคลใดๆ ในไทย เพราะพระองค์คือดวงใจของแผ่นดิน ที่สถิตอยู่ในใจคนไทยตลอดกาล งานเฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี ต้องนับเป็น “ปรากฏการณ์” ความเป็น “ที่สุด” ในทุกๆด้าน เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความจงรักภักดีของประชาชนที่มีต่อ “ในหลวง” ประทับอยู่ในใจของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ นับเป็นครั้งแรกที่ประชาชนคนไทยหลายแสนคน พร้อมใจกันสวมใส่ “เสื้อเหลือง” มาชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนราชดำเนิน เพื่อรอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม แม้จะใช้เวลารอคอยท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว แต่ทุกคนกลับไม่ย่อท้อหรือเหน็ดเหนื่อย ตรงกันข้ามกลับเต็มไปด้วยความปลื้มปิติ กับภาพที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโบกพระหัตถ์ให้กับประชาชน ...
“แคร์ฟรี” จัดกิจกรรมโรดโชว์หนุน “แคร์ฟรี เฮลที เฟรช” ให้กลุ่มเป้าหมาย ในหัวเมืองใหญ่ได้สัมผัสประสบการณ์ความสะอาดสดชื่น แบบไม่ต้องกังวล เรื่องแบคทีเรีย พร้อมตระเวนค้นหาสาวทันสมัยบุคลิกสดใสที่ใช้แคร์ฟรีีเพื่อเป็น พรีเซนเตอร์ในนิตยสารชื่อดัง นางสาวประมวลศรี คงยิ่งยง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน คอนซูเมอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ 3 บริษัทฯ ได้จัดให้มีกิจกรรมโรดโชว์เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบถึงจุดเด่น และไดัสัมผัสประสบการณ์ความแห้งสะอาด และความสดชื่นที่แตกต่างของผลิตภัณฑ์ แผ่นอนามัย “แคร์ฟรี เฮลที เฟรช” (Carefree Healthy Fresh) ซึ่งมีประสิทธิภาพ ในการระบายความอับชื้น...
แฮปปี้จากดีแทค เปิดช่องทางสื่อสารความสุขกับลูกค้าและประชาชนอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ทางคลื่นวิทยุ 103.5 เอฟเอ็ม ด้วยแนวคิด Interactive Radio หรือคลื่นแห่งรอยยิ้มที่สื่อสารถึงกันและกันตลอดเวลา นำคาแรคเตอร์ของบริการต่าง ๆ มาใช้กับรูปแบบของรายการ อัพเดททุกข่าวสารจากแฮปปี้ นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เปิดเผยว่า แฮปปี้ได้ร่วมมือกับคลื่นวิทยุ 103.5 เอฟเอ็ม เปิดตัว “103.5 แฮปปี้สเตชั่น” แหล่งรวมพลคนแฮปปี้บนหน้าปัดวิทยุ นำเสนอรายการวิทยุแนวใหม่ที่ให้ทั้งความรู้ ความบันเทิง เกม ตลอดจนการแสดงความคิดเห็น ฯลฯ ที่ตรงกับความต้องการของผู้ฟังทุกเพศ ทุกวัย อย่างแท้จริง “103.5...







