- คาดการณ์จีดีพีปี 2562 ทั้งปีโต 8% ต่ำจากเป้าหมายต้นปีที่เคยวางไว้ 4%
- เห็นสัญญาณบวกไตรมาส 4/62 เชื่อว่าช่วงโค้งท้ายปีนี้เศรษฐกิจไทยจะโต 2%
- เดือนตุลาคม 2562 การใช้จ่ายในประเทศและภาคท่องเที่ยวส่งสัญญาณฟื้นตัว
- ปี 2563 คาดจีดีพีโตสูงขึ้นเป็น 3% ความเสี่ยงคงเดิม คือสงครามการค้าและค่าเงินบาทแข็ง
- เช็กนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ “ชิม ช้อป ใช้” กระเตื้อง ประชาชนใช้เงินกระเป๋า 2 แตะ 1 หมื่นล้านบาทแล้ว ส่วน “บ้านดีมีดาวน์” วันแรกลงทะเบียนแล้ว 40,000 ราย
ภาครัฐยังมองบวกกับสถานการณ์เศรษฐกิจโค้งท้ายปี 2562 ต่อเนื่องถึงปีหน้า โดย “ลวรณ แสงสนิท” ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน สรุปการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ไทยปี 2562 น่าจะอยู่ที่ 2.8% และคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีปี 2563 ที่ 3.3% สูงขึ้นจากปีนี้
ที่น่าสนใจอยู่ในช่วงไตรมาส 4/62 สศค.ระบุว่า เริ่มเห็นสัญญาณบวก คาดว่าจะทำให้ไตรมาสนี้เศรษฐกิจเติบโต 3.2% สูงกว่าทั้งปี โดยจับสัญญาณได้จากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ช่วงเดือนตุลาคม 2562 เติบโต 6% (YoY) สะท้อนภาพการบริโภคภายในประเทศดีขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวซึ่งค่อยๆ ฟื้นตัวมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2562 แต่เห็นชัดที่สุดในช่วงเดือนตุลาคม 2562 ซึ่งภาคท่องเที่ยวเติบโต 12% (YoY)
- อ่านเพิ่มเติม: จาก “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ถึง “F.I.T” นักท่องเที่ยวจีนสไตล์ใหม่ และบทเรียนจากโศกนาฏกรรมเรือล่มที่ภูเก็ต
“ต้นปีเราคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะโต 4% แต่น่าจะจบที่ 2.6-2.8% เพราะมีปัจจัยภายนอกมากระทบ แต่เราก็ยังเติบโตอยู่ ยังไม่แย่ เพียงแต่ไม่มากเท่าที่คาด” ลวรณกล่าว
ชิม ช้อป ใช้ + บ้านดีมีดาวน์ นโยบายอุ้มการบริโภคภายใน
ลวรณกล่าวต่อถึงนโยบายเด่นช่วงท้ายปีนี้ซึ่งเริ่มเห็นผลและจะส่งโมเมนตัมยาวไปถึงต้นปีหน้า คือ “ชิม ช้อป ใช้” และ “บ้านดีมีดาวน์”
สำหรับโครงการชิม ช้อป ใช้ ขณะนี้ดำเนินมาถึงเฟส 3 ซึ่งภาครัฐกำลังกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายเงินกระเป๋า 2 (เงื่อนไขให้ประชาชนออกเงินช้อปเองก่อนแล้วรัฐจะคืนเงิน cash back ให้ 15-20%) พร้อมเข็นโปรโมชันเสริม ลุ้นรางวัลทองคำหากใช้จ่ายเงินกระเป๋า 2 นี้
ลวรณเปิดเผยว่า กระเป๋า 2 ของชิม ช้อป ใช้นี้มีประชาชนใช้จ่ายเงินแล้ว 9,916 ล้านบาท (ข้อมูลวันที่ 10 ธันวาคม 2562) เป็นตัวเลขที่ สศค. มองว่าน่าพอใจ หลังจากหลายฝ่ายกังวลว่าประชาชนจะใช้เฉพาะเงินให้เปล่า 1,000 บาทในกระเป๋า 1 และนโยบายนี้จะไม่สามารถกระตุ้นให้ใช้จ่ายต่อในกระเป๋า 2 ได้
นอกจากนี้ สศค.ยังติดตามพบว่า เม็ดเงินชิม ช้อป ใช้ 85% ถูกใช้ในร้านค้าท้องถิ่น จึงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากมากกว่าการใช้จ่ายในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่างที่กังวลกัน
ส่วนโครงการบ้านดีมีดาวน์นั้น วันนี้ (11 ธันวาคม 2562) เป็นวันแรกที่เปิดลงทะเบียน ขณะนี้มีผู้สนใจลงทะเบียนแล้ว 40,000 ราย ซึ่งระบบสามารถรับการลงทะเบียนได้ถึง 500,000 ราย แต่ให้สิทธิ 100,000 รายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเป็นโควตาที่เพียงพอเพราะหลังจากนี้จะต้องมีการตรวจสอบผู้ลงทะเบียนว่าได้รับอนุมัติสินเชื่อบ้านหรือไม่
- มาเช็กคุณสมบัติก่อนร่วมโครงการ “บ้านดีมีดาวน์” มาตรการรัฐคืนเงินดาวน์บ้าน 50,000 บาท
- ให้ดีกว่าไม่ได้! เช็กกระแสอสังหาฯ คาดนโยบาย “บ้านดีมีดาวน์” ช่วยเร่งยอดขาย 5%
ชิม ช้อป ใช้ นั้นวางโครงการยาวไปถึง 31 มกราคม 2563 และ บ้านดีมีดาวน์ สามารถลงทะเบียนได้ถึง 31 มีนาคม 2563 สศค.จึงมองว่าน่าจะมีผลกับการบริโภคภายในประเทศได้ถึงต้นปีหน้า
กระตุ้น “การลงทุน” ดันจีดีพีปีหน้าโต 3.3%
โครงการบ้านดีมีดาวน์ยังเป็นความหวังในการช่วยระบายสต็อกอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเปิดพื้นที่ให้อสังหาฯ สามารถหมุนเวียนการลงทุนรอบใหม่ได้ด้วย ลวรณอธิบายว่า หากโครงการกระตุ้นให้เกิดการซื้อบ้านได้ครึ่งหนึ่งของโควตา คือ 50,000 หลัง ราคาหลังละเฉลี่ย 4 ล้านบาท เท่ากับมียอดขายเกิดขึ้น 2 แสนล้านบาท จะช่วยล้างสต็อกอสังหาฯ ออกไป ผสานกับปีหน้า แลนด์ลอร์ดน่าจะเริ่มปล่อยขายที่ดินตอบรับการบังคับใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทำให้ดีเวลอปเปอร์มีซัพพลายที่ดินมาใช้พัฒนา
นอกจากนี้รัฐยังมีโครงการกองทุนหมู่บ้านกระตุ้นการลงทุนฐานราก และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) กระตุ้นการลงทุนอุตสาหกรรมไฮเทคระดับประเทศ
ลวรณมองว่า การใช้จ่ายในประเทศและภาคการลงทุนน่าจะเป็นกุญแจหลักเพื่อดันจีดีพีประเทศปี 2563 ให้โตถึง 3.3% ได้ ส่วนความเสี่ยงของปีหน้าน่าจะยังเหมือนกับปีนี้ คือเรื่อง “สงครามการค้า” และ “ค่าเงินบาทแข็ง” ที่มีผลกระทบกับการส่งออก
อย่างไรก็ตาม สศค.ประเมินว่าสงครามการค้าน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากสหรัฐอเมริกาจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2563 ทำให้สหรัฐฯ ต้องเร่งซับเลือดจากการทำศึกเศรษฐกิจก่อนถึงการเลือกตั้ง