สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมส่งเครื่องบินเเบบเช่าเหมาลำไปยังเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนให้เร็วที่สุดภายในวันพรุ่งนี้ (28 ม.ค.) เพื่อรับประชาชนชาวญี่ปุ่นกลับประเทศ ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมียอดผู้ติดเชื้อเเล้วกว่า 2,800 คน เเละผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 80 คน
ข้อมูล ณ วันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมาระบุว่า มีชาวญี่ปุ่น 710 คนกำลังอยู่ในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งคาดว่าเป็นต้นกำเนิดของเชื้อไวรัสนี้ โดยมีการสำรวจว่ามีชาวญี่ปุ่นกี่คนที่ต้องการกลับประเทศ ทั้งนี้ ล่าสุดทางการสามารถติดต่อกับชาวญี่ปุ่นได้ 430 คนเเล้ว
โยชิฮิเดะ สุกะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวในการเเถลงข่าววันนี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังประสานงานกับทางการจีนเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ชาวญี่ปุ่นทุกคนที่ต้องการเดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่น โดยจะมีการจัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำให้บริการ
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนได้สั่งปิดเมืองอู่ฮั่นอย่างเป็นทางการ ไม่สามารถใช้รถยนต์ส่วนบุคคลหรือขนส่งสาธารณะได้ ส่งผลให้ประชาชนกว่า 11 ล้านคนไม่สามารถเดินทางออกจากเมืองได้ หลังไวรัสโคโรนาระบาดเร็วกว่าที่คาด
อ่านเพิ่มเติม : จีนเตรียมสร้าง ‘โรงพยาบาล’ สำหรับรองรับผู้ติดเชื้อไวรัส ‘อู่ฮั่น’ โดยเฉพาะ
โดยนายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่นแถลงข่าวยอมรับว่า ก่อนที่ทางการจะสั่งปิดเมืองมีผู้คนเดินทางออกจากเมืองอู่ฮั่นกว่า 5 ล้านคน ทำให้เชื้อไวรัสแพร่ระบาดไปทั่วประเทศจีน พร้อมคาดว่าเฉพาะที่เมืองอู่ฮั่นอาจมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีกมากกว่า 1,000 คน
อ่านเพิ่มเติม : ธุรกิจกระทบหนัก “เซี่ยงไฮ้ ดิสนีย์เเลนด์” ประกาศปิดบริการชั่วคราว ป้องกันไวรัสโคโรนา
ด้านสำนักข่าว NHK รายงานว่า บริษัทเอกชนญี่ปุ่นเตรียมอพยพพนักงานเเละครอบครัวออกมาจากเมืองอู่ฮั่นเช่นกัน โดยส่วนใหญ่กว่าครึ่งเป็นธุรกิจในภาค ภาคการผลิตรถยนต์ เช่นฮอนด้า รวมถึงธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่อย่าง “อิออน”
มีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ฝรั่งเศส และรัสเซีย ก็กำลังจะอพยพพลเมืองของตนเองออกจากเมืองอู่ฮั่นโดยเร็วที่สุด รวมถึงไทยที่กำลังประสานกับทางการจีนอยู่
mgronline รายงานว่า พล.อ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในวันนี้ว่า ทางการไทยมีการเตรียมแผนไว้นานเเล้วเกือบเดือน โดยให้มีการขึ้นบัญชีคนไทยในจีนไว้ว่าถ้าใครมีความประสงค์อยากกลับเมืองไทย ทางรัฐบาลจะขออนุญาตนำเครื่องบินไปรับคนไทยทันที หากทางการจีนอนุมัติ
ที่มา : Reuters , japantoday