เริ่มฟื้น! ศุภาลัยชี้ยอดขายบ้านดีขึ้น แต่ผู้ประกอบการยังระวังตัว คาดซัพพลายปีนี้ลด 20-50%

ศุภาลัยชี้ตลาดอสังหาฯ เริ่มฟื้นตัวแล้ว อย่างไรก็ตาม คาดว่าดีเวลอปเปอร์จะระมัดระวังการเปิดโครงการใหม่หรือบางส่วนไม่มีความพร้อม ทำให้ซัพพลายรวมในตลาดปี 2563 กลุ่มคอนโดฯ จะลดลง 50% และกลุ่มบ้าน-ทาวน์เฮาส์ ลดลง 20-30% ส่วนของศุภาลัยชะลอเปิดคอนโดฯ ไตรมาส 2 ออกไปก่อน มองอนาคตระยะยาว ‘New Normal’ อาจทำให้ลูกค้าคอนโดฯ เลือกห้องชุดขนาดใหญ่มากขึ้น เพราะต้องใช้ชีวิตในที่พักของตนเองมากกว่าพื้นที่ส่วนกลางหรือนอกคอนโดฯ

“ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่เข้าสู่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา เห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น พบลูกค้ากลับเข้ามาเยี่ยมชมโครงการเกือบจะเท่ากับสถานการณ์ปกติ โดยเฉพาะโครงการแนวราบ สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้ายังมีความต้องการสูง แต่เนื่องจากเกิดโรคระบาดในช่วงที่ผ่านมาทำให้ลูกค้าบางส่วนไม่กล้าเข้าเยี่ยมชมไซต์ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตลอดปี 2563 ธุรกิจอสังหาฯ ไม่สามารถกล่าวได้ว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ ‘ดีมาก’ เนื่องจากการระบาดของไวรัส COVID-19 มีผลกระทบกับทุกธุรกิจ และบางบริษัทที่กระแสเงินสดค่อนข้างตึงมืออาจจะเห็นการเลื่อนเปิดโครงการหรือชะลอการก่อสร้าง รวมถึงบางบริษัทอาจพิจารณาชะลอเปิดโครงการใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับดีมานด์ที่ลดลง

ดังนั้น เชื่อว่าซัพพลายใหม่ของกลุ่มคอนโดมิเนียมปี 2563 อาจจะลดลง 50% จากปีก่อน และกลุ่มโครงการแนวราบ (บ้าน-ทาวน์เฮาส์) อาจลดลง 20-30% จากปีก่อน

“การลดลงของซัพพลายให้สัมพันธ์กับดีมานด์ไม่ใช่ว่าไม่ดี เพราะจริงๆ ภาคอสังหาฯ เราก็กังวลมาสักพักแล้วว่าอาจเกิดโอเวอร์ซัพพลายขึ้นในกลุ่มคอนโดฯ การที่มีปีพักฐานแบบนี้เป็นสิ่งที่เหมาะกับสถานการณ์” ไตรเตชะกล่าว

สภาพเศรษฐกิจยังมีผลต่ออัตราการปฏิเสธสินเชื่อบ้านที่สูงขึ้นด้วย ทำให้บริษัทมีมาตรการพรีแอพพรูฟเพื่อเตรียมความพร้อมลูกค้าก่อนยื่นกู้จริง

“ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)

สำหรับ “ศุภาลัย” ที่มีแผนเปิดโครงการ 30 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาทในปี 2563 ยังคงแผนเช่นเดิม แต่ในกลุ่มคอนโดฯ ที่จะเปิดตัว 5 โครงการ จะเลื่อนการเปิดคอนโดฯ ของไตรมาส 2 ออกไปก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์อีกครั้ง ส่วนโครงการแนวราบเปิดตัวตามปกติ ขณะที่เป้าหมายยอดขาย 26,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 24,000 ล้านบาทยังคงเป้าเดิมเช่นกัน

โดยล่าสุดบริษัทเปิดตัวโครงการ ศุภาลัย พาร์ควิลล์ รังสิต คลอง 4 มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ เริ่มต้นขนาดบ้านพื้นที่ใช้สอย 175 ตร.ม. ราคาเริ่ม 5.44 ล้านบาท

ศุภาลัย พาร์ควิลล์ รังสิต คลอง 4

“ช่วงนี้จะเป็นโอกาสของดีเวลอปเปอร์ที่พร้อมทางการเงิน และแสดงภาพลักษณ์ให้เห็นในช่วงวิกฤตว่ามีความรับผิดชอบทั้งต่อลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ รวมถึงพนักงานบริษัท และคู่ค้า เช่น บริษัทรับเหมาก่อสร้าง” ไตรเตชะกล่าว

ทั้งนี้ ศุภาลัยรายงานผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไตรมาส 1/63 ทำรายได้ 3,831 ล้านบาท ลดลง 40% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และทำกำไรสุทธิ 750 ล้านบาท ลดลงถึง 51% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีอัตราหนี้สินต่อทุน 48% สูงขึ้นจากช่วงสิ้นปีก่อนที่อยู่ในระดับ 34% อย่างไรก็ตาม ไตรเตชะกล่าวว่าอัตราหนี้สินต่อทุนระดับนี้ยังดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดเท่าตัว ทำให้บริษัทไม่จำเป็นต้องลดคน และดำเนินการก่อสร้างตามปกติ

 

ลูกค้าคอนโดฯ อาจเปลี่ยนพฤติกรรม

สำหรับวิถีชีวิตใหม่หรือ New Normal ที่เกิดจากโรคระบาด มีผลกับอสังหาฯ เช่นกัน โดยเอ็มดีศุภาลัยมองว่า ในระยะสั้น ภาวะนี้ทำให้ทั้งบริษัทและลูกค้าปรับเข้าสู่การซื้อขายอสังหาฯ ออนไลน์ (online booking) มากขึ้น

รวมถึงในแง่ การออกแบบที่อยู่อาศัย สำหรับโครงการแนวราบอาจไม่เปลี่ยนแปลงมาก แต่สำหรับ คอนโดฯ จะเห็นได้ว่าเมื่อเกิดโรคระบาดทำให้วิถีชีวิตในคอนโดฯ เปลี่ยน จากเดิมเน้นการใช้ชีวิตนอกห้องชุดของตนเองโดยมีพื้นที่ส่วนกลางไว้รองรับ เช่น co-working space แต่เมื่อเกิดโรคระบาดขึ้นทำให้ทุกคนต้องมีชีวิตในห้องชุดของตนเองแทนพื้นที่ส่วนกลางหรือชีวิตนอกคอนโดฯ

“จากเมื่อก่อนห้องชุดมีไว้นอน ส่วนการทำงานหรือใช้ชีวิตด้านอื่นๆ จะอยู่นอกห้องทั้งหมด มาถึงตอนนี้ต้องมองใหม่ว่าห้องชุดไม่ได้มีไว้แค่นอน คนเริ่มทำงานหรือทำอาหารภายในห้อง ผู้บริโภคเริ่มเห็นว่าการมีพื้นที่ในห้องที่ใหญ่ขึ้นสำคัญกว่า การมีครัวปิดเริ่มสำคัญ หรือมองว่าภายในห้องควรมีห้องเอนกประสงค์ไว้ใช้เก็บของหรือดัดแปลงเป็นห้องทำงาน”

ไตรเตชะกล่าวถึงความเป็นไปได้ของวิถีชีวิตใหม่ของคนคอนโดฯ อนาคตผู้บริโภคอาจตระหนักถึงความสำคัญของพื้นที่ในห้องมากกว่าเดิม เป็นโจทย์ให้ผู้ประกอบการคิดถึงการปรับการออกแบบคอนโดฯ กันใหม่ ถ้าหากเทรนด์นี้จะยังอยู่ไปอีกนาน