ประเทศ ‘อินเดีย’ ถือเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชีย และตอนนี้ยังครองตำแหน่งอันดับ 4 ของประเทศที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 มากสุดในโลก โดยเป็นรองโลกสหรัฐอเมริกา, บราซิล และรัสเซีย เท่านั้น ปัจจุบันอินเดียมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 320,000 คน โดยบางวันมีผู้ติดเชื้อเกินกว่า 10,000 คน
เศรษฐกิจของอินเดียเริ่มปี 2563 ในช่วงไตรมาสแรกของปี (ม.ค.-มี.ค.) GDP ของประเทศขยายตัวเพียง 3.1% ถือเป็นการเติบโตที่น้อยที่สุดในรอบ 8 ปี เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคลดลง ขณะที่ภาคยานยนต์ของประเทศต้องดิ้นรนเอาตัวรอด ซึ่งในช่วงที่เศรษฐกิจของอินเดียชะลอตัวลง ยังไม่ได้เกิด ‘การระบาด’ ของ Covid-19 ด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ อินเดียเริ่มออกมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงปลายเดือนมีนาคม เพื่อสกัดกั้นการแพร่กระจายของโรค Covid-19 โดย Shilan Shah นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของอินเดียที่ได้กล่าวว่า ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐศาสตร์แทบทุกแห่งคาดการณ์ว่า GDP ของอินเดียในไตรมาส 2 อาจหดตัวอีก 1.5%
“การตกต่ำของตัวชี้วัดเหล่านี้ส่วนใหญ่เห็นชัดขึ้นในเดือนเมษายน โดยดูได้จากนักท่องเที่ยวที่ลดลงและการผลิตยานพาหนะ และแม้ว่ามาตรการล็อกดาวน์จะผ่อนคลายลงในเดือนนี้ แต่การหดตัวในไตรมาสที่ 3 ก็มีแนวโน้มที่จะแย่กว่า”
ต้องยอมรับว่าอัตราการติดเชื้อของอินเดียไม่ได้ลดลง แต่ก็เลือกจะล็อกดาวน์เพื่อประคองเศรษฐกิจ ขณะที่ปัจจุบันจำนวนเตียงในโรงพยาบาลไม่เพียงพอในการรักษาผู้ป่วย โดยมีบางคนบอกว่า ผู้ป่วยต้องเสียชีวิตหน้าประตูของศูนย์การแพทย์ที่ปฏิเสธพวกเขา
“สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมากทุกวัน” Arvind Kumar ประธานศูนย์ศัลยกรรมทรวงอกที่โรงพยาบาล Sir Ganga Ram ในเดลีกล่าว
หัวหน้าธนาคารกลางอินเดีย Shaktikanta Das ได้เตือนว่า GDP จะลดลงในปีงบประมาณ 2563-2564 ซึ่งสิ้นสุดในเดือนมีนาคมปีหน้า ขณะที่ครั้งสุดท้ายที่เศรษฐกิจอินเดียหดตัวเป็นเวลาหนึ่งปี คือในปี 2522 และเพื่อประคองเศรษฐกิจ ทำให้ธนาคารกลางต้องปรับนโยบายใหม่ โดยประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จาก 4.4% เป็น 4% นอกจากนี้ยังได้ขยายเวลาการพักชำระหนี้ไปอีก 3 เดือนสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง
ด้านนายกรัฐมนตรี Narendra Modi กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนงบประมาณถึง 266 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมถึงขั้นตอนในการปรับปรุงสภาพคล่องให้กับธุรกิจและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ