ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบโดยตรงกับ “ธุรกิจร้านอาหาร” ทั้งเรื่องรายได้ การดำเนินการ พนักงานและการปรับปรุงร้านใหม่ รวมไปถึงการที่ร้านค้าต้องหันมาพึ่งพาบริการฟู้ดเดลิเวอรี่ ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป แต่อย่างไรก็ตามบรรยากาศการสังสรรค์ “ทานอาหารนอกบ้าน” ยังคงเป็นเสน่ห์สำคัญของร้านอาหาร
สิ่งเหล่านี้เป็นโจทย์ท้าทายของเหล่าร้านอาหาร ที่ต้องมีการ “ทรานส์ฟอร์เมชั่น” ไปสู่การเป็นร้านอาหารยุค New Normal แบบ “ครบวงจร” ที่ตอบรับลูกค้าทั้งการทานที่ร้านและเดลิเวอรี่
นี่เป็นที่มาของ “Eatable” (อีทเทเบิล) แพลตฟอร์มตัวช่วยจัดการ “ร้านอาหาร” ที่พัฒนาโดย KBTG บริษัทลูกของธนาคารกสิกรไทย (KBank) โดยผู้ประกอบการไม่ต้องโหลดแอป ไม่มีค่าธรรมเนียม และสามารถจัดการระบบหลังบ้านแบบเรียลไทม์ผ่านทางออนไลน์ ส่วนลูกค้าสามารถเลือกอาหาร สั่ง และจ่ายแบบไร้การสัมผัส ที่กำลังจะเปิดตัวเเบบเต็มรูปแบบในเดือนตุลาคมนี้ พร้อมพัฒนาต่อยอดให้นักท่องเที่ยวจีนสั่งอาหารในไทยได้ปลายปีนี้
ผู้บริหาร KBTG ยืนว่า Eatable เป็นแพลตฟอร์มจัดการร้านอาหารที่มีทั้งส่วนบริการในร้าน รับออเดอร์ เรียกพนักงานหรือรับชำระเงิน เเละมีบริการจัดส่งเดลิเวอรี่ โดยจะเน้นไปที่ “ประสบการณ์การทานอาหารที่ร้าน” ไม่ได้เน้นไปที่ธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่โดยตรง ซึ่งมีการเเข่งขันอย่างดุเดือดในปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ มีธนาคารใหญ่อีกเจ้าอย่างไทยพาณิชย์ (SCB) กระโจนข้ามฟากธุรกิจเเบงก์มาลงทุนในธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ เปิดตัวเเอป “Robinhood” ท้าชน Grab, LINE Man, GET เเละ Food Panda โดยตรงเเละชูจุดเด่นไม่เก็บค่า GP
อ่านเพิ่มเติม : เจาะลึกทุกมุมของ Robinhood ไขข้อสงสัยปมค่าส่ง โมเดลธุรกิจเเละเเผนสู้ศึก “ฟู้ดเดลิเวอรี่”
เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เล่าถึงที่มาของ Eatable ว่า ทางทีมมีโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มเกี่ยวกับร้านอาหารมากนานเเล้ว เตรียมที่จะเปิดตัวมาตั้งเเต่เดือนเมษายน แต่ต้องประสบปัญหาที่ไม่คาดฝันอย่าง COVID-19 เสียก่อน จึงต้องมีการ “รื้อ” เเพลตฟอร์มนี้ทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนทิศทางใหม่ให้เข้ากับสถานการณ์ เป็นการสร้างอีโคซีสเต็ม ต่อยอดจาก “เทคโนโลยีแบบไร้สัมผัส” ที่ KBank เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
จากข้อมู
อย่างไรก็ตาม แม้จะผ่านช่วงแพร่ระบาดหนักมาแล้ว แต่ร้านอาหารก็ยังฟื้นตัวช้ากว่าปีที่ผ่านมาถึง 70% ถือเป็นภาคธุรกิจที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นอย่างมาก
” Eatable ไม่ใช่ธุรกิจหลักของเรา เพราะผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าของ KBank คือหัวใจหลักของเรา การช่วยให้พวกเขาอยู่รอด มีรายได้ที่ดี ปรับร้านอาหารไปสู่ดิจิทัลอย่างยั่งยืน จะนำไปสู่การต่อยอดบริการเเละผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของธนาคาร ก็เป็นเป้าหมายของเเพลตฟอร์มนี้เเล้ว” เรืองโรจน์ระบุ
ผู้บริหาร KBTG ไม่เปิดเผยถึงงบประมาณในการลงทุน แต่บอกเพียงว่า “เยอะ” ทั้งในส่วนปฏิบัติการและการประสานงาน แต่ก็ถือว่าคุ้มเพราะ “ถ้าลูกค้าแฮปปี้ เขาก็จะอยู่กับเรานาน”
จุดเด่นของ Eatable
- รองรับลูกค้าที่ทานที่ร้
านและให้จัดส่ง (Dine–in, Dine–Out & Delivery) - รองรับนักท่องเที่ยว มีให้ใช้หลายภาษาทั้งไทย อังกฤษเเละจีน (อนาคตจะมีการเพิ่มอีกหลายภาษา)
- ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปฯ ส่งต่อเป็น URL ไปในหลายโซเชียลมีเดียได้
- ลูกค้าที่มาทานที่ร้าน เลือกสั่งเมนูที่มีภาพอาหารประกอบ ผ่าน QR Ordering ได้ทันที ไม่ต้องรอพนักงานเสิร์ฟมาบริการ ไม่ต้องสัมผัสเมนูเเบบรูปเล่ม ถ้ามาหลายคน ทุกคนกดสั่งเองได้จากมือถือของตัวเอง รวมบิลเป็นโต๊ะเดียวกันได้
- หากต้องการสั่งกลับบ้าน กดสั่งผ่าน QR Ordering ไม่ต้องผ่านพนักงาน ไม่ต้องเข้าคิวรอ
- หากต้องการสั่งเดลิเวอร์รี่ถึงบ้าน จะเป็นการสั่งตรงกับร้านอาหาร โดยทางร้านจะเป็นผู้จัดส่งเองก็ได้ หรือทางร้านจะเลือกวิธีจัดส่งที่คุ้มที่สุดโดย Copy ที่อยู่ลูกค้าไปใส่ในแอปเดลิเวอร์รี่ เช่น Grab, Lalamove, Skootar (ราคาขึ้นอยู่กับเเต่ละผู้ให้บริการ) ซึ่ง Eatable จะคำนวณราคารวม (หักส่วนลดเเละโปรโมชั่น)ให้เลือกเรียบร้อย
-
แจ้งเตือนผ่านไลน์ ตั้งให้แจ้งเตือนด้วย LINE NOTIFY ออเดอร์เข้ามาเมื่อไหร่ รู้ทันที
- กำหนดเวลารับอาหาร ติดตามสถานะออเดอร์
- ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนข้อมูลร้านค้า เปลี่ยนเมนูอาหาร เปลี่ยนรูปได้ทันที โดยไม่ต้องรออนุมัติ
-
มีบัญชีสำหรับพนักงาน รองรับการเพิ่มบัญชีแก่พนักงานหน้าร้านให้มีคนช่วยดูแลร้านตอนเจ้าของร้านไม่อยู่
- ไม่มีค่าธรรมเนียมการใช้บริการ ร้านอาหารนำไปใช้ในร้านได้ฟรี
“สำหรับลูกค้าเดลิเวอรี่ สามารถกดลิงก์ที่ร้านอาหารลงไว้
Eatable มีกำหนดเปิดให้บริการเต็มรูปเเบบในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งตอนนี้มีบริการเปิด Public Beta แล้วที่เว็บไซต์ eatable.kasikornbank.com เพื่อเปิดให้ร้านค้าที่สนใจร่วมลงทะเบียน
ตอนนี้ Eatable ได้เริ่มทดลองใช้กับร้านสุกี้เรือนเพชร และร้าน BEAST&BUTTER และโรงแรมเครือกะตะธานี มีผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ การเลือกผู้ขนส่งที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้สามารถเลือกต้นทุนค่าส่งที่ต่ำลงด้วย ซึ่งเท่าที่ทดสอบแล้ว ต้นทุนค่าส่งอาหารลดลงประมาณ 12.5%
เจ้าของร้าน “สุกี้เรือนเพชร” เปิดเผยว่า เคยได้ใช้เเพลตฟอร์มในรูปเเบบนี้ที่จีน เเต่ตอนนั้นยังไม่มีใครทำเเอปฯ เเบบนี้ในเมืองไทย เเต่พอคิดจะทำระบบด้วยตนเองก็มีค่าใช้จ่ายสูง จึงจัดการร้านในเเบบดั้งเดิมอยู่ จากนั้นพอทาง KBTG มาติดต่อก็เห็นว่าไอเดียตรงกัน จึงนำมาทดลองใช้ในบางสาขา
เบื้องต้นพบว่า ประหยัดกระดาษเเละความผิดพลาดของพนักงานลดลง เนื่องจากเเต่เดิมให้ลูกค้าสั่งโดยการจดเมนูเอง บางครั้งเขียนเเล้วขีดฆ่าหรืออ่านลายมือไม่ออก การสั่งผ่าน QR Ordering แม่นยำกว่า ลดความเสียหายจากการทำออเดอร์ผิด อีกทั้งยังลด “การเดิน” ของพนักงาน ให้พวกเขาไม่เหนื่อยมาก และหันไปโฟกัสกับการดูแลลูกค้าแทน โดยทางลูกค้าก็มีการใช้ Eatable อย่างคล่องเเคล่วเพราะคุ้นชินกับการสั่งอาหารผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่ ในช่วงล็อกดาวน์มาแล้ว
ขณะท่ีเเผนต่อไปของ Eatable จะพัฒนาให้สามารถเชื่อมเข้าสู่บริการรั
นอกจากนี้จะมีการจะมีการเปิดตัวมินิ
ทั้งนี้ การพัฒนาไคไท่เตี่ยนไช่ ผ่านวีเเชทเป็นหนึ่งในการต่อยอดการลงทุน “ฟินเทค” ในจีนของกสิกรไทย โดยก่อนหน้านี้ KBTG ได้เปิดตัว 2 บริษัท KX และ Kai Tai Tech ในเซินเจิ้น ดึงศักยภาพการทำงานรูปแบบสตาร์ทอัพ เพื่อสร้างการเติบโตให้ธนาคารไทย
ผู้บริหาร KBTG ปิดท้ายว่า ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะมีร้านค้าใช้ Eatable จำนวนเท่าใด แต่หวังว่าจะดึงดูดให้ร้านอาหารมาเข้าร่วมให้มากที่สุด เพราะถือเป็นการลดต้นทุนด้านเทคโนโลยีให้กับผู้ประกอบการรายย่อยและร้านอาหารที่มีทุนน้อย ให้สามารถเปลี่ยนแปลงและปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลได้ในระยะยาว ซึ่งจะเป็นการพลิกโฉมวงการร้านอาหารไทยเลยทีเดียว…