คนหนุ่มสาวในออสเตรเลียหลายเเสนคน กำลังเผชิญกับความถอดถอยของตลาดเเรงงาน เเละขาดการฝึกฝนทักษะต่างๆ อันเป็นผลกระทบจากการเเพร่ระบาดของ COVID-19
ล่าสุดรัฐบาลออสเตรเลีย ทุ่มงบ 2,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 4.4 หมื่นล้านบาท) เปิดโครงการ “Job Trainer” สนับสนุนศูนย์อบรมกว่า 300,000 แห่ง เพื่อฝึกทักษะแรงงานให้กับนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่ ผู้ที่กำลังหางาน โดยจะมีเปิดอบรมฝึกทักษะในภาคธุรกิจบริการสุขภาพ การคมนาคมขนส่ง และธุรกิจค้าปลีก
อัตราการว่างงานในออสเตรเลีย พุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่าสองทศวรรษ ในช่วงการเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดยสำนักงานสถิติออสเตรเลียเปิดเผยว่า ในเดือนมิ.ย. อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจาก 7.1% เป็น 7.4% มีผู้ว่างงานเกือบ 1 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งหมดราว 25 ล้านคน ซึ่งถือเป็นอัตราว่างงานที่สูงที่สุดของประเทศ นับตั้งแต่ปี 1998 ขณะที่เศรษฐกิจออสเตรเลียกำลังเผชิญภาวะถดถอยครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี
- เศรษฐกิจ “ออสเตรเลีย” อ่วมหนักช่วงล็อกดาวน์ สูญเงินสัปดาห์ละ 83,000 ล้านบาท
- COVID-19 กระทบอนาคต “คนรุ่นใหม่” เป็นกลุ่ม Lockdown Generation ที่ตกงานมากที่สุด
โดยรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี Scott Morrison จะใช้งบประมาณ 500 ล้านดอลลาร์กระจายไปยังรัฐต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนหลักสูตรระยะสั้น เช่น การเปิดสอนโดยสถาบันเทฟ (TAFE) และผู้ให้บริการฝึกทักษะเอกชน เพื่อให้บริการฝึกสอน สำหรับผู้สนใจโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ส่วนหลักสูตรที่ได้ใบรับรองคุณวุฒิ อย่างเช่น Certificate III และ IV รวมถึงอนุปริญญา (diploma) ที่มีเเนวโน้มว่านักศึกษาจบใหม่จะเลือกเรียน ก็จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลด้วย
นอกจากนี้ รัฐบาลจะใช้เงิน 1,500 ล้านดอลลาร์ เพื่อจ่ายค่าแรงเพิ่มเติมให้กับผู้ฝึกหัดอาชีพ (apprentice) และผู้ฝึกงาน (trainee) โดยเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ เพื่อขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะหมดลงในสิ้นเดือนก.ย.นี้
เป้าหมายสำคัญในแผน Job Trainer คือการเตรียมความพร้อมให้นักศึกษากว่า 2.5 เเสนคนที่จะเรียนจบในช่วงปลายปีนี้ เพราะพวกเขาจะได้รับโอกาสจ้างงานหรือฝึกงานน้อยลง เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ขณะเดียวกันก็หวังจะช่วยให้ผู้ฝึกงานกว่า 3.4 เเสนคน ให้ได้รับการอบรมทักษะที่จำเป็นในการหางานใหม่ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงตั้งเป้าว่าครอบคลุมภาคธุรกิจได้กว่า 9 หมื่นกิจการ
ที่มา : Sydney Morning Herald , theguardian