แม้แต่ฟาสต์ฟู้ดก็อ่วม McDonald’s เผชิญปีสุดหินจากพิษ COVID-19 ทำให้ยอดขายช่วงไตรมาส 2/63 ลดวูบ 30% โดยเฉพาะยอดขายช่วงมื้ออาหารเช้าที่ปกติขายยากอยู่แล้วยิ่งขายยากขึ้นอีก เพราะคนเดินทางไปทำงานน้อยลง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขยอดขายค่อยๆ ดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าเดือนกรกฎาคมนี้อาจกลับมาเติบโตจากปีก่อนได้เล็กน้อย
ฟาสต์ฟู้ดเชนยักษ์ระดับโลก McDonald’s ประกาศผลประกอบการทั่วโลกประจำไตรมาส 2/63 พบว่า ยอดขายตกลง 30% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ลดเหลือเพียง 3,770 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่กำไรสุทธิยิ่งสาหัส ร่วงลง 68% จากปีก่อน เหลือเพียง 483.8 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไตรมาส 2 นี้คือไตรมาสที่ผลประกอบการบริษัทได้รับผลกระทบเต็มๆ จาก COVID-19
“ในหลายๆ ประเทศรอบโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา สถานการณ์สาธารณสุขปรากฏว่ายิ่งเลวร้ายลง” คริส เคมป์ซินสกี้ ซีอีโอของ McDonald’s กล่าวในการรายงานรายได้ “ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมเชื่อว่าผลงานไตรมาส 2 เป็นตัวแทนแนวทางการดำเนินงานของ McDonald’s ที่ได้เรียนรู้การปรับปรุงการปฏิบัติงานภายใต้สภาพแวดล้อมใหม่นี้”
แม้ว่าตัวเลขภาพรวมจะดูไม่ค่อยดีนัก แต่ถ้าเจาะลึกในรายละเอียดจะเห็นว่ายอดขายของบริษัทกำลังค่อยๆ ดีขึ้นในไตรมาสที่ผ่านมา
ยกตัวอย่างตลาดสหรัฐอเมริกาซึ่งยังเผชิญวิกฤตไวรัสอยู่ ยอดขายในสาขาเดิมตกลง 19.2% เมื่อเดือนเมษายนเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ตัวเลขนี้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายลดลง 5.1% ในเดือนพฤษภาคม และปิดท้ายเดือนมิถุนายนยอดขายลดลงเพียง 2.3% เท่านั้น “เควิน โอซาน” ซีเอฟโอของบริษัทยังเปิดเผยด้วยว่ายอดขายเดือนกรกฎาคม “มีแนวโน้มดีขึ้น” เขาแย้มว่ายอดขายเดือน 7 น่าจะ “เป็นบวกเล็กน้อย” อีกด้วย
แต่ในตลาดนอกสหรัฐฯ ยอดขายนั้นตกลงแรงกว่าและการฟื้นตัวดูจะเกิดขึ้นช้ากว่า โดยยอดขายในสาขาเดิมของตลาดนอกสหรัฐฯ ลดลง 39% เมื่อเดือนเมษายนเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และยังคงลดลง 21% ในเดือนพฤษภาคม ตามด้วยลดลง 12% เมื่อเดือนมิถุนายน
อาหารเช้ายิ่งฉุดรายได้ แต่ไดรฟ์ทรูช่วยอุดช่องโหว่
จุดบอดที่หนักที่สุดของ McDonald’s คือยอดขาย “ช่วงอาหารเช้า” ซึ่งปกติเป็นช่วงที่ขายยากอยู่แล้ว เมื่อมาเจอโรคระบาด COVID-19 ช่วงอาหารเช้ายิ่งได้รับผลกระทบเพราะการเดินทางไปทำงานช่วงเช้าถูกดิสรัปต์ไปตามสถานการณ์ ทั้งนี้ บริษัทจะออกกลยุทธ์การตลาดมาช่วยดันเมนูอาหารเช้าต่อไปในปีนี้
เหมือนกับอีกหลายๆ ร้านอาหาร McDonald’s เปิดเผยว่า บริการไดรฟ์ทรูและเดลิเวอรี่คือฟังก์ชันสั่งอาหารที่ช่วยพยุงธุรกิจไว้ได้ เคมป์ซินสกี้กล่าวว่าบริษัทมี “ยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด” จากบริการไดรฟ์ทรู เนื่องจากหลายสาขาถูกสั่งปิดบริการนั่งทานในร้านไป และบริษัทยังพยายามดึงระยะเวลาเปิดที่นั่งทานในร้านสำหรับหลายๆ สาขาที่ตั้งอยู่ภายในรัฐซึ่งมียอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูง
นอกจากนี้ โรคระบาดยังส่งผลให้ McDonald’s ปิดสาขาร้านที่ทำยอดขายต่ำเร็วกว่ากำหนด โดยปีนี้บริษัทเตรียมจะปิดสาขา 200 สาขาอยู่แล้ว และครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้คือสาขาที่ตั้งอยู่ในห้าง Walmart
“ผมคงไม่อยู่ในจุดที่จะคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะถดถอยหรือไม่ แต่ผมพูดได้ว่ามีสัญญาณเตือนหลายอย่างถึงความกังวลของผู้บริโภคว่าเศรษฐกิจจะติดลบ และความรู้สึกของผู้บริโภคกำลังไปในทิศทางที่ผิด” เคมป์ซินสกี้กล่าวถึงอนาคตที่ดูจะยังมืดมน
