COVID-19 ในสหราชอาณาจักรยังน่าห่วง ล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งทำสถิติใหม่ทะลุ 6 หมื่นรายเป็นครั้งเเรก โดยรัฐบาลกำลังเร่งเเจกจ่ายวัคซีน พร้อมทุ่มงบประมาณ ‘ชดเชย’ รายได้เพิ่มเติมพยุงภาคธุรกิจให้ ‘อยู่รอด’ หลังประกาศล็อกดาวน์ประเทศ รอบที่ 3
โดยมีการสั่งปิดร้านค้าปลีก สถานบันเทิง สถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่อื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิต (non-essential business) ทั่วประเทศ
Rishi Sunak รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหราชอาณาจักร เเถลงว่า รัฐบาลจะทุ่มเงินเพิ่ม 4.6 พันล้านปอนด์ (ราว 1.87 แสนล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือธุรกิจค้าปลีก ท่องเที่ยวและสถานบันเทิงที่ต้องปิดให้บริการชั่วคราว ภายใต้คำสั่งมาตรการล็อกดาวน์ โดยแต่ละธุรกิจจะได้รับเงินชดเชยมากที่สุดถึง 9,000 ปอนด์ (ราว 3.6 เเสนบาท)
นอกจากนี้ รัฐบาลอังกฤษ ยังเตรียมจัดสรรงบประมาณอีกจำนวน 594 ล้านปอนด์ (ราว 2.4 หมื่นล้านบาท) เพื่อเข้าช่วยเหลือธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ครั้งนี้ด้วย
โดยเงินเยียวยาดังกล่าวจะเน้นไปที่การพยุงธุรกิจรายย่อยให้อยู่รอดในช่วงที่ต้องขาดรายได้ ส่วนเเรงงานที่โดนพักงาน (furlough scheme) ก็จะได้รับเงินชดเชยที่เเยกจ่ายต่างหาก ซึ่งถูกขยายโครงการไปจนถึงปลายเดือนเมษายน
“เงินชดเชยก้อนนี้จะช่วยธุรกิจสามารถอยู่รอด ทันช่วงรอยต่อที่กลับมาเปิดทำการได้ตามปกติ” Sunak ระบุ
สำหรับการล็อกดาวน์ ครั้งที่ 3 มีผลบังคับใช้จนถึงช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ โดยจะมีความเข้มงวดระดับสูงสุดในอังกฤษ เพราะเป็นพื้นที่พบผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากที่สุด ส่วนสกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ให้นำข้อบังคับไปประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของตัวเอง
ปัจจุบันสหราชอาณาจักรมียอดผู้ป่วย COVID-19 สะสมอย่างน้อย 2.7 ล้านคน เสียชีวิตสะสมกว่า 7.5 หมื่นคนโดยสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง หลังมีความกังวลเกี่ยวกับการพบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “ชนิดกลายพันธุ์” ครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษ เมื่อช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้เร็วขึ้นอีก 70% ซึ่งสายพันธุ์ใหม่ ที่พบในสหราชอาณาจักรและแอฟริกาใต้ยังเป็นคนละชนิดกันด้วย ทำให้ตอนนี้นานาชาติได้สั่งระงับเที่ยวบินจากอังกฤษเพื่อสกัดไวรัสกลายพันธุ์ดังกล่าว
ด้านความคืบหน้าด้านการฉีดวัคซีน รัฐบาลอังกฤษประกาศเป้าหมายระยะเเรก จะเเจกจ่ายให้กลุ่มเสี่ยงจากโรค COVID-19 ได้แก่ บุคลากรการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุ รวมประมาณ 13 ล้านคน ต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส ภายในกลางเดือน ก.พ.นี้
โดยนับตั้งแต่เริ่มแจกจ่ายวัคซีนครั้งเเรก เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ตอนนี้มีประชาชนเข้ารับวัคซีนมากกว่า 1.3 ล้านคน ในจำนวนดังกล่าวราว 6.5 เเสนคน เป็นผู้สูงวัยที่มีอายุมากกว่า 80 ปี