วิกฤตขาดแคลน ‘ตู้คอนเทนเนอร์’ ทำต้นทุนขนส่งพุ่งทะลุ 300%

การระบาดใหญ่และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ไม่สม่ำเสมอทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลน ‘ตู้คอนเทนเนอร์’ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ‘ต้นทุนการขนส่ง’ พุ่งสูงขึ้น และแถมยังทำให้สินค้าที่มาจากจีนนั้นยิ่งมาถึงช้าเพิ่มไปอีก และไม่แค่กับเอเชีย แต่ปัญหานี้กำลังลุกลามไปทั่วโลก

หลายบริษัทที่หมดหวัง เนื่องจากการรอสินค้านานหลายสัปดาห์ และยังจ่ายเงินในอัตราพิเศษเพื่อหาตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งทำให้ค่าขนส่งพุ่งสูงขึ้น โดยปัญหาดังกล่าวนั้นกระทบต่อทุกคนที่ต้องขนส่งสินค้าจากประเทศจีน แต่โดยเฉพาะบริษัทอีคอมเมิร์ซ ซึ่งนั่นทำใหเผู้บริโภคอาจต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น

ในเดือนธันวาคมอัตราค่าขนส่งสินค้าพุ่งสูงขึ้น 264% สำหรับเส้นทางเอเชียไปยุโรปเหนือเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่เส้นทางจากเอเชียไปยังชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาอัตราจะเพิ่มขึ้น 145% ทุกปี Mirko Woitzik ผู้จัดการโซลูชันข่าวกรองความเสี่ยงของ Resilience36 บริษัทความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน ระบุ

Photo : MAERSK

เมื่อเทียบกับราคาที่ต่ำลงในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อัตราค่าขนส่งจากจีนไปยังสหรัฐฯ และยุโรปพุ่งขึ้น 300% จากปกติที่ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ Mark Yeager ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Redwood Logistics กล่าว

“มีตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 180 ล้านตู้ทั่วโลก แต่มันอยู่ผิดที่ ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคือ ดุลการค้าในจีนได้เปลี่ยนไปแล้วรุนแรงขึ้นอย่างมากและความจริงก็คือ มีตู้คอนเทนเนอร์สามตู้สำหรับทุกตู้สินค้าที่เข้ามา”  Yeager จาก Redwood Logistics กล่าว

อีกสิ่งที่ทำให้เรื่องแย่ลงคือ คำสั่งซื้อตู้คอนเทนเนอร์ใหม่ส่วนใหญ่ถูกยกเลิกในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 เนื่องจากทั่วโลกส่วนใหญ่เข้าสู่การมาตรการ Lock Down Alan Ng ผู้นำการขนส่งและโลจิสติกส์ของจีนแผ่นดินใหญ่ PWC และฮ่องกงระบุ

“ขนาดและจังหวะของการฟื้นตัวทำให้ทุกคนประหลาดใจ ปริมาณการค้าที่ฟื้นตัวอย่างกะทันหันทำให้สายการเดินเรือหลักเกือบทั้งหมดจำเป็นต้องเพิ่มความจุตู้สินค้าจำนวนมากเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์”

ปัญหาการขาดแคลนยังทวีความรุนแรงขึ้นอีก เนื่องจากปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศลดลงเพราะการระบาดของ COVID-19 และข้อจำกัดในการเดินทาง และเมื่อการขนส่งสินค้าทางอากาศที่จำกัด สินค้ามูลค่าสูงบางรายการที่ปกติจะจัดส่งทางอากาศเช่น iPhone ต้องใช้ตู้คอนเทนเนอร์ทางทะเลแทนตามข้อมูลของ Yeager

(Photo : Shutterstock)

วิกฤตตู้คอนเทนเนอร์ส่งผลกระทบต่อทุก บริษัทที่ต้องขนส่งสินค้า แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลอย่างเด่นชัดต่ออีคอมเมิร์ซที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ผลิตในจีน การดำเนินงานของ Ikea ในสิงคโปร์เรียกสิ่งนี้ว่า “วิกฤตการขนส่งทั่วโลก” โดยยักษ์ใหญ่เฟอร์นิเจอร์คาดว่าสินค้าประมาณ 850 รายการจาก 8,500 รายการที่จำหน่ายในสิงคโปร์จะได้รับผลกระทบจากความล่าช้าในการจัดส่ง ซึ่งมันมีผลต่อการวางจำหน่ายและโปรโมชั่นที่วางแผนไว้

“ความต้องการบริการด้านโลจิสติกส์ที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกในเวลานี้ ส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนตู้สินค้าทั่วโลก”

ทั้งนี้ รายงานของ Shanghai International Shipping Research Center ที่เผยแพร่ในไตรมาส 4 ปี 2020 ระบุว่าปัญหาการขาดแคลนมีแนวโน้มที่จะคงอยู่ไปอีก 3 เดือนเป็นอย่างน้อย ในขณะที่มีการสั่งซื้อตู้คอนเทนเนอร์ใหม่จะยังไม่พร้อมใช้งานในทันที อีกทั้ง การสร้างตู้คอนเทนเนอร์ก็อาจเกิดความล่าช้าได้ เพราะการระบาดใหญ่ยังส่งผลกระทบต่อเหล็กและไม้ที่จำเป็นในการสร้างตู้คอนเทนเนอร์

Source