รัฐบาลจีนเข้มงวดงดต่ออายุ “พาสปอร์ต” ให้กับประชาชน ยกเว้นกรณีจำเป็น เช่น ศึกษาต่อ ทำงาน เดินทางเพื่อธุรกิจ รวมถึงเข้มงวดการให้ “วีซ่า” ชาวต่างชาติที่ไม่อยู่ในประเทศ เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์เดลตาไม่ให้ข้ามกำแพงเมืองจีนเข้ามาได้
จีนหยุดการอนุมัติและต่ออายุพาสปอร์ตสำหรับการเดินทางที่ไม่จำเป็นเพื่อสกัดไวรัสกลายพันธุ์เดลตา “Chen Jie” โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติ ภายใต้กระทรวงความปลอดภัยสาธารณะ ยืนยันกับสำนักข่าวในประเทศจีนเมื่อวันศุกร์ที่ 30 ก.ค. 2021 ว่าจีนจะยังคงปฏิเสธการขอพาสปอร์ตไปก่อนในปีนี้ และยังไม่มีกำหนดว่าจะผ่อนคลายนโยบายนี้เมื่อไหร่
Chen กล่าวว่า เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องให้ความร่วมมือกับสภารัฐกิจของจีนในการควบคุมโรคระบาด โดยการลดความเสี่ยงการระบาดที่อาจเกิดจากจุดเข้าออกจากประเทศ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงความยากลำบากในการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ๆ ของโรค COVID-19
อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้มีข้อยกเว้นเฉพาะบุคคลที่ต้องเดินทางไปทำงาน เรียนต่อต่างประเทศ หรือทำธุรกิจที่จำเป็น
“หากการเดินทางไม่ได้มีวัตถุประสงค์ฉุกเฉิน เราขอให้ผู้ยื่นขอพาสปอร์ตยกเลิกหรือชะลอแผนการเดินทางออกจากจีน เรายังร้องขอให้เจ้าหน้าที่ยืดหยุ่นและอนุมัติพาสปอร์ตให้กับคนที่จำเป็นต้องไปเรียนต่อหรือทำงาน หากได้รับการยืนยันถึงความจำเป็นแล้ว เราจะดำเนินการอนุมัติให้ในเวลาอันเหมาะสม” Chen กล่าว พร้อมเสริมว่าบุคคลที่จะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำงานเกี่ยวกับการควบคุมไวรัสโคโรนา หรือบุคลากรที่ต้องเดินทางไปทำงานเพื่อช่วยฟื้นฟูประสิทธิภาพการผลิตหลังผ่านพ้นโรคระบาด กลุ่มคนเหล่านี้จะได้รับอนุมัติเร็วกว่า
6 เดือนแรกของปี 2021 จีนมีพาหนะเข้าออกชายแดน 7.5 ล้านครั้ง มีคนเข้าออก 67 ล้านคน โดยเจ้าหน้าที่อนุมัติเอกสารการเดินทางให้ชาวจีนมากกว่า 1.22 ล้านราย และให้กับชาวฮ่องกง-มาเก๊ามากกว่า 3 ล้านราย
Chen กล่าวว่า ปีนี้มีพาสปอร์ตใหม่ได้รับการอนุมัติไป 335,000 ราย สำหรับบุคคลที่จะไปเรียนต่อ ทำงาน หรือทำธุรกิจเท่านั้น ด้านวีซ่าสำหรับชาวต่างชาติ มีการอนุมัติไป 380,000 รายเฉพาะที่อาศัยอยู่ในจีน จีนยังพบชาวต่างชาติที่อยู่อย่างผิดกฎหมายไปแล้ว 85,000 คนด้วย
ทั้งนี้ สำนักข่าว South China Morning Post รายงานจากมุมของประชากรที่สะท้อนให้เห็นว่าการได้พาสปอร์ตหรือต่ออายุพาสปอร์ตในจีนยากลำบากมาก ชาวปักกิ่งรายหนึ่งยื่นขอต่ออายุพาสปอร์ตเพื่อจะร่วมเที่ยวบินเหมาลำไปสอบนักวิเคราะห์การเงิน แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่ถือว่าเป็น “เหตุผลพิเศษ” ที่จะให้ต่ออายุ
ด้านชาวต่างชาติที่จะเข้าประเทศก็ลำบากเช่นกัน เพราะอนุญาตเฉพาะการเดินทางเพื่อทำธุรกิจ และต้องตรวจหาโรค COVID-19 หลายครั้ง และต้องกักตัว 14-21 วันเมื่อไปถึง
กระนั้นก็ตาม การได้วีซ่ามาตั้งแต่แรกก็ยากมาก อ้างอิงจาก Martin Mueller ประธาน สภาหอการค้าสวิสในประเทศจีน พบข้อร้องเรียนจำนวนมากจากบริษัทสวิสที่ไม่สามารถขอวีซ่าให้คนของบริษัทเข้าประเทศจีนได้ ทำให้บริษัทขาดแคลนวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญในตำแหน่งต่างๆ และ Mueller มองว่าการตั้งกำแพงไม่ให้ต่างชาติเข้าประเทศเช่นนี้จะส่งผลต่อชื่อเสียงของจีนในระดับสากล
Nicholas Thomas ผู้เชี่ยวชาญความมั่นคงด้านสุขภาพและผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่ City University of Hong Kong ระบุว่าการควบคุมการอพยพของคน สอดคล้องกับรูปแบบการควบคุมโรคระบาดที่ประสบความสำเร็จไปก่อนหน้านี้ของหลายประเทศ ช่วยหลีกเลี่ยงการระบาดของไวรัสเดลตาได้จริง ด้วยการลดการติดต่อกันระหว่างประชากรภายในกับสังคมที่ติดเชื้อภายนอก
“การจำกัดการเดินทางออกนอกประเทศ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของจีนช่วยลดโอกาสที่ชาวจีนจะติดเชื้อเดลตาในต่างประเทศ และลดความเป็นไปได้ที่บุคคลเหล่านั้นจะสร้างการระบาดในชุมชนเมื่อพวกเขากลับมา” Thomas กล่าว
ไวรัสเดลตากลายเป็นสายพันธุ์หลักของโลกอย่างรวดเร็ว โดยไวรัสสายพันธุ์นี้ทำให้ร่างกายผู้ติดเชื้อป่วยได้รวดเร็วกว่า จากการขยายจำนวนได้เร็วกว่าเดิม 1,260 เท่าเทียบกับสายพันธุ์ต้นกำเนิดที่เป็นพันธุ์หลักเมื่อปีก่อน อ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยในจีน ตีพิมพ์บนเว็บไซต์ Virological.org เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม