IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ ‘โตต่ำกว่า 6%’ หลังเจออุสรรคหลายด้าน ทั้งหนี้สาธารณะที่พุ่งสูง เงินเฟ้อ เเละการกระจายวัคซีนที่ไม่ทั่วถึง
Kristalina Georgieva กรรมการผู้จัดการใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวในงานสัมมนาของมหาวิทยาลัย Bocconi ในอิตาลี ว่า “การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2020 จะลดลงต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ที่ 6% เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา”
หลักๆ มาจากปัญหาความเสี่ยงเกี่ยวกับหนี้สาธารณะ อัตราเงินเฟ้อ การกระจายวัคซีน และแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในเเต่ละประเทศที่แตกต่างกัน จากการระบาดของโควิด-19
Georgieva บอกว่า เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว แต่การระบาดใหญ่ทำให้การฟื้นตัวยังอยู่ในวงจำกัด โดยมีอุปสรรคสำคัญที่เกิดจาก ‘Great Vaccination Divide’ ความแตกต่างด้านการกระจายวัคซีน ที่ทำให้หลายประเทศเข้าถึงวัคซีนโควิด ‘น้อยเกินไป’
ในรายงานของ World Economic Outlook ที่จะมีการอัปเดตในสัปดาห์หน้า จะมีการประเมินว่า บรรดาประเทศเศรษฐกิจใหญ่จะสามารถกลับสู่ระดับปกติก่อนเกิดโรคระบาด ได้ภายในปี 2022 แต่กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ และประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลา ‘อีกหลายปี’ ในการฟื้นตัว
สหรัฐฯ เเละจีน ยังคงเป็นกลไกสำคัญในการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ส่วนอิตาลีและยุโรป ก็มีเเนวโน้มที่ดีขึ้นแต่ในพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของโลก กลับมีการเติบโตได้ช้าลงมาก
หนี้พุ่ง เงินเฟ้อยืดเยื้อ
หนี้สินที่พุ่งสูง ราคาอาหารที่เเพงขึ้น และการขาดเเคลนวัคซีนเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เเละอาจสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจกว่า ‘ล้านล้าน’ หากประเทศเหล่านี้ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้
ขณะเดียวกันปัญหาภาระหนี้ทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 100% ของมูลค่าผลผลิตมวลรวมของโลก ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงสำคัญ
Georgieva มองว่า เเม้ระดับหนี้สาธารณะของภูมิภาคยุโรป จะอยู่ในระดับสูงจ แต่เศรษฐกิจโดยรวมก็จะสามารถเติบโตได้ อีกทั้งนโยบายต่างๆ ของยุโรปก็ยังพยายามจะหลีกเลี่ยงวิกฤตหนี้สาธารณะที่เคยเกิดขึ้น เมื่อช่วงปี 2007-2008 ด้วย
ส่วนอัตราเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อในหลายประเทศ อาจทำให้ธนาคารกลางของเเต่ละประเทศ ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อไว้ ซึ่งจะกระทบต่อเเผนกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงหลังวิกฤตโควิดได้ และเสี่ยงทำให้มูลค่าสินทรัพย์บางอย่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เร่งส่งมอบวัคซีนให้ประเทศยากจน
พร้อมกันนี้ IMF ยังเรียกร้องให้ประเทศร่ำรวย เพิ่มการส่งมอบวัคซีน ไปยังประเทศกำลังพัฒนามากขึ้น รวมไปถึงยกเลิกข้อจำกัดทางการค้าที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคโควิด-19
ปัจจุบันผู้คนเกือบ 46% ทั่วโลกได้รับวัคซีนโควิดเเล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส แต่อัตราดังกล่าวคิดเป็นเพียง 2.3% ของผู้ที่อยู่ในประเทศที่มีรายได้ต่ำ ตามรายงานของ Our World in Data มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด
โดยความเหลื่อมล้ำในฉีดวัคซีนระหว่างกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่ยากจน อาจฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ GDP ทั่วโลกสูญเสียสะสมกว่า 5.3 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
สำหรับประเด็นสิ่งเเวดล้อม กรรมการผู้จัดการใหญ่ IMF ขอให้ประเทศต่างๆ ร่วมมือกันแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง โดยควรหันมาสนับสนุนพลังงานสะอาดพลังงานหมุนเวียน สร้างเครือข่ายไฟฟ้ารูปแบบใหม่ เเละมุ่งลดมลพิษจากคาร์บอน
“แนวทางนี้จะช่วยเพิ่ม GDP ของโลกได้ราว 2% ในชาวงทศวรรษนี้ และสร้างงานได้อีกราว 30 ล้านตำแหน่งทั่วโลก”
ส่วนประเด็น ‘สกุลเงินดิจิทัล’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ IMF บอกว่า สกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกลางเป็นรูปแบบเงินดิจิทัลที่น่าเชื่อถือที่สุด ส่วนสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ อย่าง Bitcoin นั้น เป็นเรื่องยากที่จะคิดว่าสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้จะเป็นเงินได้
- ‘เเบงก์ชาติ’ เตรียมทดลอง ‘บาทดิจิทัล’ Q2 ปีหน้า ในวงจำกัด ก่อนขยายไปยังประชาชน-ร้านค้า-นอนแบงก์
- IMF เเนะประเทศร่ำรวย ปรับ ‘ขึ้นภาษี’ เพื่อลดปัญหา ‘ความเหลื่อมล้ำ’ จากวิกฤต COVID-19
- เปิดมุมมอง ‘คนไทย’ หลังยุคโควิด ชี้ ‘ดิจิทัล-ภาษา’ เป็นทักษะสำคัญแต่เกินครึ่งไม่มั่นใจว่า ‘พร้อม’