Private Banking เจ้าใหญ่จากประเทศลิกเตนสไตน์อย่าง LGT ได้ให้มุมมองทางเศรษฐกิจว่า กระแสโลกาภิวัตน์ยังไม่จางหายไปไหน จากปริมาณการค้าที่ยังเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก แต่ประเทศอื่นจะได้ประโยชน์จากการแข่งขันนี้ ขณะเดียวกันก็มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่ถดถอย แต่ชะลอตัวลงหลังจากนี้
สเตฟาน โฮเฟอร์ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนในทีมบริการด้านการลงทุน บริษัท หลักทรัพย์ แอลจีที (ประเทศไทย) จำกัด หรือ LGT ได้กล่าวถึงกระแสที่โลกาภิวัตน์จะจางหายไป และจะเกิดกระแส Deglobalization หรือการทวนกระแสโลกาภิวัตน์นั้นเขามองว่าสามารถดูได้จากปริมาณการค้าโลกที่ยังทำสถิติสูงอยู่ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด
เขาได้ชี้ถึงสินค้าจากภาคการผลิตยังมีการแข่งขันที่สูงในตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นสินค้าจากจีน หรือแม้แต่สินค้าจากประเทศต่างๆ ที่มีการย้ายฐานการผลิต ไม่ว่าจะเป็น ไทย เวียดนาม ไปจนถึง เม็กซิโก ที่ล่าสุดสหรัฐฯ นำเข้าสินค้าแซงประเทศจีนไปแล้ว แต่ก็มองว่านี่คือการแข่งขันซึ่งหลายประเทศเองก็ได้ประโยชน์
LGT มองว่าเมื่อมีสินค้าจำนวนมากขึ้นในท้องตลาดจะช่วยขับเคลื่อนให้เงินเฟ้อลดต่ำลงในอนาคดทั้งระยะกลางและระยะยาว และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ภาคธุรกิจมีความมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในสหรัฐฯ และยุโรปจะสามารถกลับเข้าสู่ระดับปกติที่ 2% ภายในกลางปี 2024 ได้
นอกจากนี้ในมุมของ สเตฟาน ยังมองว่าจีนจะค่อยๆ ปรับค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าลง เพื่อจะช่วยให้ภาคการผลิตจีนส่งออกสินค้าได้มากขึ้น แต่จะไม่เห็นค่าเงินหยวนอ่อนค่าอย่างรวดเร็วทันที เพราะไม่งั้นจะเห็นปัญหาอีกปัญหาหนึ่งก็คือเม็ดเงินไหลออกจากประเทศจีนอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ LGT มองว่าในช่วงที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเร็ว และแรงเพื่อที่จะสกัดเงินเฟ้อให้ได้ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ล่าสุดจะอยู่ที่ 5.25% แต่ตัวเลขเงินเฟ้อก็กำลังปรับตัวลงมาแล้ว ทำให่เขามองว่าหลังจากนี้จะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกแค่ 1 ครั้งเท่านั้น
แต่ถ้าหากมองไปยังตลาดแรงงานแล้วนั้น สเตฟานชี้ว่า ตอนนี้อัตราว่างงานของสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 3.8% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน แต่ยังถือว่าต่ำอยู่ ขณะที่ค่าจ้างในสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อก็ยังเติบโตเป็นบวก เขาได้อธิบายเพิ่มว่าแรงงานสหรัฐฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย แม้ว่าเงินเฟ้อจะสูงขึ้น ปัจจัยนี้จะช่วยให้การอุปโภคบริโภคและการใช้จ่ายในภาพรวมของสหรัฐฯ อยู่ในเกณฑ์ดี
ปัจจุบัน LGT เป็นกลุ่มบริษัทด้านการบริการไพรเวตแบงก์กิ้งและการจัดการสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งบริหารงานโดยราชวงศ์แห่งลิกเตนสไตน์ โดยบริษัทเปิดสำนักงานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และให้บริการด้านการลงทุนและการบริหารความมั่งคั่งที่มีเอกลักษณ์ให้กับลูกค้าบุคคลที่มีความมั่งคั่งลูกค้าองค์กร และสถาบันการเงินในประเทศ
ในปี 2024 นี้ สเตฟาน มองว่าจะเป็นปีที่ดีมากขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางน่าจะลดลงช่วงกลางปี และเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงแต่ไม่ใช่เข้าสู่สภาวะถดถอย กำไรต่อหุ้นของบริษัทในสหรัฐอเมริกาจะกลับมาฟื้นตัวได้ ขณะเดียวกันเขาก็มองว่าค่าเงินบาทอาจจะทรงตัวมากขึ้น