จากผู้เล่นหน้าใหม่ ‘ลัคกี้ สุกี้’ ทำอย่างไร ผ่านไป 3 ปี ถึงมีรายได้แตะ 2,000 ล้าน

เมื่อ 3 ปีก่อน ‘ลัคกี้ สุกี้’ (Lucky Suki) คือหน้าใหม่ที่ได้เห็นโอกาสเติบโตของ ‘ตลาดสุกี้’ จึงตัดสินใจกระโดดเข้ามาในธุรกิจนี้แม้การแข่งขันจะรุนแรง และมี ‘รายใหญ่’ ที่แข็งแกร่งครองตลาดอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันลัคกี้ สุกี้ได้กลายเป็น ‘ผู้ท้าชิง’ รายสำคัญที่เติบโตรวดเร็ว โดยสิ้นปี 2568 จะทำรายได้แตะ  2,000 ล้านบาท  

 

อะไรคือ Key Success ที่ทำให้แบรนด์อายุ 3 ปีแบรนด์นี้เดินทางมาถึงวันนี้ได้

 

“การที่เราโตอย่างที่เห็น หลายคนบอกว่าเพราะความโชคดีหรือเปล่า ส่วนหนึ่งอาจใช่ อีกส่วนเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพราะตอนเราเข้ามายังมีร้านสเกลใหญ่ที่เป็นบุฟเฟต์ไม่เยอะ แต่ถ้าไม่มีความขยันบวกความตั้งใจ เราจะไม่มีวันนี้” เป็นคำตอบของ ‘รสรินทร์ ติยะวราพรรณ’ หนึ่งในผู้ก่อตั้งลัคกี้ สุกี้

 

ความขยันและตั้งใจที่รสรินทร์พูดถึง คือ เริ่มตั้งแต่การทำการบ้านและศึกษาข้อมูลเชิงลึกของตลาดสุกี้ ไปจนถึงการวางหมากสร้าง Branding ให้แตกต่าง และมีอิมแพค โดยเมื่อตัดสินใจใช้ชื่อ ‘ลัคกี้ สุกี้’ ก็เลือกใช้คำว่า ‘โชคดี’ มาสร้างความชัดเจนให้กับแบรนด์ ผ่านการดีไซน์ร้าน เช่น ใช้สีแดงสัญลักษณ์ของความโชคดี, ที่โต๊ะจะมีคำว่า ‘เลขที่ออก’ ซึ่งเป็นความโชคดีที่เกี่ยวข้องกับคนไทย ฯลฯ รวมไปถึงการจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ  

 

สิ่งสำคัญ คือ การโฟกัสกับจุดแข็งของ ‘ตัวเอง’ และพัฒนาให้แข็งแกร่งมากขึ้น เพราะเป็นปัจจัยสำคัญให้สามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในธุรกิจ ไม่ว่าการแข่งขันจะเป็นอย่างไร คู่แข่งจะใหญ่หรือแข็งแรงแค่ไหนก็ตาม

อย่างการทำมาร์เก็ตติ้งนับตั้งแต่วันแรกของการเริ่มต้นธุรกิจมาถึงตอนนี้ที่ ‘สงครามราคา’ เดือด ลัคกี้ สุกี้ยังยึดเส้นทางเดิม นั่นคือ การเน้นสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้ามีความคุ้มค่าและรู้สึกพึงพอใจมากที่สุด ด้วยกลยุทธ์ Value for money โดยความคุ้มค่าในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง ‘ราคาถูก’ แต่หมายถึงสิ่งที่ลูกค้าได้รับต้องคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

 

เช่น ช่วงแรกที่เกิดสงครามราคาในตลาดสุกี้ แทนที่จะ ‘ลดราคา’ มาแข่ง รสรินทร์เลือกจัดโปรฯ เสิร์ฟกุ้งแก้วและเป็ดย่างฟรี ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 15% สะท้อนให้เห็นว่า ลูกค้าไม่ได้หวังแค่ของถูก แต่พร้อมจ่ายเพิ่ม ถ้าได้ของที่คุ้มค่า เธอจึงมั่นใจเส้นทางที่เดินมาถูกต้องแล้ว

 

“สงครามราคาไม่ดีในระยะยาวและเรามั่นใจในเส้นทางของตัวเอง แต่เราพร้อมลงมาสู้สงครามราคานะ ไม่ได้กลัวกับสิ่งที่เป็นอยู่ และมองว่า การแข่งขันแบบนี้ จะทำให้ตลาดสุกี้โดยรวมโตจาก 25,000 หมื่นล้าน ไปเป็น 30,000 ล้านได้ไม่ยากในปีนี้”

 

คุณภาพคือหัวใจสำคัญ

 

ปัจจุบันลัคกี้ สุกี้ อยู่ในตลาดมา 3 ปี ตอนนี้มีสาขา 34 แห่ง แบ่งเป็นลัคกี้ สุกี้ 25 แห่ง อีก 9 แห่ง เป็นลัคกี้ บาร์บีคิว และปีนี้มีแผนขยายสาขาต่อเนื่องทุกเดือน รวมแล้วจะครบ 40 แห่งภายในสิ้นปี ส่วนรายได้ในปี 2568 จะปิดที่ 2,000 ล้านบาท

 

‘วิรัตน์ โรจยารุณ’ อีกหนึ่งผู้ก่อตั้งลัคกี้ สุกี้ เล่าว่า ปกติขนาดร้านของลัคกี้ สุกี้จะอยู่ประมาณ 500 ตร.ม.ต่อสาขา ซึ่งปีนี้สาขาจะอยู่ในรัศมี 300 กม.จากกรุงเทพฯ เพื่อให้สามารถควบคุมการบริหารจัดการในภาพรวมได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพ การขนส่ง และมาตรฐานต่างๆ     

ส่วนปีหน้าจะขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยการเลือกโลเคชั่น ต้องมีจำนวนลูกค้าหนาแน่นเพียงพอ เพื่อให้มั่นใจว่าแต่ละจุดที่ไปเปิดมีลูกค้าจริง ๆ และต้องมีระบบอำนวยความสะดวกรองรับทั้งที่จอดรถ ความปลอดภัย เพราะร้านให้เปิดบริการ 10.30 – 02.00 น.

 

การควบคุมคุณภาพวัตถุดิบ ถือเป็นอีก Key success ที่ทำให้ลัคกี้ สุกี้ เติบโตได้อย่างที่เห็น โดยไม่ได้มองเรื่องกด ‘ต้นทุน’ ให้ต่ำสุด เพราะหากซื้อวัตถุดิบถูกเกินไป คุณภาพจะตก ลูกค้าอาจจะไม่กลับมาใช้บริการอีก ดังนั้นการคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพในราคาที่ควบคุมคอร์สได้ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปจึงสำคัญ

 

“การเปิดสาขามากขึ้น คุณขยายได้ แต่หากควบคุมคุณภาพไม่ได้ นั่นจะทำให้เกิดปัญหา เราจะทำตัวเองเป็นลูกค้าและลงไปเลือกเอง เพื่อให้รู้ว่า ลูกค้าอยากได้อะไร ชอบหรือไม่ชอบอะไร”

 

สิ้นปีมีเซอร์ไพรส์

 

สำหรับสงครามราคาในตลาดสุกี้ จะเห็นเป็นระยะๆ และการแข่งขันจะยังไม่จบ ขึ้นอยู่กับว่า แต่ละรายจะมีกลยุทธ์ใดมาช่วงชิงจังหวะ เพื่อดึงดูดและสร้างความพึงใจให้กับลูกค้ามาใช้บริการได้มากกว่ากันเนื่องจากการทำบุฟเฟต์เหมือนการบริหาร 2 มิติ ได้แก่

 

มิติแรก : ทำให้ลูกค้ารู้สึก ‘ชนะ’ มาแล้วคุ้ม ทานแล้วร้านขาดทุน และกลับมาใช้บริการใหม่

มิติที่ 2 : การบริหารคอร์สให้ผู้ประกอบการพอมีกำไร

 

ส่วนคำถามที่ว่า อยากขึ้นไปเขย่าบัลลังก์เบอร์ 1 ของเจ้าตลาดหรือไม่?

 

รสรินทร์บอกว่า คนทำธุรกิจ ‘ทุกคนอยากเป็นเบอร์ 1’ แต่ตอนนี้ลัคกี้ สุกี้ ยังเป็นแบรนด์ใหม่อายุ 3 ปี อาจต้องใช้เวลาในการผสมผสานว่า สิ่งไหนที่ทำแล้วดี อะไรต้องปรับปรุง ดังนั้น จึงอยากโฟกัสทำในสิ่งที่ต้องทำให้มากที่สุด เพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งและพร้อมแข่งขัน โดยสิ้นปีนี้จะได้เห็นเซอร์ไพรส์จากลัคกี้ สุกี้อย่างแน่นอน  

 

“แบรนด์เรายังใหม่ มีอะไรให้ทำอีกเยอะ ถ้าเปรียบเป็นลูก ตอนนี้ลูกเราอายุเพิ่ง 3 ขวบเอง แม่อย่างเรายังอยากดูแลโอบอุ้มต่อไป อย่างตอนนี้มีผู้สนใจเข้ามาลงร่วมทุนเยอะมาก เราต้องดูใจให้นานและดูหลายๆ อย่างด้วย ไม่รีบร้อนอะไร”