“ณเดชน์ คูกิมิยะ” รู้ดีว่าเขาไม่ควรจะเข้ามาเล่นเฟซบุ๊ก หรือใช้โซเชี่ยลมีเดียเพื่อโปรโมตตัวเอง ดังนั้น สื่อโซเชี่ยลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์ ที่เคลื่อนไหวในปัจจุบันคือฝีมือของแฟนคลับ และคนเบื้องหลังที่ช่วยดันเขา นี่คือหลักการที่บอกยุทธศาสตร์การสื่อสารอย่างดีว่าในยุคนี้ ถ้าแบรนด์หรือสินค้ามาพูดถึงตัวเอง คนก็จะไม่เชื่อ ไม่สนใจ หากเทียบกับการให้คนอื่นบอกหรือพูดแทน ที่ไม่เพียงทำให้น่าเชื่อถือเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดความรัก และเกิดสังคมที่รัก “ณเดชน์” ขึ้นมาได้อย่างแนบเนียน แม้แต่ละเครือข่ายโดยส่วนใหญ่จะมีจำนวนหลักพัน แต่หลักพันนี้ก็เป็นกลุ่มที่แอคทีฟ แบบปฏิบัติการ Update อย่างต่อเนื่อง ชนิดที่ว่า “ณเดชน์” ไปไหน แฟนคลับไปด้วย ที่ไม่เพียงมาตัวเปล่า แต่ยังมีของเล็กๆ น้อยๆ เป็นตัวแทนแสดงความห่วงใยที่มีให้กับดาราที่ตัวเองชื่นชอบ ที่สำคัญยุคนี้ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์ถ่ายรูป วิดีโอ เพื่อนำไปโพสต์ให้เพื่อนๆ ที่รักดาราคนเดียวกันนี้ได้เห็น กด Like Comment...
คุณสมบัติของซูเปอร์สตาร์ ไม่ใช่แค่หน้าตาสามารถดึงดูดทุกสายตาได้เท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของความสามารถ และที่สำคัญพื้นฐานจิตใจ นิสัย ที่ถูกใจผู้เกี่ยวข้องในวงการบันเทิง ตั้งแต่ผู้บริหารช่อง เจ้าของสินค้า ผู้จัดละคร ไปจนถึงแฟนคลับ และสื่อสายบันเทิง คือปราการสำคัญที่พาให้ซูเปอร์สตาร์ กลายเป็นเมกะซุป’ตาร์ได้ เหมือนอย่างที่ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” กำลังอยู่ในจังหวะนี้ คุณสมบัติที่ “ณเดชน์” ถูกพูดถึงมากที่สุดคือความเป็นคนติดดิน จริงใจ สม่ำเสมอ และสนใจในการพัฒนางานของตัวเอง นอกจากที่แฟนคลับหลายคนบอกว่า “ณเดชน์” ให้ความรู้สึกพวกเขาเต็มที่ แม้จะมีเวลาไม่มากก็ตาม ยิ่ง “ณเดชน์” อยู่กับดาราคนอื่น การแสดงออกกับแฟนคลับยิ่งสามารถเข้าถึงหัวใจของพวกเขาได้มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับดาราคนอื่น อย่างเช่นคอนเสิร์ต ซูเปอร์สตาร์ คอนเสิร์ต 4+1 ที่เพิ่งผ่านไปนั้น...
“มาดามมด” จากรายการภาษา Plaza เป็นอีกหนึ่งในปรากฏการณ์ของไมโคร เซเลบริตี้ ที่แจ้งเกิดจากโลกออนไลน์ แต่ตอนนี้ดังทะลุจอคอมพิวเตอร์มาสู่จอทีวี ไม่ต่างจากเชฟหมี แห่งครัวกากๆ ต้นกำเนิดของมาดามมดเกิดจากรายการสอนภาษาไทยสไตล์ “ภาษาไทยวันละคำ” ในช่อง Play Channel ของเครือแกรมมี่ แต่ความแตกต่างของภาษา Plaza ก็คือ การเลือกหยิบเอาภาษาวัยรุ่นมานำเสนอ เช่น น่ารักอ่ะ, เป๊ะอ่ะ, ป่ะล่ะ หรือได้อีก และวิธีการอธิบายสถานการณ์เพื่อใช้คำศัพท์เหล่านี้ ก็แอคติ้งเกินร้อย โดยที่มาดามมดสวมบทบาทสมมุติเองทุกบท ทุกสถานการณ์ ทำให้ทั้งรายการมีเพียงเธอคนเดียวที่เดินเรื่อง เอกลักษณ์ของเธอถูกถ่ายทอดผ่านการแต่งกายที่โอเวอร์สุดๆ เหตุการณ์ที่มาดามมดนำมาแสดงวิธีการใช้คำศัพท์ เป็นเรื่องใกล้ตัวที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่นสมัยนี้ หรือคลิปสอนภาษาที่เน้นสอนภาษาอังกฤษ ก็ให้ความรู้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นคำศัพท์ง่ายๆ แต่ออกเสียงชัดเจน แจ่มชัด ความโด่งดังของมาดามมดจากอินเทอร์เน็ตมาสู่ฟรีทีวี...
หลายปีแล้วที่ผู้บริโภคทุกวัยคงจะจำโฆษณาของซุปไก่สกัดแบรนด์ (Brand’s) ได้ดีขึ้นโดยเฉพาะวัยรุ่น ที่กลายเป็นเป้าหมายในปัจจุบันและอนาคตของแบรนด์ ซึ่งการเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์ที่โดนใจวัยรุ่นส่วนใหญ่ และที่สำคัญ ต้องมีคุณสมบัติครบตามแนวทางการสร้างแบรนด์ของแบรนด์ ตุลย์ วงศ์ศุภสวัสดิ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด บอกถึงแนวทางการคัดเลือกแบรนด์แอมบาสเดอร์ว่า เป็นคีย์ทูซัคเซสในการตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากก่อนหน้านี้มีครอบครัววรรธนะสิน, ต้าร์-นาวิน เยาวพลกุล และ โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์มาแล้ว และยังเลือกคัสโตไมซ์พรีเซ็นเตอร์จากคู่ Duo โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร และ คุณ-นิชคุณ หรเวชกุล แยกกันไปโฟกัสกลุ่มหมายที่ละเอียดขึ้น โต๋หันไปจับคู่กับนิชคุณ เด็กเรียนเก่งมีความสามารถด้านดนตรีแบบเดียวกับที่โต๋เป็นอยู่ในภาพยนตร์โฆษณาที่ออนแอร์มาแล้วระยะหนึ่งตั้งแต่ปี 2554 ภาพเด็กเรียนและความสามารถทางดนตรีของโต๋ คงเหมาะและเป็นไอดอลของเด็กๆ ไปจนถึงช่วงที่พัฒนาเข้าสู่วัยรุ่นตอนต้นมากกว่า ล่าสุดได้คู่หูใหม่ พีช-พชร...
คุณสมบัติของซูเปอร์สตาร์ ไม่ใช่แค่หน้าตาสามารถดึงดูดทุกสายตาได้เท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของความสามารถ และที่สำคัญพื้นฐานจิตใจ นิสัย ที่ถูกใจผู้เกี่ยวข้องในวงการบันเทิง ตั้งแต่ผู้บริหารช่อง เจ้าของสินค้า ผู้จัดละคร ไปจนถึงแฟนคลับ และสื่อสายบันเทิง คือปราการสำคัญที่พาให้ซูเปอร์สตาร์ กลายเป็นเมกะซุป’ตาร์ได้ เหมือนอย่างที่ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” กำลังอยู่ในจังหวะนี้ คุณสมบัติที่ “ณเดชน์” ถูกพูดถึงมากที่สุดคือความเป็นคนติดดิน จริงใจ สม่ำเสมอ และสนใจในการพัฒนางานของตัวเอง นอกจากที่แฟนคลับหลายคนบอกว่า “ณเดชน์” ให้ความรู้สึกพวกเขาเต็มที่ แม้จะมีเวลาไม่มากก็ตาม ยิ่ง “ณเดชน์” อยู่กับดาราคนอื่น การแสดงออกกับแฟนคลับยิ่งสามารถเข้าถึงหัวใจของพวกเขาได้มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับดาราคนอื่น อย่างเช่นคอนเสิร์ต ซูเปอร์สตาร์ คอนเสิร์ต 4+1 ที่เพิ่งผ่านไปนั้น ดาราบางคนลังเลที่จะจับมือแฟนคลับ หรือแม้แต่รับดอกไม้...
14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ นับเป็นอีกเทศกาลที่ยอดนิยมของวัยรุ่นทุกยุคทุกสมัย ในการมอบของขวัญให้คนรัก จึงเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่จะมีการบริโภคเพื่อจับจ่ายใช้สอยในการเลือกซื้อสิ่งของแทนใจ มาดูกันว่าคนไทยจะใช้จ่ายวันวาเลนไทน์ปี 2555 อะไรกันบ้าง cellspacing="2">2,791 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายช่วงวันวาเลนไทน์ ปี 2555 5.13% อัตรายอดใช้จายเพิ่มขึ้นจากปี 2544 แต่ต่ำสุดในรอบ6 ปี 1,348 บาท ยอดใช้จ่ายรวมต่อคน 15-29 ปี อายุเฉลี่ยของช่วงอายุที่จะมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 30-50 ปี ใช้จ่ายทรงตัวและลดลงเล็กน้อย cellpadding="2" cellspacing="2">ทำกิจกรรมและซื้อของมากที่สุด style="vertical-align: top; font-weight: bold; text-align:...
แบรนด์พรินเตอร์ทุกแบรนด์ในตลาดที่ยังทำตลาดพรินเตอร์กลุ่มล่าง และกลุ่มที่ไม่ต้องการคุณภาพงานพิมพ์สูงนัก ต่างบอบช้ำกับเครื่องเถื่อนหมึกเถื่อนที่เรียกว่าหมึกแท็งก์มานาน พรินเตอร์แบรนด์เนม และหมึกแบรนด์เนมทั้งหลาย จึงเริ่มหาทางออก จนหันมาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งแบรนด์ที่กำลังแข่งกันในสนามนี้คือเอชพี แคนนอน และเอปสัน เอชพีออกผลิตภัณฑ์หมึกราคาถูก HP Deskjet Ink Advantageมาสู้ด้วยการเน้นว่า หมึกแท้ ถูกแค่ 320 บาท โดยเน้นไปที่กลุ่มนักเรียนนักศึกษา ทำ Cross Segment กับค่ายฟาสต์ฟู้ดแมคโดนัลด์ ที่มีลูกค้าเดือนละประมาณ 6 ล้านคน โดยแคมเปญให้ลูกค้าซื้อแมคฯ ครบ 200 บาทได้ส่วนลด 320 บาทซื้อเครื่องหรือซื้อเครื่องแล้วได้คูปอง 200 บาทซื้อแมคฯ และตลอดปี 2554 ยังได้โปรโมตหมึกพิมพ์ราคา...
การแข่งขันในตลาดพรินเตอร์ในมุมของสเปกเครื่องและราคานั้น กำลังซัดกันหนักด้วยการพิมพ์ไร้สาย โดยเฉพาะการเข้าไปอยู่ในระบบ Cloud Computing และการสั่งพิมพ์ระหว่างเครื่องผ่านเครือข่าย Wi-Fi ที่ทำให้พรินเตอร์ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ออนไลน์ มีโลกโซเชี่ยลมีเดีย และชอบแชร์ มากขึ้น และยังช่วยการทำงานให้สะดวกได้อย่างดี เอชพีพัฒนาเทคโนโลยีนี้และสื่อสารออกสู่ตลาดได้เร็วกว่าแบรนด์อื่น โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2553 ในชื่อ HP ePrint ภายใต้ความคิดที่มั่นใจว่า เมื่อผู้บริโภคใช้อุปกรณ์สื่อสารไร้สายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต พรินเตอร์จะมีบทบาทมายิ่งขึ้น ทั้งในกลุ่มลูกค้าทั่วไปและลูกค้ากลุ่มธุรกิจ สำหรับแคนนอนก็มีพรินเตอร์ในตระกูล Pixma Cloud Printing ที่ร่วมกับกูเกิลในแชร์คลังภาพ Picasa และอัดแคมเปญเต็มที่โปรโมตรุ่นนี้ด้วยการมี “โดม ปกรณ์ ลัม” เป็นพรีเซ็นเตอร์และยิ่งทีวีซีตลอด 3 เดือน เช่นเดียวกับบราเธอร์ และเอปสันต่างกำลังเร่งเต็มที่เพื่อเกาะกระแส...
“พรินเตอร์” สำหรับลูกค้าทั่วไปแล้ว ขายได้ด้วยเหตุผลความจำเป็นใช้งานเป็นหลักมาโดยตลอด เป็นสินค้าที่เปิดตัวรุ่นใหม่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยสร้างปรากฏการณ์ทำให้คนรู้สึก “ว้าว! ฉันต้องซื้อ” มีแต่เพียงการลด แลก แจก แถม ที่กระตุ้นยอดขายเป็นระยะ จนทำให้ตลาด “พรินเตอร์” ดูอ่อนล้า ไร้สีสัน แต่ความพยายามฮึดอีกครั้งด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ และที่สำคัญคือ “สงครามแคมเปญ” ที่แต่ละแบรนด์กำลังทุ่มกันในระดับหลายสิบล้านบาทจนถึงหลักร้อยล้านต่อแคมเปญ ได้ทำให้ “พรินเตอร์” มีชีวิตชีวากว่าเดิม 3 แบรนด์ในตลาดที่กำลังจัดเต็มกับแคมเปญการตลาดคือแคนนอน เอปสัน และบราเธอร์ เป็นกรณีศึกษาของการเลือกเดินกลยุทธ์การตลาดที่ต่างกัน ตามฐานะและPositioningของแต่ละแบรนด์ เอปสันมุ่งมั่นกับ “สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง” เพื่อสร้างภาพจำมุมใหม่ให้ผู้บริโภคจากอุปกรณ์สำนักงาน มาเป็นอุปกรณ์ไอทีในบ้าน “บราเธอร์” ขอเน้นไปที่ “มิวสิกมาร์เก็ตติ้ง”...
เมื่อต้องการให้คนรุ่นใหม่เป็นปากเป็นเสียงให้ น้ำทิพย์จึงกระโดดเข้าสู่โลกออนไลน์เป็นครั้งแรก ด้วยการเชิญชวนให้ผู้บริโภคเป็นทูตรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือมุ่งเน้นให้ผู้บริโภคทุกคนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ด้วยนั่นเอง ผ่านกิจกรรมโพสต์คลิปบิดชิงเสื้อยืดดีไซน์เก๋ผ่าน www.thethinkingwater.com และยังเป็นชุมชนที่ให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการและแนวคิดของแบรนด์ ตลอดจนเรื่องราวรักษ์โลกอื่นๆ



