Sunday, December 21, 2025
Home Blog Page 6705
อินไซท์โหยหาอดีตของคนยังเป็นกระแสที่ทำให้ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตผ่านสินค้า การแต่งกาย และการตกแต่งสถานที่แบบ “วินเทจ” หรือย้อนยุคยังคงมาแรง ความน่าสนใจของเทรนด์นี้อยู่ที่การเข้าถึงชนชั้นกลางเพราะเป็นกลุ่มคนที่ยังโหยหาความสุขจากวันวาน และยังมี Facebook ต่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนวัยเด็กให้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ขณะที่ผู้บริโภคระดับ A หรือ B+ อาจเพลิดเพลินกับปัจจุบันได้ดีกว่า ส่วนผู้บริโภคอีกระดับอาจต้องทำงานหนักจนไม่มีเวลาแสดงความสุนทรีย์กับอดีตเท่าใดนัก แนวโน้มแบบนี้ยังมีให้เห็นและฮอตในเขตเมือง ผ่านสถานที่แห่งหนึ่ง ที่เรียกว่า “ตลาดรถไฟ” “ตลาดรถไฟ” ตั้งอยู่บนถนนกำแพงเพชร ถือเป็นตลาดของคนเมืองโดยแท้ เพราะเปิดดึก ในคืนวันเสาร์ อาทิตย์ มีทั้งร้านแบกะดิน จน ช็อปที่ตกแต่งตามใจเจ้าของร้าน สินค้าที่มีให้เห็น เช่น อุปกรณ์จักรยาน มอเตอร์ไซค์ โคมไฟ ของแต่งบ้าน เสื้อผ้า...

LOUIS VUITTON CIRCUS

สมกับเป็น Louis Vuitton Japan ที่สร้างสรรกลยุทธ์การตลาดยกกำลัง 3 ด้วยโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คxเทคโนโลยี xไลฟ์สไตล์ภายใต้ชื่อ “LOUIS VUITTON CIRCUS” โดยอิงจากเรื่องเล่าในปี 1890 เกี่ยวกับ Lancy Circus ที่สั่งทำกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่จาก Louis Vuitton ซึ่งบรรจุของปริศนาไว้ภายในเพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งในการแสดงของคณะละครสัตว์นั้น Campaign นี้เริ่มต้นที่ Facebook หรือ Twitter เชื่อมโยงเข้าสู่ louisvuittoncircus.jp แล้วใช้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นจาก Android Market จากนั้นกลับมาที่หน้าจอของคอมพิวเตอร์เมื่อสักครู่โดยใช้กล้องของสมาร์ทโฟนมองผ่านเข้าไปจะเห็นภาพ LV Trunk เป็น 3 มิติลอยอยู่เหนือ AR Card ทำตามขั้นตอนต่อไปจนได้...

Christmas lights switch-on

ลมหนาวมาเยือนแล้ว พร้อมทั้งการเริ่มต้นของเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่ทุกคนรอคอย ไฟต้นคริสต์มาสได้ถูกกดเปิดขึ้นแล้ว ตามสถานที่สำคัญต่างๆ ทั่วกรุงลอนดอน และกำลังจะถูกเปิดไปในทุกๆ เมืองของประเทศอังกฤษ เริ่มที่ Oxford Street ถนนหลักในการช้อปปิ้ง และเป็นที่ที่ทุกคนจะต้องมาเยี่ยมชม การตกแต่ง ประดับประดา แสงไฟต่างๆ เพื่อต้อนรับคริสต์มาสและปีใหม่กันทุกๆ ปี ได้ประเดิมทำพิธีเปิดต้นคริสต์มาสเป็นที่แรกในลอนดอนและจะเริ่มเปิดไปเรื่อยๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ เช่น Regent Street Trafalgar Square และ Covent Garden และตามเมืองต่างๆ ก็จะเป็นประเพณีที่จะมีบุคคลที่มีชื่อเสียงมาร่วมการเปิดไฟต้นคริสต์มาสทุกๆ ปี ร้านค้าต่างๆ เริ่มตกแต่งร้านเพื่อต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส และดึงดูดผู้คนที่เริ่มตระเตรียมหาของขวัญที่สุดแสนประทับใจ เพื่อมอบให้กับครอบครัว คนรัก เพื่อนฝูงต่างๆ โดยที่ในบางผลิตภัณฑ์...

Topshop Down Under

ท็อปช็อป เสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์นอกสายพันธุ์ยุโรป เป็นรายล่าสุดที่เข้ามาหวังชิงส่วนแบ่งตลาดแฟชั่นออสเตรเลีย โดยเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่เมลเบิร์น และในวันเปิดตัววันแรกบรรดานักช้อปที่เฝ้ารอคอยการเข้ามาของแฟชั่นเฮาส์รายนี้ ก็พากันมาเข้าคิวรอร้านเปิดกันนานถึง 17 ชั่วโมง การเข้ามาของ Topshop สร้างความหวั่นวิตกให้กับเสื้อผ้าแนวเดียวกันที่เป็นคู่แข่งและมีส่วนแบ่งในตลาดอยู่แล้วเยอะมาก และก็เป็นไปตามความคาดหวังเมื่อ ท็อปช็อปโหมทำตลาดตั้งแต่วินาทีแรกที่เปิดด้วยการแจกคูปองช้อปฟรีให้กับลูกค้า 20 รายแรกที่มายืนเข้าคิวรอและตามด้วยปาร์ตี้ แกรนด์ โอเพนนิ่ง สำหรับลูกค้าวีไอพี ซึ่งเชื่อว่าวันแรกของการเปิดตัวก็รุกตลาดทันทีไม่รีรอ ทั้งนี้ในการเปิดตัวครั้งแรกของ Zara ที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน แต่ก็มียอดขายสูงถึง 1.2 ล้านเหรียญ ซึ่งจากสภาพการตอบรับจากนักช้อปชาวออสเตรเลียแล้วก็มีการคาดกันว่า Topshop ก็จะสามารถทำยอดขายได้ไม่น้อยไปกว่ากัน
หลังการรีแบรนด์เปลี่ยนโลโก้ของ “สตาร์บัคส์” เมื่อต้นปี 2554 เพื่อแตกไลน์ธุรกิจ ล่าสุดสตาร์บัคส์ขยับแล้วด้วยการทุ่มงบ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ ซื้อธุรกิจน้ำดื่มผลไม้ พืชผักเพื่อสุขภาพระดับพรีเมียม แบรนด์ “Evolution Fresh” ในสหรัฐอเมริกา ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการไล่ตามตลาดที่สตาร์บัคส์ต้องการตอบสนองกลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบเครื่องดื่มและอาหารเพื่อสุขภาพ ที่นับวันจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่สหรัฐอเมริกามีมูลค่าตลาดถึง 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ขณะที่ธุรกิจกาแฟเริ่มถึงจุดอิ่มตัวแล้ว อย่างไรก็ตาม ตลาดนี้ยังมีคู่แข่งที่ทำอยู่แล้ว ทั้งเครือข่ายฟาสต์ฟู้ดอย่างแมคโดนัลด์ และค่ายน้ำดำอย่างเป๊ปซี่ ที่แม้จะไม่ได้เน้นเครื่องดื่มสุขภาพพรีเมียมโดยตรง แต่ก็พยายามเชื่อมโยงกับเครื่องดื่มกลุ่มนี้มานาน งานนี้จึงต้องรอดูว่าสตาร์บัคส์ที่ขอเสิร์ฟแก้วใหม่นี้จะไปได้ไกลเพียงใด
ธุรกิจค้าปลีกในโลกในวันนี้จึงไม่ได้พูดถึงกันแค่ปี 2012 เท่านั้น แต่ Retrevo มองไกลไปจนถึงปี 2015 ที่สรุปออกมาว่า 4 นวัตกรรมที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าในช้อปปิ้งที่ห้างมีดังนี้ 1.Contactless Payment ผ่าน Google Wallet การจ่ายเงินผ่านกระเป๋าเงินกูเกิล ซึ่งผู้บริโภคไม่จำเป็นถือกระเป๋าเงินที่เต็มไปด้วยบัตรเครดิต บัตรสมาชิกหรือคูปองต่างๆ แต่ทุกอย่างจะอยู่ใน Google Wallet ที่ยังมีพรีเพดการ์ดของกูเกิลบริการด้วย เพื่อพร้อมจ่ายค่าบริการต่างๆ ตั้งแต่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต จนถึงค่ารถแท็กซี่ เมื่อแตะกับอุปกรณ์รับที่มีเทคโนโลยี NFC อยู่เท่านั้น 2.Virtual Fitting Rooms ในห้าง มีห้องลองเสื้อผ้าเสมือนจริงที่ห้าง Prussia Mall และ North Port Mall...
โลกหมุนเร็วและเหวี่ยงแรงในปี 2555 ในโอกาสจึงย่อมมีความเสี่ยง การรู้เท่าทันเพื่อรับมือคือสิ่งจำเป็น เพื่อให้ธุรกิจรอดและเติบโตได้ในภาวะนี้ มีมุมมองของ "ศุภชัย เจียรวนนท์" ซีอีโอกลุ่มทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บอกว่าในปี 2555 ธุรกิจไทยต้องรับมือความเสี่ยง 3 ด้านดังนี้ 1.เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะที่ยุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่แม้ในช่วงเดือนธันวาคม 2554 จะดูเหมือนทรงตัว แต่ยังต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด 2.การเมืองโลก โดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลง และความรุนแรงในประเทศแถบตะวันออกกลาง 3.เสถียรภาพการเมืองภายในประเทศ ส่วนปัจจัยนอกเหนือจากนี้ภาคเอกชนมีศักยภาพในการรับมือและพัฒนากันเองได้ สำหรับโอกาสเติบโตธุรกิจของกลุ่มทรูฯนั้น คาดว่าจะเติบโตตามจีดีพี หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ที่ประเมินกันว่าจะขยายตัวที่ 4-7% โดยธุรกิจกลุ่มทรูฯใน...
ซินแสภานุวัฒน์ พันธุ์วิชาตกุล ยังมองเห็นแนวโน้มปี 2555 ในแง่บวกมากกว่าลบ แม้ว่าบางช่วงเวลาจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ร้ายแรงก็ตาม แต่เมื่อมองภาพรวมยังดีอยู่ [youtube https://www.youtube.com/watch?v=oCEcDTdqEl0?version=3&hl=th_TH&rel=0&w=560&h=315]Related News : ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ซินแสคิดบวก ต้องรับมือ แล้งจัด – หนาวนัก – น้ำมาก
ภาพรวมของการใช้งบออนไลน์ของแบรนด์ต่างๆ จากการสำรวจของนีลเส่น ที่ติดตามเก็บสถิติจากเว็บไซต์ยอดฮิต 30 อันดับแรกของไทย ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในรูปแบบแบนเนอร์ ถือว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด หากเทียบระหว่างปี 2008 กับปี 2011 โตกว่า 100%  ด้วยเม็ดเงินที่ตกอยู่กับ 30 เว็บนี้ประมาณเกือบ 400 ล้านบาท (ช่วง ม.ค.-ต.ค. 2011) จากภาพรวมของเม็ดเงินโฆษณาดิจิตอลจะเติบโตไปถึง 3,000 ล้านบาทในปี 2012 ซึ่งกระจายไปอยู่หลายเว็บไซต์นับร้อยแห่ง ซึ่งมีทั้งแบนเนอร์และภาพเคลื่อนไหว มัลติมีเดียอย่างวิดีโอออนไลน์ อีกส่วนหนึ่งไปที่เว็บเสิร์ชอย่างกูเกิล และโซเชี่ยลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ก กลุ่มแบรนด์ที่มีการใช้งบมากที่สุดในปี 2011 คือกลุ่มไอที เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ บ้านคอนโดมีเนียม และภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่าการฟังจากโฆษณา...
ปี 2012 ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งเทรนด์มาแรงและชัดเจนในแบบที่แบรนด์ไม่ใช้ไม่ได้ ไม่ลองต้องเสียใจ ทำให้วงการดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งได้เห็นงบโฆษณาขนาดใหญ่มากขึ้น โดยเฉพาะเม็ดเงินจากเทรนด์ใหญ่แบบ Mega Trend ที่จะเป็นกลยุทธ์ฮีโร่ช่วยให้แบรนด์บรรลุเป้าหมายได้  คือวิดีโอออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง และโซเชี่ยลมีเดียแบบอินเตอร์แอคทีฟ โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก มีหลักฐานที่สนับสนุน คือคนรุ่นใหม่อยู่ในสื่อออนไลน์นานมากกว่าทีวี จนกลายเป็นสื่อที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคไปแล้ว ซึ่งงานวิจัยล่าสุดของนีลเส่นพบว่าคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และส่วนใหญ่ใช้เกือบทุกวัน และที่น่าสนใจคือค่าเฉลี่ยที่ออนไลน์ต่อสัปดาห์นั้น 16.6 ชั่วโมง ซึ่งแซงหน้าใช้เวลากับสื่อทีวีแล้วที่อยู่ที่ 10.9 ชั่วโมงเท่านั้น และกว่า 60% ดูรายการทีวี ดูรายการที่ตัวเองสนใจผ่านวิดีโออนไลน์  ขณะที่วิดีออนไลน์มาร์เก็ตติ้งได้ผ่านพิสูจน์ในปี 2011 มาแล้ว ด้วยจำนวนคนวิวหนังโฆษณา และไวรัลคลิปของบางแบรนด์เป็นล้านครั้ง ส่วนเฟซบุ๊กคนก็อยู่ในนี้นานขึ้น ด้วยค่าเฉลี่ยล็อกอินแล้วอยู่นาน 37 นาทีต่อครั้งต่อวัน ...