Monday, December 22, 2025
Home Blog Page 6736
สุหฤท สยามวาลา กรรมการผู้จัดการ DHAS เชื่อว่า สิ่งที่หล่อหลอมให้เขาเป็นอย่างทุกวันนี้ เริ่มมาจากคุณพ่อของเขา “คุณพ่อผมไม่เคยสอนว่าต้องเป็นอย่างไร แต่พยายามให้เป็นตัวของตัวเอง เพียงแต่ว่าต้องมีขอบเขต บางอย่างที่ผมทำออกไปคุณพ่อก็ไม่เห็นด้วย แต่คุณพ่อก็จะไดรฟ์ว่าจะเป็นอะไรก็เป็นอย่างนั้น แต่อย่าเลยเถิด เบสิกก็คือคุณอย่าไปทำอะไรที่มันเน่าเสียออกมาในแง่ลบเละเทะ”  สิ่งที่พ่อสอน กับสิ่งที่สุหฤทใช้เป็นหลักในการบริหารองค์กรจึงไม่ต่างกัน กฎขององค์กรทำหน้าที่ของตัวเองและไม่ล้ำเส้นในการทำอะไรเพื่อทำลายองค์กร แต่สิ่งที่คิดสำเร็จแค่ไหนอยู่ที่การขับเคลื่อนด้วยสมอง สองมือ และสองเท้าที่จะนำทุกอย่างไปตามฝัน ขณะที่อีกใจ เขาก็ยอมรับตามที่พ่อสอนไว้ด้วยว่า ไม่ว่าจะอย่างไรฝีมือทางธุรกิจก็มีผลต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นแค่ 30% ส่วนอีก 70% อยู่ที่ดวงจะพาไป  “เก่งแทบตายแต่ดวงไม่มาก็ไม่ไป แต่ถึงเชื่อแบบนี้ ผมก็ไม่ชอบดูดวง เพราะผมเชื่อว่าทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้ว”  หลักการง่ายๆ สำหรับองค์กรคือแนวทางที่ทำให้คนในองค์กรเกิดความสุข แต่หลักทำงานส่วนตัวที่กำหนดไว้สำหรับตัวเองจะเน้นที่ความพร้อม ไม่ว่าจะทำงานดึกดื่นแค่ไหน แต่ทุกเช้าที่มาถึงที่ทำงาน “ต้องสด” “เช้าแปดโมงแปดโมงครึ่ง มาถึงต้องพร้อม...
เสียงกรี๊ดที่กำลังดังไม่ใช่เพราะความบังเอิญแต่เต็มไปด้วยกลยุทธ์การตลาดและปัจจัยส่งเสริม แม้จะใช้เวลานานกว่าจะถึงจุดนี้ แต่กระแสแรงขณะนี้ถือว่าคุ้มค่า และหากต่อยอดได้สำเร็จ T-Popฟีเวอร์คือภาคต่อนับจากนี้ [youtube https://www.youtube.com/watch?v=YAcm4LQtvcQ?rel=0&w=420&h=315]
ดีเอชเอ สยามวาลา (DHAS) องค์กรอายุกว่า 100 ปี ก่อตั้งโดยคนไทยเชื้อสายอินเดีย เรียนรู้การบริหารจากการเป็นตัวแทนให้แบรนด์ฝรั่ง เติบโตด้วยแรงงานไทย สร้างแบรนด์ฝรั่งจนติดตลาดจนกระทั่งหันมาให้กำเนิดแบรนด์ของตัวเองส่งออกไปขายฝรั่งและขายคนไทยด้วยกันเอง ไม่ใช่องค์กรที่หวือหวา แต่ไม่ว่าเจอวิกฤติมากี่ครั้งก็ยังคงอยู่คู่กับเมืองไทยมาตลอด ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาองค์กรแห่งนี้มาถึงจุดเปลี่ยนที่น่าจับตาอีกครั้ง เมื่อกรรมการผู้จัดการคนล่าสุดมาพร้อมกับภาพลักษณ์ของผู้บริหารที่มีความเป็นตัวของตัวเอง แบบ “แรงเต็มร้อย” “จัดเต็มไม่มีเม้ม” และมีเป้าหมายชัดเจนว่า ต้องการบาลานซ์ระหว่างชีวิตงานและความสนุกของชีวิตส่วนตัวไม่ให้ตกหล่นไปจากชีวิตทั้งสองด้าน เขาให้นิยมตัวเองเป็น “Executainer” ซึ่งเกิดจากการผสมคำระหว่าง Executive และ Entertainer ที่พร้อมจะทำให้องค์กรขับเคลื่อนด้วยความสุขและมีภาพลักษณ์ที่ “เฟี้ยวเงาะ” การขึ้นมาดำรงตำแหน่งของ สุหฤท สยามวาลา กรรมการผู้จัดการคนล่าสุด DHAS เป็นรอบของน้องชายคนเล็กในกลุ่มพี่น้อง 4 คน สุหฤทเป็นน้องชายคนที่ 3...
มายด์แชร์ มีเดีย เอเยนซี่ได้ทำการศึกษาโดยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กับกลุ่มที่ใช้อินเทอร์เน็ต อายุ 18-39 ปี ที่กรุงเทพฯ หาดใหญ่ และขอนแก่น เพื่อฟังความคิดเห็นและทำความเข้าใจพฤติกรรมการแสดงออกของผู้บริโภคบนสื่อออนไลน์ และ Social Media ไปจนถึงศึกษาแนวทางในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้ในเชิงบวกและมีประสิทธิภาพ ในงานวิจัยชิ้นนี้ มายด์แชร์ได้แบ่งหัวข้อการศึกษาออกเป็น 4 ประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1. เสือ, กระรอก, นกแก้ว, ผึ้ง บนโลกดิจิตอล จากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย 21 ล้านคน แต่ล่ะกลุ่มกลับมีพฤติกรรมบนโลกออนไลน์แตกต่างกันออกไป โดยมายด์แชร์แยกย่อยออกเป็น 4 ลักษณะ ตามระดับการมีส่วนร่วมและแนวทางการใช้งาน แล้วตั้งชื่อโดยเอาลักษณะของสัตว์ 4...
เป็นธรรมเนียมของคนที่จะซื้อตั๋ววิมเบิลดัน ที่จะต้องมานอนค้างคืนหรือ Camping  ก่อนวันเปิดให้ซื้อตั๋วจะมาถึง โดยวิมเบิลดันเป็นหนึ่งในรายการกีฬาระดับโลกไม่กี่รายการที่เปิดขายตั๋วเป็นประจำทุกวันในวันที่มีการแข่งขันด้วยราคาพิเศษและที่นั่งพิเศษวันละ 500 ใบ แฟนพันธุ์แท้หลายคนเข้าคิวล่วงหน้าถึง 2 วัน            ที่วิมเบิลดัน พาร์ค มีระเบียบในการเข้าแคมป์รอคิวที่แน่นอน มีสัญลักษณ์บอกจุดเริ่มต้น มีสตาฟฟ์คอยแจกคิวและบอกที่ว่าแต่ละคนต้องตั้งแคมป์ตรงไหน ตอนเช้ามีสตาฟฟ์มาปลุกให้ตื่น เก็บของและโชว์บัตรคิวเพื่อรับริสต์แบนด์เพื่อไปซื้อตั๋วต่อ            การเข้าคิวของวิมเบิลดันมีสีสันและมีเสน่ห์มาก เพราะอีเว้นท์นี้มักเจอฝนอยู่ตลอดเวลา แต่ผู้คนก็กางร่มเข้าคิวอย่างไม่ย่อท้อ และก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์วุ่นวายเพราะวิมเบิลดันบอกรายละเอียดการเข้าคิว กฎ กติกา มารยาทต่าง ๆ บอกไว้อย่างเป็นทางการในเว็บไซต์
ผลิตภัณฑ์ของ Apple  เป็นแบรนด์แรกๆ ในโลกที่เปลี่ยน Product Launch ธรรมดาๆ ให้กลายเป็นอีเว้นท์ ง่ายกว่ามากที่จะเปิดให้ Pre-order ทางออนไลน์ แต่ Apple เลือกที่จะใช้กลยุทธ์เข้าคิว โดยเฉพาะ iPhone4 และ iPad2 เพราะดังกว่าและเป็นข่าวในสื่อได้มากกว่า ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงพลังของแบรนด์ และตอนนี้คนเริ่มมองไปยังสีสันใหม่ๆของการเข้าคิวสำหรับ iPhone5 และ iPad3 กันแล้ว H&M นอกจากการเข้าคิวในการเปิดช้อปวันแรกในแต่ละโลเกชั่น ล่าสุดสาขาแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สิงคโปร์ ให้สิทธิประโยชน์กิฟท์การ์ด 250 เหรียญสิงคโปร์สำหรับ 5 คิวแรก ถัดไปอีก 10 คน ได้ 100 เหรียญสิงคโปร์ ส่วนอีก...
Brand Awareness เป็นเป้าหมายที่แต่ละแบรนด์คาดหวังสำหรับการสร้างกระแสต่อแถวในเมืองไทย ขณะที่บางแบรนด์เลือกใช้การเข้าแถวเพียงหวังเกาะกระแสสร้างแบรนด์ แต่ใจจริงต้องการใช้เป็นช่องทางทำความรู้จักกับลูกค้า หรือใช้เป็นแคมเปญตอบแทนลูกค้าที่รักกันมานาน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน การจะดึงกลุ่มคนไทย ที่ไม่ได้มีพฤติกรรมชอบเข้าแถว ออกมาต่อแถวได้นั้น จะต้อง... แถวที่เกิดขึ้นต้องมาพร้อมกับ Cutting Edge Marketing เพื่อความภูมิใจต่อกลุ่มผู้ยอมเสียเวลาและอดทนมาเข้าแถวให้สมประโยชน์ด้านจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นแรงปรารถนาส่วนตัว หรือการเป็นที่รับรู้และรู้จักของสังคมในฐานะคนกลุ่มแรกที่ได้รับโอกาสพิเศษของกิจกรรมนั้น ๆ สินค้าหรือบริการที่ไปต่อคิวต้องให้สิทธิประโยชน์บางประการที่พิเศษและแตกต่างไปจากการซื้อในช่วงเวลาปกติอย่างเห็นได้ชัด หรือเป็นลักษณะของ Reward and Limited Time ส่วนใหญ่ประเภทของแบรนด์ที่นิยมใช้การเข้าแถว คือ สินค้าไลฟ์สไตล์ เช่น ไอที ร้านอาหาร แฟชั่น ขณะที่อีเว้นท์จะเป็นในรูปแบบของการซื้อตั๋วคอนเสิร์ต การแสดง และกีฬา เป็นต้น การคิดโปรโมชั่นเพื่อดึงลูกค้ามาต่อแถว...
การเข้าแถว เป็นสิ่งที่สะท้อนความเป็นระเบียบของสังคมโดยเฉพาะในสังคมที่เจริญแล้ว หรือไม่ก็แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ที่คนยอมต่อแถวนั้นมีแฟนระดับสาวกที่ยอมทนได้ทุกอย่าง เหมือนตัวอย่างการต่อแถวซื้อ Louis Vuitton ที่ชองป์เซลิเซ่ การต่อแถวซื้อตั๋วฟุตบอลแมทช์เด็ดของทีมดังในพรีเมียร์ลีก เหล่านี้ล้วนเป็นภาพปกติของการเข้าแถว วันใดที่แบรนด์เหล่านี้ไม่มีแถวนี่สิ อาจจะกลายเป็นเรื่องแปลก แต่สำหรับเมืองไทย การเข้าแถวที่เคยเป็นเรื่องแปลก ทำไมอยู่ ๆ จึงกลายมาเป็นปรากฏการณ์สร้างแบรนด์ แถมฮิตจนกลายเป็นกระแส Me too กันเลยทีเดียว การเข้าคิวสำหรับ Luxury Brand อาจจะเป็นข้อยกเว้น ถ้าจะคิดว่าเป็นการสร้างแบรนด์ เพราะต่างก็ก้าวผ่านจุดนั้นกันไปแล้ว แต่เป็นกลยุทธ์ที่ใช้มานานเพื่อเพิ่มความ Exclusive ให้เห็นว่าแบรนด์หรูเหล่านี้ มีคุณค่าเหนือระดับและยากที่จะเข้าถึง นอกจากต้องเข้าแถวยังมีการจำกัดจำนวนคนในการเข้าช็อปแต่ละครั้ง และต้องรอให้คนที่เข้าไปออกมาก่อนคนที่รอคิวถึงจะเข้าไปได้ โดยการต่อคิวเกิดขึ้นเป็นปกติเฉลี่ย 20 เมตร แม้จะไม่มีการลดราคาสักเปอร์เซนต์เดียว  คิวของแบรนด์หรูพวกนี้เกิดขึ้นบ่อยมากในยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้...
แม้ในจีน “โดม ปกรณ์ ลัม” จะยังไม่ดัง แต่ “เรย์ ลี” ก็มั่นใจว่าฮันมีเดีย คัลเจอร์จะปั้นให้ “โดม” เป็นซูเปอร์สตาร์ของเอเชียให้ได้ นี่ไม่ใช่ความฝันในการคว้าดาวของทั้ง “โดมและเรย์” เพราะแผนธุรกิจทั้งหมดได้วางไว้แล้ว และฮันมีเดียได้พา “โดม” ไปเปิดตัวกับแฟนๆ ที่จีนมาแล้วเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่กรุงปักกิ่ง พร้อมกับ “มาริโอ้ เมาเร่อ” เพื่อเช็กเรตติ้งครั้งสุดท้ายก่อนสรุปแผนธุรกิจทั้งหมด และที่สำคัญทำให้โดมเองก็มั่นใจมากยิ่งขึ้น เป้าหมายของ “เรย์” คือการปั้นโดมให้ดังให้ได้ภายใน 3ปีข้างหน้า เทียบชั้นระดับซูเปอร์สตาร์ ที่ “เรย์” ได้เอ่ยชื่อถึงอย่าง “หลิวเต๋อหัว” ที่แน่นอนว่า “เรย์” ยังได้เตรียมผู้จัดการศิลปินที่เคยทำงานกับ “หลิวเต๋อหัว” มาให้...
บริษัทฮันมีเดีย คัลเจอร์ จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี 2542โดย “ลี ยอง กัง” นักธุรกิจชาวจีนที่อยู่ในเมืองไทยมานานกว่า 20ปี และทำธุรกิจหลากหลายในไทย ตั้งแต่ตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์โรงแรม และโทรศัพท์มือถืออย่าง “เวลคอม” ที่เพิ่งขายหุ้นใหญ่ให้กับแบรนด์เทเลคอมจากอินเดีย ในฐานะผู้ที่มีคอนเนกชั่นในจีน ทำให้ “ฮันมีเดีย” เป็นที่รู้จักของวงการธุรกิจบันเทิงที่ต้องการนำเข้าและส่งออกรายการไปยังประเทศจีน โดยปัจจุบัน “ฮันมีเดีย” มีสำนักงานอยู่ฮ่องกงและกวางเจา นอกจากจำหน่ายละคร หนังแล้ว ยังประสานงานในการจัดอีเวนต์ต่างๆ ในจีนอีกด้วย และนำหนังไทยและละครไทยไปฉายในประเทศต่างๆ ผ่านงานเทศกาลหนังหลายแห่ง เช่น เซี่ยงไฮ้ เกาหลี อิตาลี เมืองคานส์ ปัจจุบัน “เรย์ ลี” บุตรชายคนเดียวของ “ลี ยอง...