บาหลี – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 11 Sep 2024 08:01:44 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 อินโดฯ เตรียมออกกฎห้ามสร้าง “โรงแรม” เพิ่มใน “บาหลี” หลังนักท่องเที่ยวล้นเมือง https://positioningmag.com/1489535 Tue, 10 Sep 2024 17:04:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1489535 นักท่องเที่ยวแน่นเต็ม “บาหลี” จนอินโดฯ เตรียมออกกฎชั่วคราว ห้ามก่อสร้าง “โรงแรม วิลล่า และผับบาร์” เพิ่มในบาหลี โดยกำลังพิจารณาระยะเวลาการคุมเข้มซึ่งอาจจะยาวนานได้ถึง 10 ปี ทั้งหมดเพื่อปกป้องไม่ให้แหล่งท่องเที่ยวกินพื้นที่เกษตรกรรมมากไปกว่านี้ และดูแลให้บาหลีรับนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากขึ้น

Luhut Pandjaitan รัฐมนตรีประสานงานกระทรวงกิจการทางทะเลและการลงทุนของอินโดนีเซีย แถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2024 ว่า รัฐบาลกำลังเตรียมจะออกกฎควบคุมมิให้มีการก่อสร้างโรงแรม วิลล่า ผับบาร์ เพิ่มขึ้นใน “บาหลี” ซึ่งกฎชั่วคราวนี้อาจจะมีกำหนดควบคุมเป็นระยะเวลา 5 ปี หรือ 10 ปีก็ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาล

ประเด็นการแถลงรับลูกของรัฐบาลเกิดขึ้นหลังจาก Sang Made Mahendra Jaya รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดบาหลี มีการออกแถลงข่าวต่อสื่อก่อนหน้านี้ว่า ทางจังหวัดบาหลีมีการยื่นรายงานข้อเสนอต่อรัฐบาลกลางอินโดนีเซียไปแล้วว่า จังหวัดต้องการจะป้องกันไม่ให้มีการก่อสร้างอาคารเชิงพาณิชย์ดังกล่าวข้างต้นเพิ่มเติมใน 4 โซนหลักของจังหวัดที่ถือว่าเต็มแน่นไปด้วยสถานที่ด้านการท่องเที่ยวแล้ว ได้แก่ Denpasar, Badung, Gianyar และ Tabanan

(Photo : Shutterstock)

ทั้งนี้ ปี 2024 ถือเป็นปีที่นักท่องเที่ยวใน “บาหลี” พุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ เพียง 7 เดือนแรกมีนักท่องเที่ยวไปเยือนบาหลีแล้ว 3.89 ล้านคน เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนยังมีเพียงแค่ 2.9 ล้านคน และถ้าเทียบกับประชากรถาวรในบาหลีที่มี 4.4 ล้านคน ตัวเลขนักท่องเที่ยวนี้จึงสูงมากๆ

นักท่องเที่ยวที่ทะลักเข้ามาจำนวนมากยังก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา วัดได้จากคลิปไวรัลและพาดหัวข่าวที่ปลุกกระแสความไม่พอใจของคนท้องถิ่น และทำให้คนอินโดฯ รู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่สบายใจกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยว

ในเชิงสถิติก็สอดคล้องกัน เพราะเมื่อปี 2023 อินโดฯ มีการผลักดันชาวต่างชาติกลับประเทศไปถึง 340 คน เนื่องจากละเมิดกฎหมายต่างๆ ของอินโดฯ เช่น พำนักอยู่เกินกำหนดในวีซ่า, ทำงานผิดกฎหมาย, มีการทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือก่ออาชญากรรม

Photo : Shutterstock

“เราและท่านประธานาธิบดีจะร่วมกันวางย่างก้าวที่มั่นคงให้กับการท่องเที่ยวอินโดนีเซีย เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูง สร้างโอกาสทางธุรกิจ และสร้างงานสร้างอาชีพ” Sandiaga Uno รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของอินโดนีเซีย แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

ด้าน Made Krisna Dinata ผู้อำนวยการบริหาร Walhi-Bali กลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การหารือเพื่อหยุดการก่อสร้างโรงแรมและวิลล่าในบาหลีนั้นเป็นอะไรที่ควรจะเกิดขึ้นมานานแล้วด้วยซ้ำ

“บาหลีมีสิ่งก่อสร้างเยอะเกินไปแล้ว” Krisna กล่าวกับสื่อ South China Morning Post “การท่องเที่ยวได้สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับบาหลี ดัชนีชี้วัดที่เห็นได้ชัดในเรื่องนี้คือพื้นที่สีเขียวมากมายในบาหลีถูกเปลี่ยนเป็นอาคารไปหมดแล้ว”

นาข้าวในบาหลี อินโดนีเซีย

สถิติจากทางรัฐบาลอินโดฯ เองระบุว่าเมื่อปี 2023 บาหลีมีโรงแรมทั้งหมด 541 แห่ง เพิ่มขึ้นจากที่เคยมี 249 แห่งเมื่อทศวรรษที่แล้ว ทั้งนี้ ยังไม่นับรวมวิลล่าผิดกฎหมายที่แอบสร้างขึ้นโดยไม่มีการขออนุญาตซึ่งส่วนใหญ่มีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติ

“ก่อนอื่นเลยเราจะต้องจัดการขั้นตอนการขอใบอนุญาตเพื่อให้แน่ใจว่านาข้าวของเราจะไม่ถูกเปลี่ยนเป็นวิลล่าไปเสียหมด” Mahendra รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดบาหลีกล่าว

Krisna ยังเสริมด้วยว่า การก่อตั้งโรงแรมยังกระทบต่อการใช้น้ำในพื้นที่ด้วย เพราะการดำเนินธุรกิจโรงแรมมักจะบริโภคน้ำมากกว่าการอยู่อาศัยตามปกติ ดังนั้น จึงควรจะหยุดการก่อสร้างโรงแรมเพิ่มเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมไว้

ขณะที่ Agung Wardana ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อมจาก Gadjah Mada University แสดงความเห็นว่าการออกกฎหมายนี้อาจจะ “มาช้าไป” หรือไม่ เพราะปัจจุบันการลงทุนด้านการท่องเที่ยวของบาหลีมักจะปลอมแปลงว่าเป็นการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยแทนการขอใบอนุญาตเป็นโรงแรม ซึ่งอาจจะหลบเลี่ยงการแบนการก่อสร้างเพื่อการท่องเที่ยวได้

แม้ว่าการแบนการก่อสร้างโรงแรมจะยังต้องรอประกาศจากรัฐบาล แต่สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลอินโดฯ จะทำได้เลยทันทีคือ “เพิ่มความเข้มงวดด้านกฎหมาย” กับต่างชาติและนักท่องเที่ยวที่ละเมิดกฎต่างๆ โดยรัฐมนตรี Luhut ให้คำมั่นว่ารัฐบาลจะพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพเพื่อรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวบาหลี

Source

]]>
1489535
ไม่ใช่แค่บาหลี! “อินโดนีเซีย” วางแผนโปรโมต 5 จุดหมายใหม่ ขยายเวลาเที่ยวต่อทริป https://positioningmag.com/1429607 Sat, 06 May 2023 10:13:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1429607 ภาคท่องเที่ยว “อินโดนีเซีย” จะเปลี่ยนไปหลังโควิด-19 ด้วยนโยบายขยายการโปรโมต 5 จุดหมายปลายทางใหม่ในประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติขยายเวลาท่องเที่ยวต่อทริป ไม่ได้มาเที่ยวเฉพาะ “บาหลี” อีกต่อไป

“ซานดิอากา อูโน” รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ประเทศอินโดนีเซีย เปิดเผยถึงแผนการสนับสนุนเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนักท่องเที่ยว ให้เล็งเห็นศักยภาพการท่องเที่ยวของอินโดนีเซียที่ “มากกว่าแค่บาหลี”

โดยอินโดฯ ต้องการโปรโมต 5 จุดหมายปลายทางใหม่ที่จะถือเป็น “จุดหมายหลักที่สำคัญยิ่ง” สำหรับการท่องเที่ยวต่อจากนี้ ได้แก่

  • ทะเลสาบโตบา ทางเหนือของเกาะสุมาตรา เป็นทะเลสาบบนปากปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  • บุโรพุทโธ ตอนกลางของเกาะชวา วัดพุทธที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก
  • ลาบวน บาโจ เมืองชาวประมงที่เป็นถิ่นที่อยู่ของมังกรโคโมโด
  • หาดมันดาลิกา ทางตอนใต้ของเกาะลอมบอก เด่นด้วยชายหาดยาวสีขาวและแหล่งเล่นเซิร์ฟ
  • หาดลิกูปัง ทางตอนเหนือของเกาะสุลาเวสี จุดหมายใหม่ของการดำน้ำ

เนื่องจากในระยะหลัง นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะมาอินโดนีเซียเพื่อเยี่ยมชมบาหลีเป็นหลัก แต่พวกเขาเริ่มเลือกที่จะอยู่สำรวจจุดหมายอื่นๆ ในอินโดฯ เพิ่มมากขึ้น ทำให้อินโดฯ เล็งเห็นว่าควรเพิ่มศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ

“ดังนั้น เราจะไม่มุ่งเน้นแต่การท่องเที่ยวแบบหาดทราย สายลม แสงแดด ซึ่งเป็น 3 สิ่งที่เราโด่งดังอยู่แล้ว” อูโนกล่าว “เราจะเพิ่ม 3 สิ่งใหม่เข้าไปในการท่องเที่ยว คือ ความสงบ ความยั่งยืน และเรื่องทางจิตวิญญาณ”

ลาบวน บาโจ ถิ่นอาศัยของมังกรโคโมโด (Photo: Bowo Ikhsanto / Pixabay)

“เรามีจุดหมายปลายทาง 5 จุดสำคัญที่พร้อมจะรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยแต่ละแห่งมีประสบการณ์และความทรงจำที่พิเศษเป็นของตนเอง”

นอกจาก 5 จุดหมายสำคัญที่ได้กล่าวไปแล้ว อินโดนีเซียยังมีจุดหมายรองอีก 5 จุดที่กำลังพิจารณาผลักดันอยู่ คือ หมู่เกาะบังกาเบอลีตุง, หาดตันจุงเลซุง, เกาะโมโรไท, แหล่งดำน้ำหมู่เกาะวาคาโทบิ และหมู่เกาะราชาอัมพัต

 

เน้นผลักดันด้าน “การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน”

อูโนกล่าวด้วยว่า อินโดนีเซียกำลังมุ่งเน้นด้านความยั่งยืนในภาคการท่องเที่ยวหลังฟื้นตัวจากโควิด-19 โดยจะผลักดันด้านการจัดการขยะอาหาร (food waste) และการลดคาร์บอนฟุตปรินท์

โรงแรม ร้านอาหาร และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจท่องเที่ยว จะได้รับแรงจูงใจเพื่อให้สร้างซัพพลายเชนที่ใช้ทรัพยากรจากท้องถิ่น

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีส่วนคิดเป็น 8% ในการปล่อยคาร์บอนสู่บรรยากาศโลก ดังนั้น อินโดนีเซียตั้งใจจะลดการปล่อยคาร์บอนในภาคการท่องเที่ยวลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2035 และไปสู่การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (net-zero) ภายในปี 2045

โซลูชันในการไปถึงจุดนั้นได้คือรัฐบาลจะปลูกป่าโกงกางให้มากขึ้น และสนับสนุนการท่องเที่ยวสีเขียว (green tourism)

“ทุกจุดหมายการท่องเที่ยวต้องมีตัวเลือกให้เราสื่อสารกับตลาดได้ว่า เรามีจุดหมายท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและเราพร้อมที่จะช่วยคุณลดคาร์บอนฟุตปรินท์ที่เกิดจากการท่องเที่ยว นี่คือการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่จะทำให้เข้ากับท้องถิ่นมากขึ้น สร้างสรรค์เฉพาะบุคคลมากขึ้น” อูโนกล่าว

แม้ว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่รัฐมนตรีอูโนยังเชื่อว่าการท่องเที่ยวในอินโดนีเซียจะเป็นไปในเชิงบวก และเชื่อว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้าสู่อินโดฯ ในปี 2023 จะเพิ่มเป็นเท่าตัวจากปีก่อนได้

Source

]]>
1429607
‘Work from Bali’ โมเดลกระตุ้นท่องเที่ยวอินโดฯ ดึง ‘ข้าราชการ’ ทำงานทางไกล-ประชุมที่บาหลี https://positioningmag.com/1334537 Mon, 31 May 2021 07:04:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1334537 บาหลีเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของชาว ‘Digital Nomad’ คนทำงานผ่านออนไลน์เเบบไร้ออฟฟิศ เป็นเกาะสำคัญของอินโดนีเซียที่ดึงดูดชาวต่างชาติหลายล้านคนต่อปี เเต่มาวันนี้กลับไม่มีนักท่องเที่ยวจากพิษโควิด-19

รายได้ที่หดหายไป ทำให้ธุรกิจต่างๆ เริ่มทรุดหนัก รัฐบาลอินโดนีเซียจึงเปิดตัวโมเดลกระตุ้นการท่องเที่ยวในเกาะบาหลีขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่าWork from Baliซึ่งมีความน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

โดย ‘Work from Bali’ จะเป็นการเปิดทางให้เหล่าข้าราชการและพนักงานบริษัทของรัฐ เปลี่ยนบรรยากาศมาทำงานทางไกลที่เกาะบาหลี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น เป็นไปในลักษณะ ธุรกิจไมซ์ (MICE) การท่องเที่ยวเพื่อจัดประชุมเเละทำกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร 

ทางกระทรวงประสานงานด้านกิจการทางทะเลและการลงทุนของอินโดนีเซีย จะเริ่มนำร่องโครงการนี้ที่เมืองนูซา ดูอา (Nusa Dua) ซึ่งเคยเป็นพื้นที่หลักในการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก หรือ APEC เมื่อปี 2013

เราหวังว่าการมาเยือนของบรรดาข้าราชการเเละพนักงานบริษัทของรัฐจะเป็นฟันเฟืองสำคัญ ที่จะทำให้เศรษฐกิจของบาหลีเริ่มฟื้นตัว

(Photo by Johanes Christo/NurPhoto via Getty Images)

ที่ผ่านมาบาหลีนับเป็นเมืองที่พึ่งพาการท่องเที่ยวสูงมาก โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เเละได้รับผลกระทบหนักจากมาตรการปิดพรมเเดนเพื่อสกัดโรคระบาด โรงเเรมเเละร้านอาหารต่างๆ ต้องหยุดกิจการชั่วคราวเมื่อไม่มีผู้ใช้บริการ

เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อ GDP ของอินโดนีเซียที่ลดลง 9.9% ในไตรมาสแรก เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว ขณะที่ GDP ปี 2020 หดตัวอยู่ที่ 9.3%

ในช่วง 3 เดือนเเรกของปีนี้ เกาะบาหลีต้อนรับชาวต่างชาติเพียง 25 คนเท่านั้น น้อยลงมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่เเล้ว ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากถึง 1.1 ล้านคน

รัฐบาลท้องถิ่นกำลังเร่งกระจายฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อรองรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้

ขณะเดียวกันภูเก็ตเกาะชื่อดังของไทย ที่เป็นคู่แข่งของบาหลีในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็กำลังจะเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส เข้ามาในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้เช่นกัน

ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอินโดนีเซียและไทยที่ยังไม่ชะลอลง จึงเกิดความกังวลในเเผนการรับมือต่างๆ ซึ่งจะต้องติดตามความคืบหน้ากันต่อไป…

 

 

ที่มา : Bloomberg , ttgasia , thejakartapost 

]]>
1334537
“บาหลี” ตั้งเป้าเปิดเมือง! รับนักท่องเที่ยว 6 ประเทศภายในเดือน ก.ค. นี้ https://positioningmag.com/1328209 Mon, 19 Apr 2021 08:23:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1328209 “บาหลี” เมืองท่องเที่ยวของ “อินโดนีเซีย” วางเป้าเปิดรับนักเดินทาง 6 ประเทศภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เร่งฉีดวัคซีนให้คนบาหลีก่อนเพื่อเตรียมความพร้อม หวังฟื้นเศรษฐกิจบาหลีที่ช้ำหนักที่สุดในประเทศท่ามกลาง COVID-19

สำนักข่าว South China Morning Post รายงานข่าวความคืบหน้าโครงการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยว “กรีนโซน” ให้นักเดินทางจากประเทศที่รัฐบาลเจรจาสำเร็จ สามารถเข้าเที่ยวชมได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยพื้นที่ “กรีนโซน” จุดแรกที่จะเปิดตัว ได้แก่ บาหลี บินตัน และบาตัม แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ

การเจรจา Travel Bubble ของอินโดนีเซียกับอีก 6 ประเทศที่ต้องการให้เข้ามาท่องเที่ยว ได้แก่ สิงคโปร์ จีน เกาหลีใต้ อินเดีย เนเธอร์แลนด์ และ UAE นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าประเทศยูเครนและโปแลนด์ก็กำลังติดต่อเจรจาเพื่อขอจัดเที่ยวบินแบบชาร์เตอร์ไฟลต์ นำนักท่องเที่ยวในจำนวนที่ตกลงกันบินตรงมาท่องเที่ยวในบาหลีเช่นกัน

หากอินโดนีเซียทำได้สำเร็จ จะถือเป็นการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี หลังจากประเทศนี้ต้องปิดพรมแดนยาวเพื่อสกัด COVID-19 ห้ามชาวต่างชาติเข้าสู่ประเทศ นอกจากมีสิทธิพำนักถาวร หรือได้รับการยกเว้นเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นแขกของรัฐหรือสถาบันในอินโดฯ

Floating Breakfast กลายเป็นภาพจำของรีสอร์ตในบาหลีที่นักท่องเที่ยวรอคอย (Photo : Shutterstock)

แต่ก่อนจะทำเช่นนั้นได้ บาหลีต้องลุ้นให้แผนการระดมฉีดวัคซีนของรัฐเป็นไปตามเป้าหมาย โดยสำนักข่าว Jakarta Globe ระบุว่า Wayan Koster ผู้ว่าราชการจังหวัดบาหลี หวังว่าประชากรบาหลีที่มี 4.5 ล้านคน จะได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2.5 ล้านคนภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่มากพอที่จะต้อนรับชาวต่างชาติ

อย่างไรก็ตาม Koster แสดงความกังวลเพราะ ณ เดือนมีนาคม 2021 คนบาหลีเพิ่งได้รับวัคซีนเพียง 3 แสนคนเท่านั้น

ข้อมูลจาก Bloomberg อัปเดต ณ วันที่ 19 เมษายน 2021 อินโดนีเซียมีการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสต่อคนไปแล้ว 2.2% ของจำนวนประชากร ส่วนวัคซีนที่ฉีดอย่างน้อย 1 โดสต่อคนคิดเป็น 4.1% ของประชากร

บาหลีนั้นได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจหนักที่สุดในอินโดนีเซีย เนื่องจากประชากรถึง 54% พึ่งพิงธุรกิจการท่องเที่ยว เมื่อประเทศต้องปิดพรมแดนยาวนานกว่าปี จึงทำให้ประชากรสูญเสียรายได้อย่างรุนแรง

จ.ภูเก็ต ประเทศไทย

สำหรับประเทศไทยนั้น มีโครงการเปิดประเทศที่คล้ายคลึงกัน นั่นคือจะเลือกเปิดเป็นบางจุดก่อน โดยประเทศไทยเลือก “ภูเก็ต” เป็นจุดแรก เตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยววันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ก่อนจะปลดล็อกอีก 5 จุดต่อไปคือ กระบี่ พังงา เกาะสมุย เชียงใหม่ และพัทยา เป็นลำดับต่อไปในวันที่ 1 ตุลาคมนี้

โดยนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาได้โดยไม่ต้องกักตัว จะต้องรับวัคซีนครบ 2 โดสมาเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้จำกัดว่าเป็นนักท่องเที่ยวชาติใด

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยโดยเฉพาะชาวภูเก็ตต้องรอติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์นี้ เพราะแผนดังกล่าวอาจถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากหนึ่งในเงื่อนไขเดิมของแผน “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” คือ ชาวภูเก็ตจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 70% ของประชากรก่อนเปิดประเทศ หรือเท่ากับ 9.3 แสนโดส

แต่ปัจจุบันประเทศไทยเผชิญการระบาดของ COVID-19 ระลอกสาม ทำให้วัคซีนที่จะนำไปกระจายใน จ.ภูเก็ต ต้องถูกโยกไปใช้ในพื้นที่ที่มีการระบาดสูงแทน จึงน่าเป็นห่วงว่าการฉีดวัคซีนให้กับชาวภูเก็ตอาจจะไม่เป็นไปตามเป้า โดยขณะนี้ภูเก็ตได้รับวัคซีนไปเพียง 1 แสนโดสเท่านั้น

Source: The Jakarta Globe, SCMP, Anadolu Agency, Bangkok Post

]]>
1328209
COVID-19 ทำพิษ! “บาหลี” งดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไปถึงสิ้นปี 2020 https://positioningmag.com/1294113 Tue, 25 Aug 2020 15:20:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1294113 ผู้ว่าการเกาะบาหลีประกาศงดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไปจนถึงสิ้นปี 2020 สืบเนื่องจากความกังวลเรื่องไวรัส COVID-19

สถานตากอากาศยอดนิยมของแดนอิเหนาเริ่มเปิดหาด วัดวาอาราม และสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อต้อนรับผู้เดินทางในประเทศเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค. และเดิมทีก็มีแผนที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 11 ก.ย.นี้

อย่างไรก็ตาม ทางการบาหลีได้ยกเลิกแผนเปิดรับชาวต่างชาติ เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสในอินโดนีเซียยังคงน่าเป็นห่วง และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ชาวต่างชาติเองก็มาท่องเที่ยวลำบากเนื่องจากติดมาตรการห้ามเดินทางภายในประเทศของตนเช่นกัน

สำหรับกรุงจาการ์ตาก็ยังคงงดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าอินโดนีเซียเช่นกัน

“สถานการณ์ในอินโดนีเซียยังไม่เอื้อต่อการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศ รวมถึงเกาะบาหลีด้วย” ไอ วายัน คอสเตอร์ ผู้ว่าการเกาะบาหลี ระบุในเอกสารทางการซึ่งออกเมื่อวันเสาร์ที่ 22 ส.ค.

“รัฐบาลกลางสนับสนุนแผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวบาหลีด้วยการเปิดประตูต้อนรับชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม เราจะต้องกระทำการอย่างระวัง รอบคอบ ไม่รีบร้อน และเตรียมการอย่างรัดกุม”

ไวรัสโคโรนาที่แพร่ระบาดทั่วโลกส่งผลให้เที่ยวบินไป-กลับและนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนบาหลีลดลงอย่างมาก ขณะที่เจ้าของธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารบนเกาะต่างต้องหาวิธีดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด

เกาะบาหลีมีผู้ติดเชื้อ COVID-19 สะสมประมาณ 4,000 คนเศษ และมีผู้เสียชีวิต 49 คน

“เราควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่และอัตราการเสียชีวิตได้แล้ว ส่วนอัตราการหายจากโรคก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ” คอสเตอร์ ระบุ

จากฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ อินโดนีเซียมียอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 สะสมมากกว่า 155,000 คน และเสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่า 6,759 คน ทว่าตัวเลขที่แท้จริงคาดว่าจะสูงยิ่งกว่านี้มาก เนื่องจากอัตราการตรวจหาเชื้อยังคงต่ำ

Source

]]>
1294113
“บาหลี” ล้ำหน้าอาเซียน! ประกาศ “แบน” ถุงพลาสติก หลอด และโพลีสไตรีนแบบใช้ครั้งเดียว เริ่มแล้ว 23 มิถุนายนที่ผ่านมา https://positioningmag.com/1236980 Mon, 01 Jul 2019 05:59:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1236980 บาหลีกลายเป็นเกาะแรก และจังหวัดแรกของประเทศอินโดนีเซียที่ห้ามใช้ถุงพลาสติก หลอด และโพลีสไตรีน (Polystyrene) แบบใช้ครั้งเดียว เมื่อประกาศเป็นกฎหมายบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา 

ซึ่งในช่วงเวลานั้น ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ 34 (22-23 มิ..) ร่วมกับผู้นำอาเซียนอีก 9 ประเทศ โดยหัวข้อขยะทะเลเป็นหนึ่งประเด็นสำคัญที่นำมาถกร่วมเพื่อหาทางลดขยะทะเล

แนวทางสู่การบังคับของทางการบาหลี ได้เตรียมการล่วงหน้าแล้วราว 6 เดือน โดยทาง Wayan Koster ผู้ว่าราชการจังหวัดบาหลี ประกาศดำเนินการตามกฎหมายเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2561 ให้เจ้าของธุรกิจทุกคนมีระยะเวลาผ่อนผัน 6 เดือน เพื่อหาทางเลือกใหม่ สำหรับถุงพลาสติก และโพลีสไตรีน (โฟม) พร้อมเตือนทุกภาคส่วนให้พร้อมรับสถานการณ์งดใช้พลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง

นี่คือชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่สำหรับสภาพแวดล้อมของบาหลี และอนาคตของเกาะแห่งเทพเจ้าที่รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศไว้เมื่อเดือนธันวาคม 2560 ชาวบาหลีพร้อมใจกันแก้วิกฤตมลพิษพลาสติก เพราะพวกเราต้องการให้ทุกคนได้เป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ การบังคับใช้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ผู้ค้าปลีกสมัยใหม่ไปจนถึงตลาดดั้งเดิมทั้งในเมือง หมู่บ้านชุมชนก็จะไม่ใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวอีกต่อไป

ในจดหมายข่าวล่าสุด Bye Bye Plastic Bag อธิบายกระบวนการดำเนินการ “23 มิถุนายน 2562 เป็นวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับพวกเราทุกคน นักเคลื่อนไหว นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และผู้สนับสนุนการเคลื่อนไหวหยุดการใช้พลาสติกฟรีมายาวนาน

ผู้ว่าราชการจังหวัดบาหลี คาดหวังว่าการห้ามจะช่วยรักษาความสามัคคีและคืนความสมดุลให้กับระบบนิเวศของบาหลีซึ่งสอดคล้องกับแนวทางเรียกร้ององค์การสหประชาชาติ ที่ให้ประเทศต่างๆ ลดการสร้างขยะพลาสติก ลดขยะทะเลที่ลงไปทำร้ายสัตว์ทะเล และระบบนิเวศ รวมถึงเป็นสาเหตุสำคัญของกิจกรรมมนุษย์ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน

อีกทั้งอินโดนีเซีย ตกอยู่ในฐานะประเทศผู้สร้างขยะทะเลมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ด้วยปริมาณขยะทะเล 3.22 ล้านตัน/ปี และยังเป็นประเทศที่มีชายฝั่งยาวไกลมากที่สุดในอาเซียน 55,000 กิโลเมตร ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการทำให้ขยะบกตกสู่ทะเลมาก.

Source

]]>
1236980