ก่อสร้าง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 27 Jul 2023 11:47:31 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 คดี “แอชตัน อโศก” ศาลปกครองสูงสุดตัดสิน ก่อสร้าง “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” สั่งเพิกถอนใบอนุญาต https://positioningmag.com/1439287 Thu, 27 Jul 2023 11:47:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1439287
  • เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ศาลปกครองสูงสุดมีคำตัดสินในคดี “แอชตัน อโศก” ให้ยืนตามศาลปกครองกลาง ตึกแอชตัน อโศกทำการก่อสร้างโดย “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” และ “สั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง”
  • ทางอนันดาฯ ออกแถลงการณ์บริษัท ร้องหน่วยงานรัฐต้องเยียวยาความเดือดร้อน เพราะเป็นผู้อนุมัติทำให้เกิดการก่อสร้างโครงการได้ และจะร่วมกับลูกบ้านขอเข้าพบผู้ว่าฯ กทม. และผู้ว่าฯ รฟม. เพื่อทวงถามความรับผิดชอบ
  • ข้อมูลจาก บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด เปิดเผยผลคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด จากคดีฟ้องร้องประเด็นการให้ใบอนุญาตคอนโดมิเนียม “แอชตัน อโศก” ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากแอชตัน อโศก มีการใช้ที่ดินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นทางเข้าออกโครงการ (อ่านที่มาที่ไปโดยละเอียดได้ที่นี่)

    เมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ศาลปกครองกลางมีคำตัดสินออกมาว่า คดีนี้ รฟม. มีการอนุญาตให้แอชตัน อโศกใช้ที่ดินเป็นทางเข้าออกโดย “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” ซึ่งมีผลต่อเนื่องทำให้อนันดาฯ ไม่สามารถใช้ที่ดินของรฟม.ไปใช้ประกอบการขออนุญาตก่อสร้างตึกได้ และพิพากษาให้ “เพิกถอน” ใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์ก่อสร้างทั้งหมด 4 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับอาคารนี้ โดยมีผลย้อนหลัง

    หลังจากนั้นคดีนี้มีการอุทธรณ์ต่อไปยังศาลปกครองสูงสุด และล่าสุดในวันนี้ (27 กรกฎาคม 2566) อนันดาฯ แจ้งว่า ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่ง “ยืนตาม” คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง โดยมีรายละเอียดที่ส่งแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชน ดังนี้

    “เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ศาลปกครองสูงสุด ได้มีคําพิพากษาในคดีที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กับพวก (ผู้ฟ้องคดี) ได้ยื่นฟ้องผู้อํานวยการเขตวัฒนา ที่1 , ผู้อํานวยการสํานักการโยธา ที่ 2 , ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร ที่ 3 , ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ที่ 4 , คณะกรรมการผู้ชํานาญการ พิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชน ที่ 5 (ผู้ถูก ฟ้องคดี) และบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จํากัด “บริษัทฯ” ซึ่งไม่ใช่ผู้ถูกฟ้องคดีโดยตรง แต่ถูกเรียกเข้ามา ในฐานะเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากผลแห่งคดี ในฐานะผู้ร้องสอด ในคดีหมายเลขดําที่ อส 67/2564 หมายเลข แดงที่ อส.188/2566

    โดยศาลปกครองสูงสุด ได้มีคําพิพากษา ยืนตามคําพิพากษาศาลปกครองกลาง บริษัทฯขอน้อมรับและ เคารพในคําพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดตามที่ได้วินิจฉัยไว้”

     

    เรียกร้อง “หน่วยงานรัฐ” รับผิดชอบ ในฐานะผู้ให้อนุญาต

    ในแถลงการณ์ดังกล่าวจากอนันดาฯ ยังมีข้อความต่อเนื่อง ทวงถามถึงความรับผิดชอบ เนื่องจากอนันดาฯ มองว่า การก่อสร้างอาคารแอชตัน อโศกเกิดขึ้นได้ มาจากการให้อนุญาตของหน่วยงานรัฐเอง เมื่อการณ์เป็นเช่นนี้จึงมองว่าหน่วยงานรัฐควรจะเป็นผู้เยียวยาความเดือดร้อนของลูกบ้าน

    รวมถึงอนันดาฯ ยังแจ้งว่ากำลังประสานกับเจ้าของร่วมคอนโดฯ แอชตัน อโศกเพื่อขอเข้าพบผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อทวงถามความรับผิดชอบภายใน 14 วัน

    โดยข้อความฉบับเต็มจากอนันดาฯ มีดังนี้

    “กรณีที่ศาลปกครองสูงสุด ได้วินิจฉัยไว้ในประเด็นสําคัญที่ว่า ที่ดินของ รฟม.ไม่อาจนํามาให้บริษัท ฯ หรือ เอกชนใช้ในการทําโครงการได้ จึงทําให้หน่วยงานของรัฐไม่อาจออกใบอนุญาตในการก่อสร้าง จึงมีผลให้ใบอนุญาตไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น บริษัท ฯ เห็นว่า ศาลปกครองซึ่งมีหน้าที่พิจารณาคดีพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐ และหรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ กับ เอกชน เพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน รวมทั้งเพื่อวางแนวหรือสร้างบรรทัดฐานในการปฏิบัติราชการให้ถูกต้องชอบธรรม อีกทั้ง ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ รวมถึงฉบับปัจจุบันพุทธศักราช 2560 ในส่วนบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของรัฐ ในกรณีที่รัฐจะอนุมัติหรืออนุญาตให้ผู้ใดทําการได้ก็จะต้องดําเนินการไปตามกฎหมายโดยรัฐมีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องใช้อํานาจและทําหน้าที่ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง ไม่ประมาทเลินเล่อ หรือไม่ชอบด้วยกฎหมายอันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายกับประชาชนหรือผู้ประกอบการ ยิ่งไปกว่านั้น หากมีการกระทําที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังเกิดขึ้นเป็นคดีนี้แล้ว หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบและทําการเยียวยาในความเดือดร้อน เสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมและโดยไม่ชักช้า

    ดังนั้น ผลแห่งคําพิพากษาที่เกิดขึ้นดังกล่าว หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ต่อเจ้าของร่วมอาคารชุดและบริษัทฯ เพราะ หากหน่วยงานราชการผู้มีอํานาจหน้าที่ไม่เห็นชอบและอนุมัติแล้วโครงการนี้จะไม่สามารถก่อสร้างได้ตั้งแต่แรก ซึ่งจะไม่เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงอย่างที่เป็นอยู่

    ทั้งนี้ บริษัทฯจะเร่งรีบดําเนินการในการเรียกร้องค่าเสียหายกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อเยียวยาความเสียหายแก่เจ้าของร่วมอาคารชุดและบริษัท ฯ โดยเร็ว รวมทั้งบริษัทฯ จะดําเนินการประสานงานคณะกรรมการนิติบุคคลแอชตัน อโศก และท่านเจ้าของร่วม เพื่อขอเข้าพบผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเพื่อทวงถามความรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น ภายใน 14 วัน (สิบสี่) นับแต่วันนี้

    บริษัทฯ ใคร่ขอยืนยันว่า การทําโครงการแอชตัน อโศก นั้น ได้มีการตรวจสอบประเด็นทางกฎหมาย รวมทั้งข้อกําหนดที่เกี่ยวข้องกับการขออนุญาตต่างๆ รวมทั้งสภาพที่ดินของโครงการอย่างรอบคอบรัดกุม อีกทั้ง การพิจารณาอนุมัติในการทําโครงการต่าง ๆ ยังได้ผ่านการพิจารณาอนุมัติ และภายใต้การกํากับ ควบคุม จากหน่วยงานของรัฐไม่ตํ่ากว่า 8 หน่วยงาน จึงเป็นที่เห็นประจักษ์และยืนยันได้ว่า บริษัทฯ ได้ดําเนินการไปด้วย ความสุจริต และชอบด้วยกฎหมายอย่างชัดแจ้งแล้วทุกประการเท่าที่บริษัทฯจะทําได้ด้วยความเชื่อถือโดยสุจริตว่าการอนุมัติของหน่วยงานราชการทุกฝ่ายนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว บริษัท ฯ จึงใคร่ขอความเป็นธรรมจากทุกภาคส่วนที่จะร่วมกันแก้ไขป้องกันมิให้ปัญหาที่เกิดขึ้นดังเช่นคดีนี้ได้เกิดขึ้นอีก และเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐได้เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยเร็วด้วย”

    ข้อความจากโพสต์บน Facebook ศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กับพวก (ผู้ฟ้องคดี)

    คดีนี้ถือเป็นคดีที่ร้ายแรงในภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย เนื่องจากโครงการนี้ก่อสร้างเสร็จ โอนกรรมสิทธิ์ และเจ้าของร่วมได้ย้ายเข้าอยู่จริงมาแล้วกว่า 4 ปีก่อนที่จะมีคำตัดสินอันเป็นที่สุดของศาลดังกล่าวนี้ ต่างจากคดีอื่นๆ ที่มักจะมีการเพิกถอนใบอนุญาตหรือ EIA ในช่วงที่โครงการยังก่อสร้างไม่เสร็จเรียบร้อย จึงกระทบเฉพาะบริษัทเจ้าของโครงการ

    ขณะที่คดีนี้คำตัดสินจะกระทบกับลูกบ้านกว่า 600 ครอบครัวที่ยังคงอาศัยอยู่ในคอนโดฯ และหลายรายผ่อนสินเชื่อบ้านกับธนาคาร ซึ่งลูกบ้านเคยถามคำถามล่วงหน้ามาแล้วตั้งแต่ปี 2564 ว่า “หากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามเดิม และอาจมีคำสั่งให้ทุบอาคารตามมา ผู้ซื้อจะยังต้องผ่อนสินเชื่อบ้านกับธนาคารต่อไปจนครบหรือไม่ ทั้งที่ห้องชุดกลายเป็นอากาศไปแล้ว”

     

    อ่านข้อมูลย้อนหลังคดีแอชตัน อโศก

    • ลูกบ้าน “แอชตัน อโศก” ขอรับการเยียวยา ผลกระทบเกิดทันที รีไฟแนนซ์-ขายต่อไม่ได้
    • ผู้ซื้อ “แอชตัน อโศก” เรียกร้องอย่าทิ้งกันไว้กลางทาง “ศรีสุวรรณ” มีคดีฟ้องคอนโดฯ อีกเพียบ
    ]]>
    1439287
    GDP สิงคโปร์ ขยายตัว 14.3% ในไตรมาส 2 โตสูงสุดในรอบ 11 ปี ‘ภาคบริการ-ก่อสร้าง’ คัมเเบ็ก https://positioningmag.com/1342303 Wed, 14 Jul 2021 09:58:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1342303 กระจายวัคซีนที่ได้ผลดี เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ผลักดันให้ เศรษฐกิจ ‘สิงคโปร์’ กลับมาฟื้นตัวต่อเนื่อง ‘การผลิต–บริการ–ก่อสร้าง’ คัมเเบ็ก โดยล่าสุดตัวเลข GDP ในไตรมาส 2/2021 ขยายตัวที่ 14.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา หลังเผชิญวิกฤตโรคระบาดใหญ่

    โดยเป็นการขยายตัว ‘สูงสุด’ ในรอบ 11 ปี นับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2010 ช่วงหลังวิกฤตการเงินโลก ที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสิงคโปร์ ณ ตอนนั้น ขยายตัวได้ถึง 18.6%

    อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของสิงคโปร์ ยังไม่กลับมาเท่าช่วงก่อนโควิด-19 เพราะเเม้จะเป็นฟื้นตัวระดับสูง เเต่ก็เป็นผลจากการมี ‘ฐานที่ต่ำ’ ในปีก่อน ซึ่งเมื่อเทียบกับตัวเลขในไตรมาสแรกของปีนี้ ก็จะพบว่า GDP สิงคโปร์ ยังคงหดตัวที่ 2% 

    ท่ามกลางยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้น ทำให้รัฐต้องออกข้อจำกัดต่างๆ พร้อมมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวดในช่วง 4 สัปดาห์ ตั้งแต่เดือนพ.ค.ถึงเดือนมิ.ย.ของปีนี้ รวมไปถึงการห้ามรับประทานอาหารในร้านอาหารด้วย

    เเต่ทางอุตสาหกรรมใหญ่ๆ อย่างภาคการผลิต บริการเเละก่อสร้าง เริ่มกลับมาขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด

    โดยกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ เเถลงว่า ในภาคการผลิต มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 18.5% จากปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และวิศวกรรมพรีซิชั่น ที่ขยายตัวได้อย่างเเข็งเเกร่งจากอุปสงค์ความต้องการอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์เพิ่มสูงขึ้น เมื่อเศรษฐกิจโลกกลับมาฟื้นตัว

    ขณะที่ภาคบริการ กลับมาขยายตัวได้ 9.8% เเละภาคการก่อสร้าง ขยายตัวได้ถึง 98.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

    Photo : Shutterstock

    แม้ว่าภาคธุรกิจเหล่านี้ จะยังคงมีอุปสรรคจากข้อจำกัดด้านการเดินทางและการรวมตัวทางสังคม ไปจนถึงการ ‘ขาดเเคลนเเรงงานต่างชาติ’ เเต่ก็มีสัญญาณฟื้นตัวได้ดี โดยการเติบโตของภาคบริการนั้น ได้กลับมา ‘เป็นบวก’ ครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส

    • สิงคโปร์ เจอวิกฤตขาดเเคลน ‘เเรงงานต่างชาติ’ จากมาตรการคุมเข้มสกัดโควิด-19

    Alex Holmes นักเศรษฐศาสตร์ของ Capital Economics มองว่า ‘วัคซีนโควิด’ จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้สิงคโปร์กลับมาเปิดพรมแดนได้อีกครั้ง ‘อย่างค่อยเป็นค่อยไป’ เพื่อส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว ให้มีการเติบโตจากปัจจัยภายใน พร้อมๆ กับการ ‘ส่งออก’ เซมิคอนดักเตอร์และเวชภัณฑ์ที่กำลังไปได้ดีจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น

    สิงคโปร์ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงสุดของโลก โดยกว่า 70% ของจำนวนประชากรในประเทศ 5.69 ล้านคน ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 1 โดส และกว่า 41% ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส

    ทั้งนี้ รัฐบาลสิงคโปร์คาดการณ์ว่าภาพรวมเศรษฐกิจทั้งปีนี้ จะเติบโต 4% ถึง 6% ส่วนประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน ตอนนี้ก็มีเวียดนามที่เพิ่งประกาศตัวเลข GDP ในไตรมาส 2/2021 ว่าเพิ่มขึ้นในระดับ 6.6%

    • ‘BioNTech’ ประกาศสร้างโรงงานผลิตวัคซีนใน ‘สิงคโปร์’ ตั้งเป้า 100 ล้านโดส/ปี

     

    ที่มา : Nikkei Asia , CNBC

     

    ]]>
    1342303
    สรุปมาตรการเยียวยา ลูกจ้างเเละเจ้าของกิจการ “ร้านอาหาร-ก่อสร้าง” ช่วยจ่ายค่าแรง 50% นาน 1 เดือน รับเพิ่มหัวละ 2,000 บาท https://positioningmag.com/1339374 Mon, 28 Jun 2021 08:16:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1339374 เปิดเงื่อนไขมาตรการเยียวยาลูกจ้างเเละเจ้าของกิจการ ในธุรกิจ ‘ร้านอาหาร-ก่อสร้าง’ ทั้งในเเละนอกระบบประกันสังคม งบประมาณ 7,500 ล้านบาท

    วันนี้ (28 มิ.ย. 64) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการบริหารเศรษฐกิจในช่วงสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบศ. เป็นการด่วน โดยมีมติออก ‘มาตรการพิเศษ’ เยียวยาลูกจ้างและเจ้าของกิจการในธุรกิจก่อสร้างและร้านอาหาร ที่ได้รับกระทบจากประกาศฉบับที่ 25 หลังมีคำสั่งปิดแคมป์คนงานเเละงดให้รับประทานอาหารในร้าน เป็นเวลา 1 เดือน ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้แก่ ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ นนทบุรี สมุทรสาคร เบื้องต้นดังต่อไปนี้

    #ในระบบประกันสังคม

    – กรณีลูกจ้าง ประกันสังคมและกระทรวงแรงงาน จะจ่ายชดเชยกรณีเหตุสุดวิสัยให้ 50% ของฐานเงินเดือน เเต่สูงสุดไม่เกิน 7,500 บาท เป็นเวลา 1 เดือน นอกจากนี้จะยังได้รับ ‘เงินเพิ่มเติม” จำนวน 2,000 บาทต่อราย

    – กรณีนายจ้างหรือผู้ประกอบการ จะได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาทต่อหัวของลูกจ้างในบริษัท สูงสุดไม่เกิน 200 คน (เช่น ถ้ามีลูกจ้าง 10 คน เจ้าของร้านจะได้รับ 30,000 บาท)

    #นอกระบบประกันสังคม

    ข้อมูลเบื้องต้นจะเป็นฐานข้อมูลที่อยู่ในระบบ “ถุงเงิน” เเละให้ร้านดำเนินการลงทะเบียนเข้าระบบประกันสังคม

    – กรณีลูกจ้าง จะได้รับเงิน 2,000 บาทต่อหัว แต่จะไม่ได้เงินชดเชย 50% เนื่องจากจ่ายเงินสบทบเข้ากองทุนประกันสังคมไม่ถึง 6 เดือน

    – กรณีนายจ้างหรือผู้ประกอบการ จะได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาทต่อหัวของลูกจ้าง

    สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่สามารถขึ้นทะเบียนประกันสังคมได้ เนื่องจากไม่มีลูกจ้าง ให้ขึ้นทะเบียนผ่าน “ถุงเงิน” (หมวดร้านอาหารและเครื่องดื่ม) ได้ภายใน 1 เดือน โดยทางกระทรวงมหาดไทยจะลงไปตรวจสอบ

    การชดเชยดังกล่าว จะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 7,500 ล้านบาท เเบ่งเป็นงบของประกันสังคม 3,500 ล้านบาท และงบของรัฐบาลอีก 4,000 ล้านบาท (ในพ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้าน) อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (29 มิ.ย.) ต้องรอคณะรัฐมนตรีลงมติเห็นชอบในหลักการการเยียวยาครั้งนี้ก่อน

     

    ]]>
    1339374
    สิงคโปร์ เจอวิกฤตขาดเเคลน ‘เเรงงานต่างชาติ’ จากมาตรการคุมเข้มสกัดโควิด-19 https://positioningmag.com/1331629 Tue, 11 May 2021 10:55:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1331629 ‘สิงคโปร์’ กำลังเจอปัญหาขาดเเคลน ‘เเรงงานต่างชาติ’ หลังการอนุมัติเดินทางเข้าประเทศเป็นไปอย่างล่าช้า จากมาตรการควบคุมชายเเดนที่ ‘เข้มงวด’ มากขึ้น ส่งผลให้บรรดาบริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง การขนส่งทางทะเลและภาคการผลิต ได้รับผลกระทบอย่างหนัก

    Lawrence Wong รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะทำงานจัดการโควิด-19 ของสิงคโปร์ เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างใหม่ๆ จำนวนมากอาจจะล่าช้าออกไปอีก 1 ปีหรือมากกว่านั้น ขณะที่บริษัทในภาคการขนส่งทางทะเลและภาคการผลิต จะต้องสูญเสีย ‘โอกาสทางธุรกิจใหม่’

    โดยบริษัทใดก็ตาม หากต้องการนำเข้าแรงงานต่างชาติจากประเทศที่มีความเสี่ยงสูง จะต้องเผชิญกับ ‘ความล่าช้าอย่างมาก’ เเละรอการอนุมัติการเข้าประเทศนานกว่า 6 เดือน ซึ่งข้อจำกัดใหม่นี้ มีผลบังคับใช้กับทุกประเทศที่มีความเสี่ยงสูง ยกเว้นออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, บรูไน, จีน, ไต้หวัน, ฮ่องกง และมาเก๊า 

    “สิ่งที่น่ากังวลคือ การที่บริษัทต่างๆ ต้องเจอความยากลำบากหรือถูกบังคับให้ปิดกิจการ จะส่งผลให้ชาวสิงคโปร์ตกงานมากขึ้นตามไปด้วย”

    • ‘BioNTech’ ประกาศสร้างโรงงานผลิตวัคซีนใน ‘สิงคโปร์’ ตั้งเป้า 100 ล้านโดส/ปี

    หอพักจำนวนมากที่เป็นสถานที่พักอาศัยของแรงงานต่างชาติ ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชียใต้เป็นศูนย์กลางของการระบาดของโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว เเละเมื่อช่วงปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลเพิ่งกักตัวเพื่อดูอาการแรงงานต่างด้าวราว 1,200 คนในโรงงานแห่งหนึ่ง หลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ในกลุ่มแรงงานชายที่คิดว่าหายดีจากการติดเชื้อเเล้ว

    สิงคโปร์ เป็นหนึ่งในประเทศที่จัดการโควิด-19 ได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งตอนนี้กำลังเร่งกระจายวัคซีนของ Pfizer เเละ Moderna ให้กับประชาชน

    อย่างไรก็ตาม ยังต้อง ‘ใช้เวลา’ ในการโน้มน้าวให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน เนื่องจากการพบผู้ติดเชื้อในประเทศน้อย ทำให้หลายคนยังลังเล ไม่ตื่นตัว เเละมีความกังวลเกี่ยวกับมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสและผลข้างเคียงจากวัคซีนที่เร่งรีบในการพัฒนา

    โดยล่าสุดประชาชนสิงคโปร์ราว 1.8 ล้านคน ได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดส (ณ วันที่ 9 พฤษภาคม) หรือคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของประชากร

    • จับตา ‘ออสเตรเลีย-สิงคโปร์-อินเดีย’ เศรษฐกิจกลับมา ‘สดใส’ โตไวหลังวิกฤตโรคระบาด
    • นายกฯ สิงคโปร์ เล็ง ‘เปิดประเทศ’ ให้เดินทาง ‘ท่องเที่ยว’ ได้ ภายในสิ้นปีนี้

     

     

    ที่มา : Bloomberg , CNA

    ]]>
    1331629