ขึ้นค่าแรง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 11 Dec 2023 08:44:42 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 จับตากฎหมายจ่ายค่า “โอที” รปภ. “LPP” ชี้ลูกบ้าน “คอนโดฯ” เตรียมรับแรงกระแทก “ค่าใช้จ่ายพุ่ง” https://positioningmag.com/1455087 Mon, 11 Dec 2023 08:09:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1455087 กฎหมายจ่ายค่า “โอที” ให้กลุ่มอาชีพ “รปภ.” จ่อเสนอเข้า ครม. ทำงานเกิน 8 ชั่วโมงต้องได้ค่าล่วงเวลา ด้านบริษัทบริหารอาคาร “LPP” ชี้กฎหมายนี้จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการอาคารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม “คอนโดฯ” ค่าจ้าง รปภ. อาจขึ้นถึง 50%

จากกระแสข่าวที่ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สั่งการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ให้เตรียมเสนอร่างกฎหมายใหม่เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 12 ธันวาคมนี้ โดยเป็นกฎหมายเพื่อคุ้มครองค่าล่วงเวลา หรือ “โอที” ของพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) เพื่อดูแลสวัสดิการของผู้ประกอบอาชีพ รปภ. กว่า 400,000 คนทั่วประเทศ

กฎหมายนี้เกิดจากทางกระทรวงเล็งเห็นว่า รปภ. ส่วนใหญ่จะทำงานกะละ 12 ชั่วโมง แต่ในส่วนที่เกิน 8 ชั่วโมงมานั้นจะไม่ได้ค่าโอทีเหมือนกับอาชีพอื่นๆ ทำให้ต้องการออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองให้ รปภ. ได้ค่าจ้างที่เท่าเทียมกัน

หากกฎหมายฉบับนี้ผ่านมติ ครม. ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ กระทรวงแรงงานตั้งใจจะให้เป็นของขวัญปีใหม่ 2567 ให้กับกลุ่ม รปภ. ทันที

LPP นิติบุคคล
“สุรวุฒิ สุขเจริญสิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ LPP

“สุรวุฒิ สุขเจริญสิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด หรือ LPP ซึ่งทำธุรกิจด้านบริหารจัดการอาคาร และมีบริการด้านการรักษาความปลอดภัย ให้ความเห็นว่ากฎหมายฉบับนี้ถือเป็นปัจจัยท้าทายของธุรกิจให้บริการ รปภ. เนื่องจากจะทำให้ต้นทุนค่าจ้างพุ่งขึ้นอย่างมาก

โดยกฎหมายนี้ระบุให้ค่าจ้างในส่วนที่ล่วงเวลามา จะต้องจ่ายค่าแรงเป็น 1.5 เท่าของอัตราปกติ นั่นหมายความว่าค่าจ้างรปภ.จะสูงขึ้นมาก

ตัวอย่างเช่น ค่าจ้างปกติคิดเป็นชั่วโมงตกชั่วโมงละ 50 บาท ในส่วนที่เป็น “โอที” จะต้องเพิ่มเป็นชั่วโมงละ 75 บาท ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว รปภ. จะทำงานกะละ 12 ชั่วโมง (ค่าจ้างปกติ 8 ชั่วโมง + โอที 4 ชั่วโมง) ทำให้ค่าจ้างจากเดิมสมมติว่าเคยจ่ายวันละ 600 บาท ก็จะเพิ่มเป็น 700 บาท และหากมีการเพิ่มระยะเวลาทำงานในหนึ่งกะขึ้นไปมากกว่านั้น ก็จะต้องจ่ายเป็นอัตราล่วงเวลาทั้งหมด

สุรวุฒิกล่าวว่า จากกฎหมายนี้อาจทำให้ค่าจ้าง รปภ. ต่อคนเพิ่มขึ้นได้ถึง 50% เช่น จากจ่ายค่าจ้างเดือนละ 20,000 บาท ก็อาจจะขึ้นเป็น 30,000 บาทได้

 

ลูกบ้าน “คอนโดฯ” แบกภาระ – ต้องหาทางปรับตัว

หนึ่งในทรัพย์สินประเภทที่มีการจ้างงาน รปภ. จำนวนมากคือกลุ่มคอนโดมิเนียมและหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งค่าจ้าง รปภ. จะมาจากค่าส่วนกลางที่เก็บรวบรวมจากลูกบ้านทุกคน ดังนั้น สุรวุฒิมองว่าการปรับขึ้นค่าแรงโอทีของ รปภ. จะมีผลต่อภาระค่าส่วนกลางของลูกบ้านในอนาคตอย่างแน่นอน

รปภ.
(photo by Jethro C. / Pexels)

ความเป็นไปได้ในการรับมือเพื่อทุ่นภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ สุรวุฒิมองว่าหมู่บ้านและคอนโดฯ ต่างๆ อาจเริ่มพิจารณาเพื่อหาทางลดจำนวน รปภ. ลงเท่าที่เป็นไปได้ และหากเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่คุ้มค่าการลงทุน ก็อาจจะติดตั้งระบบเทคโนโลยีกล้องรักษาความปลอดภัยทดแทน

อีกแนวทางหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นคือ เนื่องจาก รปภ. เป็นอาชีพที่ต้องสอบรับใบอนุญาต ทำให้ค่าจ้างมักจะได้สูงกว่าแรงงานทั่วไป แต่เนื้องานจริงในบางคอนโดฯ หรือหมู่บ้านจะมีพื้นที่ทำงานที่ รปภ. ดูแลงานลักษณะที่ไม่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย เช่น อำนวยความสะดวกการจอดรถ ช่วยยกของ ตำแหน่งหน้าที่ในส่วนนี้อาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปใช้แรงงานทั่วไปแทนการใช้ รปภ. ที่มีใบอนุญาต

สุรวุฒิกล่าวต่อว่า ไม่ใช่แค่ค่า “โอที” รปภ. เท่านั้นที่จะเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมให้กับโครงการจัดสรร แต่การพิจารณาเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายของอาชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการอาคาร เช่น แม่บ้าน ช่างอาคาร นิติบุคคล ขยับขึ้นตามในไม่ช้าเช่นกัน

]]>
1455087
“พันธ์ พะเนียงเวทย์” แห่ง “มาม่า” กล่าวถึงแนวโน้มการขึ้น “ค่าแรง” ของรัฐบาล https://positioningmag.com/1447988 Thu, 12 Oct 2023 15:03:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1447988 “ถ้าเราทำให้ต้นทุนค่าแรงคนงานต่อมาม่า 1 ซองยังเท่าเดิมได้ แปลว่าเราก็ไม่มีผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง โดยเราต้องปรับตัวลงเครื่องจักรใหม่ที่ทันสมัย ผลิตได้เร็วขึ้น แต่ยังใช้จำนวนคนงานต่อ 1 ไลน์ผลิตเท่าเดิม

ตัวอย่างเช่น สมัยก่อนเราเคยผลิตมาม่าได้ 150 ก้อน/นาที ปัจจุบันเราทำได้สูงสุด 450 ก้อน/นาที เท่ากับเราทำได้เร็วขึ้น 3 เท่าแต่ใช้จำนวนคนเท่าเดิม”

“เราไม่ได้ไม่อยากจ่าย เพราะอย่างไรค่าแรงวันหนึ่งก็ต้องขึ้น และถ้าค่าแรงขึ้น พนักงานเราก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย

— พันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีแนวโน้มนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน

]]>
1447988
ภาคธุรกิจเตรียมรับมือ “ค่าแรง” 450 บาท/วัน มองต่างมุมผลกระทบมาก-น้อย https://positioningmag.com/1431077 Fri, 19 May 2023 10:01:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1431077 ฟังเสียงผู้ประกอบการหลายอุตสาหกรรม จากธุรกิจก่อสร้าง รีเทล และร้านอาหาร ประเด็น “ค่าแรง” 450 บาท/วัน ตามนโยบายพรรคก้าวไกล จะกระทบกับต้นทุนมากน้อยแค่ไหน

หลังผลการเลือกตั้งปรากฏ “พรรคก้าวไกล” ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แม้ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างร่าง MOU ข้อตกลงนโยบายระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน แต่มีความเป็นไปได้ว่านโยบาย “ค่าแรง” ขั้นต่ำน่าจะถูกบรรจุอยู่ใน MOU ฉบับนี้ โดยนโยบายที่พรรคก้าวไกลได้เสนอไว้ระหว่างหาเสียง ต้องการจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาท/วัน ทันทีภายใน 100 วันแรกหลังจัดตั้งรัฐบาล

ไปฟังเสียงจากผู้เกี่ยวข้องในภาคธุรกิจต่างๆ ว่ามองอย่างไรต่อการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทันทีของว่าที่รัฐบาลใหม่

 

ภาคก่อสร้าง กระทบ 10% ของต้นทุน

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 300 กว่าบาท/วัน ซึ่งค่าแรงถือเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของต้นทุนการก่อสร้างบ้านทั้งหมด ดังนั้น การปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาท/วัน จะกระทบกับต้นทุนแน่นอนเพราะเป็นธุรกิจที่ใช้แรงงานมาก และจะทำให้ราคาบ้านสูงขึ้น

ทั้งนี้ ต้นทุนส่วนใหญ่ของการสร้างบ้านจริงๆ แล้วคือ “ราคาที่ดิน” และวัสดุก่อสร้าง เหล็ก ปูน กระเบื้อง ฯลฯ ซึ่งขณะนี้เทรนด์ราคาที่ดินยังปรับขึ้นกันทุกไตรมาส หากมีการขึ้นค่าแรงมาเพิ่มต้นทุนเข้าไปอีก เชื่อว่าภายในปลายปี 2566 จะได้เห็นการปรับขึ้นราคาบ้านอีก 5-10%

ดร.วิชัยยังฝากถึงรัฐบาลใหม่ด้วยว่า หากมีมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีบ้านง่ายขึ้น ควรจะใช้มาตรวัดจาก “ฐานภาษีเงินได้” มากกว่าการกำหนดที่ราคาบ้าน ซึ่งอาจเป็นช่องโหว่ให้นักลงทุนที่จะลงทุนซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมราคาไม่สูง ได้ประโยชน์ส่วนนี้ไปด้วย

 

“รีเทล” คาดกระทบ 0.05% ของยอดขาย

“สลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ” รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชี การเงิน และสนับสนุนองค์กร บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) บริษัทรีเทลร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่ปัจจุบันมี 21 สาขาใหญ่ทั่วประเทศ และมีศูนย์กระจายสินค้า 1 แห่ง มีพนักงานในบริษัทกว่า 10,000 คน มองปัจจัยการขึ้นค่าแรงว่า อาจจะมีผลกระทบบ้างต่อบริษัท แต่ไม่สูงมาก

เนื่องจากปัจจุบันบริษัทจ่ายค่าแรงในระดับที่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว จากการประเมินหากปรับค่าแรงเป็น 450 บาท/วัน น่าจะคิดเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 0.05% ของยอดขายเท่านั้น

 

“ร้านอาหาร” เตรียมรับมือล่วงหน้ามานาน

ขณะที่ “นาฑีรัตน์ บุญรัตน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานทรัพยากรบุคคลและหน่วยธุรกิจพีเพิล คอนเน็ค บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด บริษัทธุรกิจร้านอาหาร เช่น บาร์บีคิวพลาซ่า, เรดซัน, ฌานา มีพนักงานในเครือราว 4,000 คน กล่าวว่า การขึ้นค่าแรง 450 บาท/วัน ย่อมมีผลกระทบอย่างแน่นอน

แต่บริษัทมีการเตรียมตัวมาแล้วล่วงหน้าเพราะทราบดีว่าค่าแรงจะต้องมีการปรับขึ้นในอนาคต โดยฟู้ดแพชชั่นใช้นโยบาย ‘Flexible Manpower’ เสริมทักษะให้พนักงานในร้านสามารถทำงานได้หลากหลาย ซึ่งทำให้ผลัดเปลี่ยนกันทำงานได้หลายตำแหน่งในร้าน ไม่ว่าจะเป็นเสิร์ฟ เตรียมอาหาร แคชเชียร์ จึงไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานจำนวนมากต่อ 1 สาขา แต่ใช้การเพิ่มค่าแรงให้กับพนักงานที่มีทักษะหลากหลายแทนได้ สอดคล้องกับการขึ้นค่าแรงในอนาคต

นอกจากนี้ บริษัทยังใช้ระบบดิจิทัลและหุ่นยนต์เข้ามาช่วยในร้านอาหาร ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระพนักงาน ไม่ต้องจ้างแรงงานเพิ่ม อย่างไรก็ตาม นาฑีรัตน์ย้ำว่าจากนโยบายเหล่านี้จะไม่มีมาตรการเลย์ออฟพนักงานออกแน่นอน

ทั้งหมดเป็นความเห็นในมุมของบริษัทขนาดใหญ่ ขณะที่ ดร.วิชัย แห่ง REIC มีความเห็นข้อกังวลด้วยว่า การขึ้นค่าแรงกะทันหันเช่นนี้จะกระทบกับ SMEs มากกว่า เพราะเป็นกลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีน้อย เน้นใช้แรงงานคน และปกติจ่ายค่าแรงต่ำกว่าบริษัทใหญ่ จึงเห็นว่ารัฐบาลควรพิจารณาการฝึกทักษะให้ SMEs ใช้เทคโนโลยีเพื่อลดแรงงานคนได้ดีเสียก่อนที่จะขึ้นค่าแรง

]]>
1431077
เริ่มแล้ว! พนักงานธุรกิจขนส่งมวลชนทั่ว “เยอรมนี” รวมพลัง “สไตรค์” ขอขึ้นค่าแรงสู้เงินเฟ้อ https://positioningmag.com/1424897 Mon, 27 Mar 2023 03:43:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1424897 พนักงานธุรกิจ “ขนส่งมวลชน” ทั่วประเทศ “เยอรมนี” ไม่ว่าจะเป็นในสนามบิน รถไฟ รถบัส จะร่วมกัน “สไตรค์” นัดหยุดงานครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เพื่อเรียกร้องขอขึ้นค่าแรงอย่างน้อย 10.5% สู้กับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงมาตั้งแต่ปีก่อน

หลังเข็มนาฬิกาล่วงเลยเข้าสู่เวลา 00:01 น. วันที่ 27 มีนาคม 2023 ในเยอรมนี การนัดหยุดงานของพนักงาน “ขนส่งมวลชน” เมืองเบียร์ก็เริ่มขึ้น โดยถือเป็นการสไตรค์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ

การนัดหยุดงาน 1 วันเต็มในวันนี้ เป็นความร่วมมือของพนักงานขนส่งมวลชนรวมหลายแสนคน ภายใต้สหภาพแรงงานหลายแห่ง ซึ่งจะกระทบการขนส่งมวลชนหลายประเภท สนามบินทุกแห่งยกเว้นในเบอร์ลินจะไม่มีคนทำงานกราวด์และรักษาความปลอดภัย กระทบเที่ยวบินประมาณ 1,500 เที่ยวบิน ไปจนถึงพนักงานขนส่งมวลชนท้องถิ่นทั้ง 16 รัฐของเยอรมนี พนักงานบนทางด่วน พนักงานท่าเรือชายฝั่ง กระทั่งพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการเดินรถไฟทั่วประเทศ จะหยุดงานทั้งหมดในวันนี้

ข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานนั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม สหภาพแรงงาน Ver.di ซึ่งเป็นตัวแทนหลักของพนักงานด้านการบิน ยื่นข้อเรียกร้องให้ขึ้นค่าแรงอย่างน้อย 10.5% หรือประมาณ 500 ยูโรต่อเดือน ขณะที่ EVG ซึ่งเป็นสหภาพพนักงานการรถไฟ ยื่นข้อเรียกร้องให้ขึ้นค่าแรง 12% หรือประมาณ 650 ยูโรต่อเดือน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้คำตอบของนายจ้างด้านธุรกิจการบินต้องการจะขึ้นค่าแรงให้ 5% เท่านั้น บวกกับโบนัสจ่ายครั้งเดียวอีก 2,500 ยูโร เช่นเดียวกันในกลุ่มนายจ้างธุรกิจรถไฟ ตอบว่าจะขึ้นค่าแรงให้ 5% และไม่มีโบนัสเพิ่มเติม

(Photo by FG/Bauer-Griffin/GC Images)

เมื่อการเจรจาไม่ได้ตามเป้าทำให้นำมาสู่การนัดหยุดงานพร้อมกันทั่วประเทศวันนี้ จากที่ก่อนหน้านี้พนักงานด้านขนส่งมวลชนมีการนัดสไตรค์กันมาเนืองๆ แต่ไม่เคยรวมตัวกันทั้งประเทศพร้อมกัน

เหตุที่พนักงานทนไม่ไหวต้องนัดหยุดงานประท้วง เพราะอัตราเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นมาตั้งแต่ปี 2022 จนปัจจุบันก็ยังไม่หยุด ยกตัวอย่างเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ดัชนีราคาผู้บริโภคปรับขึ้นมาแล้ว 9.3% เทียบกับปีก่อน แม้ว่าธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB จะพยายามสกัดด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้วหลายครั้ง

เยอรมนีเป็นประเทศที่เคยพึ่งพิงแก๊สจากรัสเซียอย่างมาก ก่อนที่จะเกิดสงครามยูเครนขึ้น ทำให้เยอรมนีได้รับผลกระทบหนักเพราะต้องดิ้นรนหาแหล่งพลังงานใหม่ ในระหว่างนั้นอัตราเงินเฟ้อจึงพุ่งขึ้นสูงมากกว่าค่าเฉลี่ยในยุโรป

ผลร้ายจึงมาตกกับพนักงานทั่วไปที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นทุกอย่างตั้งแต่ราคาเนยจนถึงค่าเช่าบ้าน ค่าครองชีพที่พุ่งสูงทำให้ทางสหภาพแรงงานมองว่าการขึ้นค่าแรงเป็นเรื่องของ “การเอาชีวิตรอด” ของพนักงาน

อย่างไรก็ตาม ฝั่งนายจ้าง เช่น Deutsche Bahn บริษัทผู้รับสัมปทานเดินรถไฟ ออกมาตอบโต้เมื่อวานนี้ว่า การนัดหยุดงานเป็นเรื่องที่ “เกินเหตุ ไม่มีเหตุผล และไม่จำเป็น” แถมเหล่านายจ้างทั้งหลายยังเตือนด้วยว่า หากขึ้นค่าแรงให้พนักงานขนส่งมวลชน บริษัทจะปรับค่าโดยสารและภาษีที่เก็บกับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยกับต้นทุนที่จ่ายค่าแรงเพิ่ม

ไม่เฉพาะในเยอรมนีที่พนักงานมีการประท้วง ในยุโรปอีกหลายประเทศก็มีการประท้วงเนืองๆ เช่น ฝรั่งเศส ที่ประชาชนออกมาประท้วงรัฐบาล จากการออกนโยบายยืดอายุเกษียณจาก 62 ปี เป็น 64 ปี เพราะรัฐต้องการจะลดภาระการจ่ายเงินบำนาญ ทำให้ประชาชนบางส่วนไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ที่มา: Reuters, AP

]]>
1424897
‘ตุรกี’ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 55% สู้วิกฤตเงินเฟ้อขึ้นระดับสูงสุดในรอบ 24 ปี https://positioningmag.com/1413793 Fri, 23 Dec 2022 07:52:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1413793 ทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหา ‘เงินเฟ้อ’ ที่พุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี อาทิ ญี่ปุ่นที่ตัวเลขเงินเฟ้อญี่ปุ่นทำสถิติใหม่สูงสุดในรอบ 40 ปี หรืออย่าง ตุรกี ที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 24 ปี ทำให้รัฐบาลต้องปรับ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพื่อแก้ปัญหา แม้ว่าปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อจะเริ่มดีขึ้นแล้วบ้างก็ตาม

ตุรกี ประกาศ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 55% โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น อัตราเงินเฟ้ออย่างเป็นทางการของประเทศในขณะนี้อยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 24 ปีที่ 84.4% ส่งผลให้เกิดวิกฤตค่าครองชีพที่ทำให้คนหลายล้านตกอยู่ในความยากลำบากทางการเงิน กระทบต่อธุรกิจขนาดเล็ก และทำให้หลายคนไม่สามารถซื้อสินค้าพื้นฐานได้

Recep Tayyip Erdogan ประธานาธิบดีตุรกี กล่าวว่า การเงินเดือนขั้นต่ำจะเพิ่มเป็น 8,500 ลีรา (15,700 บาท) โดยเริ่มในปี 2566 โดยคาดว่ากลุ่มแรงงานในเกณฑ์ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมีสัดส่วนประมาณ 30% ของแรงงาน อย่างไรก็ตาม การปรับค่าแรงขั้นต่ำถึง 55% แต่นักเศรษฐศาสตร์กังวลว่ามันจะยิ่ง เพิ่มอัตราเงินเฟ้อ และมาตรการดังกล่าวเป็นเรื่องของการเมือง เนื่องจากตุรกีกำลังจะมีการเลือกตั้งในเดือนมิถุนายน 2566

Timothy Ash นักยุทธศาสตร์ด้านตลาดเกิดใหม่ที่ BlueBay Asset Management กล่าวว่า “แรงจูงใจ = ชนะการเลือกตั้ง ผลกระทบ = อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น”

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของประเทศตุรกีเพิ่งชะลอตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 18 เดือน โดยอยู่ที่ 84.4% ต่อปี ลดลงเล็กน้อยจาก 85.5% ในเดือนก่อนหน้า

]]>
1413793
ศึกชิงแรงงานภาคบริการ! Starbucks สหรัฐฯ เตรียมขึ้นค่าแรง 2 รอบปีหน้า ยื้อตัวบาริสต้า https://positioningmag.com/1358897 Thu, 28 Oct 2021 04:13:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1358897 Starbucks ประกาศขึ้นค่าแรง 2 รอบภายในปี 2022 เพื่อสู้ศึกชิงตัวพนักงาน หลังจากตลาดแรงงานภาคบริการโดยเฉพาะในกลุ่มร้านอาหารขาดแคลนพนักงานอย่างหนัก นอกจากนี้ บริษัทจะให้ค่าแนะนำ 200 เหรียญหากพนักงานสามารถดึงเพื่อนมาสมัครงานได้

ร้านกาแฟดัง Starbucks ในสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2021 ว่า บริษัทเตรียมขึ้นค่าแรงให้บาริสต้าอย่างน้อย 2 รอบภายในปี 2022

กลุ่มพนักงานที่จะได้รับการขึ้นค่าแรง ได้แก่กลุ่มบาริสต้าที่ทำงานมาแล้วอย่างน้อย 2 ปี จะได้ขึ้นค่าแรงสูงสุด 5% ภายในปลายเดือนมกราคมนี้ และบาริสต้าที่ทำงานมาอย่างน้อย 5 ปี จะได้ขึ้นค่าแรงสูงสุด 10%

ส่วนค่าแรงทั่วไป Starbucks จะปรับขึ้นครั้งแรกภายในช่วงฤดูร้อนปีหน้า ซึ่งจะทำให้ค่าแรงขั้นต่ำของพนักงานอยู่ที่ 15 เหรียญสหรัฐต่อชั่วโมง (ประมาณ 499 บาทต่อชั่วโมง) ในบางพื้นที่อาจจะได้ขั้นต่ำถึง 23 เหรียญต่อชั่วโมง และจะทำให้ค่าแรงโดยเฉลี่ยปรับเพิ่มจาก 14 เหรียญต่อชั่วโมง เป็น 17 เหรียญต่อชั่วโมง

บริษัทเพิ่งจะขึ้นค่าแรงไปรอบหนึ่งเมื่อเดือนธันวาคม 2020 ขณะนั้น เควิน จอห์นสัน ซีอีโอ Starbucks ระบุว่าบริษัทจะมีการขึ้นค่าแรงอีก ทำให้ขั้นต่ำไปอยู่ที่ 15 เหรียญต่อชั่วโมงภายใน 3 ปี ดังนั้น การประกาศขึ้นค่าแรงปี 2022 จึงเป็นการขึ้นค่าแรงที่เร็วกว่าแผนเดิม

นอกจากขึ้นค่าแรงแล้ว บริษัทยังมีโปรแกรมให้ “โบนัสพิเศษ” 200 เหรียญสหรัฐ สำหรับการแนะนำเพื่อนเข้ามาสมัครงาน รวมถึงจะเพิ่มเจ้าหน้าที่ชักชวนสมัครงานทั่วประเทศด้วย

การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตของกลุ่มธุรกิจร้านอาหารและบาร์ทั่วประเทศที่ไม่สามารถหาพนักงานได้เพียงพอ ระหว่างที่กำลังซื้อจากผู้บริโภคฟื้นตัว เชนร้านอาหารหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น Domino’s Pizza, McDonald’s, Chipotle Mexican Grill ฯลฯ ต่างระบุเมื่อไตรมาส 3 ที่ผ่านมาว่าบริษัทกำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน ซึ่งทำให้เร่งยอดขายไม่ได้มากเท่าที่ต้องการ

นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนี้มองว่า ปัจจัยที่ทำให้พนักงานในกลุ่มธุรกิจนี้ขาดแคลน เกิดจากความกังวลต่อโรคระบาด COVID-19 ทำให้งานที่ต้องพบปะคนจำนวนมากมีพนักงานสนใจสมัครงานน้อยลง ไม่ใช่แค่ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจอื่นๆ ที่เป็นลักษณะเดียวกัน เช่น ศูนย์ดูแลเด็กเล็ก ก็ขาดแคลนแรงงานเช่นกัน หนำซ้ำงานประเภทอื่นที่ให้ค่าแรงสูงกว่า เช่น คลังสินค้าของ Amazon ก็ดึงดูดแรงงานไปแทบหมด

นอกจากหาแรงงานยากแล้ว Starbucks กำลังเผชิญความท้าทายด้านแรงงานอีกส่วนหนึ่งคือ พนักงานกลุ่มหนึ่งในเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก พยายามจัดตั้งสหภาพแรงงานอยู่ขณะนี้ เพราะพนักงานต้องการรวมเป็นหนึ่งเพื่อเรียกร้องให้บริษัทแก้ปัญหาพนักงานในร้านไม่เพียงพอที่มีมาอย่างต่อเนื่อง

Source

]]>
1358897
‘Walmart’ ขึ้นเงินเดือนให้พนักงานกว่า 5.6 แสนคน นับเป็นการขึ้นค่าแรงครั้งที่ 3 ในรอบ 12 เดือน https://positioningmag.com/1350379 Mon, 06 Sep 2021 05:02:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1350379 ถือเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่แสดงว่าคนงานสามารถจับจ่ายได้มากขึ้นในเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย COVID-19 นี้ โดย Walmart ซึ่งเป็นหนึ่งในนายจ้างรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา กำลังขึ้นเงินเดือนให้คนงานมากกว่า 565,000 คน ซึ่งถือเป็นการขึ้นเงินครั้งที่ 3 ในรอบ 12 เดือน

จอห์น เฟอร์เนอร์ ประธานและซีอีโอของ Walmart กล่าวในบันทึกถึงพนักงานว่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน พนักงานที่ทำงานในส่วนหน้าร้านของร้านค้าปลีก อาหาร และสินค้าทั่วไปจะได้รับเงินเพิ่มอย่างน้อย 1 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง โดย เฟอร์เนอร์ ระบุว่านี่เป็นการเพิ่มขึ้นครั้งที่ 3 ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

“ในปีที่ผ่านมา เราได้ขึ้นค่าแรงรายชั่วโมงให้กับพนักงานประมาณ 1.2 ล้านคนในร้านค้าที่สหรัฐฯ ทำให้ค่าจ้างรายชั่วโมงเฉลี่ยในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 16.40 เหรียญสหรัฐ (541 บาท)โดยค่าจ้างเฉลี่ยปัจจุบันของ Walmart อยู่ที่ 15.25 เหรียญ (503 บาท)”

จากการขึ้นค่าแรงดังกล่าว ทำให้เงินเดือนของพนักงาน Walmart แซงหน้าผู้ค้าปลีกรายอื่น ๆ มากมายหลายแห่ง อาทิ ร้านขายยา CVS ที่ปัจจุบันได้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 15 เหรียญ/ชั่วโมง (495 บาท/ชั่วโมง) เนื่องจากที่รัฐบาลประกาศค่าแรกขั้นต่ำที่ 15 เหรียญ/ชั่วโมง

Source

]]>
1350379