ติ๊กตอก – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 02 May 2024 13:50:41 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ผู้ใช้งาน TikTok เฮ บริษัทปิดดีลลิขสิทธิ์เพลงค่าย Universal Music ได้แล้ว หลังยืดเยื้อมาเป็นเวลานานหลายเดือน https://positioningmag.com/1471922 Thu, 02 May 2024 13:49:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1471922 หลังจากที่ผู้ใช้งาน TikTok ต้องหงุดหงิดมาเป็นเวลาหลายเดือน ล่าสุดแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอสั้นสามารถปิดดีลกับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ Universal Music ได้แล้ว ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานเพลงของศิลปินค่ายเพลงดังได้อีกครั้ง

Universal Music ประกาศว่าบริษัทให้สิทธิ์ TikTok ในการนำลิขสิทธิ์เพลงต่างๆ ที่ค่ายตัวเองมีอยู่ให้กับแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอสั้นใช้งานได้อีกครั้ง หลังจากการเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายใช้เวลายาวนานหลายเดือน และภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวยังมีข้อตกลงในหลายด้านเพิ่มเติมจากในอดีตด้วย

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวตามหลังมาจาก Universal Music ใหญ่ได้เริ่มทยอยไม่ให้สิทธิ์การใช้เพลงของศิลปินในค่ายบนแพลตฟอร์มของ TikTok ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา ซึ่งสัญญาระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายนั้นหมดอายุเมื่อวันที่ 31 มกราคม

แถลงการณ์ของทั้ง 2 บริษัทนั้น TikTok ยังได้จ่ายค่าตอบแทนที่ดีขึ้นให้กับนักแต่งเพลงและศิลปินของ Universal Music ภายใต้ข้อตกลงล่าสุด หลังจากที่ค่ายเพลงใหญ่เคยกล่าวว่าแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นรายนี้ได้ให้ค่าตอบแทนแก่ศิลปินหรือแม้แต่นักแต่งเพลงเพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น

นอกจากนี้ในข้อตกลงดังกล่าวทั้ง TikTok และ Universal Music จะทำงานร่วมกันเพื่อทำให้แน่ใจว่าการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในอุตสาหกรรมเพลงจะปกป้องศิลปินหรือแม้แต่ผู้แต่งเพลง ไปจนถึงการลบเพลงที่สร้างจาก AI ที่ละเมิดลิขสิทธิ์บนแพลตฟอร์มด้วย

ในช่วงที่ผ่านมาผู้ใช้งานของ TikTok ยังมีการนำ AI มาแต่งเพลงที่ละเมิดลิขสิทธิ์ศิลปินของ Universal Music ทำให้มีการเจรจาเรื่องดังกล่าวของทั้ง 2 ฝ่ายจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ

Shou Chew ซึ่งเป็น CEO ของ TikTok กล่าวว่า ดนตรีเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศของ TikTok และเขาดีใจที่ได้ร่วมเดินทางกับ Universal Music อีกครั้ง เขายังกล่าวเสริมว่าบริษัทนั้นมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนคุณค่า การค้นพบ หรือแม้แต่การโปรโมตให้กับศิลปินและนักแต่งเพลงของ Universal Music

ปัจจุบันศิลปินค่าย Universal Music ที่มีชื่อเสียง ยกตัวอย่างเช่น Drake ศิลปินเพลงฮิปฮอป หรือแม้แต่ศิลปินเพลงป๊อปอย่าง Olivia Rodrigo และ Sabrina Carpenter หรือแม้แต่ Taylor Swift

ข้อมูลของ Midia ชี้ว่าในปี 2022 นั้น Universal Music มีรายได้จากการคิดค่าสิทธิ์การใช้เพลงบนแพลตฟอร์ม TikTok คิดเป็น 1% ของรายได้รวมทั้งหมด หรือคิดเป็นเงินแค่ 110 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ตรงข้ามกับ YouTube ที่จ่ายเงินให้กับค่ายเพลงต่างๆ รวมกันมากถึง 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ

ซึ่งถ้าหากย้อนกลับไป ประเด็นดังกล่าวถือว่าเป็นสาเหตุทำให้การเจรจาตัวเงินระหว่างค่ายเพลงยักษ์ใหญ่กับ TikTok ถึงใช้เวลายาวนานหลายเดือน ก่อนที่จะปิดดีลดังกล่าวลงได้

ที่มา – Universal Music, The Verge, Reuters

]]>
1471922
TikTok จับมือพันธมิตร ส่งแคมเปญ #สงกรานต์2567 ชวนผู้ใช้ทำคลิป ลุ้นรับของรางวัล https://positioningmag.com/1469010 Thu, 04 Apr 2024 02:25:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469010 ติ๊กต็อก (TikTok) จับมือกับพันธมิตรหลายภาคส่วน เปิดตัวแคมเปญ #สงกรานต์2567 โดยชูเรื่องเทศกาลสำคัญของไทยนั้นเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่ทุกคนได้อยู่ร่วมกัน นอกจากนี้ยังชักชวนให้ผู้ใช้งานทำคลิป และติดแฮชแท็ก เพื่อที่จะลุ้นรับของรางวัล

วชิราภรณ์ โอฬาร Content Team Lead ของ TikTok ประเทศไทย ได้กล่าวว่า TikTok รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลที่มีชีวิตชีวานี้อีกครั้ง ตลอดปีที่ผ่านมา เราได้เห็นเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อผ่านคอนเทนต์มากมายที่ไม่เพียงแต่นำเสนอความสนุกสนานและรื่นเริงตามฤดูกาลเท่านั้น แต่ยังเน้นย้ำถึงมรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนานของประเทศไทยอีกด้วย

Content Team Lead ของ TikTok ประเทศไทย ยังได้กล่าวเสริมว่า ปีนี้เราได้ต่อยอดการเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ไปสู่อีกขั้น ด้วยการใช้ประโยชน์จากการเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดสร้างสรรค์และเชื่อมต่อกับผู้อื่น สามารถจะช่วยเผยแพร่บรรยากาศช่วงสงกรานต์ในวงกว้าง และกลายเป็นประสบการณ์อันน่าจดจำสำหรับทุกคน

สำหรับเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย ถือเป็นเทศกาลสำคัญทางวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทุกมุมโลก ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นรายการในบัญชีตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ โดย UNESCO เมื่อเดือนธันวาคมปี 2023 ที่ผ่านมา

วชิราภรณ์ โอฬาร – Content Team Lead ของ TikTok ประเทศไทย / ภาพจากบริษัท

วชิราภรณ์ ยังได้กล่าวเสริมว่าแคมเปญสงกรานต์ของ TikTok ในปีนี้ถือว่ายิ่งใหญ่ เนื่องจากได้จับมือกับพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สยามพารากอน และแบรนด์ดังอีกหลายแบรนด์

นอกจากนี้ TikTok ยังเชิญชวนให้ผู้ใช้งานทำคลิป และติดแฮชแท็ก เพื่อที่จะรับของรางวัลจากพันธมิตรต่างๆ โดยแฮชแท็กอย่างเป็นทางการของ TikTok ในปีนี้ประกอบไปด้วย #สงกรานต์2567 #สไตล์สงกรานต์บ้านเรา #แฟชั่นสงกรานต์บ้านเรา #เที่ยวกันสงกรานต์บ้านเรา #อิ่มกันสงกรานต์บ้านเรา #งามกันสงกรานต์บ้านเรา #เรียนกันสงกรานต์บ้านเรา #ดูกันสงกรานต์บ้านเรา #สงกรานต์กีฬาบ้านเรา #เล่นเกมบ้านเรา #SMEสงกรานต์บ้านเรา #TikTokLiveSongkran รวมถึง #TTSSongkran2024

นอกจากเชิญชวนให้ทำคลิปในช่วงวันสงกรานต์แล้วนั้น TikTok เองยังมีการจัดประกวดนางสงกรานต์ในปีนี้ โดยมีเหล่าครีเอเตอร์ชื่อดังหลายคนได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว นอกจากนี้วชิราภรณ์ ได้กล่าวเสริมว่าจะมีการยกงานสงกรานต์จากแพลตฟอร์มออนไลน์มาไว้ที่สยามพารากอนเป็นครั้งแรก เปิดพื้นที่ให้ทุกคนมาร่วมเฉลิมฉลองและแบ่งปันช่วงเวลาดีๆ อีกด้วย

ในปี 2023 ที่ผ่านมานั้น TikTok มีแคมเปญติดแฮชแท็ก #TikTokสงกรานต์ทั่วไทย ซึ่งพบว่ามีจำนวนวิดีโอ 603,452 โพสต์ และยอดการรับชม 1,262,319,641 ครั้ง โดยสำหรับในปีนี้ Content Team Lead ของ TikTok ประเทศไทย คาดว่าจะมีจำนวนวิดีโอรวมถึงยอดการรับชมสูงขึ้นกว่าเดิม

]]>
1469010
สภาสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ ByteDance ขายกิจการของ TikTok ออกมาภายใน 6 เดือน ถ้าไม่ทำตามมีโทษแบน https://positioningmag.com/1466177 Wed, 13 Mar 2024 17:37:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466177 สภาล่างของสหรัฐอเมริกา มีมติเอกฉันท์ในการออกข้อกฎหมายโดยให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok ต้องแยกกิจการออกมาเพื่อขายต่อ โดยมีระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน ถ้าไม่ทำตามมีโทษแบน อย่างไรก็ดีในการออกข้อกฎหมายนั้นยังต้องผ่านวุฒิสภาของสหรัฐฯ ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนว่าข้อกฎหมายดังกล่าวจะผ่านการพิจารณาหรือไม่

สภาล่างของสหรัฐอเมริกา มีมติ 352 ต่อ 65 ในการออกข้อกฎหมายโดยให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok นั้นต้องแยกกิจการออกมาเพื่อขายต่อ โดยมีระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน และถ้าหากไม่ทำตามภายในระยะเวลาที่กำหนดก็จะทำให้แอปพลิเคชันดังกล่าวถูกแบนในทันที

เสียงของ ส.ส. ไม่ว่าจะเป็นทั้งพรรคเดโมแครต 155 เสียง และพรรครีพับลิกัน 197 เสียงต่างเห็นด้วยกับร่างดังกล่าว และคะแนนโหวตยังผ่านขั้นต่ำที่ 2 ใน 3 ของสมาชิกสภาทั้งหมดอีกด้วย แม้ว่าคำสั่งดังกล่าวจะถูกกลุ่มผู้ใช้งาน TikTok ล็อบบี้ หรือแม้แต่ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการแบนแอปพลิเคชันดังกล่าวก็ตาม

สาเหตุสำคัญที่ทำให้มีการออกคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้ ByteDance ขายกิจการของ TikTok ออกมาเนื่องจากระบบของ TikTok นั้นมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลประชาชนชาวสหรัฐฯ​ เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อเรื่องภัยความมั่นคง

และยังมีกรณีที่พนักงานของ ByteDance ในประเทศจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้งานในทวีปยุโรป หรือแม้แต่นักข่าวในสหรัฐอเมริกาอย่าง Forbes รวมถึงอังกฤษอย่าง Financial Times ทำให้มีความกังวลถึงสิทธิของผู้ใช้งาน

ขณะเดียวกันมาตรการดังกล่าวถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของสภาสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองต่อประเด็นด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ เกี่ยวข้องกับจีน เนื่องจากตัวกฎหมายความมั่งคงของจีนนั้นกำหนดให้บริษัทเอกชนจะต้องทำตามนโยบายด้านความมั่งคงของจีน ซึ่งอาจมีการขอข้อมูลของผู้ใช้งานต่างๆ ทำให้เกิดความกังวลในประเด็นดังกล่าวเพิ่มขึ้น

คริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการของ FBI ได้กล่าวกับคณะกรรมการข่าวกรองประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า รัฐบาลจีนอาจใช้ช่องโหว่ด้านซอฟต์แวร์ของ TikTok เพื่อเข้าถึงชาวอเมริกัน และชาวอเมริกันต้องถามตัวเองว่าพวกเขาต้องการให้รัฐบาลจีนสามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของตนได้หรือไม่

ก่อนที่จะมีการไฟเขียวกับร่างดังกล่าว ในเดือนมีนาคมของปี 2023 ที่ผ่านมา Shou Zi Chew ซึ่งเป็น CEO ของ TikTok ได้ขึ้นให้การกับสภาคองเกรส และยังมีการออกคลิปวิดีโอแสดงถึงความสำคัญของ TikTok ว่าสร้างความบันเทิง และภาคธุรกิจในสหรัฐฯ ได้ใช้งานแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ มากกว่า 150 ล้านคน

ถ้าหาก ByteDance ไม่มีการขายกิจการ TikTok และมีการแบนเกิดขึ้นจริง สหรัฐฯ ก็จะเป็นอีก 1 ประเทศที่มีการแบนแอปพลิเคชันนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้เนปาลได้ประกาศแบนแอปพลิเคชันดังกล่าว เนื่องจากเนื้อหาเป็นอันตรายต่อความสามัคคีในสังคมมาแล้ว

ในส่วนของ หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนมองว่าการแบน TikTok ถือเป็น “การกลั่นแกล้ง” และยังชี้ว่าเรื่องดังกล่าวจะส่งผลย้อนกลับต่อสหรัฐอเมริกาเองหลังจากนี้

อย่างไรก็ดีในการออกข้อกฎหมายนั้นยังต้องผ่านวุฒิสภาของสหรัฐฯ ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนว่าข้อกฎหมายดังกล่าวจะผ่านการพิจารณาหรือไม่ และยังรวมถึงมีความเสี่ยงจากการยื่นฟ้องผ่านศาลว่าร่างดังกล่าวขัดกับข้อกฎหมายของสหรัฐอเมริกาหรือไม่ด้วย

ที่มา – CNN, ABC News, CBS News

]]>
1466177
EU เริ่มไต่สวน TikTok ละเมิดกฎระเบียบปกป้องผู้เยาว์ จัดการคอนเทนต์ผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าผิดมีสิทธิ์โดนปรับเม็ดเงินหลักหมื่นล้านบาท https://positioningmag.com/1463399 Tue, 20 Feb 2024 08:39:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1463399 สหภาพยุโรป เริ่มไต่สวน TikTok ว่าละเมิดกฎระเบียบปกป้องผู้เยาว์ จัดการคอนเทนต์ผิดกฎหมายหรือไม่ ตามพระราชบัญญัติบริการดิจิทัล ที่มีการบังคับใช้เมื่อไม่นานนี้ ถ้าหากบริษัทผิดจริงอาจมีสิทธิ์โดนปรับเม็ดเงินมากถึงหลักหมื่นล้านบาท

สหภาพยุโรป (EU) ได้เริ่มเปิดการไต่สวน TikTok เครือข่ายสังคมที่เน้นไปยังการแชร์วิดีโอสั้น มีการละเมิดกฎระเบียบปกป้องผู้เยาว์ หรือแม้แต่ความโปร่งใสในการจัดการคอนเทนต์ผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งถ้าหากพบว่ามีการฝ่าฝืนจริง อาจทำให้บริษัทโดนปรับเม็ดเงินมหาศาล

การที่ EU ได้สอบสวน TikTok เนื่องจากอาจมีการละเมิดกฎ พระราชบัญญัติบริการดิจิทัล (Digital Services Act) ไม่ว่าจะเป็นการละเมิดความโปร่งใส การไม่ปกป้องผู้เยาว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพลตฟอร์มมีการออกแบบให้ผู้เยาว์ติดหน้าจอโทรศัพท์เป็นเวลานาน การจัดการคอนเทนต์ผิดกฎหมาย ไปจนถึงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

สำหรับ Digital Services Act ของ EU มีจุดมุ่งหมายเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคหลังจากบริการจากบริษัทเทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การรับรองด้านเสรีภาพ การปกป้องผู้เยาว์ การโฆษณาบนแพลตฟอร์ม หรือแม้แต่เรื่องการบิดเบือนข้อมูล

ถ้าหากมีการฝ่าฝืน หรือแม้แต่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า บทลงโทษจะรุนแรงมากขึ้น โดยค่าปรับนั้นจะคำนวณจากยอดขายของบริษัทถ้าหากเป็นบริษัทใหญ่ ซึ่ง EU ได้บังคับใช้พระราชบัญญัติดังกล่าวเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

Thierry Breton กรรมาธิการตลาดภายในของสหภาพยุโรป ได้กล่าวว่า การปกป้องผู้เยาว์ถือเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของ Digital Services Act เพื่อปกป้องคนหนุ่มสาวชาวยุโรป และเขาชี้ว่า TikTok จะต้องทำตามข้อระเบียบอย่างเต็มที่ ซึ่ง EU กำลังสอบสวนในเรื่องดังกล่าว

หาก EU พบว่า TikTok มีการฝ่าฝืนจริงนั้นอาจมีค่าปรับได้มากถึง 6% ของรายได้รวมที่ทำได้ทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่หลักพันล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าหากคิดจากรายได้ล่าสุดครึ่งปีแรกของปี 2023 หรือคิดเป็นเงินไทยคร่าวๆ ถึงหลักหมื่นล้านบาท

ทางฝั่งของ TikTok ได้กล่าวว่าจะมีการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คนหนุ่มสาวบนแพลตฟอร์มของบริษัทปลอดภัย โดยบริษัทหวังว่าจะได้อธิบายสิ่งดังกล่าวนี้โดยละเอียดต่อคณะกรรมาธิการยุโรป

นอกจากนี้ตัวแทนของ TikTok ยังกล่าวว่าบริษัทเป็นผู้บุกเบิกฟีเจอร์และการตั้งค่าเพื่อปกป้องวัยรุ่นและป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีใช้งานแพลตฟอร์ม

ก่อนหน้านี้ TikTok ได้ถูกหน่วยงานกำกับดูแลในไอร์แลนด์ปรับเงินเป็นเม็ดเงิน 345 ล้านยูโรมาแล้ว จากประเด็นละเมิดกฎระเบียบปกป้องผู้เยาว์มาแล้ว

ที่มา – The Guardian, Irish Times

]]>
1463399
รายได้ของ ByteDance ในจีนปี 2022 เติบโตเหลือแค่ 25% แล้ว คาดบริษัทโฟกัสธุรกิจจากต่างแดนเพิ่มในปีนี้ https://positioningmag.com/1441154 Wed, 16 Aug 2023 04:15:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1441154 ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok และ Douyin พบกับปัญหาใหม่ก็คือรายได้ในประเทศจีนเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งในปี 2022 ที่ผ่านมารายได้รวมเติบโตเหลือแค่ 25% เท่านั้น ส่งผลทำให้บริษัทต้องเร่งหารายได้จากต่างแดนมาเพิ่มเติม

The Information รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok รวมถึง Douyin ที่ให้บริการในประเทศจีนนั้นกำลังประสบปัญหารายได้ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 2022 ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันบริษัทก็ได้โฟกัสธุรกิจนอกประเทศจีนเพื่อที่จะหารายได้ทดแทนในส่วนของแดนมังกรที่เริ่มมีความไม่แน่นอนเพิ่มสูงขึ้น

รายได้จากในประเทศจีนของ ByteDance ในปี 2022 ที่สื่อรายดังกล่าวรายงานอยู่ที่ราวๆ 69,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตเพียงแค่ 25% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าลดลงอย่างมาก โดยในปี 2021 นั้นรายได้บริษัทเติบโต 68% ขณะที่ในปี 2020 เติบโตมากถึง 105% และ 150% ในปี 2019

การชะลอตัวของรายได้ในประเทศจีนในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ในปี 2023 นี้บริษัทต้องโฟกัสที่แพลตฟอร์มนอกประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็น TikTok หรือแม้แต่บริการอื่นๆ ที่บริษัทได้เปิดตัวในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นตลาดในสหรัฐอเมริกาที่แม้ว่าบริษัทจะเจอความเสี่ยงในเรื่องปัญหาด้านความมั่นคงก็ตาม

นอกจากนี้ยังรวมถึงตลาดในอาเซียนที่ ByteDance มองเป็นเป้าหมายสำคัญของบริษัท โดยเฉพาะการผลักดัน TikTok Shop เนื่องจากการเติบโตทางด้านการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในประเทศอินโดนีเซียนั้น GMV ของ TikTok Shop ในไตรมาส 1 ของปี 2023 นี้ทำยอดได้เกิน 2,500 ล้านเหรียญแล้ว

และยังรวมถึงบริการสตรีมมิ่งเพลง TikTok Music ที่บริษัทได้เปิดตัวในอินโดนีเซีย บราซิล เพื่อที่จะหาลูกค้าและรายได้เพิ่มเติม

ในปี 2022 ที่ผ่านมารายได้รวมของ ByteDance อยู่ที่ 85,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 38% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยรายได้ในประเทศจีนยังถือว่าเป็นสัดส่วนสำคัญถึง 80% ของรายได้รวมบริษัท แต่สัดส่วนรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศของบริษัทเติบโตมากถึง 2 เท่าในปีที่ผ่านมา

ขณะที่ตัวเลขผู้ใช้งานต่อวันในปี 2022 ที่ผ่านมา Douyin มีผู้ใช้งานต่อวันมากถึง 850 ล้านราย ทางด้านของ TikTok ล่าสุดอยู่ที่ 840 ล้านราย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเริ่มสูสีกันมากขึ้น จึงเป็นคำตอบว่าทำไมบริษัทเริ่มหันมาโฟกัสกับรายได้นอกประเทศจีน รวมถึงตลาดในสหรัฐอเมริกา แม้จะมีความเสี่ยงก็ตาม

]]>
1441154
ByteDance เตรียมเปิดตัวบริการสตรีมมิ่งเพลง TikTok Music หาลูกค้าเพิ่มในอินโดนีเซีย บราซิล https://positioningmag.com/1437109 Fri, 07 Jul 2023 09:41:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1437109 บริษัทแม่ของแอปอย่าง TikTok หรือ Douyin อย่าง ByteDance ล่าสุดได้เตรียมเปิดตัวบริการสตรีมมิ่งเพลง อย่าง TikTok Music โดยที่จะเปิดตัวในประเทศบราซิล รวมถึงอินโดนีเซีย เพื่อที่จะขยายฐานลูกค้าของบริษัทให้ได้มากกว่าเดิม

ByteDance ได้ประกาศว่าบริษัทได้เปิดตัวบริการสตรีมมิ่งเพลง TikTok Music ในประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงบราซิล ซึ่งจะต้องต่อสู้กับคู่แข่งบริการสตรีมมิ่งเพลงรายอื่นๆ โดยแค็ตตาล็อกของเพลงจะรวมศิลปินจากค่ายเพลงใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Sony Music Universal Music หรือแม้แต่ Warner Music

TikTok Music จะเข้ามาแทนที่บริการของ Resso ซึ่งเป็นบริการสตรีมมิ่งเพลงของบริษัทที่ให้บริการใน 2 ประเทศดังกล่าว ซึ่งผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ทันทีถ้าหากมีบัญชีใช้งาน TikTok อยู่แล้ว และยังสามารถดาวน์โหลดเพลงในเวลาที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต แชร์เพลง หรือแม้แต่ฟังเพลงที่ได้รับความนิยมใน TikTok ได้ด้วย

นอกจากนี้ใน TikTok Music ยังสามารถใช้ตัวแอปให้ฟังเพลงและบอกได้ว่าเพลงที่เรากำลังฟังอยู่นั้นชื่ออะไรได้อีกด้วย

โดยบริการสตรีมมิ่งเพลงดังกล่าวนี้ไม่ใช่บริการฟรี โดยบริษัทจะเก็บค่าสมาชิกรายเดือนไม่เกิน 123 บาทต่อเดือน ซึ่งถูกกว่าบริการของคู่แข่งอย่าง Spotify รวมถึง Apple Music อยู่เล็กน้อย

สำหรับประเทศอย่างอินโดนีเซียนั้นทาง ByteDance ได้วางเป้าเป็น 1 ประเทศที่ต้องการรุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ E-commerce ผ่าน TikTok Shop และยังรวมถึงบริการล่าสุดคือบริการสตรีมมิ่งเพลงด้วย เนื่องจากประเทศดังกล่าวมี GDP และประชากรที่สูง

ปัจจัยสำคัญอีกเรื่องคือ อุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาทำให้การรุกตลาดสหรัฐอเมริกานั้นอาจมีโอกาสที่จะไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้ท้ายที่สุดบริษัทเบนเป้ามารุกธุรกิจ TikTok Shop ในอาเซียนหรือแม้แต่ละตินอเมริกาเป็นหัวหอกหลักแทน

อย่างไรก็ดีบริการของ TikTok Music ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกนอกจาก 2 ประเทศข้างต้นนั้น ทางบริษัทยังไม่ได้กล่าวถึงการเปิดตัวแต่อย่างใด

ที่มา – TechCrunch

]]>
1437109
‘TikTok’ ถูกสหราชอาณาจักรปรับเงินกว่า 530 ล้านบาท เพราะปล่อยเด็กอายุไม่ถึงเกณฑ์ใช้งานแพลตฟอร์ม https://positioningmag.com/1426380 Wed, 05 Apr 2023 02:23:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1426380 หลังจากที่ทั้ง สหรัฐฯ และ สหราชอาณาจักร แบน TikTok โดยไม่ให้อุปกรณ์และเครือข่ายของรัฐบาลใช้งานหรือเชื่อมต่อกับ TikTok แพลตฟอร์ม ล่าสุด หน่วยงานกำกับดูแลด้านความปลอดภัยก็สั่งปรับ TikTok เป็นเงินเกือบ 16 ล้านดอลลาร์ เพราะใช้ข้อมูลเยาวชนอย่างผิดกฎหมาย

TikTok ถูกหน่วยงานกำกับดูแลด้านความเป็นส่วนตัวของสหราชอาณาจักรสั่งปรับเป็นเงิน 15.9 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 540 ล้านบาท เนื่องจากการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูล รวมถึงการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเยาวชนอย่างไม่ถูกกฎหมาย เพราะไม่ได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง

โดย TikTok อนุญาตให้เด็ก 1.4 ล้านคน ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีใช้แอปในปี 2020 แม้ว่าจะมีกฎกำหนดให้ผู้ใช้ต้องมีอายุเกิน 13 ปีขึ้นไปจึงจะสร้างบัญชี TikTok ได้ และข้อมูลของเด็ก ๆ อาจถูกใช้เพื่อติดตามและจัดทำประวัติของพวกเขา ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้พวกเขาเข้าถึงเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสม

TikTok น่าจะรู้ดีกว่านี้ และน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ค่าปรับ 12.7 ล้านปอนด์ของเราสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบร้ายแรงจากความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้น พวกเขาไม่ได้ทำมากพอที่จะตรวจสอบว่าใครกำลังใช้แพลตฟอร์มของพวกเขา หรือดำเนินการเพียงพอที่จะลบเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะที่ใช้แพลตฟอร์มของพวกเขา” John Edwards กรรมาธิการสารสนเทศแห่งสหราชอาณาจักร กล่าว

ขณะที่ทาง TikTok ยืนยันว่า TikTok เป็นแพลตฟอร์มสำหรับผู้ใช้ที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป และที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนอย่างหนักเพื่อทำให้เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีออกจากแพลตฟอร์ม และแพลตฟอร์มก็มีทีมงานด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่งกว่า 40,000 คน ที่ทำงานตลอดเวลาเพื่อช่วยรักษาแพลตฟอร์มให้ปลอดภัยสำหรับชุมชนบนแพลตฟอร์ม

Source

]]>
1426380
‘TikTok’ เตรียมจำกัดเวลาใช้งานไม่เกิน 60 นาที/วัน ในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี https://positioningmag.com/1421807 Fri, 03 Mar 2023 09:44:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1421807 เนื่องจากข้อกังวลในการใช้งานโซเชียลมีเดียของเยาวชนในหลายประเทศ ทำให้แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นสุดฮิตในกลุ่มวัยรุ่นอย่าง TikTok ได้เตรียมออกกฎใหม่ โดยทุกบัญชีที่มีผู้ใช้อายุต่ำกว่า 18 ปี จะมีการจำกัดเวลาการใช้งานที่ไม่เกิน 60 นาทีต่อวัน

Cormac Keenan หัวหน้าฝ่ายความไว้วางใจและความปลอดภัยของ TikTok กล่าวว่า แพลตฟอร์มกำลังออกฟีเจอร์ใหม่ทำให้ เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี สามารถใช้งาน TikTok ได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง/วัน โดยเมื่อครบเวลาที่กำหนด ผู้ใช้จะถูกบังคับให้ใส่รหัสผ่านเพื่อยืนยันว่าจะใช้งานต่อ สำหรับบัญชีที่ ผู้ใช้อายุต่ำกว่า 13 ปี ต้องใช้งาน TikTok for Younger Users โดยพ่อแม่หรือผู้ปกครองจะต้องตั้งหรือป้อนรหัสผ่าน เพื่อให้สามารถรับชม TikTok ได้เพิ่มขึ้น 30 นาที หลังจากใช้งานครบขีดจำกัด 1 ชั่วโมง

เบื้องต้น แพลตฟอร์มจะเริ่มกระตุ้นให้เยาวชนกำหนดเวลาการใช้งาน ซึ่งหากพวกเขาเลือกไม่ใช้ค่าเริ่มต้น 60 นาที บริษัทจะส่งการแจ้งเตือนกล่องจดหมายรายสัปดาห์ไปยังบัญชีผู้ใช้ พร้อมสรุปเวลาหน้าจอ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Family Pairing สำหรับผู้ปกครองที่จะสามารถเชื่อมต่อบัญชีของบุตรหลานเข้ากับบัญชีของตัวเอง เพื่อดูระยะเวลาการใช้ TikTok และกำหนดระยะเวลาใช้งานในแต่ละวันได้

ไม่ใช่แค่ความกังวลถึงการใช้เวลาบน TikTok ที่มากเกินไปในหมู่เยาวชน แต่แพลตฟอร์มกำลังถูกรัฐบาลในหลายประเทศจับตา ไม่ว่าจะเป็นในสหรัฐอเมริกา แคนาดา รัฐสภายุโรป คณะกรรมาธิการยุโรป และสภาสหภาพยุโรป ที่สั่งห้ามไม่ให้อุปกรณ์ไอทีของรัฐบาลติดตั้งแพลตฟอร์ม TikTok บนอุปกรณ์ เนื่องจากข้อกังวลด้านความปลอดภัยของข้อมูล

]]>
1421807
ผู้บริหาร ‘Instagram’ ยืนยันต้องไป ‘วิดีโอสั้น’ และจะไม่ยกเลิกฟีเจอร์ ‘แนะนำโพสต์’ จากผู้ที่ ‘ไม่ได้ติดตาม’ https://positioningmag.com/1394171 Wed, 27 Jul 2022 07:19:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1394171 หลังมีคำวิจารณ์จากเซเลบอย่าง Kylie Jenner และ Kim Kardashian รวมถึงกระแสการเรียกร้องจากชาวโซเชียลทั่วโลกที่ต้องการให้แพลตฟอร์ม Instagram (อินสตาแกรม) กลับมาเป็นอย่างที่เคยเป็น ไม่ใช่พยายามเป็น TikTok ล่าสุด Adam Mosseri หัวหน้า Instagram แชร์วิดีโอบน Twitter เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่ออธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงล่าสุดในแพลตฟอร์ม

สืบเนื่องจากที่ Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ซึ่งเป็นเจ้าของ Facebook และ Instagram ได้พยายามจะเน้นไปที่คอนเทนต์ประเภท วิดีโอสั้น ซึ่งเป็นตลาดที่ TikTok ครองตลาด ทำให้ผู้ใช้หลายคนไม่โอเคกับการเปลี่ยนแปลงนี้ และเริ่มมีการเรียกร้องให้ Instagram กลับไปเน้นที่รูปภาพและมองเห็นโพสต์ของเพื่อนมากขึ้น ซึ่งโพสต์ดังกล่าวก็มียอดไลก์มากกว่า 1.6 ล้านไลก์ และส่งผลให้มีผู้ลงนามในคำร้องเกือบ 140,000 ราย

ทางด้าน Adam Mosseri หัวหน้า Instagram ก็ได้ออกมายอมรับผ่านวิดีโอส่วนตัวว่า เขารู้ว่า Instagram มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย และแพลตฟอร์มจะยังคงเน้นที่รูปภาพต่อไป แต่ยังไงแพลตฟอร์ม Instagram ก็จะเน้นไปที่วิดีโอมากขึ้น เนื่องจากเป็นสิ่งที่ผู้คนชื่นชอบ แชร์ และบริโภคบนแพลตฟอร์ม

Mosseri กล่าวต่ออีกว่า เขาเคยได้ยินข้อกังวลมากมายเกี่ยวกับคำแนะนำโพสต์ที่ปรากฏในฟีดของผู้ใช้จากบัญชีที่พวกเขาไม่ได้ติดตาม ซึ่งเขาได้ชี้แจงว่า คำแนะนำมีขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ค้นพบเนื้อหาใหม่ และเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพและสำคัญที่สุดในการช่วยให้ผู้สร้างเข้าถึงผู้คนมากขึ้น และหากผู้ใช้ไม่สนใจโพสต์เหล่านี้ พวกเขาสามารถปิดหรือปิดเสียงแนะนำทั้งหมดได้นานถึงหนึ่งเดือน

Adam Mosseri อัดวิดีโอชี้แจงประเด็น Instagram พยายามเป็น TikTok

สำหรับการเปลี่ยนแปลงของ Instagram ที่ทำให้หลายคนไม่พอใจเนื่องจากแพลตฟอร์มเน้นที่วิดีโอมากเกินไป จากเดิมที่เป็นแพลตฟอร์มไว้ลงรูป นอกจากนี้ แพลตฟอร์มกำลัง ปลี่ยนวิดีโอโพสต์ให้กลายเป็น Reels รูปแบบการนำเสนอวิดีโอแบบใหม่ของทางบริษัททั้งหมดอีกด้วย และอีกสิ่งที่หลายคนไม่ชอบใจก็คือ การแนะนำโพสต์จากคนที่ไม่ได้ติดตาม

ขณะที่ Facebook เองก็มีการปรับหน้าตาฟีดใหม่ โดยจะมีทั้ง Home ที่จะแสดงโพสต์เหมือนเดิม และ Feed ที่จะแสดงโพสต์ล่าสุด โดยผู้ใช้สามารถได้ว่าจะให้โชว์โพสต์จากหมวดไหน อาทิ เพื่อน, กลุ่ม และเพจ เป็นต้น เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเห็นโพสต์ล่าสุดที่ต้องการได้โดยไม่โดนรบกวนจากโพสต์อื่น ๆ

ทั้งนี้ Meta กำลังจะรายงานผลประกอบการเร็ว ๆ นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ารายรับรายไตรมาสจะลดลงเป็นครั้งแรกเมื่อเทียบเป็นรายปี

Source

]]>
1394171
ดาว ‘TikTok’ เตรียมเฮ! หลังแพลตฟอร์มเล็งเพิ่มโมเดล ‘Subscription’ เพิ่มรายได้ให้ครีเอเตอร์ https://positioningmag.com/1386540 Wed, 25 May 2022 09:31:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1386540 คงไม่ต้องพูดถึงความร้อนแรงของ TikTok กันอีกแล้ว เพราะขนาดเจ้าพ่อโซเชียลอย่าง Facebook หรือแพลตฟอร์มวิดีโออย่าง YouTube ยังต้องเพิ่มฟีเจอร์วิดีโอสั้นมาแข่งด้วย อย่างไรก็ตาม TikTok เองก็พยายามจะมัดใจเหล่า ครีเอเตอร์ ให้มีแรงในการผลิตคอนเทนต์ต่อไปด้วยโมเดลหารายได้ใหม่ ๆ ล่าสุดก็คือ โมเดล Subscription

ที่ผ่านมา TikTok ได้เริ่มเพิ่มโมเดลการทำรายได้ให้กับครีเอเตอร์ในแพลตฟอร์ม นอกเหนือจากที่ครีเอเตอร์รับโฆษณาจากแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ Creator Next ที่จะเพิ่ม Virtual Gift หรือการ ให้ของขวัญ จากผู้ชมไลฟ์ ซึ่งคล้าย ๆ กับ การส่งดาวแบบใน Facebook

หรือจะเป็นโปรแกรม TikTok Pulse ที่แพลตฟอร์มจะแบ่งรายได้จากค่าโฆษณาให้ถึง 50% ของรายได้ที่เกิดขึ้นจริง แต่ครีเอเตอร์จะต้องมีผู้ติดตามอย่างน้อย 100,000 คนขึ้นไป โดย TikTok จะยิงโฆษณาไปที่ Top 4% แรกของวิดีโอทั้งหมด เพื่อให้เจ้าของแบรนด์มั่นใจว่าจะมีคนเห็นเยอะมากขึ้นแน่นอน

ล่าสุด TikTok ก็ได้เพิ่มโมเดล ‘Subscription’ สำหรับบัญชียอดนิยมบางบัญชี โดยจะสามารถเก็บค่าสมาชิกจากผู้ติดตาม เพื่อเข้าถึงคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟ รวมถึงจะมีโหมดแชทเฉพาะสำหรับสมาชิก เพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างครีเอเตอร์และสมาชิก

“การสมัครสมาชิกสดเป็นส่วนเสริมของความพยายามของเราในการสร้างโอกาสในการสร้างรายได้จากครีเอเตอร์ที่หลากหลายซึ่งเหมาะกับความต้องการของครีเอเตอร์” TikTok กล่าว

‘TikTok’ ซุ่มปั้น ‘TikTok Shop’ ดึงแบรนด์เปิดร้านบนแพลตฟอร์มโกย ‘เงินโฆษณา’

อย่างไรก็ตาม TikTok ระบุว่า ฟีเจอร์การสมัครสมาชิกที่เปิดตัวในสัปดาห์นี้จะเปิดให้สำหรับครีเอเตอร์ที่ได้รับคำเชิญเท่านั้นในตอนนี้ แต่จะขยายไปทั่วโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ในการเข้าถึงคุณสมบัติการสมัครสมาชิก ผู้สร้างจะต้องมีอายุอย่างน้อย 18 ปี ในขณะที่ผู้ใช้จะต้องมีอายุอย่างน้อยเท่ากันในการสมัครสมาชิก

แม้ว่า TikTok จะได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจนมีผู้ใช้งานกว่า 1 พันล้านคน แต่แพลตฟอร์มก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่ได้ให้วิธีการสร้างรายได้ให้กับครีเอเตอร์อย่างมีประสิทธิภาพมากพอ โดยก่อนหน้านี้ทั้ง TikTok และแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นอื่น ๆ ยังไม่มีฟีเจอร์หรือฟังก์ชันให้ผู้ใช้สามารถสร้างรายได้ได้โดยตรง ทำให้เหล่าครีเอเตอร์จะได้รายได้จากการรีวิวสินค้าหรือการทำคอนเทนต์ที่มีผู้ว่าจ้างให้ทำเท่านั้น

ดังนั้น หลายคนมองว่าที่ TikTok ต้องเพิ่มโมเดลหารายได้ใหม่ ๆ ให้ครีเอเตอร์เป็นเพราะต้องการใช้มัดใจให้ผลิตคอนเทนต์อยู่บนแพลตฟอร์ม และช่วยให้ครีเอเตอร์สร้างรายได้จากคอนเทนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Source

]]>
1386540