ทำงานต่างประเทศ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 26 Jan 2022 00:10:37 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 นโยบาย ‘Zero-Covid’ บีบเหล่า Expat ทักษะสูง จำใจลาออก สะเทือนภาคการเงินฮ่องกง https://positioningmag.com/1371501 Tue, 25 Jan 2022 15:34:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1371501 เเนวทาง “Zero-Covid” ที่ฮ่องกงยึดปฏิบัติอย่างเข้มงวดตามรัฐบาลจีน กำลังบีบให้ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติในเเวดวงการเงิน จำใจลาออก ทิ้งตำเเหน่งงานค่าตอบเเทนสูงเพื่อกลับประเทศ 

เมื่อปลายปีที่เเล้ว Tania Sibree ลาออกจากงานที่ได้รับค่าตอบเเทนสูง จากการเป็นทนายความของบริษัทการเงินแห่งหนึ่งในฮ่องกง กลับมาอยู่ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดอย่างออสเตรเลีย หลังต้องทนใช้ชีวิตอยู่ต่อภายใต้มาตรการควบคุมโควิด-19 อันเข้มงวดเเละไม่มีท่าทีจะผ่อนคลายลง 

เธอย้ายมาทำงานประจำที่ฮ่องกง เมื่อ 5 ปีก่อนเเละใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งเกิดวิกฤตโรคระบาดในช่วงปีที่ผ่านมา

โดย Sibree เป็นหนึ่งในในผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติที่มีทักษะสูง หลายร้อยหรือหลายพันคนที่ต้องจำใจลาออกหรือกำลังวางแผนจะย้ายที่อยู่ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจของฮ่องกง หนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินของโลกได้

“การกักตัวในโรงแรมนานๆ เป็นเรื่องยากลำบากมากสำหรับคนที่ต้องอยู่ไกลจากครอบครัว นี่เป็นประเด็นสำคัญที่ฉันตัดสินใจกลับประเทศ” เธอกล่าว

เหล่า Expat หลายคนเคยคิดว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ทางการฮ่องกงจะเริ่มผ่อนคลายจำกัด ผ่อนปรนมาตรการมากขึ้น และระเบียบที่เข้มงวดจะไม่ดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลานาน แต่ทว่าฮ่องกงซึ่งอยู่ภายใต้อาณัติของจีน ได้ดำเนินนโยบาย “Zero-Covid” คุมยอดผู้ป่วยโควิดให้เป็นศูนย์ ตามรัฐบาลปักกิ่ง แทนที่จะปรับมาใช้ชีวิตร่วมกับโควิดเหมือนในหลายๆ ประเทศ

เเม้ว่าฮ่องกงจะมีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมราว 13,000 รายจากประชากรทั้งหมด 7.4 ล้านคน ซึ่งถือว่าอยู่ในอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับหลายประเทศทั่วโลก

ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาในช่วงวิกฤตโรคระบาด ฮ่องกงก็มีการบังคับใช้มาตรการกักตัวที่เข้มงวดอยู่แล้ว เเละยกระดับคุมเข้มยิ่งขึ้นไปอีกในช่วงปีที่เเล้ว โดยอนุญาตให้เฉพาะคนฮ่องกงและผู้มีถิ่นพำนักเดินทางกลับได้เท่านั้น และต้องกักตัวสูงสุดเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาครบโดสแล้ว

อย่างไรก็ตาม นโยบาย “Zero-Covid” ที่เข้มงวด ก็ไม่ได้ทำให้ฮ่องกงใกล้จุดผู้ติดเชื้อโควิดเป็นศูนย์นัก โดยเมื่อวันอาทิตย์ (23 ม.ค.) ฮ่องกงยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 140 ราย อีกทั้งไม่มีสัญญาณใดๆ ว่า ทางการจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการลง

เหล่านี้ เป็นผลให้ชาวต่างชาติจำนวนมากคิดจะลาออกจากงานมากขึ้น โดยเฉพาะในเเวดวงการเงิน ทั้งพนักงานในธนาคารยักษ์ใหญ่ ผู้จัดการสินทรัพย์ ขณะที่สำนักงานกฎหมายต้องเผชิญกับการที่พนักงานจำนวนมากเลือกจะลาออกหลังได้รับโบนัสประจำปี

วาณิชธนากรรายหนึ่ง บอกกับ Reuters ว่า “ถ้าตอนนี้คุณอยู่ในสิงคโปร์จะดีกว่าฮ่องกงมาก เพราะคุณยังสามารถเดินทางได้ อย่างน้อยก็ปีละครั้งหรือสองครั้ง” โดยข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศนับเป็นปัจจัยสำคัญที่พนักงานชาวต่างชาติขอย้ายออกจากสาขาที่ฮ่องกง

 

ที่มา : Reuters 

 

]]>
1371501
เยอรมนี ต้องการ ‘แรงงานมีทักษะ’ จากต่างประเทศ ‘4 เเสนคนต่อปี’ เเก้ปัญหาสังคมสูงวัย https://positioningmag.com/1371134 Fri, 21 Jan 2022 08:40:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1371134 รัฐบาลผสมชุดใหม่ของเยอรมนี มีความต้องการที่จะดึงดูดเเรงงานที่มีทักษะจากต่างประเทศ ปีละกว่า 4 เเสนคน เพื่อจัดการกับความไม่สมดุลทางประชากรเเละการขาดเเคลนเเรงงานในภาคธุรกิจสำคัญ ซึ่งเสี่ยงบั่นทอนการฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด

ปัญหาขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ ทวีความรุนเเรงมากขึ้นในขณะนี้ ทำให้ชะลอเศรษฐกิจเยอรมนีลงอย่างรวดเร็ว” Christian Duerr ผู้นำพรรคร่วมรัฐบาล Free Democrats (FDP) กล่าวกับนิตยสารธุรกิจ WirtschaftsWoche

เราสามารถแก้ปัญหาแรงงานสูงวัยได้ โดยใช้นโยบายเข้าเมืองยุคใหม่ ที่จะนำแรงงานที่มีทักษะจากต่างประเทศ 400,000 คนเข้ามาให้ได้โดยเร็วที่สุด

รัฐบาลผสมชุดใหม่ของเยอรมนี ที่นำโดยพรรคโซเชียลเดโมแครตของนายกรัฐมนตรี Olaf Scholz เเละพรรค FDP รวมถึงพรรคกรีน มีความเห็นชอบร่วมกันในหลายประเด็นใหญ่ๆ อย่างการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากประเทศที่อยู่นอกสหภาพยุโรป และเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเป็นชั่วโมงละ 12 ยูโร (ราว 450 บาท) เพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาทำงานในเยอรมนี

ด้านสถาบันเศรษฐศาสตร์เยอรมนี ประเมินว่า ในปีนี้กำลังแรงงานจะลดลงมากกว่า 300,000 คน เนื่องจากเเรงงานในวัยเกษียณมีมากกว่าเเรงงานอายุน้อยที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน

เป็นเรื่องน่ากังวลเมื่อช่องว่างนี้ อาจจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 650,000 คนในปี 2029 เเละจะส่งผลให้ปัญหาการขาดแคลนคนวัยทำงานในปี 2030 มีจำนวนถึง 5 ล้านคน โดยจำนวนการจ้างงานชาวเยอรมัน เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 45 ล้านคนในปีที่แล้ว แม้จะมีการระบาดของโควิด-19

หลังจากมีอัตราการเกิดต่ำมายาวนานหลายทศวรรษและการย้ายถิ่นฐานที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้กำลังแรงงานหดตัวลงเรื่อยๆ กลายเป็น ‘ระเบิดเวลาของระบบบำเหน็จบำนาญในเยอรมนี เมื่อพนักงานหนุ่มสาวมีจำนวนลดน้อยลง เเต่ต้องแบกรับภาระในการจัดหาเงินบำนาญให้กับผู้เกษียณอายุที่มีจำนวนมากขึ้น เเละเเนวโน้มว่าจะมีอายุยืนยาวมากขึ้นด้วย 

 

ที่มา : Reuters 

]]>
1371134
“ไปอยู่ต่างประเทศ” ทำให้ “เข้าใจตัวเอง” ดีขึ้น วิจัยพบประสบการณ์ต่างแดนดีต่อการพัฒนาตน https://positioningmag.com/1369905 Mon, 10 Jan 2022 13:04:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1369905 งานวิจัยพบการ “ไปอยู่ต่างประเทศ” ทำให้ “รู้จักตัวเอง” ชัดเจนขึ้น บุคลิกภาพที่เข้าใจตนเองและมีความมั่นใจนี้ทำให้การตัดสินใจด้านเส้นทางอาชีพทำได้ดีกว่า คนในสังคมมองภาพลักษณ์ของตนได้ตรงตามที่เป็น

ทีมนักวิจัย 5 รายร่วมกันวิจัย พบว่าประสบการณ์การ “ไปอยู่ต่างประเทศ” ทำให้คนคนนั้น “รู้จักตัวเอง” ดีขึ้น และนำไปสู่บุคลิกภาพที่มั่นใจ เข้าใจตนเอง ทำให้ตัดสินใจการพัฒนาเส้นทางอาชีพการงานได้อย่างมั่นคงกว่า

งานวิจัยนี้เผยแพร่ใน Harvard Business Review มีเป้าหมายเพื่อสำรวจว่า ประสบการณ์ต่างแดนทำให้คนเรา “เข้าใจและนิยามตนเองได้อย่างชัดเจนและมั่นใจ มีความมั่นคงภายในจิตใจอย่างสม่ำเสมอ” หรือไม่

ความเข้าใจตัวเองนี้ จากการวิจัยที่ผ่านๆ มามักจะนำไปสู่สุขภาพจิตที่ดี จัดการความเครียดได้ดี และทำให้ศักยภาพการทำงานดีตามไปด้วย

 

เป็นนิสัยของเราจริงๆ หรือเป็นเพราะสิ่งแวดล้อม?

การวิจัยครั้งนี้มีการจัดทำ 6 รอบ รวมแล้วมีผู้เข้าร่วมวิจัย 1,874 คน โดยหลักแล้วจะแบ่งเป็น กลุ่มที่เคยใช้ชีวิตต่างแดน 3 เดือนขึ้นไป กับ ผู้ที่ไม่เคยไปใช้ชีวิตต่างแดนหรือไปในระยะสั้นกว่า 3 เดือน และมีการกระจายกลุ่มผู้เข้าร่วมวิจัยให้แตกต่างทั้งด้านอายุ เพศ สถานะการสมรส สถานะทางเศรษฐกิจ จนถึงประเภทบุคลิกภาพ

จากการสอบถามจะพบว่า ผู้ที่เคยไปอยู่ต่างประเทศมีความเข้าใจตนเองมากกว่าคนที่ไม่เคยไป

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? นักวิจัยพบว่า การไปอยู่ต่างประเทศทำให้คนคนนั้นได้ “ใคร่ครวญตัวตนที่สะท้อนออกมาของตนเอง” ว่าส่วนไหนที่เป็นลักษณะของตัวเองจริงๆ และส่วนไหนที่สะท้อนการบ่มเพาะจากวัฒนธรรมสังคมที่ตนเติบโตมา

การไปอยู่ต่างแดนจะมีโอกาสได้ใคร่ครวญในลักษณะนี้มากกว่าคนที่ไม่เคยไป เพราะว่าเมื่ออยู่ในสังคมที่คุ้นเคยที่บ้านเกิด คนที่อยู่รอบตัวก็มักจะแสดงพฤติกรรมในแบบเดียวกัน ทำให้ไม่เคยมีการตั้งคำถามว่าเราแสดงออกแต่ละอย่างออกไปเป็นเพราะตัวเราเองหรือเป็นเพราะสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ เมื่อคนเราไปอยู่ต่างประเทศ ในวัฒนธรรมใหม่ที่มีการให้คุณค่าและมีวิถีทางสังคมต่างออกไป ก็จะยิ่งทำให้คนคนนั้นเริ่มทบทวนคุณค่าและความเชื่อที่ตัวเองยึดถือเสียใหม่ และมักจะต้องเลือกว่าจะทิ้งความเชื่อนั้นไปหรือยิ่งยึดถือความเชื่อนั้นไว้มากขึ้น

 

ขึ้นอยู่กับระยะเวลา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนประเทศ

ในการวิจัยนี้ มีรอบวิจัยย่อยรอบหนึ่งที่ทีมทำการสุ่มตัวอย่างนักศึกษาระดับ MBA (ปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจ) 559 คนซึ่งมีค่าเฉลี่ยการใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศของทั้งกลุ่มที่ระยะเวลา 3 ปี

การวิจัยพบว่า คนที่มีระยะเวลาใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศยาวนานกว่า มีความสำคัญต่อการเข้าใจตนเองมากกว่าคนที่ไปอยู่มาแล้วหลายประเทศแต่ใช้เวลาสั้นๆ การเข้าใจตนเองไม่ได้ขึ้นอยู่กับการไปอยู่ในหลายวัฒนธรรม แต่ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการอยู่อาศัย ซึ่งทำให้มีโอกาสเผชิญสถานการณ์ที่ทำให้ต้องทบทวนทำความเข้าใจตนเองมากขึ้น

 

เข้าใจตนเอง แสดงออกได้ตรงกับความเป็นตัวเอง

แล้วการเข้าใจตนเอง จะมีประโยชน์กับการทำงานอย่างไร? กลุ่มนักวิจัยมีการทดสอบกับนักศึกษา MBA จำนวน 544 คน ให้มีการประเมินตนเองและประเมินเพื่อนร่วมเรียนในแง่ของบุคลิกภาพและการเข้าสังคม

Group of Business People Working on an office Desk

ผลการศึกษานี้พบว่า คนที่เคยอยู่ต่างประเทศมักจะเข้าใจตนเองได้ตรงกับที่คนอื่นมองตนเองเช่นกัน ซึ่งเกิดจากการที่คนเราเมื่อเข้าใจตนเองแล้ว ก็มีแนวโน้มที่จะแสดงออกภาพลักษณ์นั้นให้คนอื่นเข้าใจได้เช่นกัน

การเข้าใจตนเองได้ดีนี้ยังมีประโยชน์กับการตัดสินใจด้านหน้าที่การงานด้วย ซึ่งปัจจุบันการตัดสินใจว่าจะไปต่อทางไหนดีในหน้าที่การงานของตน เป็นจุดเปลี่ยนที่คนส่วนใหญ่ตัดสินใจได้ลำบาก แต่การเข้าใจตนเองได้ดีจะทำให้คนเรา “เลือกเส้นทางอาชีพ” ได้ตรงกับจุดแข็งของตนเอง และเติมเต็มคุณค่าชีวิตที่ตนต้องการ

อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักวิจัยมองว่าการศึกษานี้ควรจะต่อยอดไปในมุมอื่นอย่างต่อเนื่องด้วย เพราะมีสมมติฐานเช่นกันว่า การไปอยู่ต่างประเทศมักจะทำให้เกิดประสบการณ์ ‘Culture Shock’ หรือความเครียดกังวลเนื่องจากอยู่ในสถานการณ์ที่สูญเสียสัญญะและการตอบโต้ทางสังคมในแบบที่คุ้นเคย

เป็นไปได้ว่าความกังวลจาก Culture Shock หากคนคนนั้นไม่สามารถเอาชนะความกังวลนี้ได้ จะทำให้การอยู่ต่างประเทศยิ่งทำให้คนคนนั้นรู้สึกแปลกแยก และเป็นประสบการณ์ที่สร้างความปั่นป่วนใจต่อคนบางคนจนไม่สามารถจะเข้าใจตนเองได้ และไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้นเลย

(รายชื่อนักวิจัยทั้งหมด: Hajo Adam ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการจัดการจาก Rice University, Otilia Obodaru ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการจัดการจาก Rice University, Jackson G. Lu ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากวิทยาลัยการจัดการ Sloan MIT, William Maddux ศาสตราจารย์ด้านพฤติกรรมองค์กร University of North Carolina at Chapel Hill และ Adam D. Galinsky หัวหน้าภาควิชาการจัดการ Columbia Business School)

Source

]]>
1369905
ขาดเเรงงาน บริษัทในออสเตรเลีย ทุ่ม ‘โบนัส-ขึ้นเงินเดือน’ เเย่งชิงพนักงานทักษะสูง https://positioningmag.com/1361613 Thu, 11 Nov 2021 11:11:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1361613 หลายธุรกิจในออสเตรเลีย ประสบปัญหาขาดเเคลนเเรงงานอย่างหนัก หลังต้องปิดประเทศมานานเกือบ 2 ปี บริษัทต่างๆ เริ่มใช้กลยุทธ์เสนอโบนัสเเละปรับขึ้นเงินเดือนเพื่อเเย่งชิงพนักงานทักษะสูงที่กำลังเป็นที่ต้องการในตลาด

บรรดาบริษัทด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบรวมกิจการ ถึงกับต้องเสนอโบนัสให้กับพนักงานใหม่เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี เเละใช้งบในการสรรหาบุคลากรเพิ่มขึ้นถึง ‘สองเท่า

โดยต้องออกนโยบายใหม่ ให้มีการพิจารณาเพิ่มเงินเดือนปีละสองครั้ง และปรับเพิ่มฐานเงินเดือนขึ้นถึง 15% เพื่อแย่งตัวพนักงานใหม่และรักษาพนักงานเดิม เพราะสายงานนี้กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในช่วงวิกฤตโควิด

เช่นเดียวกับ บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงธุรกิจภาคบริการต่างๆ ที่กำลังเจอปัญหาไม่มีแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงาน หลังออสเตรเลียปิดพรมแดนเป็นเวลานานเกือบ 2 ปี ตามมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวด

พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทำให้ทั่วโลกต้องหันมาทำธุรกิจออนไลน์ เเละความต้องการเเรงงานด้านเทคโนโลยีที่มีทักษะก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

SEEK เว็บไซต์จัดหางานชื่อดังของออสเตรเลีย เผยว่า โฆษณารับสมัครงานใหม่ตอนนี้ เพิ่มขึ้นถึง 54% จากช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด เเต่จำนวนคนที่มาสมัครงานกลับลดลง

ในกลุ่มสายงานการจัดการข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจ ความปลอดภัยไซเบอร์ และการสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถ อาจเรียกเงินเดือนเพิ่มได้ถึง 20% เพราะกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด

โดยบริษัทซอฟต์แวร์เเห่งหนึ่งในนครซิดนีย์ เสนอ ‘Sign-on Bonus’ กว่า 10,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 2.4 เเสนบาท) เงินก้อนให้เปล่ากับพนักงานใหม่ที่ได้ตกลงเซ็นสัญญาทำงานด้วย

ขณะที่การเพิ่มค่าจ้างเป็นวิธีหลักในการดึงดูดและรักษาพนักงาน แต่การยืดหยุ่นให้ทำงานที่บ้านหรือ ‘Work from Home’ ได้ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยจูงใจคนทำงาน

แม้ว่าออสเตรเลียจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการเเละเตรียมเปิดพรมแดน หลังประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครอบคลุม เเต่บริษัทจัดหางานในออสเตรเลีย เตือนว่า ภาวะขาดแคลนเเรงอาจจะรุนเเรงกว่าเดิมในปีหน้า เนื่องจากคนทำงานจำนวนมากที่ทนการปิดประเทศมายาวนานไม่ไหวจึงพากันออกไปหางานทำในต่างประเทศเเทน

ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศและการค้า ระบุว่า ชาวออสเตรเลีย 2 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 25 ล้านคน ได้เลื่อนการยื่นขอหรือต่ออายุหนังสือเดินทางมา ตั้งแต่ต้นปี 2020 จากสถานการณ์โรคระบาด แต่ปัจจุบันจำนวนผู้สมัครเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นสองเท่าทุก ๆ สองเดือน

ความเคลื่อนไหวนี้ สะท้อนให้เห็น ‘ภาวะสมองไหล’ ของเเรงงานทักษะสูง ไปยังตลาดสำคัญๆ ทั่วโลก อย่างเช่น สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของชาวออสเตรเลียที่ต้องการไปทำงานในต่างประเทศ

 

]]>
1361613
“ลูกจ้างคนรวย” งานที่กำลังโตเร็วที่สุดในอเมริกา…อีกด้านไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด https://positioningmag.com/1256621 Wed, 11 Dec 2019 12:27:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1256621 AP Photo/Julio Cortez

ปัจจุบันคนที่มีฐานะร่ำรวยในอเมริกามีจำนวนเพิ่มขึ้น รายได้ที่สูงขึ้นก็มักตามมาด้วยความต้องการด้านบริการเเละสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตมากขึ้นด้วย อย่างเช่น การไปนวด เข้าร้านเสริมสวยทำเล็บทำผม หรือมีเงินจ้างคนให้พาสุนัขไปเดินเล่น

งานเหล่านี้มักถูกเรียกว่า “ลูกจ้างคนรวย” (wealth workers) ซึ่งเป็นงานภาคบริการที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับตำแหน่งงานสำหรับชาวอเมริกันที่เป็นคนชั้นกลางที่ยังคงลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง

เเม้ว่าจะตำเเหน่งงานเหล่านี้จะมีมากขึ้นเเละดึงดูดใจให้ใครหลายคนอยากทำ เเต่ก็มีสิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกด้าน นั่นคือเรื่องสวัสดิการที่ไม่ครอบคลุมเเละค่าจ้างต่ำ

Mark Muro เจ้าหน้าที่อาวุโสของสถาบัน Brookings Institute กล่าวว่า คนที่มีรายได้สูงยินดีที่จ่ายเงินซื้อบริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจ้างครูสอนโยคะ จ้างคนจูงสุนัขไปเดินเล่น หรือจ้างคนดูแลตารางการทำงานให้ ขณะเดียวกันคนที่อยากจะมาทำงานบริการเเนวนี้ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน

รายงานจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ ระบุว่า อาชีพด้านการให้บริการส่วนบุคคล กำลังเป็นอาชีพที่เติบโตเร็วที่สุดของตลาดงานสำหรับคนงานที่ไม่ได้จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย และคาดว่างานประเภทนี้จะเติบโตขึ้นอีกราว 17% ในช่วง 10 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้มีตำแหน่งงานใหม่มากกว่า 1 ล้านตำแหน่ง

โดยงานที่ให้บริการคนรวยในอเมริกาตอนนี้ ส่วนใหญ่มีเเนวโน้มเป็น ผู้หญิงเเละเป็นชาวละติน หลายคนไม่มีวุฒิการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย และอาจทำงานหลายอย่างพร้อมกันเพื่อให้บริการแก่ผู้ที่มีฐานะทางการเงินดีกว่าตัวเอง

ข้อมูลจากสถาบัน Brookings Institute ชี้ว่า อาชีพช่างทำเล็บมือและเล็บเท้า เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วงปี 2010 – 2017 โดยอาชีพครูฝึกออกกำลังกาย ครูสอนโยคะ และคนรับจ้างเดินจูงสุนัขไปเดินเล่น เพิ่มขึ้นถึงสามเท่าของอัตราการจ้างงานโดยรวม

“เราไม่ได้กังวลถึงการอยู่ของอาชีพเหล่านี้ เพราะมันเป็นไปตามโครงสร้างการทำงานในอเมริกา เเต่สิ่งที่เรากังวลคือการได้รับค่าตอบเเทนที่ไม่ค่อยดีนัก” Muro กล่าว

ทุกวันนี้มีผู้คนอย่างน้อย 3 ล้านคนในสหรัฐ ที่ต้องพึ่งพางานประเภทนี้เพื่อเลี้ยงชีพ ถึงเเม้ว่าจะ “ไม่ใช่งานที่ดีนักและค่าตอบแทนน้อย” เเละเสี่ยงที่จะถูกนายจ้างเอารัดเอาเปรียบ อีกทั้งยังไม่ค่อยได้รับสวัสดิการทั้งในเรื่องการลาป่วย วันลาพักร้อน หรือเงินบำเหน็จบำนาญ ดังนั้นคนที่ทำงานเหล่านี้จึงจัดอยู่ในกลุ่มที่ถูกใช้งานอย่างไม่ยุติธรรม

อย่างไรก็ตาม งานบริการนี้ได้ให้โอกาสกับผู้อพยพ โดย 1 ใน 3 ของแรงงานในสหรัฐอยู่ในระบบเศรษฐกิจ
แบบ Gig Economy (ทำงานอิสระ) เป็นสัดส่วนถึง 10% ของพนักงานเต็มเวลา ขณะที่อีกส่วนหนึ่งพยายามทำงานเสริม เช่น เป็นคนขับ Uber เพื่อเพิ่มรายได้

โดย Louis Hyman ผู้อำนวยการศูนย์ Workplace Studies ของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องดีต่อเศรษฐกิจเพราะการที่มีคนจำนวนมากต้องการให้คนทำงานเหล่านั้นก็เป็นอุปสงค์ที่มีพลัง คำถามคือไม่ใช่การจะกำจัด Gig Economy ออกไปยังไง เเต่เราจะอยู่ร่วมกันอย่างมั่นคงอย่างไรมากกว่า เเละนี่ก็ไม่ใช่เรื่องเฉพาะคนที่ทำงานประเภทนี้เท่านั้นเเต่รวมไปถึงคนที่มีค่าแรงต่ำในอเมริกาทั้งหมดด้วย

Hyman เสนอทางช่วยเหลือว่า อาจจะต้องมีการตั้งค่าระบบบัญชีส่วนตัวของพนักงานเหล่านี้ เมื่อทุกครั้งที่มีค่าจ้างจากนายจ้างเข้ามาก็จะเข้าสู่ระบบประกันสุขภาพหรือบัญชีออมทรัพย์ด้วย เป็นต้น

นอกจากนี้ เขายังเป็นห่วงเรื่องสังคมของคนอเมริกัน ที่งานบริการมักแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน จึงขอเรียกร้องให้มีการเคารพในอาชีพเเละการทำงานของผู้คนในส่วนนี้ด้วย

 

ที่มา VOA : US Fastest Growing Jobs: Caring for the Wealthy
ภาพ : AP Photo/Julio Cortez

]]>
1256621