แผนธุรกิจปี 2565 – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 22 Feb 2022 09:41:09 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “เฟรเซอร์ส” จับตลาด “บ้านเดี่ยว” แทนทาวน์เฮาส์ เตรียมที่ดินลุย “คอนโดฯ” ย่านรัชดาปี’66 https://positioningmag.com/1374839 Tue, 22 Feb 2022 08:50:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1374839 “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม” หันจับตลาด “บ้านเดี่ยว” แทนทาวน์เฮาส์ที่เคยเป็นเรือธงของบริษัท เนื่องจากกำลังซื้อมั่นคงกว่าในยุคเศรษฐกิจฝืด หมัดเด็ดใช้แลนด์แบงก์เก่าต้นทุนต่ำสู้ราคา มีสระว่ายน้ำในบ้านเดี่ยว 12 ล้าน พร้อมเตรียมที่ดินเปิด “คอนโดฯ” ปีหน้า เน้นตลาดกลาง 3-5 ล้านบาท แย้มทำเลแรกย่านรัชดาภิเษก

หนึ่งในเจ้าตลาดทาวน์เฮาส์ยังต้องปรับกระจายพอร์ตมากขึ้นเพราะกำลังซื้อผู้บริโภคฝืด “แสนผิน สุขี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนปี 2565 จะเป็น ‘ก้าวที่สอง’ ของบริษัทในการปรับตัว โดยเพิ่มพอร์ตบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และบ้านในเมืองสูงขึ้น

แผนงานปีนี้วางเป้า เปิดตัวใหม่ 25 โครงการ มูลค่ารวม 29,500 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เปิดเพียง 14 โครงการ มูลค่ารวม 19,000 ล้านบาท) แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 10 โครงการ, บ้านแฝด 2 โครงการ, บ้านเดี่ยว 10 โครงการ และโครงการในต่างจังหวัด 3 โครงการ ส่วนเป้าหมายรับรู้รายได้วางไว้ 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% YoY

เฟรเซอร์ส

แสนผินกล่าวว่า พอร์ตบริษัทเพิ่มบ้านเดี่ยวเข้ามาทดแทนเป็นสัดส่วน 34% จากในอดีตก่อนเกิดวิกฤตมีประมาณ 10% และลดสัดส่วนทาวน์เฮาส์เหลือ 34% จากเคยสูง 55-60% ในพอร์ต รวมถึงมีการเพิ่มโครงการต่างจังหวัดเป็น 12% จากเดิมเคยอยู่ที่ 10%

ทำให้กลุ่มลูกค้าบริษัทจะมีผู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคา 8 ล้านบาทขึ้นไปเพิ่มมากขึ้น ส่วนผู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทก็จะลดลง

แบรนด์ในเครือเฟรเซอร์ส โฮม แบ่งตามเซ็กเมนต์

สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนสัดส่วนในพอร์ตเช่นนี้ เพราะอัตราปฏิเสธสินเชื่อและยกเลิกเพราะความไม่มั่นใจของลูกค้าทาวน์เฮาส์มีสูงมาก ถ้าไม่มีการพรีแอพพรูฟก่อนส่งกู้สินเชื่อกับธนาคาร ลูกค้าจะถูกปฏิเสธให้กู้ 60-70% ขณะที่กลุ่มบ้านแฝดราคา 5-8 ล้านบาทจะมีปัญหานี้ 40-50% และบ้านเดี่ยว 8 ล้านบาทขึ้นไปเหลือราว 20% เท่านั้น

ทำให้ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจนี้ แสนผินมองว่า ‘ขายได้ไม่เท่ากับโอนได้’ จึงต้องการจับตลาดที่มั่นคงกว่าอย่างบ้านเดี่ยว เพราะลูกค้ามีอัตรากู้สินเชื่อผ่านสูงกว่ามาก

 

ใช้แลนด์แบงก์เก่าต้นทุนต่ำ – สระว่ายน้ำในบ้าน 12 ล้าน

ด้านกลยุทธ์การแข่งขันในปีนี้ แสนผินกล่าวว่าในแง่ราคาบริษัทจะยังคงแข่งขันได้แม้ต้นทุนก่อสร้างปรับขึ้นถึง 10% เพราะต้นทุนที่ดินของบริษัทจะยังเป็นราคาแลนด์แบงก์เก่าที่เก็บสะสมมา ทำให้ยังแข่งขันได้ท่ามกลางสมรภูมิปีนี้ที่บ้านแนวราบดุเดือดมาก เนื่องจากดีเวลอปเปอร์ที่เคยเน้นคอนโดมิเนียมเองก็หันมาเน้นโครงการแนวราบทดแทน

สระว่ายน้ำระบบ “ว่ายทวนน้ำ” ออกกำลังกายได้จริง

อีกส่วนหนึ่งคือการสร้างนวัตกรรมภายในบ้าน เช่น บ้านหายใจได้ กรองฝุ่น อากาศสะอาด, ติดตั้ง EV Charger และหมัดเด็ดปีนี้จะอยู่ใน “บ้านเดี่ยว” แกรนด์ดิโอ ราคา 12-15 ล้านบาท จะมีการติดตั้งสระว่ายน้ำขนาดเล็กที่มีระบบว่ายทวนน้ำ ทำให้ผู้ใช้ได้ออกกำลังกายจริงแม้สระจะมีขนาดเล็ก จูงใจผู้ซื้อที่รักการออกกำลังกายทางน้ำ ขณะที่บ้านเดี่ยวใกล้เมืองที่จะมีสระว่ายน้ำในตัวได้มักจะต้องเป็นบ้านราคาขั้นต่ำ 20 ล้านบาท

 

เล็งขึ้น “คอนโดฯ” เสริมพอร์ตบริษัท

ด้านการพัฒนาคอนโดฯ ที่เฟรเซอร์สวางแผนมาแล้วระยะหนึ่ง แสนผินกล่าวว่าจะได้เห็นเปิดขายโครงการแรกปี 2566 ปัจจุบันกำลังเตรียมซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก เป็นอาคาร 8 ชั้น จำนวนยูนิตน้อยราวๆ 200 ยูนิต เพื่อความเป็นส่วนตัว พื้นที่ส่วนกลางไม่แออัด

คอนเซ็ปต์การเข้าตลาดคอนโดฯ ของบริษัท เน้นกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท เกาะกลุ่มเจนวายและเจนเอ็กซ์ ซึ่งไลฟ์สไตล์ของคนอยู่คอนโดฯ ในกลุ่มนี้คือผู้ที่ไม่แต่งงาน หรือแต่งงานแต่ไม่มีลูก ต้องการความสะดวกในการเดินทาง ใช้เทคโนโลยี ใช้ฟิตเนส ทำให้ชีวิตเหมาะกับการอยู่คอนโดฯ จะแตกต่างจากคนวัยเดียวกันที่มีลูกซึ่งมักจะต้องการบ้านมีที่ดิน

แผนการลุยตลาดคอนโดฯ ของเฟรเซอร์ส จะทยอยเปิดปี 2566 จำนวน 1 โครงการ ปี 2567 จำนวน 2 โครงการ ปี 2568 จำนวน 5 โครงการ และ 2569 จำนวน 7 โครงการ ซึ่งตั้งแต่ปี 2568 จะเห็นสมดุลในพอร์ต คอนโดฯ จะขึ้นมาเป็นสัดส่วน 20% ของพอร์ตที่อยู่อาศัยทั้งหมด และจะนับเป็น ‘ก้าวที่ 3’ ในการเติบโต

แสนผินสรุปภาวะตลาดปีนี้ มองว่าปัจจัยบวกประการเดียวคือวิกฤต COVID-19 ในเชิงสุขภาพเริ่มคลี่คลาย กำลังจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น และทำให้การใช้ชีวิตปกติมากขึ้น แต่ด้านเศรษฐกิจยังมีปัจจัยลบอีกเพียบ การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นเต็มที่ มีคนตกงานเพิ่มขึ้น หนี้ครัวเรือนสูงถึง 90% อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นทำให้ค่าครองชีพสูง แต่รายได้ไม่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้ผู้ซื้อไม่มั่นคง

]]>
1374839
ปี 2565 “อสังหาฯ” กลับมาบูม! เร่งการเปิดตัวชดเชยช่วง COVID-19 https://positioningmag.com/1372578 Tue, 01 Feb 2022 09:34:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372578 อสังหาฯ ได้ฤกษ์ “ปีเสือ” เห็นโอกาสบุกตลาด หลังจากชะลอตัวไปสองปีเนื่องจาก COVID-19 Positioning ขอรวบรวมตัวอย่างแผนการเปิดโครงการ 8 บริษัทในปี 2565 เทียบกับปี 2564 สะท้อนภาพว่าธุรกิจนี้จะกลับมาโหมลงทุนอีกครั้ง

อสังหาฯ 2565

จากแผนงานตามตารางจะเห็นได้ว่า บริษัทรายใหญ่หลายรายกำลังกลับมาโหมลงทุนหนักในปีนี้ เช่น บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) ที่จะเปิดตัว 78,000 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนถึง 246% และยังเป็นสถิติสูงสุดในประวัติบริษัทด้วย จากที่เคยเปิดตัวสูงที่สุดคือกว่า 49,000 ล้านบาทเมื่อปี 2560

รวมถึง บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น และ บมจ.แสนสิริ ที่ปีก่อนอาจจะยั้งมือไว้บ้าง แต่ปีนี้กลับมาจัดเต็มการลงทุนเช่นเคย ทำให้ภาพรวมปีนี้เราน่าจะเห็นการเปิดตัวหลัก 3-4-5 หมื่นล้านจากหลายๆ ค่ายอสังหาริมทรัพย์

หรือกระทั่งบริษัทอสังหาฯ ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่าง บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด จากปีก่อนที่ไม่มีการเปิดตัวโครงการเลย ปีนี้กลับมาเปิดปีเดียว 3 โครงการเพราะเห็นสัญญาณฟื้นตัวในกลุ่มสินค้าคอนโดฯ

ด้านการประเมินจากสำนักวิจัย LPN Wisdom ประเมินว่า ปี 2565 ตลาดอสังหาฯ จะเติบโต 15-20% หลังจากชะลอตัวติดกันมาสามปี ตั้งแต่ปี 2562 มูลค่าการเปิดตัวใหม่ทั้งตลาดอยู่ที่ 4.29 แสนล้านบาท ลดลง -13% YoY พอถึงปี 2563 สถานการณ์ COVID-19 ทำให้ตลาดหยุดชะงักจนมูลค่าการเปิดตัวใหม่เหลือเพียง 2.68 แสนล้านบาท ลดฮวบลงถึง -37.5% YoY ต่อมาในปี 2564 ซึ่งวิกฤตยังไม่คลี่คลายมากนัก มีการเปิดตัวใหม่มูลค่ารวม 2.47 แสนล้านบาท หรือลดลงอีก -8% YoY

อย่างไรก็ตาม สำนักวิจัยและดีเวลลอปเปอร์หลายแห่งยังมองตรงกันว่า ตลาดที่จะเป็นสินค้านำของปีนี้ยังคงเป็นโครงการแนวราบ บ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์มาแรงต่อเนื่อง เพราะคนต้องการ “พื้นที่” ในบ้านมากกว่าที่เคย หลังจากวิถีชีวิตมีการ Work from Home สูงขึ้น แต่คอนโดฯ น่าจะเริ่มฟื้นกลับมาบ้างในปีนี้ โดยเป็นคอนโดฯ ที่เจาะกลุ่มผู้ซื้ออยู่จริง นักลงทุนยังไม่กลับมา

]]>
1372578
“ศุภาลัย” เตรียมเปิดใหม่ ‘นิวไฮ’ 40,000 ล้านบาท ลงทุนอสังหาฯ “ต่างจังหวัด” แซงหน้ากรุงเทพฯ https://positioningmag.com/1371452 Mon, 24 Jan 2022 11:39:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1371452 “ศุภาลัย” กางแผนปี 2565 ยกยอดโครงการจากปีก่อนมาเปิดตัวปีนี้ สร้างสถิติ นิวไฮ’ เปิดใหม่ปีเดียว 40,000 ล้านบาท 34 โครงการ โดยเป็นครั้งแรกที่ลงทุนใน “ต่างจังหวัด” มากกว่ากรุงเทพฯ มองเทรนด์ใหม่คนกลับบ้านเกิดมากขึ้น คาดปีนี้อสังหาฯ ฟื้นตัว แต่ยังเน้นในกลุ่มแนวราบมากกว่าคอนโดฯ เช่นเดียวกับปีก่อน

“ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย เปิดผลการดำเนินงานปี 2564 และแผนธุรกิจปี 2565 โดยเปรียบเทียบปีนี้น่าจะเป็นปีที่อสังหาฯ ฟื้นตัว ทำให้บริษัทวางเป้าเติบโตทุกส่วน

ปี 2565 ศุภาลัยเตรียม เปิดตัวทั้งหมด 34 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท ซึ่งมากขึ้นถึง 61% จากปีก่อนมีการเปิดจริง 23 โครงการ มูลค่าร่วม 24,790 ล้านบาท เนื่องจากเกิดวิกฤต COVID-19 ระบาดรอบใหม่ ทำให้หลายโครงการเลื่อนมาเปิดในปีนี้แทน และทำให้ปี 2565 จะเป็นปีที่บริษัททำ ‘นิวไฮ’ ในการเปิดโครงการใหม่ หากทำได้ตามเป้า

ด้านเป้าหมายยอดขายเฉพาะในประเทศ วางเป้าปี 2565 ที่ 28,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่ทำได้กว่า 24,000 ล้านบาท และ เป้าหมายรับรู้รายได้ปีนี้ขยับเป็น 29,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนอยู่ที่ 28,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมงบซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาทเร่งซื้อที่ดินเก็บไว้พัฒนาในปีต่อๆ ไป

ศุภาลัย
เป้าหมายปี 2565 ของศุภาลัย

 

“ต่างจังหวัด” ยังมาแรงในพอร์ตศุภาลัย

สำหรับแผนการเปิดตัวของศุภาลัย 34 โครงการ แบ่งเป็น

  • โครงการแนวราบในกทม.-ปริมณฑล 13 โครงการ
  • โครงการแนวราบในต่างจังหวัด 18 โครงการ
  • คอนโดมิเนียมในกทม.-ปริมณฑล 2 โครงการ
  • คอนโดมิเนียมในต่างจังหวัด 1 โครงการ
สัดส่วนการเปิดตัวศุภาลัย 2565

ศุภาลัยเป็นบริษัทจากส่วนกลางที่บุกต่างจังหวัดมาตลอดหลายปีและเปิดในภูมิภาคมากที่สุด แต่ปีนี้นับเป็นปีแรกที่บริษัทให้น้ำหนักเปิดตัวโครงการใหม่ในต่างจังหวัดมากกว่าในกทม.-ปริมณฑล และปีนี้บริษัทยังจะเปิดตลาดจังหวัดใหม่อีก 5 จังหวัด คือ จ.ลำพูน, จ.นครสวรรค์, จ.ฉะเชิงเทรา, อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.นครปฐม

“ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม” ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ศุภาลัย กล่าวว่า เทรนด์ผู้บริโภคยุคนี้ยิ่งสอดรับกับแผนของศุภาลัย เพราะการทำงานยุคใหม่ที่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ หรืออย่างการทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ก็สามารถบริหารและจัดส่งจากต่างจังหวัดได้ ทำให้คนจำนวนมากเลือกกลับไปอาศัยอยู่ที่จังหวัดบ้านเกิดซึ่งค่าครองชีพต่ำกว่า ด้วยเม็ดเงินเท่ากันสามารถซื้อบ้านพร้อมที่ดินได้พื้นที่กว้างกว่า

5 จังหวัดใหม่ที่ศุภาลัยจะบุกปีนี้

นอกจากนี้ ยังมีเทรนด์บ้านพักตากอากาศเพื่อผู้สูงวัย ลักษณะเป็นบ้านพักระยะยาวมากกว่าสำหรับมาอาศัยช่วงวันหยุด ทำให้ต่างจังหวัดเป็นพื้นที่เหมาะสมในการเปิดโครงการ ศุภาลัยเองปีนี้จะมีโครงการแบรนด์ใหม่ แบบบ้านใหม่สไตล์อิตาลีมารองรับ คือ ศุภาลัย ทัสคานี วัลเลย์ เชียงใหม่ เตรียมเปิดที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ด้วย

ไตรเตชะเสริมว่า ผลกระทบ COVID-19 เกิดขึ้นกับทุกตลาดทั่วประเทศ แต่ในกลุ่มต่างจังหวัดก็จะมีจังหวัดที่กระทบมากกว่าเพราะเศรษฐกิจพึ่งพิงการท่องเที่ยวจากต่างชาติสูง เช่น จ.ภูเก็ต เกาะสมุย และยังมีจังหวัดที่ยอดขายยังไปได้ดี เช่น จ.ชลบุรี จ.ระยอง

 

เชื่อมั่น 2565 ฟื้นตัวดีกว่าปีก่อน แต่ยังมีปัจจัยลบเพียบ

ดร.ประทีปอ้างอิงข้อมูลจาก AREA จะเห็นได้ว่าปี 2564 นั้นตลาดรวมมีการเปิดตัวโครงการใหม่น้อยที่สุดในรอบ 10 ปี แม้จะแยกตลาดแนวราบและตลาดคอนโดฯ ก็ยังเปิดตัวน้อยที่สุดทั้งสองตลาด

อย่างไรก็ตาม ยอดขายของทั้งตลาดปรับเพิ่มขึ้นแล้วจากปี 2563 และเกิดจากโครงการแนวราบที่ทำยอดขายได้ดี ขณะที่คอนโดฯ ยังทรงตัว

ไตรเตชะกล่าวต่อว่า ปี 2565 เชื่อว่าเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวน่าจะทำให้อสังหาฯ ฟื้นตัวตามไปด้วย แต่น่าจะยังเน้นไปที่กลุ่มโครงการแนวราบเช่นเดิม ซึ่งทำให้ปีนี้ศุภาลัยเทน้ำหนัก 88% ของการเปิดตัวใหม่เป็นโครงการแนวราบ 12% ที่เหลือเป็นคอนโดฯ ที่เปิดในทำเลที่มั่นใจว่าลูกค้ามีความต้องการสูง

ศุภาลัย
ศุภาลัย เอเลแกนซ์ บรมราชชนนี 121 บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรีแบรนด์ใหม่ ดีไซน์ใหม่ของบริษัท

สำหรับปัจจัยที่ยังมีผลกระทบต่อเนื่องปีนี้ ดร.ประทีปแบ่งออกเป็น 5 หัวข้อ คือ

  • จำนวนประชากรไม่เพิ่มขึ้น การเพิ่มยอดขายที่อยู่อาศัยจึงทำได้จำกัด
  • รายได้ของผู้ที่มีรายได้ปานกลางจนถึงค่อนข้างน้อยจะลดลง ผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท จะลำบากมากขึ้น เสี่ยงต่อภาวะตกงาน SMEs ที่มีรายได้ระดับนี้จะค้าขายลำบากมากขึ้น ทำให้การซื้อบ้านลำบากตามไปด้วย
  • ค่าที่ดินสูงขึ้น คนที่ถือครองที่ดินไม่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจเท่าใดนัก และที่ดินเป็นสิ่งที่มีจำกัด ทำให้ราคาที่ดินไม่เคยลดลงเลย และยังปรับขึ้น 5-10% แล้วแต่ทำเล ดังนั้นบริษัทที่ยังตรึงราคาให้ผู้บริโภคได้จะต้องมีแลนด์แบงก์ต้นทุนราคาเก่า
  • ค่าก่อสร้างสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาเหล็กปรับขึ้นกว่า 30% ในรอบ 1 ปี วัสดุอื่น เช่น ปูนซีเมนต์ น้ำมันขนส่ง ขึ้นราคาเช่นกัน ทำให้ต้นทุนราคาบ้านจะแพงขึ้น
  • ดอกเบี้ยต่ำ ข้อนี้เป็นปัจจัยบวกเพียงข้อเดียว เพราะทำให้คนเข้าถึงการกู้บ้านง่ายขึ้น

ท่ามกลางภาวะตลาดที่น่าจะกระเตื้องขึ้นจากปีก่อน ศุภาลัยเริ่มมีการเปิดตัวแล้วตั้งแต่ต้นปี ทั้งคอนโดฯ ศุภาลัย ลอฟต์ รัชดา-วงศ์สว่าง และแบรนด์ใหม่ ศุภาลัย เอเลแกนซ์ บรมราชชนนี 121 ดีไซน์บ้านเดี่ยว 3 ชั้น บนเนื้อที่ 100 ตารางวา เจาะตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี ราคาเริ่ม 20-30 ล้านบาท

]]>
1371452
“แสนสิริ” ประกาศเป้า Net-Zero ดูแลสิ่งแวดล้อม ติดตั้ง “EV Charger” ทุกโครงการในปี 2025 https://positioningmag.com/1370044 Tue, 11 Jan 2022 08:22:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370044 “แสนสิริ” แถลงผลประกอบการปี 2564 โตทะลุเป้า ปี 2565 วางแผนเปิดใหม่มูลค่าโครงการรวม 50,000 ล้านบาท เน้นโครงการระดับเข้าถึงง่ายสนองเรียลดีมานด์ ชูเป้าหมายสำคัญด้าน “สิ่งแวดล้อม” มุ่งสู่ Net-Zero จะมีการติดตั้ง “EV Charger” ในส่วนกลางทุกโครงการใหม่ภายในปี 2025 และเป้าหมายด้านพลังงานโซลาร์ รีไซเคิลขยะจากไซต์ก่อสร้าง

“เศรษฐา ทวีสิน” ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ แถลงผลการดำเนินงานปี 2564 และแผนงานปี 2565 ของบริษัท

โดย ยอดขายของแสนสิริปี 2564 ทำได้ 33,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 29% ด้าน ยอดโอนกรรมสิทธิ์ทำได้ 32,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 21%

จบสิ้นปีแสนสิริมีกระแสเงินสด 15,000 ล้านบาท ซึ่งเศรษฐามองว่าน่าจะเป็นหนึ่งในบริษัทเบอร์ต้นๆ ของวงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีกระแสเงินสดในมือสูง ทำให้บริษัทพร้อมรับมือสถานการณ์ปีนี้ และจะลดการทำสงครามราคา เพราะบริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอ

 

ปี 2565 ลุยเปิดโครงการมูลค่ารวม 50,000 ล้าน

ด้านแผนดำเนินงานปี 2565 ปีนี้แสนสิริ เตรียมเปิดตัว 46 โครงการ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท โดยแบ่ง 75% เป็นโครงการแนวราบ 28 โครงการ และ 25% เป็นคอนโดมิเนียม 18 โครงการ

สำหรับเซ็กเมนต์ที่จะจับตลาดปีนี้ 50% เป็นโครงการระดับราคาเข้าถึงได้ 25% เป็นระดับกลาง และ 25% เป็นระดับบน

ตลาดโครงการระดับราคาเข้าถึงได้ยังให้น้ำหนักมาก เพราะตลาดเรียลดีมานด์ซื้ออยู่เองมีความต้องการ และเป็นกลุ่มราคาที่เหมาะกับเศรษฐกิจ แบรนด์ที่ถือว่าอยู่ในกลุ่มนี้และจะมีการเปิดตัว ได้แก่ บ้านเดี่ยว อณาสิริ ราคา 3-4 ล้านบาท, ทาวน์เฮาส์ สิริ เพลส ราคาประมาณ 2 ล้านบาท และคอนโดฯ แบรนด์ ดีคอนโด, เดอะมูฟ, คอนโดมี ราคาประมาณ 1-2 ล้านบาท

ส่วนตลาดระดับบนก็ยังน่าสนใจเช่นกัน เพราะเป็นกลุ่มที่กำลังซื้อสูง ปีที่ผ่านมายอดขายบ้านเดี่ยวระดับบนทำได้ดีมาก ทำให้ปีนี้จะได้เห็นทั้งแบรนด์ นาราสิริ เศรษฐสิริ บุราสิริ และ บูก้าน แบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวปีก่อน เปิดทำเลใหม่เพิ่มอีก

ส่วนจะเป็นทำเลไหนนั้น แสนสิริแบ่งการเปิดตัวปีนี้ 90% อยู่ในกทม.และปริมณฑล 10% อยู่ในต่างจังหวัด มีทำเลเด่นที่แสนสิริจะลุยต่อไปคือ ถ.กรุงเทพกรีฑา และโซนบางนา-สุวรรณภูมิ ที่ถือว่าศักยภาพเติบโตสูงมาก

 

เป้าหมาย Net-Zero ดูแลสิ่งแวดล้อม

อีกเป้าหมายสำคัญของแสนสิริที่ประกาศในปีนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากการประชุม COP26 ทำให้บริษัทตั้งเป้าที่จะเป็นบริษัท Net-Zero ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ ในอนาคต โดยในแง่การพัฒนาโครงการและการก่อสร้าง มีเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนี้

  • ใช้พลังงานจากโซลาร์รูฟ
    – ติดตั้งในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการใหม่ 100% ภายในปี 2022
    – ติดตั้งในบ้านทุกหลังของโครงการระดับบน 100% ภายในปี 2022

  • เสาไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
    – ติดตั้งในสวนส่วนกลางของทุกโครงการใหม่ 100% มาตั้งแต่ปี 2021
    – ติดตั้งไฟถนนจากพลังงานแสงอาทิตย์ทุกโครงการใหม่ 100% ภายในปี 2030
  • EV Charger
    – ติดตั้งในบ้านทุกหลังของโครงการระดับบน 100% ภายในปี 2022
    – ติดตั้งในพื้นที่ส่วนกลางทุกโครงการใหม่ 100% ภายในปี 2025

EV Charger แสนสิริ

  • แยกขยะ รีไซเคิลขยะ
    – รียูสหรือรีไซเคิลขยะจากไซต์ก่อสร้าง 70% ได้ภายในปี 2025
    – ขยะเหลือทิ้งจากโรงงาน PCF ของแสนสิริมีไม่เกิน 2%
    – ทุกโครงการแสนสิริ ต้องมีการแยกขยะ
    – จับมือพันธมิตรเพื่อรณรงค์การแยกขยะ
  • ดีไซน์บ้านแบบใหม่ ประหยัดพลังงานได้ 50% ภายในปี 2025 และประหยัดได้ 70% ภายในปี 2030

สำหรับประเด็น EV Charger ที่น่าจะเป็นเทรนด์อนาคตเมื่อคนไทยใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น ในกรณีที่เป็นโครงการเก่าที่ขายหมดแล้วหรือระหว่างขายของแสนสิริ ซึ่งมีการจัดตั้งนิติบุคคลขึ้นมาบริหารจัดการแล้ว ทางแสนสิริจะมีการติดต่อกับนิติบุคคลเพื่อนำเสนอการติดตั้ง EV Charger จากบริษัท SHARGE ที่แสนสิริเข้าไปร่วมลงทุน โดยการจะติดตั้งหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับนิติบุคคลของแต่ละโครงการเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจ

“เศรษฐา ทวีสิน” ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ และ “อุทัย อุทัยแสงสุข” ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ.แสนสิริ

ด้านสถานการณ์ธุรกิจอสังหาฯ ปีนี้ เศรษฐาทิ้งท้ายว่าสงครามราคาน่าจะลดลง เพราะนอกจากแสนสิริแล้วบริษัทใหญ่อื่นหลายรายก็มีกระแสเงินสดมั่นคงขึ้นจนไม่ต้องลดราคาหนักเหมือนปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบก็มีมาตั้งแต่ต้นปี ไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้าแพง และไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอมิครอนระบาดซึ่งกระทบธุรกิจท่องเที่ยวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเรื่องนี้มีมุมมองว่า ในระยะต่อไปไม่ควรมีการล็อกดาวน์อีก เพราะจะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจสูง ควรจะเรียนรู้การอยู่ร่วมกับการระบาดให้ได้มากกว่า

]]>
1370044