จากผลสำรวจของหนังสือพิมพ์อาซาฮี ระบุว่า ชาวญี่ปุ่นผู้ตอบแบบสำรวจราว 1 ใน 3 ไม่เห็นด้วยกับการจัดการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิกที่ปิดฉากลงเมื่อวานนี้ ขณะที่ 60% บอกว่า พวกเขาไม่ต้องการให้ซูงะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป
เหล่านี้ส่งสัญญาณให้เห็นว่า การแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวเป็นเจ้าภาพนั้นล้มเหลวในเรื่องการ ‘เพิ่มเรตติ้ง’ ให้กับผู้นำญี่ปุ่น ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศที่พุ่งสูงขึ้นทะลุ 1 ล้านคน
สถานการณ์เช่นนี้ มีผลกระทบต่อ ‘ความหวัง’ ของพรรครัฐบาล ที่กำลังจะเตรียมตัวจะลงสนามแข่งเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงปลายปีนี้
โดยผลสำรวจ ระบุว่า ความนิยมของนายกฯ ซูงะ ร่วงแตะ 28% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุด นับตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้ารับตำแหน่งในเดือนก.ย. ปีก่อน
ผู้ตอบแบบสำรวจราว 56% บอกว่าการจัดโตเกียวโอลิมปิกได้ก็เป็นสิ่งที่ดีแล้ว ขณะที่อีก 32% มองว่าเป็นความคิดที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก
การกระจายฉีดวัคซีนที่ล่าช้า เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความนิยมของนายกฯ ซูงะถดถอยลงเรื่อยๆ ประกอบกับการเเพร่ระบาดระลอกใหม่ จากไวรัสกลายพันธุ์ ‘สายพันธุ์เดลตา’ ที่ติดต่อกันได้ง่ายเเละรุนเเรง ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ได้บดบังกระเเสการแข่งขันโอลิมปิก
อย่างไรก็ตาม ฝั่งนายกฯ ซูงะและคณะกรรมการจัดการแข่งขันโอลิมปิก ปฏิเสธมาตลอดว่าการจัดโอลิมปิกครั้งนี้ ไม่ได้มีส่วนทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้น
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมียอดสะสมผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึง 1 ล้านราย ซึ่งระบาดอย่างหนักในกรุงโตเกียว และเริ่มแพร่ระบาดไปยังเมืองอื่นๆ โดยรัฐบาลปรับเปลี่ยนนโยบายให้ผู้ที่มีอาการป่วยโควิดขั้นรุนแรง ถึงจะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลได้เท่านั้น ขณะที่ประชากรกว่า 70% ของประเทศกำลังอยู่ภายใต้ประกาศภาวะฉุกเฉิน
]]>
จากการสำรวจความคิดเห็นประชาชนชาวญี่ปุ่นกว่า 1,444 คนพบว่า ทั้งหมดเห็นด้วยกับการไม่ให้แฟนกีฬาเข้าไปชมเกมในสนามแข่งขันได้ ขณะที่อีกในจำนวนนี้ 68% มีความกังวลเกี่ยวกับมาตรการควบคุมการระบาดของโควิดของฝ่ายจัดการแข่งขัน และ 55% ต้องการให้ยกเลิกการแข่งขัน
จากสาเหตุดังกล่าว ทาง ‘โตโยต้า’ (Toyota) ค่ายรถยนต์รายใหญ่ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกก็ได้ ขอถอนโฆษณาโทรทัศน์ทุกตัวที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกทั้งหมด ขณะที่แหล่งข่าวระดับผู้บริหารรายหนึ่งได้เปิดเผยว่า อากิโอะ โตโยดะ ซีอีโอของบริษัท จะไม่เข้าร่วมในพิธีเปิดการแข่งขันด้วย
สื่อญี่ปุ่นคาดการณ์เมื่อวันจันทร์ว่า การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์กลัวว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแข่งขันโอลิมปิกที่เต็มไปด้วยปัญหาและไม่เป็นที่นิยมอย่างมากในญี่ปุ่น ซึ่งนั่นอาจทำให้ แบรนด์เสื่อมเสียแทนที่จะทำให้มีชื่อเสียง
“การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกกลายเป็นงานที่ไม่ได้รับความเข้าใจจากสาธารณชน โดย อากิโอะ โทโยดะ ซีอีโอของโตโยต้าและผู้บริหารระดับสูงคนอื่น ๆ จะไม่เข้าร่วมพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูร้อนที่กรุงโตเกียวในวันที่ 23 กรกฎาคม”
แรงกระเพื่อมดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์จับตาดูว่าจะส่งผลให้ผู้สนับสนุนและผู้โฆษณารายอื่น ๆ ถอนตัวจากการแข่งขันหรือไม่ โดยรวมแล้วบริษัทญี่ปุ่นประมาณ 60 รายที่ใช้เงินมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว ซึ่งเป็นผลงานที่ใหญ่ที่สุดจากธุรกิจของประเทศเจ้าภาพโอลิมปิกที่เคยมีมา
สำหรับสาเหตุที่คนญี่ปุ่นมีความกังวลเกี่ยวกับการจัดแข่งขันโอลิมปิก เนื่องจากโตเกียวอยู่ภายใต้ภาวะฉุกเฉินมาแล้ว 4 ครั้ง ท่ามกลางการระบาดของเชื้อ เดลตา ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความกังวลของสาธารณชนยังคงมีอยู่ในระดับสูง เพราะการจัดงานจะมีทั้งนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และนักข่าวหลายหมื่นคนที่เดินทางเข้ามาในประเทศจากทั่วโลก ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น ผู้อยู่อาศัย
ที่ผ่านมา ผู้จัดงานโอลิมปิกรายงานการทดสอบเชื้อพบว่ามีนักกีฬาและผู้จัดงานที่อาศัยในหมู่บ้านโอลิมปิกมีผลเป็นบวกรวม 3 ราย และที่ผ่านมาพบผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่มีผลเป็นบวกมากกว่า 25 รายในช่วงสุดสัปดาห์ ขณะที่ปัจจุบันมีประชาชนชาวญี่ปุ่นเพียง 20% เท่านั้นที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันอย่างครบถ้วน
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าญี่ปุ่นใช้เงินกว่า 26,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ล้นหลามเนื่องจากการเลื่อนออกไปเป็นปี ๆ โดยญี่ปุ่นคาดการณ์ว่าผู้ชมซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาจะใช้จ่ายประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อตั๋ว โรงแรม อาหาร และสินค้า อย่างไรก็ตาม ภายใต้ข้อจำกัดในปัจจุบัน ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่คาดการณ์ไว้สำหรับญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดได้หายไปนานแล้ว
]]>เจ้าหน้าที่ผู้จัดงานโอลิมปิกของญี่ปุ่นและคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ต่างให้คำยืนยันว่าการจัดงานจะดำเนินต่อไป ภายใต้มาตรการป้องกันไวรัสที่เข้มงวด ผู้ชมชาวต่างชาติถูกแบนแล้วและคาดว่าจะมีการตัดสินผู้ชมในประเทศในเดือนหน้า หลังจากที่ต้องเลื่อนไปเป็นเวลา 1 ปี
ดราม่าหนัก! ประธาน IOC แนะให้ชาวญี่ปุ่น “เสียสละ” จัดโอลิมปิกท่ามกลางการระบาด
ขณะที่ หัวหน้าสหภาพแพทย์ของญี่ปุ่น ได้ออกมาเตือนว่า การจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในโตเกียวในช่วงฤดูร้อนนี้ซึ่งมีผู้คนนับหมื่นมารวมตัวกันจากทั่วโลกอาจนำไปสู่การพัฒนาของไวรัส COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ ‘โอลิมปิก’ เพราะปัจจุบันญี่ปุ่นกำลังดิ้นรนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดระลอกที่ 4 และเตรียมขยายสถานการณ์ฉุกเฉินครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ
แต่ถึงแม้จะมีขั้นตอนเตรียมตัวต่าง ๆ แต่ความกังวลยังคงอยู่เกี่ยวกับการเหล่านักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากกว่า 200 ประเทศ ที่จะเดินทางเข้ามาในญี่ปุ่น ขณะที่กระบวนการฉีดวัคซีนของประเทศญี่ปุ่นยังคงเป็นไปอย่างช้า ๆ และมีเพียง 5% ของประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีน
“ไวรัสกลายพันธุ์ที่แตกต่างกันทั้งหมดซึ่งมีอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ จะกระจุกตัวและรวมตัวกันที่โตเกียว เราไม่สามารถปฏิเสธความเป็นไปได้ของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่อาจเกิดขึ้นหลังการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก”
“หากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นอาจหมายถึงไวรัสสายพันธุ์โตเกียวโอลิมปิกที่ถูกตั้งชื่อในลักษณะนี้ ซึ่งจะเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่และสิ่งที่จะตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์แม้ผ่านไป 100 ปีก็ตาม” Naoto Ueyama หัวหน้าสหภาพแพทย์แห่งประเทศญี่ปุ่นกล่าว
Asahi Shimbun หนังสือพิมพ์รายวันในประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ได้เรียกร้องให้ยกเลิกการแข่งขัน แต่อดีตรองประธาน IOC Dick Pound กล่าวในภายหลังว่าควรจัดต่อไป ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นเองกำลังเตรียมที่จะขยายสถานการณ์ฉุกเฉินไปทั่วประเทศส่วนใหญ่ที่เดิมกำหนดจะยกเลิกในวันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งน่าจะลากยาวไปถึงเดือนมิถุนายน ขณะที่โอลิมปิกจะเปิดงานในวันที่ 23 กรกฎาคม
ปัจจุบัน ระบบการแพทย์ของญี่ปุ่นอยู่ในภาวะกดดันอย่างหนักและเจ้าหน้าที่ในบางพื้นที่กังวลว่าอาจเกิดความเครียดจากการจัดงานโอลิมปิกนี้ อย่างในโอซาก้า พื้นที่เตียง 96% ของโรงพยาบาล 348 แห่งที่สงวนไว้สำหรับผู้ป่วย COVID-19 อาการหนักได้ถูกใช้งานเต็มไปแล้ว
ทั้งนี้ คัตสึโนบุ คาโตะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวว่า ญี่ปุ่นจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมไวรัสโดยไม่คำนึงถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
]]>“จอห์น โคตส์” รองประธานคณะกรรมการการโอลิมปิกสากล หรือ IOC ตกเป็นเป้าการวิพากษ์วิจารณ์ในญี่ปุ่นทันที หลังจากเอ่ยปากพูดว่าโตเกียว โอลิมปิกจะเดินหน้าต่อ แม้ว่าประเทศเจ้าบ้านจะตกอยู่ภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
“คำตอบคือ ใช่แน่นอน” โคตส์กล่าว หลังได้รับการสอบถามไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่างานจะยังจัดต่อไปหรือไม่
ขณะเดียวกัน โลกโซเชียลมีเดียของญี่ปุ่นต่างเดือดดาลต่อท่าทีของโคตส์และ “โธมัส บาค” ประธาน IOC ซึ่งละเลยต่อความรู้สึกของสาธารณชนชาวญี่ปุ่น เพราะระยะหลังมีคนญี่ปุ่นจำนวนมากที่คัดค้านการจัดโอลิมปิกภายในปีนี้
“โธมัส บาค กับ จอห์น โคตส์ ตีคู่กันมาเลยในการแข่งขันคนที่ถูกเกลียดที่สุดในญี่ปุ่นของปีนี้ ฉันว่าการแข่งขันจะร้อนแรงมาก” ผู้ใช้ Twitter รายหนึ่งแสดงความเห็น
ต่อเนื่องถึงวันเสาร์ที่ผ่านมา บาคยังถูกวิพากษ์หนักขึ้นไปอีก เมื่อแสดงท่าทีว่าคนญี่ปุ่นควรจะต้อง “ยืดหยุ่น” มากกว่านี้ โดยเขาเข้าประชุมสมาพันธ์ฮอกกี้ระดับสากล และกล่าวว่า “นักกีฬาสามารถทำให้ฝันโอลิมปิกของตนเองเป็นจริงได้ โดยเราจะต้องเสียสละบ้างเพื่อให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น”
แม้จะไม่ชัดเจนว่าบาคหมายถึงใครที่จะต้อง ‘เสียสละ’ แต่หลายคนตีความว่าเขาหมายถึงสาธารณชนชาวญี่ปุ่นนั่นเอง
“เขาพูดว่าคนญี่ปุ่นควรจะเสียสละความปลอดภัย สุขภาพ และชีวิตของเราเพื่อโอลิมปิกงั้นเหรอ?” ผู้ใช้ Twitter รายหนึ่งวิจารณ์ “ทำไมคนญี่ปุ่นจะต้องเสียสละเพื่อโอลิมปิกท่ามกลางการระบาดระดับโลก? สิ่งนี้รับไม่ได้เลย” ผู้ใช้อีกรายหนึ่งกล่าว
นักธุรกิจใหญ่ของญี่ปุ่นก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน “มาซาโยชิ ซัน” ประธานกรรมการของ SoftBank กล่าวว่า สถานการณ์ “ขาดแคลนวัคซีน” ของญี่ปุ่นจะยิ่งทำให้ประเทศนี้ต้อง ‘จ่ายหนัก’ กว่าเดิมอีกหากยังจะจัดโอลิมปิก โดยเขาวิจารณ์ถึงรัฐบาลญี่ปุ่นที่ขาดศักยภาพในการกดดันให้ IOC ยกเลิกโอลิมปิก และเจรจาให้ญี่ปุ่นไม่ต้องจ่ายค่าปรับการยกเลิกจัดงานเป็นเงินมหาศาล
“ขณะนี้คนญี่ปุ่นกว่า 80% ต้องการให้ยกเลิกหรือเลื่อนจัดโอลิมปิกออกไปก่อน ใครหรืออำนาจจากไหนเหรอที่กำลังผลักดันให้ยังจัดต่อไปได้?” มหาเศรษฐีซันกล่าวใน Twitter
“มีการพูดถึงค่าปรับมหาศาลที่ต้องจ่าย (ถ้าโอลิมปิกถูกยกเลิก) แต่ถ้าคนเป็นแสนคนจาก 200 ประเทศบินมาถึงญี่ปุ่นที่ยังคงขาดวัคซีน แล้วทำให้มีไวรัสกลายพันธุ์มาแพร่ที่นี่ ชีวิตอาจจะสูญเสียไปอีก รัฐต้องจ่ายเงินอุดหนุนมากขึ้นอีกหากต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพิ่ม และจีดีพีประเทศก็จะตกลง ถ้าเรามองจากมุมที่ว่าสาธารณะจะต้องรับมือกับอะไร ผมคิดว่าเรามีสิ่งที่ต้องสูญเสียอีกมาก” ซันกล่าว
สื่อญี่ปุ่นยังตามขุดคุ้ยถึงโธมัส บาคและสมาชิก IOC อาวุโสทั้งหลาย โดยรายงานว่าพวกเขาเตรียมจะมาใช้ชีวิตแบบ ‘ราชวงศ์’และสำราญในญี่ปุ่น นิตยสาร ชูกังโพสต์ รายงานว่า ออร์กาไนเซอร์จัดงานได้จองห้องพักโรงแรมทั้งบล็อกไว้ในโรงแรมที่แพงที่สุดของกรุงโตเกียวอย่างน้อย 4 แห่ง โดยที่ IOC เป็นฝ่ายจ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านี้แค่เพียงบางส่วน
หนังสือพิมพ์ใหญ่ระดับชาติที่ออกค่าสปอนเซอร์ให้โตเกียว โอลิมปิกมักจะแสดงท่าทีน้อยมากกับเรื่องการจัดงาน แต่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นจะโจมตีเรื่องนี้ได้มากกว่า
หนังสือพิมพ์ ฮอกไกโดชิมบุน (เป็นสปอนเซอร์งานด้วย) กล่าวโจมตีโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีว่า “จ่ายค่าความรับผิดชอบของเขาเป็นชีวิตและสุขภาพของผู้คน” ขณะที่หนังสือพิมพ์ ชินาโนะ ไมนิจิ ชิมบุน ระบุว่าโอลิมปิกควรถูกยกเลิก
“เราไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาเฉลิมฉลองอีเวนต์ที่เต็มไปด้วยความกลัวและความกังวลแบบนี้” หนังสือพิมพ์รายนี้ระบุ “โตเกียว โอลิมปิกและพาราลิมปิกควรถูกยกเลิก รัฐบาลต้องตัดสินใจเพื่อปกป้องชีวิตและการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น”
ญี่ปุ่นมีผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 มากกว่า 12,000 รายแล้ว และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสถิติผู้เสียชีวิตแย่ที่สุดในเอเชีย ปัจจุบันทั้งโตเกียว โอซาก้า และอีก 8 พื้นที่ของญี่ปุ่นยังอยู่ภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งคาดว่าจะถูกต่อเวลาอีกครั้งไปถึงเดือนมิถุนายน เพราะทั้งประเทศยังคงต้องฝืนสู้กับภาวะเตียงโรงพยาบาลเต็มและบุคลากรสาธารณสุขที่กำลังท้อถอย
โพลที่จัดเมื่อเร็วๆ นี้เก็บสำรวจจากสหภาพแรงงานบุคลากรทางการแพทย์ พบว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของพยาบาลที่ทำงานในวอร์ดผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา รู้สึกอยากจะลาออกจากอาชีพนี้ เนื่องจากความเครียด ความกลัวติดเชื้อ และความเหนื่อยอ่อนจากการอดนอน
ญี่ปุ่นเพิ่งฉีดวัคซีนครบสองโดสให้ประชากรไปแค่ 2% จากทั้งหมด 126 ล้านคน ถือว่าการฉีดทำได้ช้ามาก แต่ซูงะกำลังพยายามแก้ปัญหา โดยเมื่อวานนี้ศูนย์ฉีดวัคซีนที่บริหารงานโดยกองกำลังป้องกันตนเองเพิ่งจะเปิดตัวในโตเกียวและโอซาก้า มุ่งเป้าการฉีดไปที่กลุ่มคนวัย 65 ปีขึ้นไปก่อน ตามแผนของซูงะที่จะให้คนชรา 36 ล้านคนได้ฉีดวัคซีนครบหมดภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้
]]>หนังสือพิมพ์ Asahi รายงานโดยอ้างเเหล่งข่าวว่า ญี่ปุ่นมีเเผนฟื้นฟูการท่องเที่ยว โดยจะเริ่มเปิดรับ “กรุ๊ปทัวร์ต่างชาติขนาดเล็ก” ก่อน โดยมีเเนวโน้มว่าจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศในเอเชีย ที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ได้เป็นอย่างดีแล้ว อย่างเช่น จีน ไต้หวัน
โดยมีข้อจำกัดว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะต้องมีผลตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นลบ พร้อมแจ้งรายละเอียดตารางการเดินทางก่อนเข้าญี่ปุ่น เมื่อเข้ามาเเล้วทุกคนจะต้องว่างจ้างมีไกด์นำทางที่ถูกกฎหมาย เเละต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันติดตามตัวและรายงานสุขภาพทุกวัน
นอกจากนี้ ยังต้องแยกโรงแรมที่พักและจุดหมายท่องเที่ยวจากเเขกทั่วไปในญี่ปุ่น เดินทางท่องเที่ยวโดยรถเช่าเหมาลำเท่านั้น เเละตอนที่ตระเวนเที่ยวในสถานที่ต่างๆ จะต้องเเยกตัวออกจากนักท่องเที่ยวท้องถิ่นด้วย
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้เปิดโครงการอุดหนุนการท่องเที่ยวในประเทศ เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบหนักจาก COVID-19 แต่ก็มีบางโครงการที่ต้องระงับไป จากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนเเละสถานการณ์การระบาดที่รุนเเรงขึ้น จนตอนนี้มียอดผู้ติดเชื้อในประเทศเกิน 1.5 เเสน
รายเเล้ว
ปัจจุบัน ญี่ปุ่นอนุมัติให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาทำธุรกิจเท่านั้น และต้องกักตัว 14 วันตามมาตการของรัฐ
โดยเเผนการเปิดรับทัวร์ขนาดเล็กเช่นนี้ จะเป็นการนำร่องและทดลองก่อนที่จะเปิดประเทศรับชาวต่างชาติที่เดินทางมาร่วมชมการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิกและพาราลิมปิก 2020 ที่ยืนยันว่าจะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมปี 2021
ส่วนการผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วไปที่ไม่ใช่กรุ๊ปทัวร์นั้น คาดว่าทางการญี่ปุ่นจะ
ดำเนินการเเบบค่อยเป็นค่อยไป ในช่วงหลังงานโอลิมปิกผ่านพ้นไปเเล้ว เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงการเเพร่ระบาดก่อนการจัดงานใหญ่
]]>