General Motors – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 30 Oct 2023 09:58:37 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ค่ายรถตะวันตกเปลี่ยนแผนชะลอการผลิต เมื่อตลาด “รถอีวี” ในสหรัฐฯ ไม่เปรี้ยงอย่างที่คาด https://positioningmag.com/1449677 Mon, 30 Oct 2023 04:05:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1449677 ค่ายรถยนต์ฟากตะวันตกหลายรายเปลี่ยนเป้าหมายการผลิตและยอดขาย “รถอีวี” หลังเสียงสะท้อนจากดีลเลอร์พบว่า ดีมานด์รถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ไม่ได้เปรี้ยงต่อเนื่องอย่างที่คาด สต็อกรถอีวีเหลือเพียบ

สำนักข่าว Business Insider รายงาน ผู้บริหารระดับสูงจากค่ายรถยนต์หลายค่ายพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การเติบโตในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีสภาวะที่น่ากังวล และความผันผวนนี้กำลังทำให้กลยุทธ์การทุ่มลงทุนเพื่อพัฒนา “รถอีวี” ของพวกเขาเกิดความเสี่ยง

ตัวอย่างเช่น General Motors (GM) บริษัทที่เป็นหนึ่งในทัพหน้าเข้าสู่ตลาดรถอีวี โดยส่งรถรุ่น Chevrolet Bolt เข้าสู่ตลาดมาแล้ว 7 ปี และวางเป้าหมายว่าจะเปลี่ยนบริษัทให้หันมาผลิตเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้ามานานแล้ว ก่อนที่คู่แข่งคนอื่นจะขยับตัว อย่างไรก็ตาม ด้วยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ออกมาล่าสุด ทำให้ GM ต้องผ่อนคันเร่งเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าลง

Marry Barra ซีอีโอของ GM ประกาศว่า บริษัทจำต้องเลื่อนเป้าหมายการผลิตรถอีวี 100,000 คันภายในครึ่งปีหลังปี 2023 และเป้าผลิตรถอีวีอีก 400,000 คันภายในครึ่งปีแรกปี 2024 ออกไปอย่างไม่มีกำหนดก่อน

“เมื่อเรากำลังก้าวไปบนเส้นทางการทรานส์ฟอร์มสู่ยุครถอีวีมากขึ้น เส้นทางก็เริ่มมีสะดุดบ้าง” Barra กล่าว

การปรับเป้าของ GM เป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างจะคาดไม่ถึงสำหรับนักลงทุน แต่ GM ไม่ใช่ค่ายเดียวที่เห็นสัญญาณเตือนในตลาดรถอีวี

ภาพจาก Shutterstock

แม้แต่เจ้าตลาดอย่าง Tesla ของมหาเศรษฐี Elon Musk ก็ยังกล่าวเตือนถึงสถานการณ์ตลาดรถอีวีหลังผลประกอบการรอบล่าสุดออกมา โดยบริษัทมองว่าความกังวลด้านเศรษฐกิจจะทำให้ดีมานด์ความต้องการรถยนต์ลดลง และจะมีผลกระทบแม้แต่กับ Tesla

ขณะที่ Mercedes-Benz ค่ายรถยนต์ที่ที่ผ่านมาลดราคารถอีวีหนักมากเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ค่ายนี้ก็ไม่ได้ปิดบังว่าตลาดกำลังผันผวน

“พื้นที่นี้ (ตลาดรถอีวี) แข่งขันกันรุนแรงมาก” Harald Wilhelm ซีเอฟโอของ Mercedes-Benz กล่าวกับนักลงทุน “ผมจินตนาการแทบไม่ออกเลยว่าตลาดแบบที่เป็นอยู่นี้จะยั่งยืนสำหรับทุกคนได้อย่างไร”

 

“รถอีวี” เริ่มขายออกยากขึ้นในสหรัฐฯ

ไม่ใช่แค่ Mercedes-Benz ที่ต้องลดราคารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้ขายออก ค่ายรถอีวีหลายค่ายก็ทำแบบเดียวกัน

ถึงอย่างนั้นก็ตาม ดีลเลอร์รถกลับพบว่ารถอีวีเริ่มจะใช้เวลาขายออกนานขึ้น มีรถสต็อกเหลือในมือดีลเลอร์มากขึ้น เมื่อเทียบกับรถสันดาปปกติ

เหตุเพราะวัฏจักรผู้บริโภคขณะนี้ได้เลยจากกลุ่ม Early-Adopters เข้าสู่กลุ่มลูกค้าทั่วไปที่มีการเปรียบเทียบหลายด้าน ทั้งด้านราคา โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับรถอีวี และไลฟ์สไตล์ของตนเองที่อาจจะไม่เหมาะกับรถอีวี

Ford Mustang Mach-E รถเอสยูวีไฟฟ้า

หลายเดือนก่อนหน้านี้ ดีลเลอร์เริ่มส่งเสียงบอกผู้ผลิตแล้วว่าความต้องการในตลาดเริ่มจะชะลอลง ซึ่งทางผู้ผลิตเองก็ดูจะรับฟังความเป็นจริง

Ford เป็นเจ้าแรกที่รีบปรับเปลี่ยนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2023 โดยขยายกรอบระยะเวลาที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทให้ครบ 600,000 คันภายใน 1 ปีออกไป และล้มเลิกเป้าการผลิตรถอีวี 2 ล้านคันภายในปี 2026 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด

ด้าน Honda ก็ล้มแผนความร่วมมือกับ GM ที่จะผลิตรถอีวีตลาดแมสในราคาต่ำกว่า 30,000 เหรียญสหรัฐต่อคันออกไปก่อน โดย Toshihiro Mibe ซีอีโอ Honda มองว่าสภาพแวดล้อมในตลาดรถอีวีนั้นผันผวนจนยากเกินกว่าจะวัดได้

“หลังจากศึกษาเรื่องนี้มานาน 1 ปี เราตัดสินใจกันว่าโครงการนี้จะเป็นไปได้ยากในเชิงธุรกิจ เพราะฉะนั้นตอนนี้เราจึงหยุดโครงการพัฒนารถอีวีในราคาเข้าถึงได้ไปก่อน” Mibe กล่าวในการสัมภาษณ์กับ Bloomberg เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว

แต่สำหรับบางคน การชะลอตัวของตลาดรถอีวีก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ

“ในที่สุดคนก็เริ่มเห็นความเป็นจริง” Akio Toyoda ประธานกรรมการ Toyota Motor กล่าวในงาน Japan Mobility Show ตามการรายงานของ Wall Street Journal โดยค่ายรถญี่ปุ่น Toyota ถือเป็นหนึ่งในค่ายรถที่แสดงออกถึงความกังวลและไม่ค่อยเห็นด้วยมาตลอดต่อการเปลี่ยนไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ค่ายรถอื่นๆ กำลังมุ่งหน้าไป

Source

]]>
1449677
GM x Honda เซ็นดีลร่วมกันผลิต “รถอีวี” ราคาต่ำ หวังตีตลาดคืนจาก Tesla https://positioningmag.com/1380681 Wed, 06 Apr 2022 08:50:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1380681 General Motors (GM) ร่วมกับ Honda Motor จับมือกันต่อเนื่อง ดีลรอบนี้จะร่วมกันผลิต “รถอีวี” ครอสโอเวอร์ในราคาต่ำ เพื่อตีตลาดสหรัฐฯ คืนจาก Tesla โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตหลักหลายล้านคันได้ภายในปี 2027

ก่อนหน้านี้ GM และ Honda มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดมานาน โดยมีการพัฒนาแบตเตอรี่ร่วมกันตั้งแต่ปี 2018 ทาง Honda ยังเข้าไปถือหุ้นในบริษัท Cruise บริษัทลูกของ GM ที่พัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และมีบริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนาระบบรถฟิวเซลล์ไฮโดรเจนในรัฐมิชิแกน

รวมถึงการพัฒนา “รถอีวี” ก่อนหน้านี้ก็มีดีลร่วมกันผลิตรถ SUV ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ Honda Prologue และ Acura ซึ่งคาดจะออกจำหน่ายจริงปี 2024

ส่วนดีลใหม่ครั้งนี้ จะเป็นการผลิตรถอีวีในตลาด “เข้าถึงได้ง่าย” โดยหนึ่งในนั้นจะมีรถครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ Ultium ของ GM ทั้งนี้ รถครอสโอเวอร์ขนาดเล็กคือประเภทรถที่ขายดีที่สุดในโลก โดยมีการขายปีละกว่า 13 ล้านคัน

ทั้งสองบริษัทไม่เปิดเผยเม็ดเงินลงทุนในดีลใหม่นี้แต่อย่างใด

แมรี่ บาร์ร่า ประธานกรรมการของ GM กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทเตรียมออกจำหน่าย Chevrolet Equinox เป็นรถ SUV ใช้พลังงานไฟฟ้าที่น่าจะตั้งราคาต่ำกว่า 30,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1 ล้านบาท) รถอีวีที่จะร่วมผลิตกับ Honda ในราคาต่ำดังกล่าว จะกดราคาลงไปต่ำกว่านี้อีก

เธอยังกล่าวด้วยว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนของ GM ที่จะเอาชนะ Tesla ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

“เรามีเป้าหมายที่สำคัญมาก นั่นคือภายในกลางทศวรรษนี้คือปี 2025 เราจะขายรถอีวีในสหรัฐฯ มากกว่าทุกๆ เจ้า และจะทำอย่างนั้นได้ คุณจะต้องมีพอร์ตรถยนต์ในมือจำนวนมาก” บาร์ร่ากล่าว และเสริมว่า GM มีแผนพัฒนารถอีวีทุกขนาดตั้งแต่เล็กจนถึงใหญ่ “เราสามารถขยายตัวได้อย่างแน่นอน และจะทำได้เร็วด้วย”

“Honda และ GM จะร่วมกันสร้างความสำเร็จทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยกันทำตามเป้าหมายขยายตัวอย่างมหาศาลเพิ่มยอดขายในกลุ่มรถอีวี” โตชิฮิโระ มิเบะ ซีอีโอของ Honda กล่าว

Source

]]>
1380681
‘GM’ ทุ่ม 2.1 พันล้านซื้อหุ้น Cruise ของ ‘SoftBank’ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับ https://positioningmag.com/1378239 Sun, 20 Mar 2022 09:03:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1378239 ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่แข่งกันพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแล้ว แต่กำลังแข่งขันกันพัฒนา เทคโนโลยีไร้คนขับ ด้วย โดยล่าสุด ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของอเมริกาอย่าง General Motors หรือ GM ก็กำลังซื้อหุ้นมูลค่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ของ SoftBank ที่ลงทุนใน Cruise ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนด้านรถยนต์ไร้คนขับ

ย้อนไปปี 2018 SoftBank ได้เข้าลงทุนใน Cruise ด้วยมูลค่า 900 ล้านดอลลาร์ และมีแผนจะลงทุนเพิ่มอีก 1,350 ล้านดอลลาร์ เมื่อ Cruise สามารถให้บริการรถแท็กซี่ไร้คนขับ ต่อมา Cruise ได้ทดสอบให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับและยื่นขอใบอนุญาต และในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Cruise เผยว่า SoftBank จะลงทุนเพิ่ม 1,350 ล้านดอลลาร์ ตามแผนที่เคยประกาศไว้

แต่เนื่องจาก SoftBank มีปัญหาเรื่องหนี้สิ้น จึงได้เริ่มทยอยขายหุ้นที่เคยลงทุนในบริษัท Alibaba และ T-Mobile รวมถึงตัดสินใจขาย ARM ให้กับ Nvidia ในปี 2020 แต่ดีลดังกล่าวไม่สำเร็จ ทำให้ GM ได้ซื้อหุ้น Cruise มูลค่า 2.1 พันล้านดอลลาร์จาก Softbank พร้อมกับจะลงทุนในการลงทุนอีก 1.35 พันล้านดอลลาร์ แทน SoftBank ที่เคยประกาศแผนไว้

ทั้งนี้ GM ก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุนใน Cruise อยู่แล้ว และนอกจากนี้ยังมี Microsoft, Walmart และ Honda ที่ร่วมลงทุนด้วย ซึ่งการซื้อหุ้นของ SoftBank ทำให้ GM มีสัดส่วนผู้ถือหุ้น 80% สามารถบริหารจัดการ Cruise ในการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติได้อย่างเต็มที่ และอาจเพิ่มมูลค่าบริษัทด้วยการเสนอขายหุ้น IPO ในอนาคต

Cruise ทำให้รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองกลายเป็นจริงและเป็นผู้นำในเส้นทางสู่การแชร์รถอัตโนมัติและการส่งมอบในเชิงพาณิชย์ ซึ่งสร้างมูลค่าที่สำคัญสำหรับทั้งผู้ถือหุ้นของ GM และผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ Cruise” GM กล่าวในแถลงการณ์

ย้อนไปเมื่อปลายปีที่แล้ว GM ได้ประกาศแผนการที่จะเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์อัตโนมัติอีกประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์ รวมเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้นกว่า 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์จนถึงปี 2025 โดย Mary Barra หัวหน้า GM กล่าวว่า เป้าหมายของ GM ก็คือ “การมีโลกที่ไม่มีการชน ไม่มีการปล่อยมลพิษ และความแออัดเป็นศูนย์”

Source

]]>
1378239
‘เทสล่า’ ฟาดยอดขายทะลุ 2 แสนคัน แม้มีปัญหาในจีนและเรื่องต้นทุน https://positioningmag.com/1340808 Mon, 05 Jul 2021 13:58:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1340808 ‘เทสล่า’ แบรนด์รถอีวีของ ‘อีลอน มัสก์’ ในไตรมาสที่ผ่านมายังสามารถขายได้มากกว่า 200,000 คัน เติบโตขึ้นกว่าเท่าตัวกว่าปีที่แล้ว แม้จะมีปัญหามากมายทั้งโดนจีนแบนและการขาดแคลนชิปในการผลิต

ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมายอดขายเทสล่ามีการส่งมอบอยู่ที่ 201,250 คัน เทียบกับ 91,000 คัน ในไตรมาสเดียวกันกับปีที่แล้ว ขณะที่ไตรมาสแรกมียอดขาย 184,800 คัน การเติบโตดังกล่าวเกิดขึ้นแม้ว่าเทสล่าจะขึ้นราคารถยนต์ เนื่องจากปัญหาต้นทุนของวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีปัญหาการขาดแคลนชิปในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมด

นอกจากนี้ เทสล่ากำลังเผชิญกับปัญหาในเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับการขายรถยนต์และ EV โดยต้องเรียกคืนรถยนต์เกือบ 300,000 คัน ที่สร้างขึ้นที่โรงงานในเซี่ยงไฮ้ จนเริ่มมีความกังวลในหมู่นักลงทุนที่เทสล่าอาจต้องเผชิญปัญหาระยะยาวในประเทศจีน

Dan Ives นักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีของ Wedbush Securities ที่มีคำแนะนำซื้อหุ้นของ Tesla กล่าวว่า รายงานการขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาไม่ได้แบ่งตามตลาด แต่ตัวเลขพาดหัวข่าวน่าจะช่วยคลายความกังวลบางอย่างเกี่ยวกับจีนได้

“โดยรวมแล้ว ไตรมาสนี้เป็นผลงานที่น่าประทับใจและด้วยผลงานที่แข็งแกร่ง คาดว่าทั้งปีบริษัทน่าจะมียอดขายรถยนต์ได้ประมาณ 900,000 คันในปีนี้ โดยตลาดจีนและยุโรปถือเป็นตลาดแข็งแกร่ง”

อย่างไรก็ตาม เทสล่ายังเผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากรถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ผลิตรถยนต์ที่เป็นที่ยอมรับ เช่น Volkswagen, General Motors และ Ford

รถยนต์ไฟฟ้า Volkswagen ID3

โดย General Motors (GM) รายงานยอดขายรถอีวีในสหรัฐเพิ่มขึ้น 350% และ ร Wuling Hong Guang Mini EV ซึ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในประเทศจีน ส่วน Volkswagen ได้ขายรถอีวีในตลาดยุโรปจำนวนมาก และ ฟอร์ดมัสแตงใหม่ Mach-E มียอดขาย 13,000 คันในสหรัฐฯ นับตั้งแต่เริ่มส่งมอบเมื่อต้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคู่แข่งที่มาก แต่ยอดขายของเทสล่าไม่ตกลง แสดงให้เห็นถึงความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของผู้ซื้อรถยนต์

ปัจจุบัน เทสล่าได้เริ่มการผลิตรถรุ่น Model S และ Model X ที่มีราคาแพงกว่าในไตรมาสนี้ และส่งมอบรถยนต์เหล่านั้นได้ไม่ถึง 2,000 คัน ซึ่ง Ives กล่าวว่า ยอกขายน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขายได้มากกว่า 5,000 คัน แต่รุ่น 3 และรุ่น Y ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของยอดขายสามารถทำยอดขายได้สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

Source

]]>
1340808
GM ปรับสู่ “รถไฟฟ้า-รถยนต์ไร้คนขับ” จริงจัง ทุ่ม 8.2 แสนล้าน มุ่งผลิต EV ให้ได้ 40% ในปี 2025 https://positioningmag.com/1306981 Fri, 20 Nov 2020 07:30:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1306981 ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ General Motors (GM) ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นถึงการปรับกลยุทธ์มุ่งหารถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มสูบ

โดย GM ประกาศเเผนใหม่ว่า จะทุ่มเงินลงทุนกว่า 2.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 8.2 แสนล้านบาท) เพื่อพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ไร้คนขับ วางเป้าหมายจะบรรลุผลสำเร็จให้ได้ภายในปี 2025

หนึ่งในนั้นคือ GM ตั้งเป้าจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ เป็นสัดส่วนมากกว่า 40% เเละจะเร่งเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ ให้ได้มากกว่า 30 โมเดลในตลาดทั่วโลกภายในปี 2025 นี้เช่นกัน

Mary Barra ซีอีโอของ GM กล่าวว่าปัญหาโลกร้อนเเละการเปลี่ยนเเปลงของสภาพภูมิอากาศ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง บริษัทต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการเเก้ปัญหานี้ โดยการมุ่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านที่มั่นคง ไปสู่การเปลี่ยนพอร์ตฯ รถยนต์ของ GM ให้เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว

ซีอีโอ GM ยังระบุถึงความได้เปรียบในการพัฒนารถยนต์ EV ว่า บริษัทมีความสามารถในการเเข่งขันด้านเเบตเตอรี่ ซอฟต์เเวร์ การประยุกต์ใช้ฟังก์ชันต่างๆ ของรถยนต์ มีโรงงานการผลิต เเละความเข้าใจในประสบการณ์ของผู้ใช้ที่สั่งสมมายาวนาน

ก่อนหน้านี้ GM ประกาศว่าจะใช้งบประมาณกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งเงินทุนกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัท จะทุ่มให้กับโครงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเเละรถยนต์ไร้คนขับ โดยได้จับมือกับพันธมิตรวงการยานยนต์อย่าง Honda ร่วมผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่นเพื่อทำตลาดในปี 2024 

ขณะเดียวกัน GM เริ่มมีการปรับโรงงานผลิตรถยนต์ใหม่ ให้เป็น  Factory Zero เพื่อมุ่งสร้างรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งจะเริ่มต้นที่รถกระบะรุ่น Hummer ที่คาดว่าจะใช้เวลาพัฒนาราว 1 ปี

โรงงาน Factory Zero ของ GM

GM ขยับมาร่วมมือกับธุรกิจค้าปลีกอย่าง Walmart ด้วยการนำรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติไร้คนขับของ Cruise (บริษัทลูกของ GM) มาเป็นเครื่องมือเดลิเวอรี่ส่งสินค้าอุปโภคบริโภค จะเริ่มต้นทดลองในช่วงต้นปี 2021

สำหรับเรื่องเเบตเตอรี่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า เพราะทำให้ EV  มีราคาสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมัน ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ดังนั้นการเร่งพัฒนาเเบตเตอรี่ให้มีประสิทธิภาพเเละราคาถูกลง จะช่วยพลิกรูปแบบการใช้รถใช้ถนนของคนทั่วโลก ให้ขยับไปใช้พลังงานสะอาดเร็วขึ้น

โดย GM เป็นอีกหนึ่งบริษัทใหญ่ที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่รูปแบบใหม่ของตัวเอง ที่มีชื่อว่า The New Ultium Battery System ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการทดสอบ ซึ่งหากประสบความสำเร็จด้วยดี จะทำให้ต่อไป ราคารถยนต์ไฟฟ้ากับรถยนต์ใช้น้ำมันจากค่าย GM ใกล้เคียงกันมากขึ้น

ด้านดาวรุ่งเเห่งรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla ก็กำลังตามหาเเหล่งขุมทรัพย์ “เเบตเตอรี่” เช่นกัน โดยได้เจรจาลงทุนกับรัฐบาลอินโดนีเซีย ประเทศผู้ผลิต “แร่นิกเกิล” มากที่สุดในโลก เเละมีกระเเสข่าวว่าได้เจราจากับทางการไทยด้วย จากกลยุทธ์การขยายโรงงานในเอเชียเพิ่มเติมนอกจากที่ประเทศจีน

 

ที่มา : CNN , Autonews

]]> 1306981