เที่ยวบิน SQ321 ลอนดอน-สิงคโปร์ ของ “สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส” ประสบเหตุตกหลุมอากาศเหนือน่านฟ้าเมียนมาเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 67 จนต้องลงจอดฉุกเฉิน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ บนเครื่องบินมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และผู้บาดเจ็บมากกว่า 100 ราย

ล่าสุดทางสายการบิน สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ออกแถลงการณ์แจ้งเรื่องการจ่ายเงินชดเชยแก่ผู้โดยสารเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2024 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

• ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย รับเงินชดเชยรายละ 10,000 เหรียญสหรัฐ (เกือบ 3.7 แสนบาท)
• ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส รับเงินชดเชยเบื้องต้นรายละ 25,000 เหรียญสหรัฐ (เกือบ 9.2 แสนบาท) เพื่อดูแลความจำเป็นของผู้โดยสารทันที และสายการบินยินดีเจรจาค่าชดเชยเพิ่มเติมเป็นรายบุคคลเมื่อผู้โดยสารมีอาการดีขึ้นและรู้สึกพร้อมที่จะเข้าสู่การเจรจา
• ผู้โดยสารทุกรายบนเที่ยวบินซึ่งหมายรวมถึงผู้ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ จะได้รับการคืนเงินค่าตั๋วโดยสาร และรับค่าชดเชย 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 2.7 หมื่นบาท) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ทั้งนี้ ผู้โดยสารทุกรายสามารถเดินเรื่องขอค่าชดเชยกรณีเที่ยวบินล่าช้าได้ตามระเบียบของ EU หรือสหราชอาณาจักร

นอกจากนี้ สิงคโปร์ แอร์ไลน์สยังแจ้งว่าสายการบินเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านการรักษาทั้งหมดของผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ และยินดีจัดเที่ยวบินให้กับสมาชิกครอบครัวหรือบุคคลอันเป็นที่รักที่ต้องการบินมาเยี่ยมยังกรุงเทพฯ หากผู้โดยสารร้องขอ

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 67 สายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์สได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ายังมีผู้โดยสารอีก 20 รายจากเที่ยวบินนี้ที่ยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ และมีการอัปเดตข้อมูลสถานะของผู้โดยสารอย่างต่อเนื่องบนหน้าเพจเฟซบุ๊ก @singaporeair

การเพิ่มเส้นทางบินนั้นประกอบไปด้วยเส้นทางบินไปยังประเทศอินเดีย อย่างเช่นในเมือง Chennai จากเดิมมีเที่ยวบิน 10 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ล่าสุดสายการบินได้เพิ่มเที่ยวบินเป็น 17 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ สายการบินยังชี้ว่าในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ปริมาณเฉลี่ยของผู้โดยสารในแต่ละเที่ยวบินในเส้นทางอินเดียจะกลับมาเติบโตก่อนช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 แล้ว

สายการบินยังเตรียมเพิ่มเที่ยวบินไปยังสนามบินใหญ่ของ Tokyo อย่างสนามบิน Narita รวมถึงสนามบิน Haneda ขณะเดียวกัน Singapore Airlines ก็เตรียมเพิ่มเที่ยวบินไปยังเมืองอื่นๆ เช่น Nagoya รวมถึง Osaka ด้วย ในเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป

JoAnn Tan รองประธานอาวุโสฝ่ายวางแผนการตลาดของ Singapore Airlines กล่าวว่า “ญี่ปุ่นเป็นตลาดสำคัญสำหรับสายการบิน และเราจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรของเราเพื่อตอบสนองความต้องการการเดินทางทางอากาศในขณะที่ข้อกำหนดในการเข้าประเทศนั้นค่อยๆ ผ่อนคลายลง”

เธอยังกล่าวเสริมในเส้นทางอินเดียที่บริษัทได้เพิ่มเส้นทางว่า “ความต้องการที่แข็งแกร่งในเส้นทางดังกล่าวทำให้สายการบินเพิ่มบริการในตลาดที่สำคัญนี้”

ขณะเดียวกัน Singapore Airlines เองยังได้เพิ่มเที่ยวบินไปยังสหรัฐอเมริการวมถึงฝรั่งเศสเพิ่มเติมในช่วงเดือนธันวาคมด้วย

สายการบินรายใหญ่จากสิงคโปร์รายนี้ยังคาดว่าปริมาณเฉลี่ยของผู้โดยสารในแต่ละเที่ยวบินจะกลับมาเท่ากับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงก่อนสิ้นปี 2022 นี้

วิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ทำให้การเดินทางหยุดชะงักทั่วโลก เหล่าสายการบินต้องเจอมรสุมหนัก ทั้งต้องปลดพนักงาน ลดค่าใช้จ่าย รวมไปถึงบางเเห่งต้องยื่นล้มละลาย

การกลับมาจ้างลูกเรือครั้งใหม่เเละเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม หลังประเทศต่างๆเริ่มผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทาง ตามอัตราการฉีดวัคซีนที่ทั่วถึงมากขึ้น

“นักบินและลูกเรือส่วนใหญ่ของเรากลับมาปฏิบัติหน้าที่กับ Singapore Airlines แล้ว”

โดยบริษัทมีเเผนจะเพิ่มความจุเที่ยวบิน ขยายบริการ เพื่อรองรับความต้องการการเดินทางเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังติดต่อและเชิญลูกเรือเก่าที่ลาออกไปให้กลับมาสมัครงานอีกครั้งด้วย

รัฐบาลสิงคโปร์ได้ปรับนโยบายมาเป็น ‘อยู่ร่วมกับโควิด’ เเละเปิดช่องทางการเดินทางของผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ให้สามารถเข้าสิงคโปร์โดยไม่ต้องกักตัว หรือเรียกว่า Vaccinated Travel Lane  (VTL) กับหลายสิบประเทศ

เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) โดยรวมของ Singapore Airlines เเละบริษัทในเครือย่าง SilkAir เเละ Scoot เพิ่มขึ้นเป็น 46.5% ในเดือนธันวาคม ปี 2021 จาก 13.7% ในปีก่อนหน้า

โดยในเดือนกันยายน ปี 2020 บริษัทต้องปลดพนักงานไปกว่า 4,300 ตำแหน่ง หรือคิดเป็น 20% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด พร้อมลดต้นทุนเเละเสนอให้ลูกเรือเกษียณอายุก่อนกำหนด เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ได้ทำลายอุตสาหกรรมการบิน

จากนั้น Singapore Airlines ได้ระดมสภาพคล่องเพิ่มเติมมูลค่า 2.16 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2020 เพื่อประคองธุรกิจและเอาตัวรอดจากการระบาดใหญ่ โดยปัจจุบันได้เริ่มกลับมาเดินหน้าลงทุนด้านบุคลากรและธุรกิจต่างๆ เพื่อรองรับการเดินทางระหว่างประเทศที่กำลังฟื้นตัว

• United Airlines อนุญาตให้ลูกเรือ “ทุกเพศ” ไว้ผมยาว-แต่งหน้า-ทาเล็บ-มีรอยสักได้แล้ว
• ท่องเที่ยวคัมเเบ็ค ‘airasia Super App’ รุกเเผนสู่ OTA อันดับ 1 อาเซียน จองตั๋ว 700 สายการบิน

ที่มา : CNA , Bloomberg 

มีรายงานว่าเว็บไซต์ของสายการบิน Singapore Airlines ขัดข้องชั่วคราวในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนบรรดาบริษัททัวร์ต่างๆ ก็มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเช่นกัน

สำนักข่าว Bloomberg สอบถามไปยังบริษัทเอเจนซีท่องเที่ยว Chan Brothers Travel พบว่า อัตราการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทสูงขึ้นกว่าปกติถึง 5 เท่า โดยประเทศเกาหลีใต้เเละโซนยุโรป เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่ชาวสิงคโปร์ต้องการไปเยือนมากที่สุด

“ตอนนี้ความต้องการเที่ยวบินมีมากเหลือเกิน เพราะชาวสิงคโปร์โหยหาการท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงวันหยุดยาว หลายคนคิดว่าพวกเขารอคอยโอกาสนี้มานานเกินไปเเล้ว”

ด้าน Singapore Airlines ระบุว่า “ความต้องการเที่ยวบินมีสูงมาก” และทางสายการบินอาจจะต้องใช้เวลานานขึ้นในการตอบคำถามต่างๆ จากลูกค้า

เเละเห็นได้ชัดว่า ‘ราคาตั๋วเครื่องบิน’ ระหว่างประเทศที่เปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบแล้วระหว่างกัน ตามโครงการ Vaccinated Travel Lane (VTL) ในบางประเทศ ‘มีการปรับราคาขึ้น’ 

รัฐบาลสิงคโปร์ เริ่มเปลี่ยนกลยุทธ์จากแนวทาง Covid-Zero มาเป็นการอยู่ร่วมกันกับโควิด ทยอยผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลง หลังประชาชนมากกว่า 80% ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว

โดยได้เปิดพรมแดนกับหลายประเทศ โดยเฉพาะฝั่งยุโรปและอเมริกาเหนือ อย่างสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรแคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์เเละสเปน

นักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศในเส้นทาง VTL ดังกล่าว สามารถเดินทางเข้าสิงคโปร์โดยไม่ต้องกักตัว พร้อมมีลดการตรวจหาเชื้อโควิดลงจาก 4 ครั้งเหลือเพียง 2 ครั้งระหว่างอยู่ในสิงคโปร์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไม่ให้เเพงเกินไป ขณะที่นักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้จะเริ่มเดินทางเข้าสิงคโปร์ตามโครงการ VTL ได้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.เป็นต้นไป

ในเร็วๆ นี้ สิงคโปร์มีเเผนจะขยายข้อตกลง VTL กับประเทศกับประเทศอื่นๆ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น ต่อไป

• สิงคโปร์ แจกฟรี ‘ชุดตรวจโควิด’ เเบบ ART ส่งทางไปรษณีย์ถึงบ้าน เร่งฉีดวัคซีนได้ 80% เเล้ว
• ฟังรัฐมนตรีสิงคโปร์ “โลกต้องเริ่ม! เตรียมรับมือการระบาดใหญ่ครั้งหน้า”
• ไทยเปิดประเทศ 1 พ.ย.รับนักท่องเที่ยวจากชาติเสี่ยงต่ำไม่กักตัว 

ที่มา : bloomberg 

สำนักข่าว CNN รายงาน ลูกเรือทุกคนของสายการบิน Singapore Airlines รวมทั้งนักบิน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน พนักงานประจำเกท และพนักงานใดๆ ที่ต้องพบปะสาธารณชนจำนวนมาก จะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ก่อน สนับสนุนวัคซีนฟรีโดยรัฐบาลสิงคโปร์ โดยล่าสุดสิงคโปร์ได้รับวัคซีนลอตแรกแล้วจาก Pfizer

“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลสิงคโปร์ตัดสินใจให้อุตสาหกรรมการบินเป็นธุรกิจสำคัญของประเทศที่จะได้รับวัคซีนก่อน” Goh Choon Phong ซีอีโอของสายการบินกล่าว “สะท้อนถึงความสำคัญของภาคธุรกิจนี้ และบทบาทสำคัญที่เรามีทั้งในแง่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสิงคโปร์และการต่อสู้กับโรคระบาด”

ตามข้อมูลจาก Singapore Airlines สายการบินนี้มีพนักงานทั้งหมด 5,200 คน และทั้งหมดลงทะเบียนขอรับวัคซีนเรียบร้อยแล้ว โดยจะเริ่มการฉีดภายใน 2-3 วันข้างหน้า

สำหรับซีอีโอ Phong เป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลแรกๆ ที่ได้ฉีดวัคซีนของสิงคโปร์ เขาได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว และกล่าวถึงการฉีดวัคซีนว่า “กระบวนการไม่เจ็บปวดเลยและไม่มีความกังวล”

เมื่อลูกเรือทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว พนักงานจะถูกตรวจสอบสุขอนามัยที่เกี่ยวกับ COVID-19 น้อยลง และทำให้พนักงานทำงานได้สะดวกมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ขณะนี้ลูกเรือสายการบินจะต้องถูกตรวจเชื้อ COVID-19 ในวันที่ 7 หลังจากทำการบินกลับมาที่สิงคโปร์ หลังจากได้รับวัคซีน เขาหรือเธอจะไม่ต้องถูกตรวจหาเชื้อในกระบวนการนี้อีก

• ‘ไทยแอร์เอเชีย’ ให้พนักงานลาหยุดไม่รับเงินเดือน ต่อ 4 เดือน เร่งหาเงินกู้ใหม่พยุงธุรกิจ
• ‘สายการบินสหรัฐฯ’ เริ่มรับพนักงานที่ ‘ลาออก’ กลับมา ‘ทำใหม่’ หลังรัฐบาลอนุมัติเงินเยียวยา

ปัจจุบัน Singapore Airlines และสายการบินในเครือคือ SilkAir และ Scoot มีเที่ยวบินไปยังบรูไน กัมพูชาอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บังกลาเทศ มัลดีฟส์ เนปาล ศรีลังกา แอฟริกาใต้ UAE ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ รัสเซีย สเปน สวิตเซอร์แลนด์ ตุรกี สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา โดยสายการบินหวังว่าจะได้ทยอยเพิ่มเที่ยวบิน และจำนวนผู้โดยสารจะกลับสู่ระดับ 25% ของช่วงก่อนเกิด COVID-19 ภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2021

สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จในการป้องกันการระบาดของ COVID-19 โดยมีผู้ติดเชื้อสะสม 59,113 คน และมีผู้เสียชีวิต 29 คน และเป็น 1 ใน 2 ประเทศอาเซียนร่วมกับอินโดนีเซียที่ได้รับวัคซีน COVID-19 แล้ว และเริ่มฉีดให้กับประชาชนแล้ว

ด้านธุรกิจการเดินทาง-ท่องเที่ยวของสิงคโปร์เป็นสิ่งที่คนในประเทศตั้งความหวังจะได้เดินทางออกนอกประเทศอีกครั้ง โดยเมื่อปีก่อน Henley Passport Index ระบุว่าพาสปอร์ตของชาวสิงคโปร์เป็นพาสปอร์ตทรงพลังอันดับ 2 ของโลกรองจากญี่ปุ่น เพราะสามารถเดินทางเข้า 190 ประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า

Source

ด้วยรายได้ที่ลดลงฮวบฮาบของสายการบินจากวิกฤต COVID-19 ทำให้ทุกบริษัทต้องหาทางรอด รวมถึง Singapore Airlines สายการบินระดับโลก ออกไอเดียเปลี่ยนเครื่องบิน Airbus A380 ซึ่งจอดอยู่ที่สนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์ ให้กลายเป็นร้านอาหารชั่วคราว ระหว่างวันที่ 24-25 ตุลาคมนี้

อีเวนต์ดังกล่าวจุดกระแสความนิยมอย่างรวดเร็ว ที่นั่งถูกขายเกลี้ยงภายในเวลาเพียง 30 นาที โดยผู้ที่สนใจต่างคิดถึงการรับประทานอาหารบนเครื่องบินซึ่งเป็นประสบการณ์พิเศษที่ปกติต้องจองตั๋วเครื่องบินเท่านั้น

เครื่องบินลำนี้ปกติจุผู้โดยสารได้ 471 ที่นั่ง แต่เนื่องจากข้อปฏิบัติการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้สายการบินเปิดที่นั่งได้แค่ครึ่งหนึ่งของลำสำหรับอีเวนต์ครั้งนี้ โดยมีการแบ่งราคาตั๋วทานอาหารตามระดับชั้น ดังนี้

• ที่นั่งชั้นสวีท 642 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 14,700 บาท)
• ที่นั่งชั้นธุรกิจ 321 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 7,370 บาท)
• ที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมียม 96.30 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 2,210 บาท)
• ที่นั่งชั้นประหยัด 53.50 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 1,230 บาท)

Lee Lik Hsin รองประธานฝ่ายปฏิบัติการพาณิชย์ของสายการบินกล่าวว่า บริษัทจะศึกษาจำนวน Waiting Lists และมองหาวิธีที่บริษัทจะสามารถ “หาโอกาสรองรับความต้องการของผู้ที่ยังมีความสนใจต่อประสบการณ์รับประทานอาหารอันพิเศษยิ่ง”

• “การบินไทย” หารายได้เสริม จัดแพ็กเกจเปิด “ห้องจำลองการบิน” ให้ทดลองขับเครื่องบิน
• พอให้หายคิดถึง! สายการบินเอเชียแห่เปิด “ไฟลต์ชมวิว” หารายได้สู้ COVID-19

Singapore Airlines รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/20 ขาดทุนมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และประกาศเมื่อสิ้นเดือนกันยายนว่า บริษัทกำลังหาทางทำเงินใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนเครื่องบินเป็นร้านอาหารในครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ยังระบุถึงการส่งอาหารของสายการบินผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่ โดยจะมีวิดีโอประกอบเพื่อสาธิตการอุ่นอาหารอย่างเหมาะสม และเพลย์ลิสต์ดนตรีเฉพาะสำหรับลูกค้าเพื่อสร้างบรรยากาศแบบเดียวกับบนเครื่องบินของ SIA

ไม่ใช่แค่ Singapore Airlines ที่ต้องทำทุกทางเพื่อหารายได้ การบินไทยก็มีการทำร้านอาหารโดยใช้ธีมที่นั่งบนเครื่องบินและขายปาท่องโก๋ทอด หรือสายการบิน Qantas กับ EVA Air ที่ขายตั๋วบินวนชมวิวแล้วลงจอดที่เดิม ทั้งหมดเพื่อหากระแสเงินสดมาพยุงธุรกิจในนาทีวิกฤตเช่นนี้

Source

ก่อนหน้านี้ Singapore Airlines หรือ SIA Group อนุญาตให้พนักงานกว่า 6,000 คน จากทั้งหมด 2.7 หมื่นคน ตัดสินใจ “ลางานเเบบไม่รับเงิน” เพื่อช่วยเหลือบริษัทให้ก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ ในจำนวนนี้กว่า 1,700 คน ทั้งนักบินเเละลูกเรือ ได้ลงทะเบียนเพื่อทำงานเป็นอาสาสมัครระยะสั้นและทำงานชั่วคราวในองค์กรอื่น

• พนักงานกลุ่ม Singapore Airlines กว่า 6,000 คน “ลางานเเบบไม่รับเงิน” ช่วยบริษัทฝ่าวิกฤตโควิด

เเม้ช่วงเดือนที่ผ่านมา บริษัทยังคงอุ้มพนักงานทั้งหมดไว้ได้ เเต่มาถึงเดือนนี้ก็ฝืนยื้อต่อไปไม่ไหว เมื่ออุตสาหกรรมการบินยังไม่สามารถกลับมาทำการบินได้ตามปกติ โดยเฉพาะการบินระหว่างประเทศ ที่อาจจะต้องใช้เวลา 3-4 ปีกว่าจะฟื้นตัวกลับมาได้เท่าช่วงก่อนวิกฤต

โดยปัจจุบัน Singapore Airlines เปิดให้บริการได้เพียง 8% และคาดว่าเมื่อถึงสิ้นสุดปีงบการเงิน คือวันที่ 31 มี.ค.ปีหน้า ก็จะยังให้บริการได้ไม่ถึง 50%

ขณะที่รายได้ส่วนใหญ่ของสายการบิน ต้องขึ้นอยู่กับเส้นทางต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวลเพราะ Singapore Airlines ไม่มีตลาดในประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่มีเเนวโน้มฟื้นตัว

ด้วยปัจจัยลบทั้งหลาย ทำให้บริษัทจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงาน 4,300 คน คิดเป็น 20% ของพนักงานที่มีอยู่ทั่วโลก ซึ่งเป็นการเลิกจ้างพนักงานในคราวเดียวจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสายการบินนี้

ก่อนหน้านี้ กลุ่ม SIA ได้ลดเงินเดือนพนักงานขั้นต่ำ 10% สำหรับพนักงานทั่วไป ส่วนตำเเหน่งผู้จัดการขึ้นไปมีการปรับลดตั้งแต่ 12-35% ขณะที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปรับลด 35%

สายการบินระบุว่า ในเดือนเมษายน–มิถุนายน จำนวนผู้โดยสารจะลดลงมากถึง 96% จากการระงับให้บริการของทั้ง Singapore Airlines เเละบริษัทลูกอย่าง Silk Air ส่วน Scoot ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำในเครือ ได้ลดการให้บริการลงถึง 98% ของเที่ยวบินทั้งหมด

ทั้งนี้ SIA Group เพิ่งรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสสิ้นสุด ณ 30 มิถุนายน โดยขาดทุนสุทธิ 1.12 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 2.5 หมื่นล้านบาท) มากที่สุดนับตั้งเเต่ก่อตั้งสายการบินนี้มาเเม้จะเคยมีผลประกอบการในระดับดีมาตลอดก็ตาม

• COVID-19 ทำพิษสายการบิน Singapore Airlines ขาดทุนรายปีครั้งแรกในรอบ 48 ปี

ที่มา : CNA , Reuters

ล่าสุดกลุ่มสายการบิน Singapore Airlines หรือ SIA Group เปิดเผยกับสำนักข่าว The Straits times ว่าพนักงานกว่า 6 พันคน จากทั้งหมดจำนวน 2.7 หมื่นคน ตัดสินใจ “ลางานเเบบไม่รับเงิน” เพื่อช่วยเหลือบริษัทให้ก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้

พนักงานกลุ่มนี้ทำงานอยู่ในสายการบิน Singapore Airlines, SilkAir และ Scoot โดยพวกเขาสามารถไปทำงานอื่นกับบริษัทอื่นได้ชั่วคราว ในระหว่างที่ต้องลางานเเบบไม่ได้รับเงิน เเละไม่ถือเป็นการผิดกฎของบริษัทเเต่อย่างใด

นอกจากนี้ พนักงานของ SIA Group มากกว่า 1,700 คน ทั้งนักบินเเละลูกเรือ ได้ลงทะเบียนเพื่อทำงานเป็นอาสาสมัครระยะสั้นและทำงานชั่วคราวในองค์กรอื่น เช่น สถานีขนส่งสาธารณะ สำนักงานบริการสังคมและโรงพยาบาล อีกทั้งยังมีหลายคนที่เลือกจะเป็นอาสาสมัครมาทำงานในสายการบินเองด้วย

สำหรับโครงการลางานแบบไม่ได้รับเงินเดือน เเละการให้พนักงานสามารถทำงานเสริมได้นั้น เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการ “ลดต้นทุน” ที่หลายสายการบินนำมาใช้ในช่วงการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้การเดินทางต้องหยุดชะงักทั่วโลก เเละยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นกลับมาโดยเร็ว

ปัจจุบันนักบินและลูกเรือของ SIA Group ที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ยังคงได้รับค่าจ้างพื้นฐาน แต่พวกเขาจะไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยงเที่ยวบิน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่เคยทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น

ก่อนหน้านี้ SIA Group ได้ลดเงินเดือนพนักงานขั้นต่ำ 10% สำหรับพนักงานทั่วไป ส่วนตำเเหน่งผู้จัดการขึ้นไปมีการปรับลดตั้งแต่ 12-35% ขณะที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปรับลด 35%

สายการบินระบุว่า ในเดือนเมษายน–มิถุนายน จำนวนผู้โดยสารจะลดลงมากถึง 96% จากการระงับให้บริการของทั้ง Singapore Airlines เเละบริษัทลูกอย่าง Silk Air ส่วน Scoot ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำในเครือ ได้ลดการให้บริการลงถึง 98% ของเที่ยวบินทั้งหมด

ทั้งนี้ SIA Group เพิ่งรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสสิ้นสุด ณ  30 มิถุนายน โดยขาดทุนสุทธิ 1.12 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ( ราว 2.5 หมื่นล้านบาท) มากที่สุดนับตั้งเเต่ก่อตั้งสายการบินนี้มา

• COVID-19 ทำพิษสายการบิน Singapore Airlines ขาดทุนรายปีครั้งแรกในรอบ 48 ปี

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ Singapore Airlines เป็นสายการบินที่ผลประกอบการดีมาโดยตลอด ก่อนจะเกิดวิกฤต ทำให้บริษัทได้รับความช่วยเหลือของเงินทุนจาก Temasek และโครงการสนับสนุนของรัฐบาลสิงคโปร์ รวมถึงเเผนการที่จะเปิดระดมทุนอีก 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในเร็วๆ นี้ บริษัทจึงยังคงอุ้มพนักงานทั้งหมดไว้ได้เเละยังไม่มีการปลดออกในเวลานี้

เเต่นักวิเคราะห์มองว่า ต่อไปคงไม่อาจฝืนการปลดพนักงานได้ เนื่องจากอุตสาหกรรมการบิน โดยเฉพาะการบินระหว่างประเทศต้องใช้เวลา 3-4 ปีกว่าจะฟื้นตัวกลับมาได้เท่าช่วงก่อนวิกฤต

โดยทางสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ออกมาปรับคาดการณ์ใหม่ว่า ธุรกิจการบินจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด เเละต้องรอไปจนถึงปี 2024 กว่าที่จำนวนผู้โดยสารทั่วโลกจะกลับมาเท่าช่วงก่อนโรคระบาด

• อุตสาหกรรมการบิน “ฟื้นตัวช้า” IATA คาดต้องรอถึงปี 2024 กว่าจะกลับมาได้เท่าช่วงก่อน COVID-19

ที่มา : The Straits times

Singapore Airlines สายการบินแห่งชาติของประเทศสิงคโปร์ แจ้งผลประกอบการปี 2019 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2020 ที่ผ่านมา ต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัทขาดทุนสุทธิ 212 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 4,772 ล้านบาท) ลดลงจากปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิถึง 683 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 15,376 ล้านบาท) สาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลต่อธุรกิจการบินทั่วโลก

ในรายงานของ Singapore Airlines ระบุว่าในช่วง 9 เดือนเเรกของผลประกอบการปี 2019/20 บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เเข็งเเกร่ง ก่อนที่จะได้รับผลกระทบจากโรคระบาดในช่วงเดือน ม.ค. – มี.ค. ต้นปี 2020 เที่ยวบินจากประเทศจีนถูกยกเลิกในเดือน ก.พ. ตามมาด้วยเดือน มี.ค.ที่ได้รับผลกระทบหนักเนื่องเที่ยวบินในเส้นทางระหว่างประเทศที่ถูกยกเลิกจากมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ

นอกจากนี้ อีกสาเหตุยังมาจากผลกระทบจากการทำประกันราคาน้ำมัน ซึ่งราคาน้ำมันได้ลดลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

โดยรัฐบาลทั่วโลก ได้ออกคำสั่งห้ามเดินทางเพื่อป้องกันการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ในช่วงเดือน ม.ค. ถึง มี.ค.นี้ Singapore Airlines ขาดทุนถึง 732 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 16,480 ล้านบาท) ทั้งที่ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านั้นสามารถทำกำไรได้ 203 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 4,570 ล้านบาท)

ขณะที่กำไรจากการดำเนินงาน (Operating profit) ของสายการบินอยู่ที่ 59 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ลดลง 94.5% จากปีก่อนที่ทำได้ถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์

สายการบินระบุว่าในเดือนเมษายน-มิถุนายน จำนวนผู้โดยสารจะลดลงมากถึง 96% จากการระงับให้บริการของทั้ง Singapore Airlines เเละบริษัทลูกอย่าง Silk Air ส่วน Scoot ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำในเครือ ได้ลดการให้บริการลงถึง 98% ของเที่ยวบินทั้งหมด

ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ Singapore Airlines คาดการณ์ว่าในงบไตรมาส 1 ของปี 2020/21 ที่จะสิ้นสุดปลายเดือน มิ.ย.นี้ ยังคงจะขาดทุนจากการดำเนินงานต่อเนื่อง เพราะสถานการณ์การเเพร่ระบาดของ COVID-19 ยังคงอยู่ ซึ่งจะมีเจรจากับบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินเพื่อเลื่อนการส่งมอบเครื่องบิน และเจรจากับซัพพลายเออร์เรื่องการปรับเวลาจ่ายค่าจัดซื้อด้วย

ด้านกลุ่มทุน Temasek กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในสายการบิน Singapore Airlines กำลังจะเพิ่มทุนช่วยเหลือให้สายการบินเพื่อประคองธุรกิจผ่านช่วง COVID-19 ไปได้

ทั้งนี้ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATA ประเมินว่า ธุรกิจสายการบินที่ให้บริการในภูมิภาคเอเชียเเปซิฟิกจะขาดทุนรวมกันในปีนี้ ราว 27,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 8.2 เเสนล้านบาท) ขณะที่คาดว่าธุรกิจการบินทั่วโลกอาจจะสูญเสียรายได้สูงสุดถึง 1.13 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.56 ล้านล้านบาท)

ที่มา : singaporeair , channelnewsasia