“ต้มยำกุ้ง” ถือเป็นผลงานกำกับเรื่องที่ 4 ของปรัชญา ปิ่นแก้ว หลังจากสร้างผลงานอันลือลั่น พิสูจน์ในเวทีระดับโลกที่ชื่อว่า “องค์บาก” นับเป็นผลงาน 4 เรื่องในรอบ 13 ปี ของอดีตผู้กำกับมิวสิกวิดีโอ ซึ่งนับว่าค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับระยะเวลาที่เขาอยู่ในวงการ เรื่อง “เกิดอีกทีต้องมีเธอ” ซึ่งปรัชญากำกับในปี 2537 ระยะห่างจากองค์บากถึง 10 ปี ซึ่งเขาใช้เวลาระหว่างที่ว่างเว้นจากการกำกับ ดูแลฝ่ายผลิต โปรโมชั่น และควบคุมงานสร้างให้กับภาพยนตร์และดนตรี วันนี้ “ต้มยำกุ้ง” เป็นตัวสะท้อนความคิดรวบยอดของโมเดลการทำงานทั้งในฐานะผู้สร้างมืออาชีพ และผู้กำกับที่มีแนวทางของตัวเอง ด้วยทุนสร้างถึง 200 ล้าน...
“ต้มยำกุ้ง” ถือเป็นผลงานกำกับเรื่องที่ 4 ของปรัชญา ปิ่นแก้ว หลังจากสร้างผลงานอันลือลั่น พิสูจน์ในเวทีระดับโลกที่ชื่อว่า “องค์บาก” นับเป็นผลงาน 4 เรื่องในรอบ 13 ปี ของอดีตผู้กำกับมิวสิกวิดีโอ ซึ่งนับว่าค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับระยะเวลาที่เขาอยู่ในวงการ เรื่อง “เกิดอีกทีต้องมีเธอ” ซึ่งปรัชญากำกับในปี 2537 ระยะห่างจากองค์บากถึง 10 ปี ซึ่งเขาใช้เวลาระหว่างที่ว่างเว้นจากการกำกับ ดูแลฝ่ายผลิต โปรโมชั่น และควบคุมงานสร้างให้กับภาพยนตร์และดนตรี วันนี้ “ต้มยำกุ้ง” เป็นตัวสะท้อนความคิดรวบยอดของโมเดลการทำงานทั้งในฐานะผู้สร้างมืออาชีพ และผู้กำกับที่มีแนวทางของตัวเอง ด้วยทุนสร้างถึง 200 ล้าน...
หาก “เจ้าพ่อสหมงคลฟิล์ม”หรือ เสี่ยเจียงจะขอใครซักคนมาช่วยคิดชื่อหนัง ต้องคิดถึงผู้ชายใจถึงผู้นี้...ชวนะ ภวกานนท์ “จะบอกรักสักกี่ครั้ง” ถ้ายังจำได้ ริชาร์ด เกียร์ แสดงนำ...หนังฝรั่งเรื่องนี้ไม่ได้แปลกอะไร แต่นี่คือ จุดเริ่มต้นของนักตั้งชื่อหนังคนนี้ ชวนะ ภวกานนท์ เพราะเป็นหนังต่างประเทศเรื่องแรกๆที่เกิดจากผลผลิตทางความคิดของเขา นับจากวันนั้นถึงวันนี้ กว่าสิบปี ในบทบาทนักคิดชื่อหนังของ ชวนะ วัดกันด้วยสถิติความถี่แล้ว มีภาพยนตร์ในโรง หนังแผ่น หนังซีดี ทั้งหนังไทยและเทศไม่ต่ำกว่าพันเรื่อง ผ่านมันสมองของเขา ทุกวันนี้ ชวนะ ภวกานนท์ เป็นอาจารย์สอนหนังสือใน คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่บทบาทหนึ่งในวงการภาพยนตร์ เขาคือนักตั้งชื่อหนัง แห่งค่ายสหมงคลฟิล์ม เป็นหนึ่งในทีมที่ปรึกษาข้างกาย สมศักดิ์...
ความสำเร็จไปทั่วโลกของหนัง “องค์บาก” ถูกต่อยอดจนมาเป็น “ต้มยำกุ้ง” หนังฟอร์มยักษ์ระดับ 200 ล้าน ที่ทำให้ เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ และสหมงคลฟิล์ม กลายเป็นผู้เปิดตำนานใหม่ให้กับหนังไทยบุกตะลุยไปทั่วโลก “เสี่ยเจียง” สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ เริ่มต้นและหล่อหลอมชีวิตส่วนหนึ่งให้มีลมหายใจเข้าออกเป็นภาพยนตร์เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของเครือข่ายธุรกิจภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุด ด้วยมูลค่าอาณาจักรของสหมงคลฟิล์มในตัวเลขกว่า 2 พันล้านบาท ประสบการณ์ที่เริ่มต้นจากจุดต่ำสุด จนมาถึงจุดสูงสุดในอาชีพ ว่ากันว่าหากนำภาพชีวิตของเขามาเรียงร้อยต่อกัน ก็จะได้ภาพยนตร์ชีวิตหนักๆ เรื่องหนึ่ง ภาพความสำเร็จของ “องค์บาก” ที่สร้างรายได้ถล่มทลายในต่างประเทศ ทำให้เส้นกราฟแห่งความสำเร็จของ สหมงคลฟิล์ม พุ่งสูงขึ้น กลายเป็นบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์ที่ได้รับการจับตามองมากที่สุด...
เมื่อหนังจบลง หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า “จินซิง” ในบทของ “มาดามโรส” เจ้าแม่จอมอำมหิตในหนังต้มยำกุ้ง มีชีวิตที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ อย่างน้อยหลายคนก็คงไม่รู้ว่า “เธอ” คนนี้เคยเป็นผู้ชายมาก่อน และไม่ใช่แค่ ผู้ชายธรรมดาๆ แต่บนบ่ายังติดดาวยศนายพันแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน! ทุกอย่างเริ่มจากแดนเหลียวหนิง มาไกลจากชายแดนเหนือ ในฐานะของครอบครัวผู้ลี้ภัยเชื้อสายเกาหลี เริ่มฝึกศิลปะการแสดงและการเต้นตั้งแต่อายุเก้าขวบ และเหมือนเด็กๆ ชาวจีนคนอื่นที่ถ้าอยากมีอนาคตยาวไกลด้านการแสดง ก็ต้องเริ่มฝึก สถาบันสอนการแสดงที่ดีที่สุดคือ กองทัพปลดแอกประชาชนจีน ที่มีหน่วยศิลปวัฒนธรรมที่ใหญ่โต และเป็นแหล่งรวมครูสอนที่ดีที่สุดในเวลานั้น หลายปีที่ทุ่มเทกับการฝึก และมีฝีมือเลื่องลือ จนเป็นชาวจีนคนแรกที่ผ่านการคัดเลือกจนได้ทุนไปเรียนโมเดิร์น แดนซ์ที่นิวยอร์ก ...
หากลองสังเกต ช่วงเวลาในปี 47-48 นั้น กระแสต้มยำกุ้ง หรือ “หนังเรื่องที่สองของ โทนี่ จา” เกิดขึ้นท่ามกลาง กระแสความร้อนแรงของหนังองค์บากยังอบอวล ทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อภาคสองต่อทันที อย่างประเทศญี่ปุ่นซื้อหนังเรื่องนี้ไป ก็แทบจะไม่เห็นอะไรจากตัวหนังก่อนนอกเสียจากโปสเตอร์!!! เมื่อผสมกับการใช้กลยุทธ์ “รักน้อยๆ แต่รักนานๆ” ที่ต้องการสร้างความเป็นดาราของ จา พนม ผ่านภาพยนตร์เท่านั้น ทำให้สื่อมวลชนจำนวนมหาศาลรอคิวสัมภาษณ์ จนถึงทุกวันนี้ “ฟรีพีอาร์” ทั้งในและต่างประเทศได้มากกว่า 10,000 ฉบับ เขียนเรื่องราวให้ความสำคัญกับเขาทั้งปี เป็นการสร้างกระแสที่จำเป็นต่อการโปรโมตหนังได้ เพราะตอนนี้มีผลงานเต็มตัวให้แค่เรื่องเดียวให้พูดถึง ชีวิตส่วนตัวผ่านการบริหารสร้างภาพอย่างพอเหมาะ ที่จะเป็นกระแสไปนาน การเดินทางไปโปรโมตภาพยนตร์ใน 8 ประเทศหลัก ก็เพื่อเป็นการพิสูจน์คุณภาพสดๆ กับการสร้างการรับรู้แบบปากต่อปาก และยังนับเป็นกิจกรรมพบแฟนๆ ต่างประเทศ...
...เป็นภาพยนตร์ไทยที่ทุ่มทุนสร้างมากที่สุด ใช้งบมากที่สุด....เป็นหนังไทยมีการขายลิขสิทธิ์สินค้ามากที่สุด...มีกระแสและเป็นข่าวดังลงในสื่อมากที่สุด... และอาจจะมีรายได้มากที่สุดเท่าที่หนังไทยเคยสร้างมา... นี่เป็นเพียงตัวอย่างของปรากฏการณ์ภาพยนตร์ไทยเรื่อง “ต้มยำกุ้ง” ซึ่งกลายเป็นกระแส และประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการหนังไทย ในการก้าวขึ้นสู่ธุรกิจภาพยนตร์ไทยเต็มรูปแบบในตลาดโลก “ไม่เคยมีโมเดลธุรกิจหนังไทยทำแบบนี้มาก่อน” คำกล่าวนี้เห็นจะจริง เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นการสร้างโมเดลการผลิตแบบใหม่ จากพลังของความสำเร็จของ “องค์บาก” มาสู่ “ต้มยำกุ้ง” เกิดจากการประยุกต์ใช้แนวคิด “value creation” ที่เป็นรูปธรรมของการเปลี่ยนภาพการผลิต ใช้จุดแข็งทางวัฒนธรรมไทย สร้างทางเลือกใหม่ของหนังไทยบนกระแสโลก เมื่อตัวเอกอย่าง “จา พนม” ได้กลายเป็นกุญแจความสำเร็จที่ไขโลกอุตสาหกรรมหนังไทยอย่างคาดไม่ถึง เพราะยังไม่เคยมีรังสีของ “ความเป็นดารา” ครั้งใดที่ส่งผลต่อความคิด เปลี่ยนโมเดลเชิงโครงสร้างธุรกิจภาพยนตร์ไทยต่อยอดสู่ระบบธุรกิจหนังเรื่องใหม่ ซึ่งสร้างมูลค่าได้อย่างมหาศาล โมเดล จา...
จิตวิญญาณแห่งตะวันออกซึ่งผสมผสานวิถีชีวิตที่ดำเนินสอดคล้องไปกับธรรมชาติ ได้รับการถ่ายทอดออกมาผ่านจังหวะและท่วงทำนองของกลองญี่ปุ่น ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าจากหมู่บ้าน Kodo บนเกาะ Sado เกาะที่วางตัวอย่างสงบใน Japan Sea จนกระทั่ง Tamasaburo Bando อดีตนักแสดงละครคาบูกิชื่อดัง ได้เข้ามามีส่วนร่วมกำกับใน Kodo project และสื่อการแสดงพื้นบ้านนี้ออกมาในรูปแบบของ contemperary performance art ทั้งยังคงเสน่ห์ของเสียงกลองญี่ปุ่นให้เป็นรูปธรรม เข้าถึงได้ง่ายโดยใช้ภาษาสากลของดนตรี นับตั้งแต่เปิดตัวสู่สายตาชาวโลกครั้งแรกในงาน Berlin Festival ปี 1981 ปัจจุบัน Kodo มีผลงานเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง เช่น การแสดงใน Nobel Peace Prize Concert...
Canada Day in Victoria (1st July) : วันชาติแคนาดาในเมืองวิกตอเรีย
ช่วงนี้ดูเหมือนว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มคึกคักอีกแล้วในเมืองไทย มีโครงการใหม่ๆ ผุดเต็มไปหมด ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แต่ในฉบับนี้เราจะมาดูกันเรื่องการดีไซน์บ้าน เท่าที่พบเห็นบ้านตามโครงการในเมืองไทย ส่วนใหญ่จะเป็นการดีไซน์แบบตะวันตกเกือบทั้งสิ้น แน่นอนว่าอาจจะมีการประยุกต์บ้าง แต่เค้าโครงและรูปทรงยังเป็นแบบตะวันตกอยู่ดี หลายคนเคยได้ยินคำว่า บ้านทรงสเปน แต่ก่อนจะดูรูปแบบบ้านทรงสเปนกันจริงๆ ก็อยากจะเปิดเผยความจริงว่า คนสเปนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีบ้าน อย่างที่เราเข้าใจกัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านคู่หรือบ้านแฝด ส่วนใหญ่จะอยู่กันในเมืองบนตึกสูง 7-10 ชั้น ในนั้นก็แบ่งเป็นห้องชุดที่มี 2-3 ห้องนอน ที่เรียกกันติดปากว่า Piso ปิโซ่ และคำว่าบ้าน ในความหมายของพวกเขาก็คืออันนี้แหละ...








