น้ำดื่มสิงห์หาโซลูชั่นสำหรับการแก้ปัญหาขยะพลาสติก ด้วยแคมเปญ “เกี่ยวช่วยโลก” รณรงค์ใช้น้ำดื่มขวดแก้ว เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการช่วยรียูส และรีไซเคิล เปิดบริการโทรสั่งแล้วส่งฟรีถึงบ้าน
“ขวดแก้ว” ทางเลือกที่ดีที่สุดในการรีไซเคิล?
ยังคงเป็นปัญหาระดับชาติในความพยายามที่จะแก้ปัญหาขยะพลาสติกบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นถุงพลาสติก ขวดพลาสติก หรือหลอดพลาสติก ในปี 2561 ประเทศไทยมีปริมาณขยะจำนวน 27.93 ล้านตัน เป็นขยะพลาสติกกว่า 2 ล้านตัน มีเพียง 5 แสนตันเท่านั้นที่สามารถรีไซเคิลได้
โดยที่ขยะพลาสติกที่ว่านั้น “ขวดน้ำ” เป็นสิ่งที่สร้างขยะมากเป็นอันดับ 1 แต่รู้หรือไม่ว่าขวดพลาสติกนั้นสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้เพียงแค่ 1 ใน 5 เท่านั้น แต่ขวาดน้ำพลาสติก หรือขวด PET ในปัจจุบันเป็นแพ็กเกจจิ้งที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายมากที่สุดในยุคนี้ อีกทั้งยังมีราคาไม่แพงด้วย ทำให้ความนิยมของขวดพลาสติกจึงมีมากขึ้นเรื่อยๆ
จากปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ “น้ำดื่มสิงห์” เริ่มมองหาทางออกที่ช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น โดยที่ลดขยะจากขวดพลาสติกให้มากที่สุด คำตอบจึงอยู่ที่ “ขวดแก้ว” ที่ทางน้ำดื่มสิงห์ได้ทำตลาดมายาวนาน
น้ำดื่มสิงห์จึงใช้จุดแข็งในความมีขวดแก้วเป็นอีกแพ็กเกจจิ้งหนึ่ง ซึ่งในตลาดมีน้อยแบรนด์ที่จะทำขวดแก้ว เปิดแคมเปญใหญ่ “เกี่ยวช่วยโลก” เป็นการกระตุ้น หรือรณรงค์ให้ผู้บริโภคหันมาใช้ขวดแก้วในการดื่มน้ำมากขึ้น เพราะได้พิสูจน์แล้วว่า
“ขวดแก้วคือทางเลือกที่ดีที่สุดที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม Reuse ได้นานที่สุด Recycle ได้ 100% และขวดแก้วไม่มีดราม่าเหมือนขวดพลาสติก”
ภูริต ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เล่าว่า
“สิงห์ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ธุรกิจในเครือในการดูแล และรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้สิงห์ เอสเตทที่ทำโครงการรณรงค์ลดขยะพลาสติก การนำพลาสติกไปใช้ให้เกิดประโยชน์, บริษัท ขอนแก่นบริวเวอรี่ จํากัด มีการบริหารจัดการบำบัดน้ำภายในโรงงาน ด้วยการนำไปใช้ในสนามกอล์ฟ สิงห์ปาร์ค ขอนแก่น, สิงห์ปาร์ค เชียงรายได้พัฒนาโครงการเพิ่มพื้นที่ สีเขียวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการปริมาณขยะภายในไร่ ฯลฯ”
แคมเปญ “เกี่ยวช่วยโลก” เป็นชวนให้ผู้บริโภคหันมาดื่มน้ำสิงห์ในขวดแก้วมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามการลดขยะภายใต้ 3R ได้แก่ Reuse การนำขวดแก้วกลับมาใช้ซ้ำได้ โดยผ่านกระบวนการผลิต และผ่านการทำความสะอาด Reduce ลดการใช้พลาสติก ลดการสร้างขยะ และ Recycle เมื่อขวดแก้วถูกใช้ไประยะหนึ่งแล้วจะถูกนำไปผ่านกระบวนการทำลาย เพื่อผลิตขวดแก้วขวดใหม่ต่อไป
เปิดคอลเซ็นเตอร์ ส่งน้ำขวดแก้วถึงบ้านครั้งแรก
เบื้องหลังของแคมเปญนี้เป็นผลงานของเอเยนซี่ “จงรักดี” โดยที่ทางสิงห์ได้ให้โจทย์หลัก “ดื่มน้ำแล้วช่วยโลก” ต้องการให้ผู้บริโภคหันมาดื่มน้ำจากขวดแก้วมากขึ้น จากเดิมที่เคยเจอน้ำสิงห์ขวดแก้วที่ร้านอาหารและโรงแรม แต่ในปีนี้จะได้เห็นน้ำสิงห์ขวดแก้วในครัวเรือน!
ใช่แล้ว… ไฮไลต์ของแคมเปญนี้ที่ซ่อนภายใต้การชวนให้ผู้บริโภคมาดื่มน้ำสิงห์ในขวดแก้วนั้น คือบริการที่ส่งน้ำสิงห์ขวดแก้วถึงบ้านเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นการอุดช่องว่างที่ว่าไม่สะดวกในการซื้อ ในการขนส่ง เพราะขวดแก้วมีน้ำหนักเยอะ และส่วนใหญ่ต้องซื้อตามร้านขายส่งเป็นส่วนใหญ่
ราคาของน้ำสิงห์ขวดแก้วจะถูกกว่าขวดพลาสติก โดยที่ 1 ลังมี 24 ขวด ราคา 75 บาท เฉลี่ยขวดละ 3.1 บาทเท่านั้น ส่วนขวดพลาสติกมีราคาขายปลีกอยู่ที่ 7 บาท หรือถ้าราคาเป็นแพ็ก 12 ขวดอยู่ที่ 55 บาท เฉลี่ยขวดละ 4.5 บาท
สิงห์ได้เปิดคอลเซ็นเตอร์เบอร์ 1245 กด 8 สามารถโทรสั่งน้ำสิงห์ขวดแก้วได้ หรือติดต่อที่ตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านก็ได้ โดยมีขั้นต่ำในการสั่งครั้งแรกอยู่ที่ 7 ลัง แต่ครั้งต่อไปจะอยู่ที่ 5 ลัง ใช้เวลาจัดส่งไม่เกิน 1 สัปดาห์ เพราะมีกระบวนการในการรับเรื่อง และส่งต่อให้ตัวแทนจำหน่ายใกล้เคียงในการไปส่ง ในอนาคตจะเปิดช่องทางในการสั่งออนไลน์ได้
ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจนอนแอลกอฮอลล์ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เล่าเสริมว่า
“แคมเปญนี้เป็นการตอกย้ำถึงจุดแข็งของสิงห์ในการมีบรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการดื่มน้ำในชีวิตประจำวัน โดยในปีนี้เน้นไปที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำในบ้านของผู้บริโภค อีกทั้งยังชวนพันธมิตรรายอื่นๆ เพื่อปลุกกระแสและสร้างการรับรู้ในวงกว้าง เช่น บริษัทในเครือบุญรอดฯ ร้านอาหาร โรงแรม โรงพยาบาล มหาวิทยาลัยต่างๆ ฯลฯ ให้หันมาใช้น้ำดื่มขวดแก้วเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้ผู้บริโภค”
แต่ใครที่เป็นแฟนคลับของสิงห์ แล้วมีโปรแกรม “Singha Rewards” เป็น Loyalty Program ของน้ำดื่มสิงห์ก็เตียมเฮ เพราะธิติพรบอกว่ากำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้โปรแกรมนี้กับน้ำสิงห์ขวดแก้วด้วยเช่นกันในอนาคต
กำไรน้อย แต่ดีต่อใจ ดีต่อสิ่งแวดล้อม
จริงๆ แล้วบริการส่งขวดแก้วถึงบ้านนั้นมีต้นทุนที่สูงกว่าขวดพลาสติก ธิติพรบอกเลยว่า “ไม่มีกำไร” แต่ต้องแลกกับการได้ช่วยโลก แต่ก็คาดหวังว่าจะสร้างยอดขายของน้ำดื่มสิงห์ในขวดแก้วให้มากขึ้น
“จริงๆ การส่งขวดแก้วถึงบ้านนั้นมีต้นทุนการจัดส่งสูง เพราะขวดแก้วมีเรื่องการจัดเก็บยากกว่า ต้องไปส่ง และไปรับกลับ ต้องมีการล้าง และนำกลับมาใช้ใหม่ ต้องบอกว่าการทำแบบนี้ไม่ได้กำไร แต่ได้ช่วยโลกมากกว่า”
ปัจจุบันในปี 2561 น้ำดื่มสิงห์มียอดขายปริมาณ 1,225 ล้านลิตร แบ่งเป็นขวดพลาสติก PET ปริมาณ 1,075 ล้านลิตร หรือสัดส่วน 88% และขวดแก้วปริมาณ 150 ล้านลิตร มีสัดส่วน 12%
จากแคมเปญนี้ที่มีการกระตุ้นการใช้ขวดแก้วมากขึ้น ตั้งเป้ามีสัดส่วนยอดขายจากขวดแก้วที่ 20% ภายใน 2 ปีให้ได้
ตลาดน้ำดื่มปี 2561 มีมูลค่า 38,700 ล้านบาท มีปริมาณ 3,600 ล้านลิตร เติบโต 10%
ส่วนแบ่งการตลาด
- สิงห์ 21.9% (+15.5%)
- คริสตัล 18.4% (-3.6%)
- เนสท์เล่ 14.3% (+4.3%)
- House Brand 10.6% (+6%)
- น้ำทิพย์ 9.1% (+20.7%)
- มิเนเร่ 2.3% (-8.5%)
- เพอร์ร่า 2% (+34.7%)
- อควาฟิน่า 1.8% (+16.9%)
- ช้าง 1.3% (-41.3%)
- อื่นๆ 3.7% (-5.1%)
- Local Brand 6% (+32.9%)