วิกฤตการณ์ COVID-19 ที่ผ่านมาสะเทือนวงการค้าปลีกไม่น้อย เเต่ก็ถือเป็นโอกาสที่ได้เติบโตทางออนไลน์อย่างพุ่งพรวด จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยช่วงครึ่งปีหลัง 2020 เริ่มมีสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว เราจึงจะได้เห็นบรรดาค้าปลีกทั้งเล็กใหญ่ ยกขบวนพาเหรดอัดโปรโมชั่น ลดราคาทั้งหน้าร้านและเว็บไซต์ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี
การเดินเกมของเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกเมืองไทยในช่วงปลายปีนี้ บ่งบอกถึงทิศทางของธุรกิจรีเทล หลัง COVID-19 ได้ดีทีเดียว
ชะลอลงทุนใหญ่
นิโคโล กาลันเต้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ CRC เปิดเผยว่า การเเพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบกับทั้งธุรกิจเเละการดำเนินงานต่างๆ บริษัท จึงต้องมีการวางแผนระยะสั้นและปรับแผนกันทุกรายเดือนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทำให้ต้องระมัดระวังเรื่องการลงทุนอย่างเข้มงวดมากขึ้น
หลังคลายมาตรการล็อกดาวน์ ร้านค้าต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ผู้คนเริ่มใช้ชีวิตปกติ อยากกลับมาเลือกดูของหน้าร้าน กลับมาเดินห้างฯ อีกครั้ง เเต่อย่างไรก็ตาม CRC ยังมองว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะต้องมีการระมัดระวังในการขยายธุรกิจ
“การลงทุนเปิดร้านหรือสาขาใหม่เพิ่มนั้น ต้องมองตามศักยภาพ เเต่ปีนี้จะยังไม่มีเเผนดังกล่าว เพราะต้องคุมเเผนการลงทุนมากขึ้น เเต่เราจะเดินหน้าลงทุนในส่วนที่ช่วยพัฒนาธุรกิจไปข้างหน้า อย่างการลงทุนในเทคโนโลยี รวมถึงโรบินสันไลฟ์สไตล์ ที่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ และไทวัสดุ ก็ยังคงมีการลงทุนต่อเนื่อง”
สำหรับตลาดในต่างประเทศนั้น หลักๆ มีอยู่ 2 โซนคือยุโรปและเวียดนาม โดยผู้บริหาร CRC ระบุว่าในเวียดนามจะยังมีการลงทุนเหมือนเดิม เพราะสถานการณ์ COVID-19 ไม่ร้ายแรงนัก จำนวนร้านที่ต้องปิดชั่วคราวมีน้อย เเละตลาดก็มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
“ส่วนตลาดยุโรป เช่นในอิตาลี การเเพร่ระบาดของ COVID-19 มีความรุนแรงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา เราต้องยอมรับและต้องชะลอการลงทุนโครงการใหญ่ๆ ออกไปก่อน แต่ยังคงเน้นเรื่องการปรับปรุงสาขาเดิม เช่น การปรับปรุงห้าง Rinascente ให้มีความทันสมัยมากขึ้น”
พิษ COVID-19 ขาดทุนครึ่งปีแรก
ย้อนกลับไปดูผลประกอบการของ CRC ในช่วงไตรมาส 2/2020 พบว่า จากมาตรการล็อกดาวน์และผลกระทบในภาคการท่องเที่ยวและกำลังซื้อที่ลดลงของผู้บริโภค ส่งผลให้รายได้รวมในไตรมาสนี้อยู่ที่ 41,376 ล้านบาท ลดลง 21% และขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 2,519 ล้านบาท ลดลง 243% หรือลดลง 4,287 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
โดยในช่วงวิกฤต COVID-19 เซ็นทรัล รีเทล ต้องปิดทำการกว่า 80% ของพื้นที่ขายทั้งหมด เป็นระยะเวลามากกว่าครึ่งของไตรมาส 2 หรือประมาณ 46 วัน จากทั้งหมด 91 วัน ซึ่งในไทยต้องปิดร้านชั่วคราวกว่า 90%
ส่วนในเวียดนามต้องปิดกลุ่ม Non-food ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมี.ค.จนถึงต้นเดือนพ.ค. ส่วนในอิตาลีต้องปิดให้บริการห้างสรรพสินค้าจำนวน 9 สาขา ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. ถึง 17 พ.ค.
“หากเทียบในช่วงเวลาแห่งความท้าทายดังกล่าว ยอดขายของบริษัทต้องลดลงกว่า 50% แต่แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการช้อปปิ้งออนไลน์ โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม Omni-channel ทำให้ยอดขายในไตรมาส 2 ลดลงเพียง 21%” ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าว
ฟื้นด้วย Omni-channel
ในช่วงการแพร่ระบาด COVID-19 ตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตได้อย่างดี โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าแฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับและนาฬิกา เครื่องสำอาง อุปกรณ์เทคโนโลยี อุปกรณ์กีฬา และสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต ทั้งนี้ สินค้าของ CRC เเบ่งเป็นกลุ่ม Non-food ราว 70% เเละกลุ่ม food อีก 30%
“ธุรกิจในกลุ่มของอาหารของเครือเซ็นทรัลเติบโตขึ้นมาก ส่วนกลุ่ม Non-food ที่ไม่ใช่อาหาร ก็เติบโตดีขึ้นมากกว่า 2-3 เท่า แต่ทั้งหมดนี้เติบโตในช่องทาง Omni-channel และออนไลน์เป็นหลัก”
โดยกลุ่มสินค้าที่เติบโตดีในช่องทางอีคอมเมิร์ซของ CRC ในช่วงครึ่งปีแรก ได้เเก่
- กลุ่มสินค้าลักชัวรี เติบโต 0.5%
- กลุ่มสินค้าแฟชั่น เติบโต 21.1%
- กลุ่มสินค้าดีไอวาย เติบโต 6.9%
- กลุ่มสินค้าเพชรและนาฬิกา เติบโต 11.6%
- กลุ่มเครื่องสำอาง เติบโต 13.2%
- กลุ่มรีเทลเทค เติบโต 27.8%
- กลุ่มสินค้ากีฬา เติบโต 34.2%
- กลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ต เติบโต 35.3%
ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้ ยอดขายของเซ็นทรัล รีเทลเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 350% ในไตรมาสที่ 2 ปี 2020 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยในปีที่แล้วมีผู้ใช้งานซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ของเซ็นทรัล ประมาณ 1 ล้านราย แต่ในปีนี้คาดตัวเลขผู้ใช้งานจะเติบโตขึ้นเป็น 3 ล้านราย
“เราเคยตั้งเป้าหมายเดิมไว้ว่า CRC จะมีสัดส่วนยอดขายจากช่องทางออนไลน์ ประมาณ 10-15% ให้ได้ภายใน 3-5 ปี แต่ขณะนี้เราทำได้มากถึง 10% แล้ว ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้อย่างมากจากสถานการณ์ COVID-19” นิโคโล กล่าว
อัดโปรใหญ่ กระตุ้นช้อปปิ้งท้ายปี
สำหรับกลยุทธ์กระตุ้นการใช้จ่ายในช่วง “โค้งสุดท้าย” ของปีนี้ เซ็นทรัล รีเทล ได้เปิดตัวมหกรรมลดราคา Central Retail Mega Sale ซึ่งเป็นการลดราคาทั้งในหน้าร้าน และเว็บไซต์ออนไลน์ เจาะกลุ่มลูกค้าทุกเจเนอเรชั่น
กิจกรรมนี้จะเริ่มตั้งแต่ 9.9 Double Mega Sale ในเดือนก.ย. ตามมาด้วย 10.10 ในเดือนต.ค. จากนั้นเป็น 11.11 ในเดือนพ.ย. และ 12.12 ในเดือนธ.ค. ด้วยสินค้ากว่า 1 ล้านรายการ จากร้านค้ามากกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายรวมของมหกรรมช้อปปิ้งนี้ ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากปีที่เเล้วซึ่งอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ด้วยกระเเสนิยมการช้อปปิ้งออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
โดยจะเน้นสร้างประสบการณ์ O2O คือออนไลน์สู่ออฟไลน์ อย่างเช่น การใช้ส่วนลดจากใบเสร็จหน้าร้าน ไปใช้ลดต่อที่หน้าเว็บไซต์ รวมถึงการสั่งซื้อด้วยบริการ Click & Collect (บริการคลิกสั่งซื้อหน้าเว็บ แล้วไปรับที่หน้าร้าน) จะได้รับคูปองส่วนลดเพิ่มคูณสอง การรับประกันว่าสินค้าทุกรายการเป็นของแท้ 100%
“สำหรับแคมเปญนี้ เราได้ ป๊อก–ภัสสรกรณ์ และ มาร์กี้–ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์ มาเป็นแคมเปญแอมบาสเดอร์ เพราะเป็นตัวแทนของครอบครัวรุ่นใหม่ ซึ่งมองหาแพลตฟอร์มการซื้อสินค้าที่หลากหลาย สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของยุคปัจจุบัน ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และเชื่อถือได้ ไม่ว่าจะเลือกซื้อสินค้าที่ร้านค้าหรือช้อปผ่านออนไลน์ก็ตาม”
ด้านกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วง COVID-19 ที่ลดลงนั้น ผู้บริหาร CRC มองว่า แม้ตอนนี้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่กลับไปสู่ระดับเดิมเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในส่วนหน้าร้านเเละสาขา ขณะเดียวกัน ด้านผลประกอบการคาดว่าจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เเต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังมีความแตกต่างกันไปในหลายพื้นที่ เช่นในโซนเเหล่งท่องเที่ยว เคยมีลูกค้าต่างชาติเยอะก็จะฟื้นตัวช้ากว่าพื้นที่อื่น ซึ่งโซนที่มีคนไทยเป็นฐานลูกค้าหลัก ก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้เร็วกว่า
- ไม่ไปไหน! “เซ็นทรัลเวิลด์” ดึง 7 ร้านดังจาก “อิเซตัน” เข้าศูนย์
- พลิกโฉมโรบินสัน สู่ “ห้างเซ็นทรัล เมกาบางนา” ยึดทำเลทองบางนา-ตราด สวอปแบรนด์ในเครือ