เจาะแผน Bitkub ปั๊มบัญชีลูกค้า แจกฟรีเครดิตเทรดไม่ต่างเว็บพนัน

บทความโดย iBit

“บิทคับ” เร่งสร้างความเชื่อมั่น หลังราคาเหรียญคู่บุญ KUBcoin หล่นวูบสวนทางผลประกอบการ ปูพรมแจกของพรีเมียมหวังโกยเรตติ้ง ลือราคาเหรียญที่หดตัวอาจกดดันดีลเข้าร่วมยานแม่ SCBX ถูกลดมูลค่า ขณะที่โปรโมชันเรียกแขกแจกฟรีเครดิตเทรดก็โดนข้อครหา ไม่ต่างจากเว็บพนันออนไลน์

เมื่อเร็วๆ นี้ Bitkub ประกาศงบผลประกอบการงวดบัญชี ปี 2564 รวยอู้ฟู่ฟันกำไรกว่า 2.54 พันล้านบาท จากรายได้รวมกว่า 5.16 พันล้านบาท มากกว่าปี 2563 ที่มีรายได้เพียง 325 ล้านบาท และกำไร 79 ล้านบาท จากการโหมโฆษณาประชาสัมพันธ์ดึงนักลงทุนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดซื้อขายคริปโตฯ ชูจุดขาย 10 บาทก็เทรดได้ โขกค่าธรรมเนียมการซื้อหรือขายต่อครั้งกว่า 0.25% และค่าบริการการโอนต่อรายการที่แพงระยับกว่า 20 บาทต่อรายการ

ยิ่งห้ามยิ่งโฆษณา

รายได้และกำไรของบิทคับยังสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นบริษัทที่นำหน้าด้วยการตลาด หรือมาร์เกตติงคอมปะนี ที่ไม่ว่าผู้คนจะเดินไปไหนก็พบเห็นป้ายโฆษณาเชิญชวนอยู่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นแม้กระทั่งลูกค้าเข้าแถวแคชเชียร์รอจ่ายเงินร้านสะดวกซื้อที่ขึ้นวิดีโอโฆษณาชวนเปิดบัญชีเทรด 10 บาทก็ลงทุนได้ ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่ใช้งบลงทุนเพื่อการโฆษณาอย่างบ้าคลั่ง แต่นำมาซึ่งรายได้และผลกำไรที่มากขึ้น

การวางยุทธศาสตร์การตลาดของบิทคับยังใช้ “ท๊อป” จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ร่วมก่อตั้งเป็น LOGO จุดขาย ควบคู่ไปกับว่าจ้างอินฟลูเอนเซอร์ในทุกวงการ จ้างปฏิบัติการข่าว หรือไอโอ สร้างคอมมูนิตี สร้างอีเวนต์ คอยป้อนชุดความเชื่อ และกระตุ้นความคิดของเยาวชนให้สร้างความมั่งคั่งในยุค 5G ผ่านการลงทุนในธุรกิจศูนย์แลกเปลี่ยนซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี และ สินทรัพย์ดิจิทัล NFT ยังคงถูกดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และแผนในอนาคตกับการขยายอาณาจักรไปยัง metaverse ถูกยกเป็นโปรเจกต์สำคัญต่อผลักดันราคาเหรียญ และรายได้ขององค์กร

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ บิทคับ เป็นลัทธิ ที่มีคนเปรียบเทียบว่าแทบไม่ต่างกับ ลัทธิธรรมกาย ซึ่งว่าด้วยการโฆษณาคริปโตฯ หรือเชิญชวนให้คนมาลงทุนในคริปโตฯ ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าไม่เหมาะสม เพราะมีแต่ข้อความในด้านดี ไม่มีระบุถึงความเสี่ยง หรือความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับการลงทุน ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อยู่ระหว่างการพิจารณา “ห้ามโฆษณาในพื้นที่สาธารณะ” และต้องมีข้อความกำกับทุกครั้งถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับผู้ลงทุน

แต่ดูเหมือนว่า ท๊อป จิรายุส และบิทคับ อาศัยความเชื่องช้าของ ก.ล.ต. ยิ่งโฆษณาหนักขึ้น โดยเฉพาะความสนใจของสาธารณะ ทั้งการเข้าไปเป็นสปอนเซอร์สมาคมฟุตบอล แมตช์การแข่งขัน “แดงเดือด” ระหว่างสโมสรฟุตบอลชื่อดัง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล แถมยังโพสต์เรียกความสนใจว่าจะอยากจะซื้อสโมสรฟุตบอลของไทย รวมไปถึงการทำ CSR เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าฐานราก พ่อค้า แม่ค้า เช่น การแจกร่มขนาดใหญ่ให้พ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดคลองเตย หวังสร้างกระแสบิทคับ และการรับรู้แบรนด์บิทคับในพื้นที่สาธารณะ ไม่เว้นแม้แต่ตลาดสด

ทั้งนี้ Bitkub รายงานว่าในส่วนรายได้ของธุรกิจนั้นมาจากค่าธรรมเนียมและบริการถึง 5.16 พันล้านบาท ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบรายได้ของปี 2563 กับ 2564 พบว่า มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็นอย่างมาก โดยในปี 2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 330 ล้านบาท ขณะที่กำไรเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว โดยในปี 2563 มีกำไร 79 ล้านบาทเพียงเท่านั้น

อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจเมื่อดูผลประกอบการของ Bitkub คือ ในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการของธุรกิจที่เติบโตก้าวกระโดด แสดงให้เห็นว่าปริมาณการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีผ่านแพลตฟอร์มของ Bitkub มากขึ้น ส่วนจะมาจากไหนอย่างไรนั่นเป็นคำถาม เพราะต้องไม่ลืมว่า ก.ล.ต. เคยลงโทษบิทคับ และสั่งให้แก้ไขกรณี “การพิสูจน์ตัวตน” หรือ KYC ของลูกค้า และมาร์เกตเมกเกอร์ที่พบว่าไม่มีตัวตน หรือพิสูจน์ไม่ได้ หรือ “บัญชีม้า” จำนวนหนึ่ง**

แต่หาก เทียบค่าธรรมเนียมกับกระดานเทรดอื่นๆ นั้น ในประเทศไทยนั้น Bitkub และ Bitazza และ Z.com EX ที่มีค่าธรรมเนียมที่ 0.25% ขณะที่ Satang และ Zipmex มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่เพียง 0.2% ขณะที่กระดานเทรด Binance ซึ่งเป็นกระดานเทรดอันดับ 1 ของโลก มีค่าธรรมเนียมเพียง 0.1% เท่านั้น

KUB ร่วงหนักสวนผลกำไร

สำหรับในปี 2564 ที่ผ่านมา Bitkub มีกิจกรรมต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อรายได้ทางธุรกิจต่อบริษัทมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกเหรียญประจำกระดานเทรด ที่กำหนดราคา 1 KUBcoin เท่ากับ 30 บาท หรือ 1 USD เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2564 โดยเริ่มเปิดการซื้อขายครั้งแรกด้วยราคา 30 บาท และกำหนดจำนวนเหรียญไว้ทั้งหมด 1,000 ล้านเหรียญ แต่ราคากลับดิ่งสู่ระดับ 12-13 บาท ทำให้บริษัทแก้เกมโดยการเผาเหรียญ KUB ทิ้ง 89% ของจำนวนทั้งหมดให้เหลือเหรียญในระบบแค่ 110 ล้านเหรียญเท่านั้น และหลังจากนั้นสร้างข่าวจุดพลุเก็งกำไร โดยเฉพาะการสร้างจุดที่พีกด้วยการนำเหรียญ KUB จะเป็นช่วงข่าวการนำเหรียญไปลิสต์ใน 3 กระดานเทรดต่างประเทศ ได้แก่ Gate.io, CoinEx และ MEXC Global จนราคาเหรียญ KUB พุ่งทะยานสูงสุดสร้างสถิติแตะ 580 บาท/เหรียญ

สิ่งที่น่าสนใจคือหลังจากนั้น เหรียญ KUB ไม่เคยกลับไปยืนเหนือจุดเดิมได้อีกเลย และล่าสุดยังคงไหลลงอย่างต่อเนื่อง จนไม่อาจคาดเดาได้ว่าสุดท้ายแล้วเหรียญ KUB ราคาจะหยุดอยู่ที่เท่าไหร่ นั่นเพราะล่าสุด (3 พ.ค.) ณ 16.15 น. เคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 170.82 บาท ซึ่งปรับตัวลดลงกว่า -70% จากจุดสูงสุดที่เคยทำได้ที่ 580 บาท/เหรียญ เมื่อช่วงปลายปี 2564

สถานการณ์ดังกล่าวกลาย เป็นหนึ่งประเด็นเหรียญร้อนแรงที่สุดในรอบวันของกลุ่มนักลงทุนคริปโตฯ ที่ราคาเหรียญ KUBcoin ซึ่งเป็นเหรียญคู่บุญกระดานเทรด Bitkub ปรับตัวร่วงลงเหวอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาแรมเดือนแล้ว โดยยังไม่สามารถหาจุดสิ้นสุดของราคาได้ หลังร่วงลงจากช่วงราคา 280 บาท ลงมาระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ระดับ 161 บาท

ทำให้หลายคนเชื่อว่าแม้ว่าผลประกอบการของ Bitkub จะประกาศออกมาเติบโตค่อนข้างดี แต่ในความเป็นจริงแล้วผลประกอบการไม่ได้ส่งผลต่อราคาเหรียญโดยตรง เนื่องจากเหรียญ KUB เป็น Utility ที่ใช้ร่วมกับ Bitkub Chain ในวงจำกัด

ขณะเดียวกัน การดิ่งเหวของราคาเหรียญ KUB จะส่งผลในเชิงจิตวิทยาและวิกฤตศรัทธาของเหล่าสาวกเหรียญ KUBcoin ซึ่งในหลายๆ กลุ่ม Facebook ที่เคยมีเหล่าแฟนคลับบูชา “ท๊อป” จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ซึ่งเป็นดั่งศาสดา ปัจจุบันกลับกลายเป็นเหมือนหนังคนละม้วน เพราะมีนักลงทุนจำนวนมากติดค้างขาดทุนจากการเข้าซื้อเหรียญในช่วงที่ราคาสูง จากแรงกาวของเหล่าบรรดาสาวกที่สร้างความเพ้อฝันช่วยกันเชียร์ว่า KUBcoin อาจจะทะลุไปถึง 1,000 บาท/เหรียญ จึงแห่เข้าไปเก็งกำไรจำนวนมาก

ต่อมาเมื่อราคาปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ไม่สามารถ Cut Loss ขายออกไปได้ทัน ทำให้ขาดทุนอย่างหนัก จนมีการเรียกร้องให้ “ท๊อป” จิรายุส ทำอะไรสักอย่างเพื่อเบรกราคาเหรียญไม่ให้ปรับตัวลดลงไปมากกว่านี้ ขณะที่ในอีกมุมหนึ่งของนักลงทุนมองว่าจะหาโอกาสเข้าซื้อเหรียญ KUB หากกลับลงมาที่ 20-25 บาท ซึ่งอาจเป็นราคาพื้นฐานเหรียญที่เหมาะสม

และจากราคาเหรียญ KUBcoin ที่ร่วงลงหนัก ทำให้หลายฝ่ายเริ่มประเมินว่าดีลการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของยานแม่ SCBX อาจไม่ประสบความสำเร็จ นั่นเพราะเมื่อพิจารณาจากราคาเหรียญค้ำจุนองค์กรที่ลดลงอย่างมาก ย่อมทำให้มูลค่าในการเข้าลงทุนของ SCBX ใน Bitkub อาจไม่จำเป็นต้องใช้มูลค่าเท่าเดิม โดยอาจถูกปรับลดลงไปตามความเหมาะสมของสถานการณ์ หรือยกเลิกดีลดังกล่าวเพราะอาจไม่คุ้มค่าลงทุนนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น นั่นย่อมสะท้อนว่าธุรกิจดังกล่าวไม่สามารถช่วยตอบโจทย์ให้ SCBX เติบโตก้าวไกลไปได้

ปั่นโปรฯ แจกเครดิตให้เล่นไม่ต่างจากบ่อนออนไลน์

นอกจากนี้ ด้วยแผนการตลาดที่แยบยลเจาะทุกเป้าหมายของ Bitkub แม้จะให้คุณในการสร้างจำนวนยอดผู้เข้าใช้งานเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่การที่บริษัทนิยมจัดโปรโมชันล่อใจมือใหม่ด้วยการแจกฟรีเครดิตเทรดมูลค่า 200-500 บาท หรือแจกเป็นเหรียญคริปโตฯ มูลค่า 300 บาทนั้น เริ่มทำให้มีหลายคนมองว่าพฤติกรรมดังกล่าวนั้นไม่ได้แตกต่างอะไรกับเว็บพนันออนไลน์ที่มักจะล่อตาล่อใจผู้ลงทุนหน้าใหม่ด้วยการแจกเครดิตให้เข้ามาลงทุนในเว็บไซต์ของตน ซึ่งทำให้อาจเข้าข่ายมอมเมาคนที่ไม่มีความรู้ความเข้าในการลงทุนเหรียญคริปโตฯ ได้ดีพอ

ปัจจุบันนักลงทุนบางส่วนยังเริ่มเชื่อว่าดีลการเข้าร่วมยานแม่ SCBX ของ “บิทคับ” อาจต้องถอยออกมา หรือมีการปรับแก้ใหม่อีกครั้งให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เพราะแม้ SCBX จะอยากได้ Bitkub เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแผนเติบโตทางธุรกิจ แต่คงไม่ปรารถนาคว้าธุรกิจที่ยอดบัญชีลูกค้าเริ่มทรงตัว อีกทั้งเหรียญคู่บุญอย่าง KUBcoin อยู่ในช่วงขาลงแบบที่ต่ำมาก นั่นจะทำให้จุดคุ้มทุนที่คำนวณไว้จำเป็นต้องเลื่อนออกไป

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่จะได้เห็น Bitkub มุ่งสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคและประชาชน ด้วยการเร่งเดินสายการตลาดไล่แจกสินค้า พรีเมียมของบริษัท และเพื่อผลักดันให้มูลค่าเหรียญให้กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง

Source

อ่านเพิ่มเติม