จากแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีนที่เคยโดนผู้ก่อตั้ง ‘Tesla’ อย่าง ‘อีลอน มัสก์’ ดูถูกเมื่อปี 2011 ว่าคุณภาพและงานดีไซน์ไม่ได้เรื่อง แต่ค่าย ‘BYD’ ก็ได้ ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ ช่วยกู้หน้าโดยเขาได้เลือกลงทุนผ่านบริษัท Berkshire Hathaway ปัจจุบันมูลค่าของ BYD เติบโตถึง 600% ในช่วง 10 ปี แต่ไม่ใช่แค่ช่วยดันให้ BYD เติบโต เพราะวอร์เรนก็ทำให้หุ้นร่วงด้วยเช่นกัน
ราคาหุ้น BYD เด้ง 40 เท่า รถจีนที่ “อีลอน มัสก์” เคยปรามาสแต่ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” เลือกลงทุน
หุ้นของบริษัท BYD ที่จดทะเบียนในฮ่องกงร่วงลง 12% หลังจากที่ Berkshire Hathaway บริษัทที่ลงทุนใน BYD ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ลดสัดส่วนการถือหุ้นในผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนจาก 20.04% เป็น 19.92% โดยได้ขายหุ้น BYD 1.33 ล้านหุ้น ในราคาประมาณ 47 ล้านดอลลาร์ ปัจจุบันกลุ่มบริษัทเป็นเจ้าของ 218.7 ล้านหุ้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น Yang Liu ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Atlantis Investment ได้ออกมาให้ความเห็นว่า “นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าจะมีอะไรอีกมากที่จะเกิดขึ้น”
Liu กล่าวว่า หนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อหุ้น และทำให้บัฟเฟตต์ลดจำนวนการถือหุ้นอาจเป็นเพราะ ความไม่แน่นอนในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่มีมากเกินไป และบัฟเฟตต์อาจรู้สึกประหม่าเล็กน้อย นอกจากนี้ บางทีภาวะถดถอยสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการบริโภคของจีนที่อ่อนแอลงอาจทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในวงกว้างขึ้น
Liu กล่าวต่ออีกว่า จีนมีที่ว่างสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่มาตรการในปัจจุบันยังไม่เพียงพอ โดยสัปดาห์ที่แล้วสภาแห่งรัฐของจีนได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์จาก COVID-19 และวิกฤตอสังหาริมทรัพย์
“รัฐบาลยังมีที่ว่างที่จะช่วยเศรษฐกิจและผลักดันความเชื่อมั่น ตอนนี้มันเป็นเรื่องของความมั่นใจ”
ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หุ้นของ BYD พุ่งขึ้นมากกว่า 600% ตามข้อมูลของ Refinitiv โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 มีรายได้สุทธิในช่วงเวลารวม 521 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นสามเท่าจากปีก่อนหน้า แม้จะมีตัวเลขผลประกอบการที่ดูดี แต่ปัจจุบันกลับเป็นหุ้นที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดในดัชนี Hang Seng