ชานมไข่มุก – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 30 Oct 2023 09:57:55 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 กางแผน GAGA หลังอยู่ใต้ชายคา “ไมเนอร์” ขอเป็นชาไข่มุกที่เฟียสที่สุดในตลาด https://positioningmag.com/1449652 Mon, 30 Oct 2023 03:33:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1449652 ชานมไข่มุกยังคงเป็นธุรกิจสุดหอมหวานไม่แพ้หมาล่า ที่แบรนด์ใหญ่ต่างขอร่วมขบวน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจึงได้เห็นข่าวการซื้อกิจการของเชนใหญ่ๆ เพื่อขยายพอร์ตกันทั้งสิ้น

“ไมเนอร์ ฟู้ด” เอง ซึ่งเป็นหนึ่งในเชนร้านอาหารรายใหญ่ในไทย ก็ไม่พลาดที่จะตกขบวน ได้เข้าซื้อกิจการชาไข่มุก GAGA (กาก้า) เมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา โดยเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 50.1% ในบริษัท กาก้า เบฟเวอร์เรจส์ (ประเทศไทย)

จนถึงวันนี้ GAGA มีอายุแบรนด์ครบรอบ 5 ปีพอดิบพอดี และได้เข้ามาอยู่ใต้ชายคาไมเนอร์ครบ 1 ปีเช่นกัน ทางไมเนอร์ได้ดึง “อนุพนธ์ นิธิยานันท์” นั่งแท่น ผู้จัดการทั่วไป บริษัท กาก้า เบฟเวอร์เรจส์ (ประเทศไทย) จำกัด ควบกับการเป็นผู้จัดการทั่วไปแบรนด์สเวนเซ่นส์ด้วย

GAGA

ไมเนอร์ต้องการอะไรจากการลงทุนใน GAGA?

แน่นอนว่าต้องการขยายพอร์ตร้านอาหารในกลุ่ม “เครื่องดื่ม” เพราะไมเนอร์เองยังไม่มีในกลุ่มนี้ มีเพียงแค่กลุ่มขนมหวานที่มีอยู่ 2 แบรนด์ ก็คือ สเวนเซ่นส์ และแดรี่ควีนส์ ในตลาดชาไข่มุกก็เป็นตลาดที่ร้อนแรง ประเทศไทยติดอันดับท็อปๆ ของโลกที่มีการดื่มชาไข่มุก

แต่การจะปั้นแบรนด์เองต้องใช้เวลานาน ทางลัดที่ประสบความสำเร็จทที่สุดก็คือ การเข้าซื้อกิจการนั่นเอง

อนุพนธ์ เริ่มเล่าว่า “การจะเข้าตลาดนี้มีอยู่ 2 อย่าง Built หรือ Buy ถ้า Built หรือสร้างแบรนด์เองต้องใช้เวลานาน แล้วตอนนี้ตลาดชาไข่มุกก็มีทุกเซ็กเมนต์ ราคาตั้งแต่ 20-150 บาท แต่ตอนนี้จากตลาดแมสได้อัพสเกลเป็นพรีเมียมแล้ว เลยตัดสินใจซื้อกิจการดีกว่า มีแบรนด์ที่เขาสร้างมาอยู่แล้ว ต่อยอดไปต่างประเทศได้ เราได้เห็นโอกาสของแบรนด์ GAGA เอามาเสริมพอร์ตขนมหวานได้ จากตอนแรกมีกลุ่มไอศกรีมแค่ 2 แบรนด์ ซึ่งนักลงทุนก็ถามมาตลอดว่าทำไมไมเนอร์ไม่มีกลุ่มเครื่องดื่มสักที แบรนด์นี้เลยมาเป็นตัวต่อยอดธุรกิจได้” 

GAGA

ขออัพสเกล ขยายต่างจังหวัด

แบรนด์ GAGA ได้ก่อตั้งเมื่อปี 2561 วางจุดยืนเป็นแบรนด์เครื่องดื่มระดับพรีเมียม และขอเป็นแบรนด์เฟียสๆ ที่เวลาลูกค้าถือแก้วจะรู้สึกเท่ๆ คูลๆ พร้อมกับแท็กไลน์ของแบรนด์ที่ว่า Attitude In A Cup เพื่อสร้างความแตกต่างในตลาด และมีเฉดสีส้ม ดำ ขาว อีกทั้งพนักงานก็มีชุดยูนิฟอร์มแบบเท่ๆ ด้วย มีเมนูเด่นก็คือชานมไข่มุกโอเวอร์โหลด รวมท็อปปิ้งทั้งไข่มุกดำ ไข่มุกฮันนี่ดรอป เฉาก๋วย และพุดดิ้ง ไว้ด้วยกัน

ปัจจุบัน GAGA มีสาขารวม 37 แห่ง ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาไมเนอร์ขยายสาขาทั้งหมด 15 แห่ง ซึ่งอีก 2 เดือนสุดท้ายของปีเตรียมเปิดอีก 4 แห่ง ทำให้ในสิ้นปีนี้จะมีสาขารวมทั้งหมด 41 แห่ง ได้เปิดสาขาต่างจังหวัดเป็นครั้งแรกที่เซ็นทรัลพัทยา และแพชชั่นระยอง

ในปีหน้า GAGA เตรียมขยายสาขาเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าตัวราวๆ 20 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 10 สาขา และต่างจังหวัด 10 สาขา กระจายตามศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และคอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งโอกาสสำคัญอยู่ที่การขยายไปต่างจังหวัด พบว่าคนต่างจังหวัดพร้อมที่จะให้การตอบรับกับชาไข่มุกพรีเมียมแล้ว แต่อาจจะทดลองไปจังหวัดใกล้ๆ หรือหัวเมืองใหญ่ก่อน

GAGA

นอกจากในเรื่องการขยายสาขาแล้ว ไมเนอร์ยังใช้ประสบการณ์ของเชนร้านอาหารรายใหญ่ เข้ามาช่วยในเรื่องการปรับโครงสร้าง และปรับเรื่องระบบโลจิสติกส์ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเมื่อขยายไปต่างจังหวัดไปสมบูรณ์ ก็เตรียมพร้อมที่จะขยายไปต่างประเทศ

GAGA ไม่ได้จำกัดเป็นแค่แบรนด์ชาไข่มุก แต่เป็นแบรนด์เครื่องดื่ม ปัจจุบันมีเมนูรวมทั้งหมด 54 เมนู ราคาเริ่มต้น 65-145 บาท

ในช่วงเดือนพ.ย. แบรนด์จะจัดแคมเปญครบรอบ 5 ปี เตรียมออกแพ็กไซส์ใหม่ แก้ว XL หรือแก้วยีราฟ 28 ออนซ์ ราคา 135 บาท เป็นเมนูชานมไข่มุกโอเวอร์โหลด เหตุผลที่ทำเมนูนี้เพราะตอนช่วงวัน April Fool Day ได้ทำคอนเทนต์แก้วยีราฟออกมา แล้วลูกค้าอยากให้ทำจริงๆ จึงเอามาทำช่วงเดือนครบรอบพอดี

ต้องเฟียสที่สุด ต้องโต 2 หลัก

ตลาดชาไข่มุกเป็นตลาดเดียวที่เติบโตในช่วงวิกฤต COVID-19 เพราะยังสามารถสั่งเดลิเวอรี่ได้ หลายคนทานแล้วมีความสุข แต่ตลาดเรดโอเชียนนี้ก็การแข่งขันสูงมาก ทำให้แบรนด์ที่อยู่รอดได้ในตอนนี้เป็นเซ็กเมนต์พรีเมียมไปเลย หรือไม่ก็แบรนด์แมสที่เน้นเรื่องราคาถูกไปเลย

ไมเนอร์จึงวางเป้าหมายให้ GAGA เป็นแบรนด์เครื่องดื่มที่มีคาแรกเตอร์ที่สุด ต้องเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในแง่ของการขยายสาขาทั่วประเทศ และมีมาร์เก็ตแชร์อันดับหนึ่งให้ได้ โดยมีโจทย์ที่ว่าต้องเติบโตให้ได้ในอัตรา 2 หลักทุกๆ ปี

GAGA

ในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะเติบโต 25% หรือมีรายได้ 200 ล้านบาท

สัดส่วนรายได้ของ GAGA แบ่งเป็น ชานม 60% ชาไทย 10% ชาเขียว 10% ชาผลไม้ และอื่นๆ 10%

ลูกค้าของ GAGA ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง 80% เป็นคนทำงาน นักศึกษา ยอดการใช้จ่ายเฉลี่ย 200 บาท/บิล

อนุพนธ์ยังเปิดใจอีกว่า GAGA มีกลุ่มลูกค้าที่เด็กสุดของเครือไมเนอร์ เป็นวัยรุ่น นักศึกษา จะต่างจากกลุ่มลูกค้าของสเวนเซ่นส์ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครอบครัว พอได้มาทำแบรนด์วัยรุ่นก็สนุกดี ซึ่งสเวนเซ่นส์เองก็เคยทำแบรนด์เครื่องดื่ม SIP มาแล้ว ออกเป็นป๊อปอัพสโตร์

สำหรับร้าน GAGA ยังมีการขยายร้านในโมเดลเดียวอยู่ตามศูนย์การค้า พื้นที่เฉลี่ย 25 ตารางเมตร ใช้งบลงทุน 2 ล้านบาท จะต้องมียอดขายเฉลี่ย 4-5 แสนบาท/สาขา ยังไม่มีแผนในการทำโมเดลใหม่ๆ และยังเป็นการลงทุนของบริษัทเอง ยังไม่เปิดขายแฟรนไชส์

สาขาที่ขายดีที่สุด ก็คือ เซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัล ลาดพร้าว

อ่านเพิ่มเติม

]]>
1449652
บริษัทชานมไข่มุกในจีน 6 เจ้าใหญ่มีแผนที่จะ IPO ในตลาดหุ้น ระดมทุนเพื่อขยายสาขาทั้งในและนอกประเทศ https://positioningmag.com/1438806 Tue, 25 Jul 2023 09:46:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1438806 บริษัทชานมไข่มุก 6 เจ้าใหญ่ในจีนเตรียมที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง โดยคาดว่าจะระดมทุนเพื่อนำไปขยายสาขาทั้งในประเทศและนอกประเทศจีน ซึ่งตลาดหุ้นที่บริษัทเหล่านี้จะเข้าไปนั้นมีทั้งฮ่องกงและสหรัฐอเมริกา

สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า 6 บริษัทชานมไข่มุกในประเทศจีน ซึ่งบางรายมีสาขาในประเทศไทยด้วยนั้น เตรียมที่จะเข้า IPO เพื่อระดมทุนในตลาดหุ้น โดยตลาดหุ้นที่เข้าระดมทุนนั้นมีทั้งในสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่ในฮ่องกง

บริษัทชานมไข่มุกเริ่มระดมทุนดังกล่าวนี้เนื่องจากในช่วงเวลานี้ทางการจีนมีมุมมองที่ผ่อนคลายเกี่ยวกับการที่บริษัทจีนไประดมทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่ต้องการขยายสาขาเป็นจำนวนมาก ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาหน่วยงานกำกับดูแลของจีนห้ามไม่ให้บริษัทประเภทนี้เข้าระดมทุนในตลาดหุ้นภายในประเทศจีน

โดยบริษัทชานมไข่มุกที่เตรียม IPO ได้แก่

  • Mixue มีสาขาทั้งสิ้น 28,000 สาขา รวมถึงที่ไทยด้วย ยังไม่ทราบว่าจะ IPO ที่ไหน
  • GoodMe มีสาขาทั้งสิ้น 6,700 สาขา โดยที่จะ IPO ในฮ่องกง
  • ChaBaiDao มีสาขาทั้งสิ้น 6,000 สาขา โดยที่จะ IPO ในฮ่องกง
  • Auntea Jenny มีสาขาทั้งสิ้น 6,000 สาขา โดยที่จะ IPO ในฮ่องกง
  • Chagee มีสาขาทั้งสิ้น 1,860 สาขา รวมถึงที่ไทยด้วย โดยที่จะ IPO ในสหรัฐอเมริกา
  • XSQ Tea Chagee มีสาขาทั้งสิ้น 1,600 สาขา โดยที่จะ IPO ในฮ่องกง

หลายบริษัทในรายงานของ Bloomberg ได้เริ่มว่าจ้างสถาบันการเงินต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น Citi และ Goldman Sachs หรือแม้แต่ Bank of Americai ฯลฯ นอกจากนี้ยังรวมถึงวาณิชธนกิจในประเทศจีนอย่าง CICC ฯลฯ ให้ช่วยเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการระดมทุน

เป้าหมายของการระดมทุนของบริษัทชานมไข่มุกในจีนนั้นต้องการนำเม็ดเงินที่ได้ไปขยายสาขาต่อทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะระดมทุนในช่วง 300-500 ล้านเหรียญสหรัฐ ยกเว้น Mixue ที่มีข่าวลือในปี 2021 ว่าอาจระดมทุนมากกว่า 900 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ก็ได้พับแผนลงไป

อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้มีบริษัทชานมไข่มุกในจีนอย่าง Nayuki ได้เข้าระดมทุนในตลาดหุ้นตั้งแต่ปี 2021 ที่ผ่านมา แต่ราคาของหุ้นนั้นตกลงมามากกว่า 70% หลังจากเข้า IPO แสดงให้เห็นถึงการแข็งขันของตลาดชานมไข่มุกจีนที่ถือว่าสูงจนทำให้หลายรายต้องออกมาขยายสาขานอกประเทศจีนด้วย

]]>
1438806
รายงานชี้ตลาดชานมไข่มุกของไทยใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอาเซียน เจ้าใหญ่อยู่กับเจ้าเล็กได้ https://positioningmag.com/1396605 Wed, 17 Aug 2022 11:10:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1396605 รายงานจากบริษัทวิจัยเผยตลาดชานมไข่มุกในอาเซียนมีขนาดถึง 129,642 ล้านบาท โดยประเทศที่มีขนาดตลาดใหญ่ที่สุดในอาเซียนนั่นก็คืออินโดนีเซีย รองลงมาคือประเทศไทย ในรายงานยังชี้ว่าตลาดชานมไข่มุกเป็นตลาดที่ผู้เล่นรายใหญ่สามารถอยู่ร่วมกับผู้เล่นรายย่อยได้อีกด้วย

รายงานของ Momentum Works ที่ได้รายงานถึงตลาดชานมไข่มุกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นมีขนาดถึง 3,660 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยประเทศที่มีขนาดตลาดใหญ่สุดคืออินโดนีเซีย รองลงมาคือประเทศไทย เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ตามลำดับ

ตลาดชานมไข่มุกในประเทศไทยมีขนาดใหญ่ถึง 749 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 26,522 ล้านบาท ในรายงานนั้นผู้นำในประเทศไทยประกอบด้วยแบรนด์อย่าง Kamu หรือแม้แต่ ชาตรามือ ขณะที่ผู้เล่นรายใหญ่ในอาเซียนที่มีสาขาจำนวนมาก เช่น Mixue KOI Thé Chatime รวมถึง Gongcha

ไม่เพียงเท่านี้ในประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีการบริโภคชานมไข่มุกสูงที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียนอีกด้วย

รายงานของ Momentum Works ยังชี้ว่าตลาดชานมไข่มุกในอาเซียนยังมีพื้นที่สำหรับผู้ประกอบการรายเล็กหรือแม้แต่รายใหญ่ ซึ่งแตกต่างกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ผู้เล่นรายใหญ่ได้ไล่กินรวบผู้เล่นขนาดย่อม นอกจากนี้ตลาดชานมไข่มุกนั้นเป็นตลาดที่ผู้เล่นรายใหญ่และรายเล็กสามารถอยู่ร่วมกันได้

ขณะเดียวกันผู้เล่นจากประเทศจีนหลายรายก็ได้ลงมาขยายธุรกิจในอาเซียนด้วยเช่นกัน เนื่องจากตลาดชานมไข่มุกในประเทศจีนแม้จะมีขนาดใหญ่ถึง 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เริ่มมีขนาดตลาดที่อิ่มตัวแล้ว ซึ่งหลายรายได้เปิดสาขาในประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นต้น

ในรายงานยังชี้ว่าแม้การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะทำให้ผู้เล่นหายไปจากตลาด แต่แบรนด์ชานมไข่มุกเจ้าต่างๆ เริ่มมีความระมัดระวังตัวในการทำธุรกิจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขยายสาขาหรือแม้แต่ปรับปรุงประสิทธิภาพธุรกิจ และแบรนด์ต่างๆ ก็หันมาออกผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมากขึ้น เช่น ใส่น้ำตาลน้อยลง ฯลฯ รวมถึงชี้ว่าช่องทางขายออนไลน์ก็มีความสำคัญมากขึ้น แต่คำถามที่สำคัญหลังจากนี้คือธุรกิจเจ้าไหนที่สามารถชิงเงินจากลูกค้าได้มากกว่ากัน

ที่มา – CNA, รายงานของ Momentum Works

]]>
1396605
คุยกับ “ชุติมา เปรื่องเมธางกูร” เจ้าของ “เสือพ่นไฟ” กว่าจะปัง เคยทำธุรกิจพังมาแล้ว 7 ครั้ง https://positioningmag.com/1393227 Tue, 19 Jul 2022 13:27:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1393227
  • กว่าจะเป็นเจ้าของอาณาจักรเสือพ่นไฟ ชุติมาเคยทำธุรกิจมาแล้ว 8 ครั้ง แต่เจ๊งไป 7 เนื่องจากไม่มีแพชชั่นที่แท้จริง ทำตามกระแส
  • เลือกทำธุรกิจอาหาร และประสบความสำเร็จ เพราะเรียนทางด้านอาหารโดยตรง และเป็นคนชอบกิน แฟรนไชส์แรกที่นำเข้ามาคือ Nice Two Meat U
  • ปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือทั้งหมด 6 แบรนด์ ตั้งชื่อบริษัทด้วยกิมมิกคำว่า “รวย” ทุกบริษัท อนาคตจะเตรียมตั้งเป็นโฮลดิ้ง “รวยไม่หยุด กรุ๊ป”
  • พูดคุยกับ “เกศ-ชุติมา เปรื่องเมธางกูร” เจ้าของธุรกิจร้านอาหารชื่อดังหลายแบรนด์วัย 39 ปี ที่ขึ้นชื่อสุดก็คือ ชานมไข่มุก “เสือพ่นไฟ” ในปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือ 6 แบรนด์ มีทั้งซื้อแฟรนไชส์ และพัฒนาเอง แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ทำธุรกิจล้มมาเยอะ

    5 ปี มี 6 แบรนด์

    ชุติมา มีหุ้นส่วนธุรกิจอีกคน แนท-นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์ เริ่มต้นเข้าสู่ธุรกิจอาหารได้ 5 ปีแล้ว จากการซื้อแฟรนไชส์ Nice Two Meat U ร้านปิ้งย่างเกาหลีเข้ามาเปิดตลาดในไทย เปิดสาขาแรกที่สยามสแควร์ซอย 3 หลังจากนั้นได้ขยับขยายเปิดแบรนด์ใหม่ โดยแต่ละแบรนด์จะมีเซ็กเมนต์ที่แตกต่างกัน เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย

    ภายในเวลา 5 ปี ได้มีแบรนด์ในเครือ 6 แบรนด์ ได้แก่

    • Nice Two Meat U ร้านปิ้งย่างเกาหลี
    • Fire Tiger by Seoulcial Club ร้านชานมไข่มุก ขนมหวาน
    • Mil Toast House ร้านขนมปัง เบเกอรี่สไตล์เกาหลี
    • E BOMB ร้านแซนด์วิชไข่ สไตล์ญี่ปุ่น
    • Da Tang (ต้าถังหม้อไฟ) ร้านชาบูหมาล่าสไตล์จีน เปิดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565
    • หมูกระทะคนรวย แบรนด์ล่าสุด เพิ่งเปิดเมื่อเดือนเมษายน 2565 ที่สยามสแควร์ เส้นติดถนนอังรีดูนังต์

    nice two meat u

    ในการตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหาร หรือพัฒนาแบรนด์ใดๆ ชุติมามีวิธีคิดที่ว่า ตลาดนั้นยังไม่มีแบรนด์ที่เป็นเจ้าตลาด หรือไม่มี Top of Mind เรียกง่ายๆ ว่า ถ้าจะเปิดแล้ว ต้องปังให้ได้

    ชุติมาเริ่มเล่าว่า “จุดเริ่มต้นตอนทำร้าน Nice Two Meat U ก่อนจะเปิดอะไรจะดูก่อนว่าอาหารในกลุ่มนั้นยังไม่มีที่หนึ่งในใจ ตอนนั้นเองร้านปิ้งย่างเกาหลียังไม่มี Top of Mind เท่าไหร่ ถ้าไป Korean Town ก็มีหลายชื่อ หลายร้านมากๆ และยังไม่มีร้านที่หาทานง่ายตามศูนย์การค้า และส่วนตัวเป็นคนชอบกินปิ้งย่าง ชาบูอยู่แล้วด้วย”

    ในด้านการทำงานกับหุ้นส่วนจะมีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ชุติมาจะดูแลด้านโอเปอเรชั่น หรือด้านปฏิบัติการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้าน การเทรนพนักงาน ส่วนพาร์ตเนอร์ดูแลเรื่องเงิน บัญชี แบรนด์ การตกแต่งต่างๆ และเป็นคนที่ Conservative มาก ระมัดระวังทุกอย่าง

    ทำธุรกิจมา 8 ครั้ง เจ๊งไป 7

    ชุติมาไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารมาก่อน แรกเริ่มก็เป็นมนุษย์เงินเดือนทั่วไป มีออกมาทำธุรกิจส่วนตัวบ้างตามภาษาคนที่อยากเป็นเจ้านายตัวเอง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก กว่าธุรกิจจะปังได้เฉกเช่นทุกวันนี้ ชุติมาได้ผ่านประสบการณ์ทำงานที่หลากหลายธุรกิจ ส่วนใหญ่จะ “เจ๊ง” 

    แต่ด้วยความที่เรียนมาทางด้านอาหารโดยตรง ก็เลยมาเริ่มทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร จนได้ซื้อแฟรนไชส์ Nice Two Meat U

    ชุติมาจบการศึกษาเกี่ยวกับอาหารโดยตรง ด้าน Gastronomy ระดับปริญญาโท จาก Boston University สหรัฐอเมริกา หลังจากที่กลับจากต่างประเทศก็เริ่มทำงานในบริษัทให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ HR พอทำได้อยู่ 2 ปี ก็ได้เปิดร้านกาแฟที่ย่านสาทร ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพนักงานออฟฟิศ แต่แล้วก็มีเหตุทำให้บริษัทแห่งหนึ่งย้ายออกจากสาทร จึงคิดว่าลูกค้าต้องหายแน่ๆ เลยขายกิจการ ตอนนั้นได้เงินมาก้อนหนึ่ง ชุติมาเลยออกมาเล่นหุ้นฟูลไทม์ แต่ก็เล่นได้ไม่นาน เพราะเป็นคนใจไม่แข็งพอ

    “แต่ก่อนทำมาหลายอย่างมาก Nice Two Meat U เป็นธุรกิจที่ 9 โดยที่ 8 ธุรกิจแรกเจ๊งไป 7 มีทั้งยิมมวย, ร้านนวด, ร้านแว็กซ์, ช่องทีวี, ร้านเสริมความงาม, ร้านตัดเสื้อ, ร้านกาแฟ ธุรกิจที่รอด ก็คือ ร้านทำเล็บที่สยามซอย 3”

    ชุติมาบอกถึงเหตุผลหลักที่ธุรกิจก่อนหน้านี้ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเรื่อง Passion ล้วนๆ ที่ผ่านมาทำตามเทรนด์ ตามกระแส แต่ไม่ได้ชอบมันจริงๆ

    fire tiger

    “ทุกธุรกิจที่ทำมามีความแตกต่างกันมาก ไม่ได้ทำในสิ่งที่รักมันจริง คิดว่าเป็นกระแสก็ทำ ช่วงหนึ่งที่คนต่อยมวยเยอะๆ ก็เปิดยิมมวย คิดว่าได้เงินง่ายก็ทำ แต่ส่วนตัวไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย แถมไม่ได้เป็นคนออกกำลังกายด้วย ตั้งแต่เปิดมาไม่เคยต่อยมวยสักครั้ง แต่เรื่องอาหาร และเครื่องดื่มยังเป็น Passion อยู่เสมอ”

    เมื่อร้านทำเล็บเป็นธุรกิจหนึ่งเดียวที่รอดของชุติมา หยัดยืนในโลเคชั่นสยามซอย 3 ชุติมาจึงถือโอกาสในการใช้สถานที่นี้ในการทำธุรกิจต่อๆ ไป Nice Two Meat U สาขาแรกก็เปิดที่สยามซอย 3 เป็นแฟลกชิปสโตร์ ทำให้ตอนนี้สยามซอย 3 กลายเป็นอาณาจักรของชุติมา มีทั้ง Nice Two Meat U, Fire Tiger, E BOMB, Mil Toast House และ Da Tang   

    เหตุผลที่สร้างอาณาจักรในซอยนี้ ชุติมาบอกว่า “ร้านอยู่ซอยเดียวกัน ทำให้ง่ายต่อการจัดการ ตรวจงานง่าย ธุรกิจเกิดจากสยาม ร้าน Nice Two Meat U ทำให้เรามีเงินต่อ เรารักโลเคชั่นนี้ อีกทั้งเวลาไม่อิงตามห้างด้วย ทำครัวกลางอยู่แถวนี้ เดลิเวอรี่ได้สะดวก กลุ่มลูกค้าหลากหลาย ชาวต่างชาติ นักเรียน มหาลัย คนทำงาน ครอบครัว คนมีกำลังซื้อ คิดว่าถ้าเปิดร้านไหนจะต้องเปิดที่สยามสแควร์เป็นแฟลกชิปสาขาแรกก่อน”

    พลังแฟรนไชส์ และพัฒนาแบรนด์เอง

    “มี Passion กับเกาหลี บ้า BTS มาก อินกับเกาหลี” คือ คำอธิบายว่า ทำไมร้านอาหารของชุติมาเป็นสไตล์เกาหลีทั้งสิ้น

    ทั้ง 6 แบรนด์ เป็นการซื้อแฟรนไชส์จากเกาหลี 2 แบรนด์ ได้แก่ Nice Two Meat U และ Mil Toast House ที่เหลืออีก 4 แบรนด์เป็นการพัฒนาเองทั้งหมด ได้พัฒนาจากความต้องการของผู้บริโภคในตลาด โอกาสในตลาดว่ายังมีตรงไหนบ้าง

    อย่าง Fire Tiger By Seoulcial Club เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ขึ้นชื่อ ทำตลาดได้ 3 ปีแล้ว ได้เกิดขึ้นจากตอนเปิดร้าน Nice Two Meat U สาขาแรก แล้วมีลูกค้าเยอะมากๆ ทางชุติมาอยากเทิร์นลูกค้าเร็วๆ จึงไม่มีเมนูขนมหวานในร้าน แต่ลูกค้าก็อยากทานขนมหวานในร้านให้จบที่ร้านเดียว เลยทำร้าน Seoulcial Club ขึ้นมา ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน เป็นเมนูบิงซู แต่ก็พบว่าทำแล้วไม่ยั่งยืน เพราะคนมาถ่ายรูปครั้งเดียวแล้วจบ

    fire tiger

    “ตอนทำ Seoulcial Club พยายามลงทุนเครื่องกาแฟเลย อยากขายกาแฟ แต่พอดูลูกค้ามีแต่ขาจร ไม่มีลูกค้าเดิม เลยพยายามปรับเมนู ดูว่าอะไรมาติด และทำให้ลูกค้ากลับมาซ้ำ สุดท้ายเลยใส่ชาไข่มุกเข้าไป เลยดังขึ้นมา และเปิดเป็นแบรนด์ใหม่ Fire Tiger By Seoulcial Club ตอนแรกเปิดคีออสเล็กใกล้ๆ ธนาคารกสิกรไทยในสยาม ตอนนั้นเป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก เป็นเหมือนกรงเสือ มีหัวเสือ เป็นยุคชานมไข่มุกกำลังดัง โชคดีที่จังหวะพอดี”

    ตอนนี้ Fire Tiger By Seoulcial Club มีทั้งหมด 16 สาขา ต่างประเทศ 3 สาขา เป็นการซื้อแฟรนไชส์ที่อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, กัมพูชา และสหรัฐอเมริกา

    แบรนด์นี้ยังสามารถต่อยอดเป็น “โรงเตี๊ยมเสือพ่นไฟ” เป็นการทำร้านสไตล์จีนๆ แรกเริ่มมีเมนูที่พัฒนาจากชานม เช่น พุดดิ้ง น้ำแข็งไส จากนั้นก็เริ่มมีเมนูอาหารคาว ชุดข้าวต้ม อาหารทานง่ายๆ เริ่มที่ไอคอนสยามสาขาแรก เป็นจุดที่ทางแบรนด์ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกเยอะขึ้น

    fire tiger
    โรงเตี๊ยมเสือพ่นไฟ

    รวมไปถึงการเปิดตัวแบรนด์ลูกอย่าง Fire Tiger Junior ชานมไข่มุกในราคาเริ่มต้น 69 บาท ถูกกว่าแบรนด์แม่ครึ่งๆ จะมีคนละเมนู จับลูกค้าคนละกลุ่ม เป็นแบรนด์ที่ทำเพื่อขายแฟรนไชส์ในไทย เริ่มสาขาแรกที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า

    ส่วนแบรนด์ Da Tang จริงๆ มีแผนที่จะเปิดได้ 4 ปีแล้ว เตรียมการตั้งแต่ Nice Two Meat U เปิดปีแรก มีการทำร้าน ทำป้าย ขึ้นป้ายมานานมาก แต่ติดทำโปรเจกต์อื่นมาตลอด จนในปีนี้ได้ฤกษคลอดเสียที ชื่อก็มาจากราชวงศ์ “ต้าถัง” เป็นราชวงศ์ใหญ่ของจีน

    “4 ปีก่อน ถ้าพูดถึงชาบูสไตล์โช้งชิ่ง นอกจากแบรนด์ใหญ่จากต่างประเทศที่มาเปิดในไทยจะดังที่สุดแล้ว ตอนนั้นร้านแนว Instagramable แฟชั่นนิดๆ ยังไม่มีในไทย เราอยากเป็นที่ 1 ถ้ามองแล้วว่าเป็น Top of Mind ไม่ได้ ก็ไม่ทำ ตอนนี้ช่วงเวลาเหมาะ คนออกไปต่างประเทศไม่ได้ อยากทานอาหารต่างประเทศ”

    ล่าสุดกับแบรนด์ “หมูกระทะคนรวย” ชุติมาบอกว่าส่วนตัวเป็นคนติดทานอาหารสตรีทฟู้ด อาหารแซ่บๆ ชอบตะเวนกิน แต่พอช่วง COVID-19 เลยไม่กล้ากินหมูกระทะทั่วไป เลยทำร้านหมูกระทะคนรวยขึ้นมา ขายเป็นเซตเริ่มต้น 199 บาท แม้จะชื่อคนรวยแต่ราคาเข้าถึงง่าย เตาปกติทั่วไป แต่ชื่อคนรวยเป็นกิมมิกเฉยๆ

    “สำหรับแฟรนไชส์มีแค่แบรนด์ Nice Two Meat U กับ Mil Toast House ตอนที่นำ Mil Toast เข้ามาตอนนั้นยังไม่มีคาเฟ่ขนมปังเกาหลีแบบโฮมมี่ๆ สีไม้ๆ แต่การเอาแฟรนไชส์แบรนด์เข้ามา ยังไม่ท้าทายเท่าเปิดแบรนด์เอง และออกไปสู่ต่างประเทศ อย่าง Fire Tiger ก็ดีใจที่ได้เอาแบรนด์ออกไปสู่ต่างประเทศได้”

    เป้าหมายพา “รวยไม่หยุด กรุ๊ป” เข้าตลาดฯ

    “ตอนแรกจะใช้ชื่อเป็นหมูกระทะคนสวยก่อน แต่เปลี่ยนใจเป็นคนรวยดีกว่า เล่นกิมมิกได้มากกว่า”

    เนื่องจากชุติมาเปิดบริษัทใหม่ให้แก่ทุกๆ แบรนด์ และในชื่อบริษัทจะมีคำว่า “รวย” อยู่ด้วยหมด หมูกระทะคนสวยจึงกลายเป็นหมูกระทะรวย

    • Nice Two Meat U : บริษัท รวยไม่หยุด จำกัด
    • Fire Tiger By Seoulcial Club : บริษัท รวยสบาย สบาย จำกัด
    • Mil Toast House : บริษัท รวยปังปัง จำกัด (เพราะเป็นขนมปังด้วย)
    • E BOMB : บริษัท รวยอู้ฟู้ จำกัด
    • Da Tang : บริษัท รวยแสนล้านตำลึงทอง จำกัด
    • หมูกระทะคนรวย : บริษัท รวยอินฟินิตี้ จำกัด

    ในอนาคตชุติมาตั้งเป้าว่าจะตั้งเป็นบริษัทแม่ หรือโฮลดิ้ง “รวยไม่หยุด กรุ๊ป” แล้วมีบริษัทเหล่านี้ในเครือ มีแผนที่จะพาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่ขอวางระบบหลังบ้านให้นิ่งก่อน และพยามสร้างคนให้พร้อม ตอนนี้อยู่ในช่วงวางรากฐาน ขอเวลาราวๆ 3 ปี

    ปัจจุบันมีร้านในเครือ 6 แบรนด์ มองว่าจะมีแค่ 8 แบรนด์เท่านั้น หรือสูงสุดที่ 9 แบรนด์ก็พอ ไม่มีเยอะไปกว่านี้แล้ว ในแผนจะมีเพิ่มอีก 2 แบรนด์ โดยแบรนด์ที่เคาะแน่ๆ แล้วก็คือ Nice Two Sea U เป็นร้านอาหารทะเลเกาหลี ต่อยอดจาก Nice Two Meat U ให้เจ้าของแฟรนไชส์ช่วยดีไซน์เมนูให้

    สัดส่วนรายได้ใหญ่ 60% ยังมาจากแบรนด์ Nice Two Meat U เพราะมียอดใช้จ่ายเยอะกว่า ส่วนอีก 40% มาจาก Fire Tiger

    ]]>
    1393227
    BEARHOUSE ชาไข่มุก 100 ล้าน ผุดไซรัป “ชูการ์ฟรี” รายแรก เตรียมเข้าตลาดใน 5 ปี https://positioningmag.com/1387646 Thu, 02 Jun 2022 15:09:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1387646 แม้ตลาดชานมไข่มุกในไทยจะแข่งขันกันดุเดือด แต่ก็ไม่วายจะมีแบรนด์ใหม่เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีโอกาส และช่องว่างในตลาดเสมอ BEARHOUSE แบรนด์ชานมไข่มุกจาก 2 ยูทูบเบอร์ชื่อดังที่ผันตัวมาทำธุรกิจส่วนตัวที่สร้างแบรนด์ได้ 3 ปี กางแผนพาบริษัทเข้าตลาดฯ ภายใน 5 ปีข้างหน้าให้ได้ ผุดไซรัปสูตร “ชูการ์ฟรี” ตอบรับเทรนด์ดูแลสุขภาพ

    อุดเพนพอยท์ ดื่มชาไข่มุกแล้วรู้สึกผิด

    ใครที่เป็นสาย YouTube ต้องคุ้นเคยกับช่อง Bearhug กันมาบ้าง ปัจจุบันมีผู้ติดตาม 3.77 ล้านราย ก่อตั้งโดย ซารต์-ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช และกานต์-อรรถกร รัตนารมย์ แต่ด้วยความที่ทั้งคู่เป็นสายท่องเที่ยว สายกิน ชื่อชอบชานมไข่มุกเป็นชีวิตจิตใจ จึงเริ่มต้นสนใจทำธุรกิจชานมไข่มุกเป็นของตัวเอง

    แรกเริ่มได้ติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์จากประเทศไต้หวัน แต่สุดท้ายดีลไม่ประสบความสำเร็จ จึงตัดสินใจสร้างแบรนด์ขึ้นมาเอง ในปี 2562 ได้เปิดตัวแบรนด์ BEARHOUSE สาขาแรกที่สยามสแควร์ ใช้ชื่อบริษัท 21 ซันแพสชั่น จำกัด ในการบริหาร มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท

    ในช่วงที่เปิดตัวต้องยอมรับว่า BEARHOUSE ค่อนข้างได้รับความสนใจเยอะ ที่ร้านมีคนต่อคิวอย่างเนืองแน่น อย่างแรกคือได้ฐานแฟนคลับ คนที่รู้จักชารต์กับกานต์จาก Bearhug เป็นทุนเดิม แต่อีกประการหนึ่งก็คือ ในตอนนั้นคนไทยคลั่งชานมไข่มุกอย่างมาก แบรนด์ไหนเปิดตัวใหม่ก็พ้รอมที่จะพุ่งตัวไปลอง

    ซึ่ง BEARHOUSE ได้ใช้จุดเด่นด้วยการใช้ “ไข่มุกโมจิ” สีขาว ที่จะแตกต่างจากท้องตลาดที่เป็นไข่มุกสีดำ หรือสีทอง เป็นอะไรที่แปลกใหม่ ทำให้หลายคนอยากลองมากขึ้น

    กานต์เริ่มเล่าว่า “ย้อนกลับไป 3 ปีก่อนที่เริ่มสร้างแบรนด์ ใช้เวลาพัฒนาแบรนด์ไม่นานมาก จะใช้เวลาเยอะไปกับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการไปไต้หวัน ดูตลาดต่างๆ มากกว่า ที่เลือกใช้ไข่มุกโมจิ เพราะส่วนตัวพบ Pain Point ของไข่มุกปกติ ทานเรื่อยๆ แล้วฟันผุเพราะน้ำตาลเยอะ จึงอยากทำไข่มุกที่ไม่ใส่สารกันบูด ไม่ใส่น้ำตาลเยอะ เอาข้าวไทยมาผสม ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่แตกต่างจากไข่มุกอื่นๆ”

    แต่ต้องยอมรับว่าชานมไข่มุกย่อมมาคู่กับ “ความอ้วน” เพราะส่วนผสมมีทั้งน้ำตาล แป้ง ครีมเทียม ทำให้หลายคนกังวลในเรื่องสุขภาพ และรูปร่าง โดยเฉพาะสาวๆ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก พอทานแล้วจะรู้สึกผิดขึ้นมาทันที จะเห็นได้ว่าหลายแบรนด์พยายามทำสูตร หรือเมนูใหม่เพื่อลดน้ำตาลกันมากขึ้น

    BEARHOUSE จึงพัฒนา “ไซรัป ชูการ์ฟรี” หรือน้ำเชื่อมแบบไม่มีน้ำตาล ใช้สารให้ความหวานอื่นๆ แทน ทำให้มีแคลอรี 0% อธิบายง่ายๆ คือตัวน้ำเชื่อมจะให้แคลอรี 0% แต่ถ้าใส่ในเครื่องดื่มก็ยังมีแคลอรีจากส่วนผสมอื่นๆ อยู่นะ ถือว่าเป็นการเปิดตลาดชูการ์ฟรีเต็มตัว

    ทั้งกานต์ และชารต์ ร่วมกันเล่าว่า พอคนที่ทานชานมไข่มุกจะมีความรู้สึกผิดเสมอ เลยอยากได้สูตรอะไรที่รู้สึกผิดน้อยลง แต่ยังต้องการความอร่อย ไม่ได้ถึงขนาดอยากกินอาหารคลีน เลยพัฒนาสูตรไซรัปชูการ์ฟรี ทำให้รู้สึกผิดน้อยลง ทำให้ต้องรื้อสูตรทั้งร้านใหม่ทั้งหมด เพื่อรองรับไซรัปตัวนี้

    bearhouse

    ใช้เวลาพัฒนา 6 เดือน ความยากคือ ส่วนใหญ่สารชูการ์ฟรีจะมีรสชาติเฝื่อนๆ ติดลิ้น จึงใช้เวลานานในการทดลอง ทีม R&D ได้สั่งสารให้ความหวานทดแทนมาลองทั้งหมด มาลองปรุงกับเมนูต่างๆ สุดท้ายมาจบที่ “หล่อฮังก๊วย” พบว่ารสชาติดี เข้ากับได้กับทุกเมนู อีกทั้งยังไม่กระตุ้นเบาหวาน แต่ต้นทุนก็สูงกว่าสารอื่นๆ

    นอกจากนี้ยังได้เปิดตัว “เมนูปั่น” 2 เมนูใหม่ “ชานมปั่น Sugar Free syrup” และ “ชาดำยูซุปั่น Sugar Free syrup” โดยใช้ไซรัปใหม่เป็นหลัก ได้ลงทุนเครื่องปั่น เปลี่ยนน้ำแข็ง รื้อสูตรใหม่ให้เข้ากับไซรัปตัวนี้ หวังตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น

    ไซรัป ชูการ์ฟรีจะเป็นทางเลือกแก่ลูกค้า หากสั่งเมนูใดๆ แล้วต้องการไซรัปตัวนี้จะเพิ่มเงิน 10 บาท มีการตั้งเป้าว่าลูกค้าในสัดส่วน 20-30% จะเลือกไซรัป ชูการ์ฟรี

    ชาไข่มุก 100 ล้าน รายได้แซง YouTuber

    BEARHOUSE ได้ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ชานมไข่มุก 100 ล้านบาท ทำให้กานต์ และซารต์ก็พ่วงตำแหน่ง “อายุน้อยร้อยล้าน” เต็มตัวด้วยเช่นกัน เพราะทั้งคู่อายุ 30 และ 29 ปี

    โดยในปี 2562 มียอดขาย 17 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 82 ล้านบาท ในปี 2563 ส่วนปี 2564 มีรายได้ 117 ล้านบาท มีกำไรเฉลี่ยปีละ 15% โดยในปี 2565 คาดการณ์มีรายได้ 180 ล้านบาท 

    bearhouse

    ทำให้ในตอนนี้รายได้จากการขายชาไข่มุกแซงหน้ารายได้จากการเป็น YouTuber ได้แล้ว ปัจจุบันช่อง Bearhug มีรายได้เฉลี่ย 13-14 ล้านบาท เคยมีรายได้สูงสุดอยู่ที่ 30 ล้านบาท แม้รายได้จะต่างกันมหาศาล แต่ทั้งคู่ก็ยังยืนยันว่าจะทำคอนเทนต์ใน YouTube ต่อ

    ซารต์ บอกว่า “ทุกวันนี้อยู่ในช่วงปรับตัว วางแผนทุกอย่างใหม่ มีช่วงหนึ่งที่ไม่ได้ลงคลิปเลย ไม่ได้โฟกัสเต็มที่ ตอนนี้ต้องมาจัดเวลาใหม่ เพราะสื่อก็ยังมีความสำคัญ ตอนนี้ให้เวลาธุรกิจ 80% ช่อง Bearhug 20% ต้องกลับมาให้ความสำคัญของ YouTube มากขึ้น เรามองว่ามันเป็นความสุข เป็นวิตามินให้รู้สึกดีต่อร่างกาย แต่ก็ต้องพัฒนาการเป็นผู้บริหาร ทำธุรกิจให้มั่นคงคู่กันไป”

    ถ้าถามว่าในอนาคตจะมีธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติมหรือไม่ ชารต์บอกว่า ตอนนี้มีความลงตัวแล้วธุรกิจชานมไข่มุก เยลลี่ และช่อง YouTube อยากทำให้กระบวนการหลังบ้านแน่นก่อน ยังไม่คิดถึงธุรกิจใหม่

    ปัจจุบันสาขาสยามสแควร์เป็นสาขาที่ขายดีที่สุด เมนูยอดนิยมก็คือ ชานมไข่มุก ลูกค้าส่วนใหญ่ทานความหวานระดับ 50% มียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 150-170 บาท/บิล

    อยากเข้าตลาดใน 5 ปี ระดมทุนไปต่างประเทศ

    ปัจจุบัน BEARHOUSE มีสาขาทั้งหมด12 สาขา เพิ่งเปิดสาขาเดอะมอลล์ งามวงศ์วานเป็นสาขาล่าสุด ในปีนี้เตรียมขยายเพิ่มเป็น 20 สาขา จะกระจายออกนอกตัวเมืองมากขึ้น เช่น โซนราชพฤกษ์ และสายไหม ส่วนในช่วงไตรมาส 4 จะเริ่มบุกต่างจังหวัดแห่งแรก คาดว่าใช้งบลงทุนทั้งหมด 40 ล้านบาท เฉลี่ยลงทุนสาขาละ 2.5-4.5 ล้านบาท ใช้ขนาดพื้นที่สาขาละไม่ต่ำกว่า 50 ตารางเมตร

    bearhouse

    ส่วนแผนระยะยาวในอีก 4-5 ปี ทั้งคู่อยากพาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อระดมทุนและบุกตลาดต่างประเทศ ในตอนนี้จึงเป็นช่วงวางระบบต่างๆ ให้พร้อม มีเมนูหลากหลาย เปิดเซ็กเมนต์ใหม่ๆ

    “คาดว่าจะเข้าตลาดฯ ในอีก 4-5 ปี แต่ตอนนั้นระบบหลังบ้านต้องแน่น อยากได้เงินลงทุนเพื่อไปเปิดตลาดต่างประเทศ มองไว้ทั้งที่เอเชีย และยุโรป ตอนนี้อยู่ในช่วงวางไทม์ไลน์ต่างๆ ต้องมีออดิท ค่อยๆ ทำระบบ เริ่มโฟกัสที่ระบบบัญชีก่อน มองว่าถ้าจะเข้าตลาดฯ รายได้ตอนนั้นต้องเกิน 500 ล้านบาท”

    bearhouse

    สำหรับความยากในการทำธุรกิจของทั้งคู่ในตอนนี้ มีทั้งเรื่องระบบภายใน และการพัฒนาสินค้าต่างๆ มีบทเรียนต่างๆ จากการทำ “ชานมกระป๋อง” ทำให้ขาดประสบการณ์ด้านการวางแผนสต็อก แต่ก็เป็นข้อผิดพลาดที่เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ประกอบกับการหาบุคลากรที่เก่ง และเข้ากับองค์กรได้ ให้อยู่ด้วยกันไปนานๆ ก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน

    ส่วนความท้าทายคือ จะทำอย่างไรให้ลูกค้าไม่เบื่อ และเลือกแบรนด์ต่อไปในทุกๆ วัน ต้องมีเมนูใหม่ๆ โดยที่ทำให้น้องๆ หน้าร้านทำงานไม่โอเวอร์โหลดด้วย ต้องดีไซน์ให้ชงอร่อย แต่ต้องไม่ใช้พลังงานเยอะเกินไป ถือว่าท้าทายในการทำโอเปอเรชั่น

    bearhouse

    ส่วนประเด็นที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ แบรนด์ชานมไข่มุกหลายเจ้าได้ถูก “ปลาใหญ่” เทกโอเวอร์ไปมากมาย ทั้ง KAMU KAMU และ Brown ต่างอยู่ภายใต้ชายคาของเครือยักษ์ใหญ่ทั้งสิ้น เพราะเป็นธุรกิจดาวรุ่ง แต่ละเจ้าต้องเสริมพอร์ตตัวเองให้สมบูรณ์

    ทั้งคู่ได้ให้ความเห็นว่า ถ้าแบรนด์ใหญ่ติดต่อมา และสามารถทำให้แบรนด์เราเติบโตขึ้นจริงก็ยอมรับได้ เพราะอยากให้แบรนด์เติบโตไปต่างประเทศ แต่ถ้าเป็นการเข้ามาเทกโอเวอร์ แล้วทั้งคู่ต้อง Exit คงไม่เกิดขึ้น เพราะอยากบริหารอยู่

    อ่านเพิ่มเติม

    ]]>
    1387646
    เสือเป็ดมาแล้ว! MK x Fire Tiger คัมแบ็ก จับชาไข่มุกลงหม้อสุกี้อีกครั้ง https://positioningmag.com/1306331 Mon, 16 Nov 2020 17:05:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1306331 ปรากฏการณ์ Featuring ระหว่างแบรนด์ MK x Fire Tiger ได้กลับมาอีกครั้งในปีนี้ หลังจากที่ในปีที่แล้วได้จับโปรโมชันร่วมกันไป จนได้รับการตอบรับอย่างดี เรียกว่าเป็นการขยายฐานลูกค้า และ Win-Win กันทั้ง 2 แบรนด์

    ชาไข่มุกยังฟีเวอร์!

    เมื่อช่วงเดือนพ.ย. ในปี 2019 แบรนด์ MK ได้ประกาศเปิดตัวพาร์ตเนอร์ Fire Tiger by Seoulcial Club หรือชานมเสือพ่นไฟ เป็นอีกหนึ่งร้านชาไข่มุกสัญชาติไทยที่กำลังมาแรงในตอนนั้น เรียกว่าเป็นการจับมือในช่วงจังหวะที่ถูกที่ถูกเวลา

    ความร่วมมือนี้ทำให้เราจะได้เห็นร้าน MK ขายชานมไข่มุก โดยนำ 2 เมนูพ่นไฟยอดฮิต อย่างนมสดพี่เสือพ่นไฟ และชานมพี่เสือพ่นไฟ จำหน่ายในร้าน MK ทั่วประเทศ (ยกเว้น MK Gold MK LIVE และ MK EXPRESS) มีการปรับขนาด และราคา จำหน่ายแก้วละ 79 บาท จากปกติ 150 บาท

    ในตอนนั้นเองเสือพ่นไฟก็กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเข้ามาอยูใน MK ยิ่งเป็นการติดสปีดเร็วขึ้น คนรู้จักมากขึ้น สามารถเข้าไปอยู่ในทุกสาขาของ MK รวมถึงต่างจังหวัด ซึ่งทาง MK เองก็ได้ฐานลูกค้าใหม่ๆ ที่อยากทานเสือพ่นไฟในราคาย่อมเยา ได้กลุ่มลูกค้าเด็กลงด้วย

    ในปีนี้ MK ก็ได้คัมแบ็กแคมเปญนี้อีกครั้ง ยังคงจับมือกับเสือพ่นไฟเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเมนูใหม่ “ช็อกโกพี่เสือ” โดยเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ 16 พ.ย. – 15 ม.ค. 64 ในราคาแก้วละ 79 บาทเช่นเคย แต่อีก 2 เมนูก็ยังมีจำหน่ายด้วยเช่นกัน

    เรียกว่าเป็นการต่อยอดความสำเร็จ และกระตุ้นยอดขายในช่วงโค้งสุดท้ายของปีได้อย่างดี ต้องบอกว่าตอนนี้ชานมไข่มุกยังเป็นอะไรที่ฮอตฮิตอยู่ การร่วมมือกันอีกครั้งน่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้อีกอย่างแน่นอน

    ]]>
    1306331
    “ไต้หวัน” เตรียมบังคับ “ชานมไข่มุก” ต้องติดฉลากแคลอรี ฝ่าฝืนปรับสูงสุด 3 ล้านเหรียญ https://positioningmag.com/1300731 Sat, 10 Oct 2020 13:10:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1300731 อาร์ทีไอ สื่อไต้หวันรายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ปีหน้าเป็นต้นไป ชานมไข่มุกต้องติดฉลากระบุปริมาณแคลอรี ฝ่าฝืนปรับสูงสุด 3 ล้านเหรียญ

    เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ปีหน้าเป็นต้นไป เครื่องดื่มแบบชงสดต้องติดฉลากระบุปริมาณน้ำตาล และปริมาณแคลอรี กรณีที่ใช้น้ำตาลก้อน กำหนดสูตรการคำนวณน้ำตาล 1 ก้อนเท่ากับ 5 กรัม

    นอกจากนี้หากเป็นเครื่องดื่มแบบชงสดที่ใส่วัตถุดิบอื่นด้วย เช่น ชานมไข่มุก ที่มีเม็ดไข่มุก หรือเครื่องดื่มชนิดอื่นที่ใส่พุดดิ้ง เผือก ถั่วแดง และเฉาก๊วย ยังต้องระบุปริมาณแคลอรีของวัตถุดิบทุกชนิดอย่างชัดเจนด้วย

    หากฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 3,000,000 เหรียญไต้หวัน และหากติดฉลากปลอมหรือมีข้อความเป็นเท็จ ต้องระวางโทษปรับ 40,000-4,000,000 เหรียญไต้หวัน

    นอกจากนี้กาแฟชงสดที่เดิมต้องติดฉลากระบุปริมาณกาเฟอีนด้วยการใช้สีแบ่งระดับความเข้มข้นของกาเฟอีน 3 ระดับคือ แดง (กาเฟอีน 200 มิลลิกรัมขึ้นไป) เหลือง (กาเฟอีน 100- 200 มิลลิกรัม) และเขียว (กาเฟอีน 100 มิลลิกรัม) เปลี่ยนเป็นต้องระบุปริมาณกาเฟอีนอย่างชัดเจน

    ]]>
    1300731
    รู้จัก “Machi Machi” เทพเเห่งชาชีสจากไต้หวัน ผู้สร้างเทรนด์ “ชานมขวด” ลุยเปิดสาขาในไทย https://positioningmag.com/1300379 Thu, 08 Oct 2020 13:00:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1300379

    เรียกได้ว่าตอนนี้ “ชาชีส” ยังคงเป็นเครื่องดื่มมาเเรงที่ครองใจใครหลายคน เเม้กระเเสจะผ่านมาสักพักหนึ่งเเล้ว เเต่ความนิยมก็ยังพุ่งต่อเนื่อง

    ช่วงที่ผ่านมา เเบรนด์ชานมชื่อดังต่างๆ พาเหรดเข้ามาตีตลาดบ้านเรากันมากขึ้น ครั้งนี้ไม่ธรรมดาเพราะถึงคิวของ “Machi Machi” เจ้าใหญ่แบรนด์แฟรนไชน์จากไต้หวัน ผู้ได้รับฉายาการันตีคุณภาพอย่าง “The Cheese Tea God” ออริจินัลชานมในขวดในตำนาน…ที่ต้องไปลองชิมกันให้จงได้

    Machi Machi ประกาศ “บุกไทย” ด้วยการเปิดสาขาเเรก ใจกลางเมืองที่สยามสเเควร์ ซอย 8 เเหล่งวัยรุ่น-คนทำงาน พร้อมเสิร์ฟเมนูชานมที่เป็นมากกว่าไข่มุก บวกกับการตกเเต่งร้านที่โดดเด่นเเละมีสไตล์ให้ได้เช็ก-อินกันเก๋ๆ ด้วย

    วันนี้เรามารู้จัก “Machi Machi” เเบรนด์ชาชีสสุดฮิตกันให้มากขึ้นกัน…

    Machi Machi (มาชิ มาชิ) ชานมไต้หวัน…สู่ตลาดโลก

    อย่างที่ทราบกันดีว่า “ธุรกิจชานม” ในไต้หวันทำรายได้สูงมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนถึงขั้นว่าถ้าคนคิดถึงไต้หวัน ก็ต้องคิดถึงชานมไปเเล้ว

    รัฐบาลไต้หวันจึงคว้าโอกาสนี้ ด้วยการผลักดันให้เเบรนด์ชานมไป “รุกตลาดต่างประเทศ” เพื่อหวังทำรายได้มากกว่าสินค้าส่งออกดั้งเดิม โดยในปี 2019 ธุรกิจชานมในไต้หวันสร้างมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว

    “Machi Machi” เป็นอีกหนึ่งแบรนด์แฟรนไชน์จากไต้หวัน ที่ก่อตั้งในปี 2018 เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเน้นให้ความสำคัญกับการดื่มชาที่เป็นเสมือนวิถีชีวิตของผู้คน มากกว่าจะเป็นเเค่ความนิยมตามเเฟชั่น เจาะลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่เเละวัยทำงาน อายุระหว่าง 15-35 ปี พร้อมให้บริการที่เน้นความสะดวกเเละรวดเร็ว พกพาง่าย มีการพัฒนาเมนูอยู่ตลอดเวลา

    ล่าสุด Machi Machi ประสบความสำเร็จในการขยายสาขาไปกว่า 11 ประเทศ 40 สาขาทั่วโลก กระจายอยู่ทุกภูมิภาค ทั้งเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือเเละโอเชียเนีย

    ที่มาของโลโก้ “Machi Machi” มีความน่าสนใจไม่น้อย โดยเป็นการออกเเบบจากปรัชญาที่เเบรนด์ยึดถือตั้งเเต่เริ่มก่อตั้งที่ว่าจะเป็น “เพื่อนที่ดีที่สุดของลูกค้า” โดยในระหว่างขั้นตอนการพัฒนาเเละหาเเรงบันดาลใจดีไซน์โลโก้นั้น สมาชิกในทีมคนหนึ่งได้นำสุนัขตัวโปรดของเขาเข้ามาเเละเริ่มเล่นกับมันอย่างสนุกสนาน นับเป็นภาพบรรยากาศที่บ่งบอกถึงการเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ซึ่งนำมาสู่การเลือกใช้โลโก้เป็น “น้องหมา” เพราะต้องการสื่อความหมายถึง “เพื่อนที่ซื่อสัตย์” นั่นเอง

    ปรากฎการณ์ “ต่อเเถวยาว-ขายอัพราคาชานม”

    ด้านความฮอตของ Machi Machi นั้นไม่ธรรมดา เพราะเคยสร้างปรากฏการณ์การต่อคิวที่ยาวเหยียดจนเป็นกระเเสข่าวมาเเล้ว ด้วยความต้องการในตลาดที่สูงมาก ทำให้มีการ “ซื้อไปขายบวกราคา” จากขวดละประมาณ 4 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 40 ดอลลาร์สหรัฐ มีการต่อคิวเพื่อซื้อเฉลี่ย 3-4 ชั่วโมงในจีน และในต่างประเทศอย่างกรุงลอนดอน กรุงปารีสเเละเกาหลีใต้จะอยู่ที่เฉลี่ย 20-30 นาที

    Machi Machi ได้รับฉายาว่าเป็น “The Cheese Tea God” ของเหล่าผู้ชื่นชอบของหวาน และเป็นเจ้าแรกที่ออกแบบบรรจุภัณฑ์ “ชานมขวด” จากนั้นได้กลายเป็นเเรงบันดาลใจให้ร้านชานมเจ้าอื่นทำตาม โดยเฉพาะเมื่อต้องเอาตัวรอดในช่วงการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ตอนนั้นไม่สามารถเปิดให้บริการร้านได้ตามปกติ เเละ Machi Machi ยังเป็นเจ้าเเรกที่ทำชานมกับ “พานาคอตต้า” ซึ่งกลายมาเป็นเมนูยอดฮิตที่ “ต้องสั่ง”

    นอกจากเมนูเครื่องดื่มที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเเล้ว การตกแต่งร้านจะมีการผสมทั้งความน่ารัก มินิมอลเเละศิลปะไว้ด้วยกัน ออกแบบมาเพื่อให้เป็นมุมถ่ายรูป เอาใจสายโซเชียลได้เป็นอย่างดี

    เมนูหลายสไตล์…มาจากธรรมชาติ

    Machi Machi สร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มต่างๆ ที่มีส่วนผสมของชาเป็นหลัก และได้เพิ่มความเฟรช ด้วยส่วนผสมอื่นๆ อย่างผลไม้สด พานาคอตต้า แครมบรูว์เล ช็อกโกแลต ฯลฯ เน้นความลงตัวของรสชาติเเละรู้สึก “ดื่มเเล้วผ่อนคลายไปพร้อมๆ กัน” 

    โดยเมนูซิกเนเจอร์ของ Machi Machi ต้องบอกว่ามีหลากหลายจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว…สามารถเลือกระดับความหวานเเละปริมาณน้ำเเข็งได้ ตามความชอบของลูกค้า

    Bottle Series : ชานมขวดในตำนาน ราคาอยู่ที่ 125-160 บาท มีเมนูเเนะนำให้สั่งเลยอย่าง

    • Strawberry milk with Panna Cotta
    • Plum green tea with Plum Jelly
    • Black milk tea with Panna Cotta

    ตามมาด้วย The cheese foam series : ชานมชีสสุดฮิต จุดเด่นของ “เครมบรูเร่” ที่ทำให้  Machi Machi เเตกต่าง คือการนำขนมเครมบลูเร่มาดัดแปลงสูตรให้เหมาะแก่การเป็นท็อปปิ้ง มีรสสัมผัสที่นุ่มเเละหอม ราคาอยู่ที่ 110-120 บาท มีเมนูเเนะนำให้สั่งเลยอย่าง

    • Cream Cheese Foam Black Tea
    • Cream Cheese Foam Jasmine Green Tea
    • Cream Cheese Foam Oolong Tea
    • Cream Cheese Foam Black Milk Tea

    ใครที่ต้องการเติมความสดชื่น ถึงใจต้องลองนี่เลย The fruit tea series : ชานมผลไม้ ราคาอยู่ที่ 130-135 บาท มีเมนูเเนะนำให้สั่งเลยอย่าง

    • Fresh Fruits Jasmine Green Tea
    • Fresh Orange Jasmine Tea
    • Strawberry Slush with Cream Cheese Foam
    • Blueberry & Strawberry Slush with Cream Cheese Foam

    ส่วน “ท็อปปิ้ง” ก็มาเเบบราคาย่อมเยาว์ เพียง 10-25 บาท มีให้เลือก 2 อย่าง ได้เเก่มินิทาโร่บอล เเละ ไข่มุกดำไข่มุกสุดอร่อยนั่นเอง

    โดยอีกหนึ่งความพิเศษของ Machi Machi คือการใช้ชาพรีเมียมเเละส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ สร้างสรรค์เป็นเมนูที่ผ่านการออกเเบบมาอย่างดี โดยเน้นให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีมากกว่าการเป็นเเค่ Grab & Go

    ไม่ใช่เเค่อร่อย…เเต่ต้องรู้สึกดี 

    ด้วยความที่ต้องการส่งต่อความรู้สึกดีๆ ต่อลูกค้านี้ นำมาสู่คอนเซ็ปต์การ “ตกเเต่งร้าน” ของ Machi Machi ที่เน้นสร้างความอบอุ่น รู้สึกสบายเเละเข้าถึงง่าย

    ผสมผสานกับการออกเเบบร้านให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ของเหล่าศิลปิน นำเสนอจินตนาการผ่านศิลปะเเละสื่อสารกับผู้คนผ่านลวดลายกราฟฟิตี้ เป็น Interaction art ที่น่าสนใจ

    โดยการดีไซน์ของร้าน Machi Machi สาขาในไทยนั้น มาด้วยสไตล์ “Minimal But Elegant” เรียบง่ายเเต่หรูหรา วางเฟอร์นิเจอร์เป็นโทนสีพาสเทลและไม้ให้ดูซอฟท์

    ตัดกับผนังที่ดูทันสมัยเเละสบายตา มีคำเก๋ๆ อย่าง “ I Love You So Machi” ที่เล่นคำจากประโยค “I Love You So Much” เหมาะเป็นจุดถ่ายภาพสวยๆ เเชร์ลงโซเชียลมีเดีย อย่าง Instagram เเละ Tiktok

    ถือว่าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ไปพร้อมๆกับการเชื่อมความสัมพันธ์เเละความใกล้ชิดกับเเบรนด์ได้เป็นอย่างดีทีเดียว ใครที่เเวะมาเยี่ยม Machi Machi สาขาสยามสเเควร์ ซอย 8 หลังได้ทานชานมอร่อยๆ กันเเล้วต้องห้ามพลาดเช็ก-อินกันล่ะ

    สำหรับใครที่อยากติดตามความเคลื่อนไหวของ Machi Machi ว่ามีเมนูเด็ดๆ โปรโมชั่นโดนๆ อะไรบ้าง ก็ตามไปดูกันได้ที่ Facebook  :  @machimachithailand เเละ Instagram  : @machimachi_thailand  รับรองว่าได้เติมพลังความหวานกันอย่างเต็มที่เเน่ๆ

    ]]>
    1300379
    เทรนด์ไซส์ใหญ่มาแรง! “แอร์เอเชีย” ส่งชานมไข่มุกบิ๊กไซส์ เอาใจสายกักตุน https://positioningmag.com/1277014 Wed, 06 May 2020 07:47:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1277014 ขายเป็นแก้วๆ ไม่ทันใจ ยุคนี้ต้องขายแบบบิ๊กไซส์ เอาใจสายชานมช่วงกักตัว อีกทั้งยังเป็นการแก้เกมของ “แอร์เอเชีย” ที่เที่ยวบินน้อย แถมยังสั่งอาหารบนเครื่องไม่ได้ ส่งเมนูชาไข่มุกไซส์ใหญ่ และอาหาร ให้สั่งแบบเดลิเวอรี่

    กลับมาบิน แต่ยังขายอาหารไม่ได้

    แม้ในตอนนี้บางสายการบินจะเริ่มกลับมาให้บริการเที่ยวบินในประเทศได้อีกครั้ง หลังจากหยุดบินไปเดือนกว่าๆ จากมาตรการล็อกดาวน์ “แอร์เอเชีย” ก็ได้กลับมาบินด้วยเช่นกัน แต่ว่ายังมีมาตรการที่ดูแลความปลอดภัยอยู่

    นอกจากมาตรการเรื่อง Social Distancing แล้ว ยังมีอีกกฎระเบียบหนึ่งคือ สายการบินยังไม่สามารถจำหน่ายอาหาร และเครื่องดื่มบนเครื่องได้ ทำให้สูญเสียรายได้ในส่วนนี้ไป

    ก่อนหน้านี้แอร์เอเชียได้นำเมนูยอดฮิตอย่าง “ชานมไข่มุก” มาจำหน่ายผ่านช่องทางเดลิเวอรี่ เพราะเมื่อไม่มีเที่ยวบิน จึงเปิดหารายได้จากอาหาร โดยได้ร่วมมือกับ Grab ในการจัดส่ง แต่มีข้อจำกัดอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับสนามบินดอนเมือง เพราะเป็นครัวกลางของแอร์เอเชีย ทำให้ผู้บริโภคบางคนไม่สู้กับค่าส่งที่แพงจนเกินไป

    ขายอีกครั้งด้วยบิ๊กไซส์

    ล่าสุดทางแอร์เอเชียได้เปิดกลยุทธ์ให้ในการขายอาหารในรูปแบบเดลิเวอรี่ เป็นการแก้เกมอีกครั้งที่ไม่สามารถจำหน่ายเมนูอาหารบนเครื่องได้ ประกาศจำหน่ายเมนูชานมแบบถุงใหญ่ หรือบิ๊กไซส์ขนา 1 ลิตร เพื่อเอาใจทาสชานมไข่มุก รับเทรนด์ไซส์ใหญ่ในช่วงกักตัว

    แอร์เอเชียเรียกบริการใหม่ว่า “??????? ????????” เสิร์ฟเมนูจากฟ้าถึงหน้าบ้าน มีเมนูหลัก ได้แก่

    • ชานม, ชาไทย และชานมชมพู บิ๊กไซส์ขนาด 1 ลิตร ราคา 299 บาท จากราคาปกติ 399 บาท เฉลี่ยได้ 4-6 แก้ว
    • ชานมไต้หวันไข่มุกบุก, ชาไทยไข่มุกบุก และ ชานมชมพูไข่มุกบุก ราคาแก้วละ 70 บาท จากราคาปกติ 90 บาท 

    • ไข่มุกบุกบราวน์ชูการ์ ราคาถุงละ 40 บาท จากราคาปกติ 50 บาท
    • ไข่มุกบุกกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ ราคาถุงละ 40 บาท จากราคาปกติ 50 บาท
    • น้ำแข็งเปล่า ราคาแก้วละ 5 บาท
    • MANGO TO GO (ชีสเค้กข้าวเหนียวมะม่วงทูโก) ราคา 70 บาท จากราคาปกติ 90 บาท

    • เมนูอาหาร เย็นตาโฟหม้อไฟผัดแห้ง ข้าวไก่เทริยากิ และข้าวกะเพราคลุกหน้าไข่เจียว ราคา 90 บาท จากราคาปกติ 120 บาท

    เลือกสั่งเดี่ยว หรือสั่งเป็นเซตก็ได้ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษลด 19% (สำหรับเมนูเดี่ยว) ตั้งเเต่ 8 พ.ค. 2563 – 31 พ.ค. 2563

    หางานให้พนักงาน เพิ่มพื้นที่มี 2 สาขา

    ทางแอร์เอเชียบอกว่าบริการนี้จะมี “พนักงานแอร์เอเชีย” ส่งอาหารให้ถึงบ้าน เรียกว่าเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้พนักงานมากขึ้น จากในสภาวะการบินที่ไม่มั่นคงเท่าที่ควร

    และยังเพิ่มพื้นที่ในการจัดส่งสินค้าเป็น 2 แห่ง จากเดิมที่มีแค่พื้นที่ส่วนกลางที่สนามบินดอนเมือง ได้แก่

    1. สาขาดอนเมือง แอดไลน์ @airasiadonmuang

    โซนพื้นที่ให้บริการ : ห้าแยกเซ็นทรัลลาดพร้าว / มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ / ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต / เซียร์รังสิต / เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ / เขตดอนเมือง / สรงประภา / ศูนย์ราชการ / อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี / ตลาดยิ่งเจริญ / สะพานใหม่ / สุดที่ถนนสายไหม

    2. สาขาราชเทวี แอดไลน์ @airasiaratchathewi

    โซนพื้นที่ให้บริการ : แยกพระรามเก้า / RCA / แยกรามคำแหง / The Nine พระรามเก้า / สถานีโทรทัศน์ช่อง9MCOT / อโศก / ทองหล่อ / เอกมัย / ปากซอยสุขุมวิท 71 / มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย / ห้วยขวาง / สุทธิสาร / ซอยอารีย์สัมพันธ์ / อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ / สถานีโทรทัศน์ช่อง5 / สถานีโทรทัศน์ช่อง7 / เยาวราช / สีลม / สาทร / พระราม4 / อาคารมาลีนนท์ / ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ / สยามสแควร์ / จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย / ถนนราชดำเนิน / สุดที่ มธ.ท่าพระจันทร์

    โดยมีเงื่อนไขบริการ

    • สั่งได้ทุกวันตั้งแต่ 10.00-17.00 น. (ยกเว้นชานมบิ๊กไซส์ สั่งล่วงหน้าเท่านั้น)
    • กรณีต้องการสั่งล่วงหน้า สามารถสั่งจองไว้ได้ 1 – 7 วัน
    • ค่าส่ง 30 บาท ทุกพื้นที่บริการที่กำหนด (ระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตรจากสาขา)
    • แอดไลน์สอบถามหรือตรวจสอบระยะทางได้จากพนักงาน

    ผู้บริโภคเมิน ร้องขอเงินคืนลูกเดียว

    ในขณะเดียวกัน ทางแอร์เอเชียงัดกลยุทธ์หนีตายในธุรกิจการบิน แต่ผู้บริโภคเรียกร้องให้คืนเงินค่าตั๋วโดยสาร ไม่ว่าจะออกแคมเปญ หรือโปรโมชั่นใดๆ ก็ตามมาด้วยดราม่าเรียกร้องเงินคืนทั้งสิ้น

    ก่อนหน้านี้ทางแอร์เอเชียได้ออกมาตรการคืนเป็นเครดิตให้ผู้โดยสารได้ใช้จองตั๋วครั้งต่อไป แต่ไม่ได้คืนเงิน ซึ่งผู้บริโภคหลายคนเกิดความไม่พอใจ และตามทวงตามโพสต์ต่างๆ ในเฟซบุ๊กตลอด

    วิกฤตครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายทั้งกับทางสายการบินและผู้บริโภค ต้องจับตาดูว่าอะไรคือทางรอดของธุรกิจสายการบิน ที่จะอยู่รอดทั้งผู้ประกอบการ และผู้บริโภค

    ]]>
    1277014
    MK อัดโปรชานม “เสือพ่นไฟ” เหลือแก้วละ 49 บาท กระตุ้นเดลิเวอรี่ สู้ COVID-19 https://positioningmag.com/1271887 Mon, 06 Apr 2020 05:15:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1271887 MK อัดโปรสู้ศึก COVID-19 จัดเมนูชานมเสือพ่นไฟราคาพิเศษ 49 บาท เฉพาะสาขา กทม. และปริมณฑล แค่วันที่ 6-7 เมษายน 2563

    หลังจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ทาง MK ได้พาร์ตเนอร์กับ Fire Tiger by Seoulcial Club หรือชานมเสือพ่นไฟ นำเมนูชานมยอดนิยมขึ้นร้าน เป็นการแลกเปลี่ยนฐานลูกค้าได้อย่างดี

    โดยที่โปรโมชั่นนี้ได้หมดเขตไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เรียกว่าเป็นอีกเมนูที่สร้างสีสันให้ MK ได้อย่างดี กระตุ้นให้ลูกค้าหน้าใหม่เข้าร้าน และซื้อเมนูชาไข่มุก

    ล่าสุด MK ได้นำเมนูชานมพี่เสือพ่นไฟมาคัมแบ็กอีกครั้ง จัดราคาพิเศษ 49 บาท เฉพาะจัดส่งเดลิเวอรี่ และซื้อกลับบ้าน เป็นการกระตุ้นช่องทางการขายเดลิเวอรี่ และเป็นการฝ่าวิกฤต COVID-19

    โปรโมชั่นครั้งนี้จำหน่ายเฉพาะสาขาใน กทม. และปริมณฑล นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เท่านั้น สินค้าต่อวันในแต่ละสาขามีจำนวนจำกัด จำหน่ายตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน – 7 เมษายน 2563 (หรือจนกว่าสินค้าจะหมด)

    สามารถสั่งได้ที่ www.MK1642.com หรือโทร 1642 หรือ TakeAway รวมถึง Grab Food และ LINE Man

    เรียกว่าเป็นการปรับตัวที่สำคัญของแบรนด์ที่ต้องหาวิธีการอยู่รอดในช่วงวิกฤตนี้ให้ได้ อีกนัยหนึ่งก็เป็นการช่วยเหลือพาร์ทเนอร์อย่างร้าน Fire Tiger by Seoulcial Club ให้มีช่องทางการขายมากขึ้น เพราะทางร้านเองก็ต้องถูกปิดให้บริการชั่วคราว การที่มีช่องทางจำหน่ายพร้อมกับ MK จึงช่วยต่อลมหายใจไปได้

    อ่านเพิ่มเติม

    ]]>
    1271887