อาเซียน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 27 Dec 2023 05:02:19 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Hyundai ตั้งเป้ารุกตลาดอาเซียน มองอินโดนีเซียเป็นฮับ EV ของบริษัทในภูมิภาคนี้ แม้รถญี่ปุ่นจะครองตลาดก็ตาม https://positioningmag.com/1457269 Wed, 27 Dec 2023 03:30:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1457269 ฮุนได ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากเกาหลีใต้ ตั้งเป้ารุกตลาดในอาเซียนมากขึ้น โดยมองถึงการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า อย่างประเทศไทย หรือมาเลเซีย ที่เป็นผู้นำเทรนด์ในละแวกนี้ ขณะเดียวกันก็มองประเทศใหญ่อย่างอินโดนีเซียเป็นฮับสำคัญของบริษัท และยังรวมถึงประเทศอย่างอินเดียด้วย

Korea Herald รายงานข่าวว่า ฮุนได (Hyundai) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากเกาหลีใต้ ตั้งเป้ารุกตลาดในอาเซียนมากขึ้น โดยมองถึงการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าในหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย ขณะเดียวกันก็มองประเทศใหญ่อย่างอินโดนีเซียเป็นฮับสำคัญของบริษัท

ปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้ Hyundai ต้องหันมามองตลาดในอาเซียนคือ ไทย และ มาเลเซีย ถือเป็น 2 ประเทศที่เป็นผู้นำในการเปลี่ยนจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องสันดาปมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกันอินโดนีเซียและเวียดนามเองก็ไล่หลังตามมาติดๆ เช่นกัน

ในอินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดสำคัญนั้น Hyundai ได้จับมือกับ LG Energy Solution ในการวางเครือข่ายสถานีชาร์จ อย่างไรก็ดีการรุกตลาดอินโดนีเซียถือว่ามีอุปสรรคไม่น้อยเนื่องจากผู้เล่นรายใหญ่ที่ครองตลาดคือผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ Hyundai ต้องกลับมามองตลาดอาเซียน คือ การพึ่งพาตลาดรถยนต์ในประเทศจีนมากเกินไปในช่วงที่ผ่านมา ได้สร้างผลกระทบต่อบริษัทมหาศาลนับตั้งแต่ปี 2017 หลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้กับจีนลดระดับลงจากปัญหาที่เกาหลีใต้ได้ติดตั้งระบบป้องกันภัยขีปนาวุธ THAAD ของสหรัฐอเมริกา

สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลทำให้ยอดขายรถยนต์ของ Hyundai ในจีนลดลง จนทำให้ปัจจุบันบริษัทเหลือโรงงานผลิตเพียงไม่กี่โรงงานเท่านั้น และบริษัทเองยังพร้อมที่จะขายโรงงานที่มีอยู่ในประเทศจีนให้กับผู้ที่สนใจด้วย

ไม่เพียงเท่านี้ตลาดรัสเซียซึ่ง Hyundai เป็นผู้เล่นรายใหญ่ มีส่วนแบ่งการตลาดราวๆ 25% ก็พบกับปัญหาเนื่องจากรัสเซียได้บุกยูเครน ทำให้เกิดมาตรการคว่ำบาตรจากหลายประเทศ ทำให้ท้ายที่สุดบริษัทต้องตัดสินใจขายโรงงานในแดนหมีขาวซึ่งสามารถผลิตรถยนต์ได้ราวๆ 230,000 คันต่อปี ซึ่งโรงงานดังกล่าวเริ่มดำเนินกิจการในปี 2011

ความล้มเหลวใน 2 ประเทศดังกล่าว Korea Herald ได้สัมภาษณ์ผู้ที่อยู่ในแวดวงยานยนต์เกาหลีได้ชี้ว่าปัจจัยความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ดังกล่าวนั้นอยู่เหนือการควบคุมของ Hyundai และทำให้ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตยานยนต์จากเกาหลีเองจะต้องหาตลาดใหม่ๆ ทดแทน

นอกจากอาเซียนแล้ว Hyundai ยังเตรียมรุกตลาดในประเทศอินเดียเพิ่มขึ้นด้วย โดยเตรียมส่งรถยนต์หลายรุ่นเข้าสู่ตลาด เนื่องจากจำนวนประชากรที่มากถึง 1,400 ล้านคน ทำให้อินเดียกลายเป็นตลาดรถยนต์ใหญ่อันดับ 3 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา และจีน ซึ่งปัจจุบันบริษัทครองตำแหน่งเบอร์ 2 ของตลาด รองจากทาทา ซึ่งเป็นแบรนด์อินเดีย

]]>
1457269
Alibaba อัดฉีดเงินเข้า Lazada อีกราว ๆ 22,100 ล้านบาท สู้ศึก E-commerce ในอาเซียนต่อ https://positioningmag.com/1455938 Fri, 15 Dec 2023 14:07:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1455938 อาลีบาบา ยังอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ ลาซาด้า อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้มีการอัดฉีดเม็ดเงินมากถึง 634 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว ๆ 22,1000 ล้านบาท ทำให้ทั้งปีนั้นมีการอัดฉีดเงินไปแล้วมากกว่า 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐเข้าไปแล้ว แสดงให้เห็นถึงศึก E-commerce ในอาเซียนยังคงดุเดือด

Alibaba ได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ Lazada อีก 634 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยราว ๆ 22,100 ล้านบาท หลังจากที่บริษัทได้ยื่นเอกสารให้กับหน่วยงานในประเทศสิงคโปร์ เป็นการส่งสัญญาณว่าตลาด E-commerce ในอาเซียนยังคงร้อนแรง และผู้เล่นรายต่าง ๆ ต้องการชิงส่วนแบ่งให้ได้มากที่สุด

การอัดฉีดเม็ดเงินครั้งสุดท้ายนั้นเกิดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดย Alibaba ได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปใน Lazada มากถึง 845 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว ๆ 29,000 ล้านบาท

ในช่วงที่ผ่านมาตลาด E-commerce ในอาเซียนนั้นมีผู้เล่นเข้ามาแข่งขันเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น Temu ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มลูกของ Pinduoduo ที่เริ่มรุกตลาดฟิลิปปินส์เป็นแห่งแรก และมาเลเซียเป็นประเทศต่อมา

ไม่เว้นแม้แต่ TikTok เองที่เร่งขยายแพลตฟอร์มอย่างหนัก โดยล่าสุดได้ลงทุนมากถึง 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเข้าลงทุนในธุรกิจ E-commerce ของ GoTo หลังจากที่ TikTok Shop โดนรัฐบาลอินโดนีเซียออกมาตรการป้องกันไม่ให้เจ้าของแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมให้บริการด้าน E-commerce โดยให้เหตุผลว่าเพื่อปกป้องบรรดาผู้ประกอบการในประเทศ

การอัดฉีดเม็ดเงินดังกล่าวเข้าสู่ Lazada นั้นจะทำให้ทั้งปี 2023 นั้น Alibaba อัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปแล้วมากกว่า 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยคือมากกว่า 63,000 ล้านบาทไปแล้ว โดยยักษ์ใหญ่จากจีนได้อัดฉีดเงินบ่อยมากขึ้นนับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา

นอกจากนี้การอัดฉีดเงินเข้าสู่ Lazada เอง ยังส่งสัญญาณว่า Alibaba เองยังต้องการที่จะสู้ศึก E-commerce ในอาเซียนต่อไป แม้ว่าการแข่งขันจะรุนแรงมากขึ้นก็ตาม เพราะไม่งั้นแล้วการสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดไปนั้นอาจทำให้แม้จะประหยัดเงินไปในระยะสั้น แต่ระยะยาวอาจสร้างผลเสียมากกว่า และคู่แข่งเองก็พร้อมที่จะสู้เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดเสมอ

ที่มา – Nikkei Asia, Kr-Asia, Panda Daily

]]>
1455938
ส่องเหล่า “บิ๊กเทคอาเซียน” ปีนี้ “ปลดพนักงาน” ไปมากน้อยแค่ไหนหลังเจอพิษเศรษฐกิจ https://positioningmag.com/1411739 Fri, 09 Dec 2022 05:13:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1411739 หากนับเฉพาะบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก จะเห็นการปลดพนักงานครั้งใหญ่ โดยเฉพาะ Meta บริษัทแม่ของ Facebook ที่ปลดพนักงานราว 11,000 คน หรืออย่าง Microsoft ก็มีรายงานว่าปลดพนักงานน้อยกว่า 1,000 คน เนื่องจากการชะลอตัวของการเติบโต ดังนั้น มาดูในฝั่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้านเรากัน ว่าเหล่าสตาร์ทอัพปลดพนักงานกันไปมากน้อยแค่ไหนในปีนี้

ในปีนี้ มีเหล่าสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำนวนหลายรายที่ เลิกจ้างพนักงาน เนื่องจากความผันผวนของเศรษฐกิจ อย่างเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คารูเซลล์ (Carousell) แพลตฟอร์มซื้อขายสินค้ามือสองออนไลน์สัญชาติ สิงคโปร์ ประกาศว่าจะปลดพนักงานประมาณ 10% ของจำนวนพนักงาน หรือประมาณ 110 ตำแหน่ง

หรือในเดือนพฤศจิกายน โกทู กรุ๊ป (GoTo Group) แพลตฟอร์มธุรกิจส่งอาหารและธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่เกิดจากการควบรวมของ โกเจ็ก (Gojek) และ Tokopedia สองยูนิคอร์นของอินโดนีเซีย ก็ได้ลดพนักงานลง 1,300 ตำแหน่ง หรือประมาณ 12% ของจำนวนพนักงาน เนื่องจากนับตั้งแต่เดือยมกราคม-กันยายน บริษัทยังคงขาดทุนเพิ่มขึ้น

ส่วนบริษัทที่มีการลดพนักงานมากที่สุดก็คือ ซี กรุ๊ป (Sea Group) เจ้าของธุรกิจเกม Garena อีคอมเมิร์ซ Shopee และอีเพย์เมนต์ โดยได้ลดขนาดพนักงานกว่า 7,000 คน ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา เพื่อลดภาวะขาดทุนเป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจให้มีศักยภาพมากขึ้น

สำหรับ Carousell ตัวซีอีโออย่าง Quek Siu Rui ได้ออกมายอมรับกับพนักงานว่า เขา “มองโลกในแง่ดีเกินไป” เกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลักโควิด และประเมินผลกระทบของการเติบโตของทีมอย่างรวดเร็วนั้นผิดไป ทั้งนี้ รายได้ของ Carousell ในปี 2021 แม้จะยังเติบโต แต่ก็ช้าลงถึง 21% เมื่อเทียบกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นสามเท่าในปี 2020

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทสตาร์ทอัพอื่น ๆ ที่ลดจำนวนพนักงาน อาทิ

  • Foodpanda แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ ลด 60 ตำแหน่ง
  • Zenius แพลตฟอร์มด้านการศึกษาเบอร์ 2 ของอินโดนีเซีย ลดกว่า 200 ตำแหน่ง
  • Carsome แพลตฟอร์มซื้อ-ขายรถยนต์มือสองออนไลน์ ลด 10%
  • Glints แพลตฟอร์มค้นหางานของสิงคโปร์ ลด 18%

รัดเข็มขัด โฟกัสความยั่งยืน

Jia Jih Chai ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Rainforest ผู้รวบรวมแบรนด์อีคอมเมิร์ซในสิงคโปร์ กล่าวว่า หนึ่งในสาเหตุที่เหล่าสตาร์ทอัพต้องลดจำนวนพนักงานเป็นเพราะ ต้องระมัดระวังในการจัดการต้นทุนในสภาพแวดล้อมนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถวิ่งได้ไกลถึงปี 2567

“มีสัญญาณว่าเรากำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ดังนั้น ความต้องการของลูกค้าจึงมีแนวโน้มชะลอตัวลงในปี 2566 และความจริงก็คือ เราเพิ่มค่าใช้จ่ายและจ้างงานได้อย่างรวดเร็ว แต่เราใช้เวลาในการหารายได้นานกว่าที่คิดไว้

เควกยังกล่าวอีกว่า เป็นเรื่องรอบคอบเท่านั้นที่บริษัทจะสามารถทำกำไรเป็นกลุ่มได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากยังไม่ชัดเจนว่าสภาวะตลาดจะดีขึ้นหรือไม่

ด้าน เจฟรีย์ โจ ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการของ Alpha JWC Ventures ในอินโดนีเซีย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เหล่าสตาร์ทอัพถูกออกแบบมาให้ เร่งการเติบโต อาทิ Sea Group และ Grab ที่ขาดทุนสะสมมาหลายปี แต่ปัจจุบันบริษัทจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเพื่อเปลี่ยนจากการเติบโตอย่างรวดเร็วไปสู่ การเติบโตอย่างยั่งยืนแทน ขณะที่เหล่านักลงทุนในปัจจุบันก็กำลังเน้นให้เหล่าสตาร์ทอัพโฟกัสการทำตลาดในระยะยาวมากกว่า

Source

]]>
1411739
เวียดนาม เตรียมขึ้น ‘ค่าแรงขั้นต่ำ’ 6% เริ่ม ก.ค.นี้ รับมือผลกระทบโควิด https://positioningmag.com/1381581 Thu, 14 Apr 2022 07:04:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381581 รัฐบาลเวียดนาม วางเเผนจะขึ้นค่าเเรงขั้นต่ำอีก 6% ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป เพื่อรับมือกับผลกระทบโควิด-19

Reuters รายงานว่า แผนดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากนายกรัฐมนตรี โดยรัฐบาลระบุในแถลงการณ์ว่า ค่าเเรงขั้นต่ำรายเดือน จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.25-4.68 ล้านดอง หรือราว 142-204.47 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำครั้งแรกในรอบ 2 ปีของเวียดนาม

แรงงานจำนวนหนึ่ง กำลังประสบปัญหาจากการระบาดใหญ่ จึงจำเป็นต้องมีการปรับขึ้นเงินเดือนขั้นต่ำ เพื่อช่วยให้ชีวิตมีความมั่นคงและยังทำงานอยู่ต่อกับนายจ้าง Ngo Duy Hieu หัวหน้าสมาพันธ์แรงงานแห่งชาติเวียดนาม กล่าว

หอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม ซึ่งเป็นตัวแทนของภาคธุรกิจในประเทศ เปิดเผยว่าบริษัทต่างๆ จะพยายามเพิ่มผลิตภาพเพื่อช่วยจัดหาเงินทุนในการขึ้นค่าแรง

ทั้งนี้ ปัจจุบันเวียดนาม นับเป็นศูนย์กลางการผลิตสำคัญที่เน้นการใช้แรงงานเป็นหลัก ในผลิตภัณฑ์กลุ่มเสื้อผ้าและรองเท้า โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 ขยายตัวที่ 5.03% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ท่ามกลางผลกระทบที่รุนแรงจากโควิด-19

 

ที่มา : Reuters , Nikkei 

]]>
1381581
อินเทอร์เน็ตดาวเทียม ‘Starlink’ เตรียมเปิดให้บริการใน ‘ฟิลิปปินส์’ ชาติเเรกในอาเซียน https://positioningmag.com/1380194 Sun, 03 Apr 2022 09:41:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1380194 มหาเศรษฐีอีลอน มัสก์เตรียมส่งอินเทอร์เน็ตดาวเทียม ‘Starlink’ ประเดิมให้บริการในฟิลิปปินส์ เป็นชาติเเรกในอาเซียน

กระเเสข่าวดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก Ramon Lopez รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า SpaceX บริษัทด้านเทคโนโลยีอวกาศจากสหรัฐฯ เตรียมที่จะมาเปิดให้บริการ Starlink ในฟิลิปปินส์ เเต่ยังไม่กำหนดช่วงเวลาแน่ชัดหรือเปิดเผยตัวเลขการลงทุน

โดย SpaceX กำลังอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ตั้งบริษัทลูกเเละดำเนินการสำรวจที่ตั้งของเกตเวย์ เบื้องต้นในช่วงเเรกของการให้บริการ บริษัทตั้งเป้าจะจัดตั้งเกตเวย์ในฟิลิปปินส์เองทั้งหมด 3 แห่ง

ขณะที่ฟิลิปปินส์มีอัตราผู้ใช้โซเชียลมีเดียมากที่สุดในโลก เเต่ความเร็ว 4G ในประเทศที่มีประชากร 105 ล้านคนนั้นกลับต่ำที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

เนื่องจากสภาพทางภูมิศาสตร์ของฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่เป็นเกาะ ทำให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในประเทศไม่ค่อยดีนัก สวนทางกับอัตราการใช้โทรศัพท์มือถือสูงที่สุดในภูมิภาคกว่า 138%

โดยปัจจุบัน ฟิลิปปินส์มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 74 ล้านคน เเละชาวเน็ตใช้เวลาออนไลน์เฉลี่ยกว่า 10.5 ชั่วโมงต่อวัน นับเป็นหนึ่งในประเทศที่ประชาชนใช้เวลาออนไลน์นานที่สุดในโลก

ด้วยเหตุนี้ ฟิลิปปินส์จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงแห่งโซเชียลมีเดียและอยู่ในอันดับที่ 6 ของประเทศที่มีผู้ใช้ Facebook มากที่สุด

ด้านยอดขายอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้น 3.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2020 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 43% เเละคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025

สำหรับ Starlink เป็นบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียมความเร็วสูง ที่เป็นโครงข่ายอินเทอร์เน็ตดาวเทียมวงโคจรต่ำ หรือ ‘Low Earth Orbit’ (LEO) พัฒนาเพื่อให้ผู้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้แม้อยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือมีภัยพิบัติ เพียงแค่มีจานรับสัญญาณ ปัจจุบัน Starlink มีเครือข่ายดาวเทียมกว่า 2,000 ดวงทั่วโลก เเละบริษัทมีเเผนจะปล่อยดาวเทียมอีก 50 ดวงสู่วงโคจรโลกในเร็วๆ นี้

 

ที่มา : scmp 

]]>
1380194
เช็คลิสต์ “5 ประเทศอาเซียน” พร้อมเปิดประเทศให้เที่ยวได้แบบไม่ต้องกักตัว https://positioningmag.com/1379135 Fri, 25 Mar 2022 04:00:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1379135 ช่วงนี้สถานการณ์ COVID-19 ในหลายๆ ประเทศเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น การเดินทางระหว่างประเทศก็เริ่มผ่อนคลายมาตรการลง หลายๆ แห่งที่ปิดประเทศไม่รับนักท่องเที่ยวมาเป็นเวลานาน ก็เริ่มออกมาประกาศว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวได้แบบไม่ต้องกักตัว ทำให้แนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศเริ่มคึกคักมากขึ้น

สำหรับประเทศในแถบอาเซียนใกล้ๆ บ้านเรา ก็มีหลายแห่งที่กำลังจะเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ลองมาสำรวจกันว่ามีประเทศไหนบ้าง

มาเลเซีย

Photo : Shutterstock

ประเทศเพื่อนบ้านของเราที่ประกาศจะเปิดพรมแดนใหม่อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 65 เป็นต้นไป ภายหลังจากปิดพรมแดนมาเกือบ 2 ปี เนื่องจากมีการระบาดใหญ่ของ COVID-19

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดส (หรือ ฉีดบูสเตอร์โดสแล้ว) ไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศมาเลเซีย แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 เม.ย. 65 ดังนี้ (ทั้งการเดินทางเข้าทางอากาศและทางด่าน)

  • ดาวน์โหลดและลงทะเบียนแอป MySejahtera
  • หลังลงทะเบียนเสร็จ กรอกข้อมูล Traveller ในแอปให้เรียบร้อย
  • ต้องมีผลตรวจ RT-PCR ไม่ต่ำกว่า 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
  • ผู้ที่เคยได้รับเชื้อ COVID-19 มาแล้ว สามารถใช้ผลตรวจ RTK-Ag ที่ไม่ต่ำกว่า 48 ชั่วโมงได้ แต่ต้องมีใบรับรองจากโรงพยาบาล ว่าหายขาดหรือไม่สามารถแพร่เชื้อได้แนบมาด้วย
  • ประกันการเดินทางครอบคลุมการรักษาโควิด-19 ไม่ต่ำกว่า 50,000 USD
  • ต้องทำการตรวจ RTK-Ag อีกครั้ง ภายใน 24 ชั่วโมงหลังเดินทางถึงมาเลเซีย

ส่วนผู้เดินทางระหว่างประเทศที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส จะต้องผ่านการกักตัว เป็นเวลา 5 วันเมื่อเดินทางมาถึงมาเลเซีย ในขณะเดียวกันเด็กที่มีอายุ 12-17 ปี ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศ โดยปลอดการกักตัว และจำเป็นต้องได้รับการตรวจ RTK-Ag ภายใน 24 ชั่วโมง เมื่อเดินทางมาถึงมาเลเซีย

สิงคโปร์

ภายหลังจากเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวภายใต้เงื่อนไข Vaccinated Travel Lane (VTL) มาพักใหญ่ๆ โดยต้องเป็นนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดส เดินทางด้วยเที่ยวบินแบบ VTL ตามที่รัฐกำหนด รวมถึงปฏิบัติตามข้อกำหนดอื่นๆ

ล่าสุด รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมผ่อนคลายมาตรการคุมการระบาดของ COVID-19 ผ่านการข้ามแดน โดยอนุญาตให้นักเดินทางจากทุกชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดส สามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางมาถึงสิงคโปร์ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 65 เป็นต้นไป (รวมถึงเด็กที่มีอายุเท่ากับหรือต่ำกว่า 12 ปี)

นอกจากนี้ ยังยกเลิกการตรวจหาเชื้อไวรัส COVID-19 ด้วยวิธี ART เมื่อเดินทางถึงสิงคโปร์ภายใน 24 ชั่วโมง (แต่ยังคงต้องตรวจ PCR หรือ ATK ก่อนเดินทางเข้าสิงคโปร์ ภายใน 48 ชั่วโมง) และไม่ต้อวเดินทางด้วยเที่ยวบิน VTL แต่จะเปลี่ยนเป็นการเดินทางภายใต้โครงการ Vaccinated Travel Framework แทน (รายละเอียดโครงการต้องรอติดตามต่อไป) และยังเตรียมยกเลิกข้อกำหนดให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกอาคารอีกด้วย

กัมพูชา

Photo : Shutterstock

เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว กัมพูชาเปิดให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศ แต่ต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบ 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

ส่วนประกาศล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. 65 เป็นต้นไป กัมพูชาเปิดให้นักท่องเที่ยวที่รับวัคซีนครบโดสแล้ว ไม่ต้องกักตัวเมือเดินทางเข้าประเทศ และยังยกเลิกข้อกำหนดให้แสดงผลตรวจ PCR ของ COVID-19 เพื่อเดินทางเข้าประเทศกัมพูชา ยกเลิกข้อกำหนดในการตรวจโควิดเร่งด่วน (ATK) เมื่อเดินทางถึง และเปิดให้ขอ Visa on Arrival สำหรับผู้เดินทางต่างชาติทุกคน ทั้งผู้เดินทางทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ

นอกจากนี้ ผู้เดินทางทุกคนต้องแสดงบัตรหรือใบรับรองการฉีดวัคซีน COVID-19 ครบโดส เมื่อเดินทางมาถึงกัมพูชา (สำหรับผู้เดินทางที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส จะต้องกักตัว 14 วัน ณ สถานที่ที่กำหนดโดยกระทรวงสาธารณสุข) และแนะนำให้ผู้เดินทางทุกคนควรตรวจ ATK ด้วยตัวเองก่อนเดินทาง

เวียดนาม

Photo : Shutterstock

เปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. 65 เป็นต้นไป โดยยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางเกือบทั้งหมด ซึ่งมีเงื่อนไขคือ นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดส ไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศ เพียงแสดงเอกสาร

  • เอกสารแสดงผลตรวจหาเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นลบ โดยสามารถใช้ได้ทั้งผลการตรวจหาเชื้อไวรัสแบบ RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมง หรือผลการตรวจหาเชื้อแบบเร่งด่วน (Antigen Rapid Test) จากห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรอง ภายใน 24 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
  • ประกันสุขภาพหรือประกันเดินทางต่างประเทศที่ครอบคลุมการรักษาโรคไวรัส COVID-19 วงเงินประกันไม่ต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 332,835 บาท)
  • ข้อมูลสุขภาพผู้เดินทาง โดยลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ tokhaiyte.vn ก่อนหรือเมื่อเดินทางถึงประเทศเวียดนาม
  • ติดตั้งแอปพลิเคชัน PC-Covid เมื่อเดินทางถึงประเทศเวียดนาม

ทั้งนี้ ผู้เดินทางไม่จำเป็นต้องแสดงเอกสารแสดงประวัติการรับวัคซีน COVID-19 และไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อเมื่อเดินทางถึงประเทศเวียดนาม

อินโดนีเซีย

Photo : Shutterstock

ประเทศอินโดนีเซีย ทดลองเปิด “เกาะบาหลี” ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่ต้องกักตัว ตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. 65 เป็นต้นไป โดยชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าบาหลีแบบไม่ต้องกักตัวต้องแสดงหลักฐานด้านสุขภาพดังต่อไปนี้

  • หลักฐานการฉีดวัคซีนครบโดส/วัคซีนเข็มกระตุ้น
  • มีผลตรวจ COVID-19 แบบ PCR เป็นลบก่อนเดินทางจากประเทศต้นทาง
  • เอกสารการจองโรงแรมและชำระเงินเต็มจำนวนอย่างน้อย 4 วันในจังหวัดบาหลี
  • รับการตรวจ COVID-19 แบบ PCR เมื่อเดินทางถึงจังหวัดบาหลี ซึ่งหากมีผลตรวจเป็นลบ ก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั่วบาหลี แต่หากมีผลตรวจเป็นบวก จะต้องแยกกักตัวในโรงแรมตามที่ทางการบาหลีกำหนด

ส่วนผู้สูงอายุต่างชาติที่มีผลตรวจเป็นบวกและมีอาการป่วยโรคอื่นร่วมด้วยจะต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล นอกจากนี้ ในวันที่ 3 ที่เดินทางถึงบาหลี นักเดินทางต่างชาติต้องตรวจ COVID-19 อีกครั้ง หากผลเป็นลบจะสามารถเดินทางไปพื้นที่อื่นๆ นอกบาหลีในวันที่ 4 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ชาวต่างชาติจะต้องทำประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษา COVID-19 ด้วย

ขณะเดียวกัน จะมีการออก Visa on Arrival ให้นักเดินทางต่างชาติจาก 23 ประเทศ ได้แก่ ไทย, ออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, ฝรั่งเศส, กาตาร์, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, แคนาดา, อิตาลี, นิวซีแลนด์, ตุรกี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, มาเลเซีย, สิงคโปร์, บรูไน, เวียดนาม, ลาว, เมียนมา, กัมพูชา และฟิลิปปินส์ โดยมีค่าธรรมเนียม Visa on Arrival คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,520 บาท

โดยรัฐบาลอินโดนีเซียจะขยายการบังคับใช้นโยบายไม่กักตัวทั่วประเทศในวันที่ 1 เม.ย. หรือเร็วกว่านั้น หากการทดลองในบาหลีประสบผลสำเร็จ

ทั้งนี้ มาตรการการเดินทางเข้าไปยังประเทศต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ก่อนการเดินทางหรือจองตั๋วเครื่องบิน แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลของประเทศนั้นๆ อีกครั้ง

Source

]]>
1379135
‘แอร์เอเชีย’ เตรียมเปิดให้บริการ ‘Air Ridesharing’ เเท็กซี่อากาศในอาเซียน ปี 2025   https://positioningmag.com/1374614 Fri, 18 Feb 2022 12:50:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1374614 ธุรกิจการบินล้ำไปอีกขั้น หลังสายการบินใหญ่อย่าง ‘เเอร์เอเชีย’ ประกาศแผนให้บริการแท็กซี่อากาศราคาประหยัด หรือ air ridesharing  จองผ่านแอปพลิเคชัน เริ่มภายในปี 2025 นี้

แอร์เอเชีย (AirAsia) ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ ‘Avolon’ ผู้ให้เช่าเครื่องบินรายใหญ่เบอร์ 2 ของโลก เพื่อเช่าอากาศยานไฟฟ้า ‘eVTOL’ รุ่น VX4 จำนวนอย่างน้อย 100 คัน

Tony Fernandes ผู้บริหารระดับสูงของ Capital A บริษัทแม่ของแอร์เอเชีย ระบุว่า เที่ยวบินดังกล่าวจะเริ่มเปิดให้บริการในภูมิภาคอาเซียน ภายในปี 2025

โดยหน่วยงานกำกับดูแลในมาเลเซียและสิงคโปร์ มีแนวโน้มที่จะอนุมัติการดำเนินงานได้เร็วกว่าในอินโดนีเซีย ไทย และฟิลิปปินส์

เขาเน้นย้ำว่า “บริการ air ridesharing จะสามารถจองได้ผ่านแอปฯ ของแอร์เอเชีย และจะมีการเสนอราคาที่เข้าถึงได้ เช่นเดียวกับที่สายการบินราคาประหยัดทำกับเที่ยวบินปกติ”

“เราไม่ต้องการให้สิ่งนี้เป็นบริการที่พิเศษ เเต่เราต้องการให้ทุกคนสามารถใช้บริการนี้ได้” Fernandes กล่าวกับผู้สื่อข่าว

สำหรับอากาศยานไฟฟ้า ‘eVTOL’ รุ่น VX4 รองรับผู้โดยสารได้ 4 คน (คนขับอีก 1 คน) ทำการบินได้ในระยะทางประมาณ 161 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุดราว 322 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

โดย Domhnal Slattery ซีอีโอของ Avolon เเละประธานของ Vertical Aerospace เปิดเผยว่าการทดสอบเที่ยวบิน VX4 ครั้งแรก จะเริ่มต้นขึ้นในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้

Avolon สั่งซื้อเครื่องบิน VX4 จำนวน 500 ลำจาก Vertical Aerospace มาเมื่อปีที่แล้ว และหลังจากนั้นก็มีการจับมือกับพันธมิตรอย่าง AirAsia, Japan Airlines , Gol และ Grupo Comporte ของบราซิล

แอร์เอเชีย กำลังเดินหน้าขยายเข้าสู่ธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจเเละช่องทางรายได้ วางโพสิชันเป็น ‘ซูเปอร์แอป’ ที่ครอบคลุมทั้งบริการส่งอาหารและพัสดุ จองโรงแรม ค้าปลีก เรียกรถรับ-ส่งและอื่น ๆ โดยได้เปลี่ยนคู่เเข่งหลักจากบรรดาสายการบิน มาเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในภูมิภาคอย่าง Grab , GoTo เเละ Sea Group

 

ที่มา : newsroom.airasia , Reuters 

 

]]>
1374614
กรุงศรี วางเกมปั้นรายได้อาเซียน 10% ภายใน 2 ปี ทุ่มลงทุน ‘ดิจิทัล’ หนุนสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ https://positioningmag.com/1372777 Thu, 03 Feb 2022 14:31:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372777 กรุงศรี วางเเผนใหญ่ขยายตลาดอาเซียน ทุ่ม 8 พันล้านพัฒนาดิจิทัล หนุนสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ มองปีนี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว เป้าจีดีพี 3.7%

โดยแผนการดำเนินงานในปี 2565 ซึ่งเป็นแผนระยะกลาง 3 ปี (ตั้งแต่ปี 2564-66) ของกรุงศรีจะมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ “Go ASEAN with Krungsri” จับมือพันธมิตรเพื่อพัฒนาด้านเทคโนโลยีเเละนวัตกรรมเพื่อลูกค้า

เซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า ในวิกฤตโควิดเป็นช่วงที่ท้าทายในทุกธุรกิจ เมื่อย้อนกลับในปีแรกของแผนงานธุรกิจระยะกลาง ถือกรุงศรีประสบความสำเร็จอย่างดี ทั้งในเเง่การช่วยเหลือลูกค้าเชิงรุกด้วยมาตรการต่างๆ การทำผลกำไรเเละการดำเนินงาน รวมไปถึงการเป็นสถาบันการเงินไทยที่มีเครือข่ายในอาเซียนมากที่สุด

ทุ่ม 8 พันล้านเสริมดิจิทัล ปั้นรายได้อาเซียนเป็น 10% ใน 2 ปี

ล่าสุดกรุงศรีได้เข้าไปทำธุรกิจในเวียดนามซึ่งถือเป็นประเทศที่ 5 ในอาเซียนที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ในระยะถัดไปตั้งเป้าว่าจะขยายตลาดให้ครอบคลุมอย่างน้อย 8 ประเทศในภูมิภาค

ในส่วนของการพัฒนาด้านดิจิทัลนั้น กรุงศรีตั้งเป้าลงทุนเพิ่มในปีนี้ราว 7-8 พันล้านบาท เชื่อมโยงกับพันธมิตรทั่วอาเซียน พร้อมสนับสนุนสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ เเละบริษัทที่ยังไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงให้ความสำคัญกับ Digital Asset หลังได้เข้าลงทุนในเเพลตฟอร์มเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง ‘Zipmex’ ซึ่งจะมีการขยายตลาดไปในอาเซียนมากขึ้น

นอกจากนี้ จะมีการขยาย API เชื่อมโยงกับธนาคารพันธมิตรในอาเซียน สร้าง ‘AI Tech lab’ ร่วมกับบริษัทเเม่อย่าง MUFG เเละซูเปอร์เเอปฯ อย่าง Grab เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด ควบคู่กับการเร่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดใหม่ ๆ ภายนอกประเทศ 

โดยที่ธนาคารตั้งเป้าในช่วง 2 ปี สัดส่วนกำไรจากเครือข่ายของธนาคารในอาเซียน เพิ่มเป็น 10% ในอีก 2 ปีข้างหน้า จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 6% 

รุกธุรกิจโอน-ชำระเงินข้ามประเทศ

ไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันกรุงศรีได้ให้บริการลูกค้าไปแล้วมากกว่า 500,000 บัญชี ในกัมพูชา สปป.ลาว และฟิลิปปินส์ รวมมูลค่าสภาพคล่องแล้วกว่า 64,000 ล้านบาท

สำหรับลูกค้าคนไทย จะยังคงเดินหน้าขยายโซลูชัน เพิ่มมูลค่าในการทำการค้าระหว่างประเทศ (cross-border value chain solutions) ในอุตสาหกรรมต่างๆ และบริการให้คำปรึกษาเพื่อช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ลูกค้าธุรกิจไปเติบโตทั่วทั้งอาเซียน และอีกมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลกผ่านเครือข่ายของ MUFG

โดยในปีนี้จะมุ่งสร้างพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจให้หลากหลาย ทั้งธุรกิจด้านพลังงาน โทรคมนาคม ประกัน อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจรายย่อยและเชิงพาณิชย์

เรากำลังขยายบริการธุรกรรมการโอนเงินระหว่างประเทศ สำหรับลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจให้ครอบคลุมมากขึ้น จากเดิมที่มีการเชื่อมต่อบริการ 3 ประเทศในปีที่ผ่านมา ให้เป็น 8 ประเทศภายในปีนี้

ทั้งนี้ มียอดธุรกรรมการชำระเงินและการโอนระหว่างประเทศในอาเซียนผ่านกรุงศรีแล้วมากกว่า 500,000 ครั้ง มูลค่ารวมมากกว่า 200,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี

สำหรับการจัดตั้ง Virtual Bank หรือธนาคารพาณิชย์รูปแบบใหม่ที่ดำเนินธุรกิจบนช่องทางดิจิทัล ผู้บริหารกรุงศรียอมรับว่าเป็นเทรนด์เเห่งอนาคต ซึ่งธนาคารกำลังอยู่ระหว่างการศึกษา โดยได้เริ่มเเนวทางนี้เเล้วผ่านการเปิดตัวเเอปพลิเคชันออมเงินอย่าง ‘Kept’ ซึ่งมีเสียงตอบรับจากผู้ใช้ที่ดีมาก เเละหากมีความเหมาะสมก็จะนำมาต่อยอดเเละพัฒนาต่อไป

-เทรนด์ Virtual Card มาเเรง กรุงศรี ส่งบัตรเครดิต Krungsri NOW บัตรดิจิทัล ‘ใบแรก’ จากเครือบัตรเครดิต กรุงศรี ออกมาจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัย 21-35 ปี รายได้เฉลี่ยตั้งแต่ 1.5-7 หมื่นบาทต่อเดือน เเละนิยมการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะ

มองเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว เป้าจีดีพี 3.7%

ในปี 2565 กรุงศรี ตั้งเป้าการเติบโตเงินให้สินเชื่ออยู่ที่ 3-5% โดยมีสินเชื่อรายย่อยเติบโต 3-4% สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) อยู่ที่ 4-5% และธุรกิจขนาดใหญ่อยู่ที่ 3-4% รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยทรงตัวจากปีก่อน และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.1-3.3%

ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยต่อรายได้รวมคาดอยู่ในระดับกลางหรือราว 40% เเละมีสัดส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 150-160 bps อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ราว 2.6% สำหรับอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 150% ภายใต้สมมติฐานที่เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 3.7% ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายทางการเงินดังกล่าวเป็นการคาดการณ์ของธนาคารเบื้องต้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะเริ่มเห็นการฟื้นตัว หลังจากการแพร่ระบาดโควิดเริ่มคลี่คลาย การกระจายวัคซีนทั่วถึง กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศยังดำเนินได้ตามปกติ รวมไปถึงปัจจัยด้านการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะทำให้ภาคการส่งออกไทยขยายตัวได้ดีตามไปด้วย ขณะที่ภาคท่องเที่ยวยังไม่กลับมาได้ 100% เเต่จะมีการฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

ปีนี้เราคาดว่าจีดีพีน่าจะขยายตัวได้ระดับ 3.7% จากปีก่อนที่ขยายตัวเพียง 1.2%”

]]>
1372777
จับตา ยุค ‘ตื่นทอง’ ของสตาร์ทอัพอาเซียน เงินระดมทุนเพิ่มขึ้นเท่าตัว ปั้นยูนิคอร์นรุ่นใหม่ https://positioningmag.com/1372526 Tue, 01 Feb 2022 09:44:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372526 เหล่าสตาร์ทอัพดาวรุ่งในอาเซียน ระดมทุนได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2.57 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2021 เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อนหน้านี้

ช่วงวิกฤตโควิด-19 นักลงทุนทั่วโลกอที่ถือครองเงินสดจำนวนมาก ต่างพยายามเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดอาเซียน ที่เป็นเหมือนขุมทองด้านเทคโนโลยีเเห่งใหม่ของโลก จากศักยภาพการเติบโตท่ามกลางการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจดิจิทัล

บรรดากองทุนต่างๆ เเละบริษัทร่วมทุนขนาดใหญ่ กำลังแสวงหาโอกาสการลงทุนที่จะช่วยให้ได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญจึงประเมินว่า ยุคตื่นทอง” (Gold Rush) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะยังคงดำเนินต่อไปในปีนี้ หลังปั้นยูนิคอร์นได้ถึง 25 บริษัท เเละเงินลงทุนกำลังจะเข้าหากลุ่มสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ ที่ยังมีต่ำกว่ามูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์มากขึ้น 

อาเซียน เนื้อหอมดึงดูดเงินทุนทั่วโลก 

รายงานของ SE Asia Deal Review ที่รวบรวมโดย DealStreetAsia แพลตฟอร์มข้อมูลสตาร์ทอัพของสิงคโปร์ ระบุว่า ในปี 2021 ที่ผ่านมาสตาร์ทอัพในภูมิภาคนี้สามารถระดมทุนได้ถึง 2.57 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.7 เท่า จาก 9.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 และมากกว่าปี 2018 ที่เคยมีมีการระดมทุนสูงสุดที่ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตัวเลขการระดมทุนที่เพิ่มขึ้น เป็นสัญลักษณ์ของตลาดใหม่ที่กำลังเติบโต เเละยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกที่มีต่อตลาดอาเซียน ทั้งในแง่การเป็นตลาดเกิดใหม่สำหรับธุรกิจและศูนย์กลางนวัตกรรมทางเทคโนโลยีระดับโลก” DealStreetAsia กล่าวในบทวิเคราะห์

ยุค Gold Rush เเห่งอาเซียน 

ระบบนิเวศของสตาร์ทอัพในอาเซียน เริ่มเติบโตในช่วงต้นปี 2010 ตามหลังจีนอยู่ประมาณ 5-10 ปี ท่ามกลางช่วงธุรกิจสมาร์ทโฟนที่เข้ามาเจาะตลาดอาเซียน 

จนกระทั่งก่อนเกิดโรคระบาด เงินทุนส่วนใหญ่เริ่มตกไปอยู่กับกลุ่มสตาร์ทอัพใหม่ที่เติบโตอย่างโดดเด่นอย่าง Grab ของสิงคโปร์ เเละ Gojek คู่แข่งจากอินโดนีเซีย

โดยหนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่ที่เข้ามาบุกอาเซียน ก็คือ ‘SoftBank Group’ ของญี่ปุ่น ที่ทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับ Grab และ Tokopedia แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของอินโดนีเซีย

สำหรับบริษัทที่ระดมทุนได้มากในปี 2021 คือGoTo’ ของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นบริษัทเทคฯ ที่เกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการระหว่าง Gojek เเละ Tokopedia ซึ่งระดมทุนได้ราว 1,600 ล้านดอลลาร์ รวมถึงเงินทุนที่ Gojek ระดมทุนได้ก่อนรวมกิจการกันทำให้เป็นบริษัทที่ระดมทุนได้มากที่สุดอันดับสองของภูมิภาค 

Photo : Shutterstock

ขณะที่ Grab ระดมทุนได้ 675 ล้านดอลลาร์ ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ในเดือนธ..ที่ผ่านมา ขึ้นเป็นบริษัทใหญ่สุดอันดับที่ 4

เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดของการระดมทุนในปี 2018 เราได้เห็นการกระจายตัวของแหล่งเงินทุนไปยังบริษัทที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งในตลาดและภาคส่วนต่างๆ ซึ่งมีความสำคัญต่อสุขภาพและการเติบโตของระบบนิเวศ

Yinglan Tan ผู้จัดการกองทุน Insignia Ventures เเสดงความคิดเห็นของเขาในรายงาน DealStreetAsia โดยเขาอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันว่าเป็น “ยุคตื่นทองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

ปี 2021 ปั้นยูนิคอร์น 25 ตัว จับตาสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ 

เมื่อแยกตามภาคธุรกิจเเล้ว สตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคถือเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับการระดมทุนมากที่สุดในปี 2021 โดยระดมทุนได้กว่า 5,830 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4 เท่าจาก 1,460 ล้านดอลลาร์ในปี 2020

โดยการระบาดของโควิด-19 ได้กระตุ้นให้เกิดการชำระเงินแบบไร้เงินสดมากขึ้นและบริการทางการเงินออนไลน์อื่นๆมากขึ้น

บริการเหล่านี้มีผลกระทบทางสังคมนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมากหากเทียบกับตลาดที่พัฒนาแล้วจากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประชาชนรายใหม่เเละการเปิดบัญชีออนไลน์มากขึ้น

ยกตัวอย่าง เช่น สตาร์ทอัพ Mynt ของฟิลิปปินส์ หรือที่รู้จักกันในชื่อกระเป๋าเงินเคลื่อนที่ GCash ที่ได้รับการสนับสนุนโดยบิ๊กเทคของจีนอย่าง Ant Group ระดมทุนได้ 475 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 จากบรรดานักลงทุนระดับโลก ซึ่งรวมถึง Warburg Pincus กองทุนเพื่อการลงทุนหุ้นนอกตลาดจากสหรัฐฯ

ด้านภาคโลจิสติกส์ตามมาเป็นอันดับสอง ด้วยยอดการระดมทุนได้ประมาณ 5,560 ดอลลาร์ในปี 2021 ด้วยปัจจัยหนุนการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างรวดเร็ว จากความต้องการของผู้บริโภคที่ช้อปปิ้งออนไลน์เเละส่งพัสดุเพิ่มขึ้นมาก  

การลงทุนที่เพิ่มขึ้น ก็มาพร้อมกับการประเมินมูลค่าที่สูงขึ้นเช่นกัน โดยบริษัททั้ง 4 แห่ง ได้แก่ Mynt, MoMo, J&T Express และ Ninja Van ก็มีมูลค่าทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ได้ปีที่แล้ว นับเป็นอีกกลุ่มสตาร์ทอัพยูนิคอร์นที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้

DealStreetAsia ระบุว่า มีสตาร์ทอัพ 25 แห่งจาก 6 ประเทศอาเซียน ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทยูนิคอร์นได้ในปี 2021 โดยทั้งหมดมีมูลค่ารวมอยู่ที่ราว 55,400 ล้านดอลลาร์ และส่วนใหญ่เป็นบริษัทสตาร์ทอัพในอินโดนีเซียและสิงคโปร์

นอกจากนี้ ยังมียูนิคอร์นที่เพิ่งเกิดใหม่ที่น่าสนใจอย่าง Carro แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำหรับรถยนต์มือสอง ของสิงคโปร์ , บริษัทโลจิสติกส์ของไทย Flash Express และร้านกาแฟในเครือ Kopi Kenangan ของอินโดนีเซีย

เหล่าผู้เชี่ยวชาญ มองว่าการไหลเข้ามาของเงินทุนจะดำเนินต่อเนื่องในปี 2565 เนื่องจากมีเงินทุนจากภายนอกเข้ามาให้ความสนใจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ที่ยังมีต่ำกว่ามูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์

]]>
1372526
สิงคโปร์ เริ่มใช้มาตรการคุมเข้ม เเรงงานที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิด เสี่ยง ‘ตกงาน’ https://positioningmag.com/1370513 Sun, 16 Jan 2022 10:26:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370513 เเรงงานในสิงคโปร์ที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิด กำลังจะตกอยู่บนความเสี่ยงที่จะตกงาน หลังรัฐบาลเริ่มใช้มาตรการคุมเข้มที่ประกาศใช้ตั้งเเต่วันที่ 15 .. เป็นต้นไป

Bloomberg รายงานว่า ช่วงเวลาผ่อนปรนที่รัฐเคยอนุญาตให้ผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือผู้ที่ตรวจพบเชื้อเป็นลบสามารถเข้าไปในที่ทำงานได้จะถูกยกเลิก ตั้งเเต่วันที่ 15 ..64

โดยนายจ้างมีสิทธิ์ที่จะโยกย้ายพนักงานที่ไม่ฉีดวัคซีนไปทำงานที่ทำได้จากบ้าน หรือให้พักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง  หรือทางเลือกสุดท้ายคือให้ออกจากงาน หากพวกเขาไม่สามารถที่จะทำงานโดยไม่เข้าออฟฟิศได้

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนด้วยเหตุผลทางการแพทย์ จะยังคงได้รับอนุญาตให้อยู่ในสำนักงานได้ เเต่นายจ้างควรพิจารณาอนุญาตให้พวกเขาทำงานจากที่บ้านหากสามารถทำได้ และไม่ควรมีผลต่อการประเมินประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขาด้วย

สิงคโปร์ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงที่สุดในโลกที่ 87% ของประชากรทั้งหมด และได้ใช้แนวทางปฏิบัติที่เข้มงวดกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน

โดยมีการห้ามไม่ให้เข้าใช้บริการในร้านอาหาร หรือเข้าไปซื้อของในห้างสรรพสินค้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงการแพร่ระบาด ที่จะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ เเละใช้นโยบายอยู่ร่วมกับโควิด’ เปิดให้ผู้คนใช้ชีวิตตามเป็นปกติแบบค่อยเป็นค่อยไป

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสิงคโปร์ ออกกฎเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่เลือกไม่ฉีดวัคซีน หลังยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่กลับมาพุ่งสูง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

ด้านเอกชนสหรัฐฯ ก็มีความเคลื่อนไหวที่เข้มงวดมากขึ้น อย่าง Citigroup สถาบันการเงินรายใหญ่ของโลก ที่ประกาศใช้มาตรการเข้มงวด ‘no-jab , no job’ เลิกจ้างพนักงานที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิด ตามนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้พนักงานทุกคนที่ทำงานภายใต้โครงการที่มีการทำสัญญากับรัฐ จะต้องฉีดวัคซีนโควิดให้ครบโดส ท่ามกลางความเสี่ยงของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว 

 

ที่มา : Bloomberg

]]>
1370513