บิทคับ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 29 Aug 2022 06:35:56 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สถานีต่อไป KUB Coin โดนแขวน?!! https://positioningmag.com/1397997 Mon, 29 Aug 2022 05:00:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1397997 บทความโดย ibit ผู้จัดการออนไลน์
สถานีต่อไป KUB Coin โดนแขวน?!! หลังพบเหรียญไม่ตรงปก ถ้ายิ่งแก้เหรียญยิ่งแย่ ก.ล.ต.ห้ามใช้เหรียญซื้อขายสินค้าและบริการ มูลค่าลดฮวบ หลัง “SCBX” ล่มดีลซื้อหุ้น “บิทคับ” มูลค่า 1.78 หมื่นล้าน ย้อนแย้ง “ท๊อป จิรายุส” เสนอรัฐบาลส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ก้าวสู่ Digital Hub แต่กลับแหกกฎเอง วัดใจ ก.ล.ต.ต้องเพิกถอน “KUB Coin” เพื่อมาตรฐานที่ถูกต้องโปร่งใส และเป็นธรรมกับผู้ลงทุนรายย่อย พร้อมตั้งข้อสังเกตผู้บริหาร “PROEN” ทราบดีลเอสซีบีเอกซ์ล่มก่อนรีบชิ่งหรือไม่

หลังจากที่บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ประกาศยกเลิกการลงทุนซื้อหุ้นในบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (บิทคับ) ในสัดส่วน 51% มูลค่ากว่า 17,850 ล้านบาท โดยระบุเหตุผลที่ชัดเจนว่า เนื่องจากบิทคับยังมีประเด็นคงค้างที่ต้องดำเนินการหาข้อสรุปตามคำแนะนำและสั่งการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

โดยประเด็นสำคัญที่ บิทคับ ยังคงค้างอยู่ที่ ก.ล.ต. และไม่สามารถดำเนินการแก้ไขได้ตามคำสั่ง จนกลายเป็นที่มาของการล้มบิ๊กดีลครั้งนี้ คือ กรณีที่ ก.ล.ต. มีคำสั่งให้ บิทคับ แก้ไขคุณสมบัติของเหรียญ KUB ที่บริษัทให้คะแนนเหรียญตัวเองสูงเกินมาตรฐานอย่างไม่เคยมีมาก่อน จนทำให้ขาดคุณสมบัติที่จะเข้ามาเทรดในกระดาน แต่บิทคับ กลับไม่แก้ไข พร้อมทั้งยืนยันเหรียญ KUB ดีและเหมาะสมมาตั้งแต่ต้น

มาดูจุดตั้งต้นของเหรียญ “KUB” ที่ท๊อปหวังใช้เทนเงินซื้อขายสินค้า

ทั้งนี้ Bitkub Coin หรือ KUB ออกโดย บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ในไวท์เปเปอร์ระบุ จำนวนเหรียญไว้ทั้งสิ้น 1,000 ล้านเหรียญ ก่อนจะเผาหรือทำลายทิ้ง 890 ล้านเหรียญ เหลือเพียง 110 ล้านเหรียญ เพื่อใช้สำหรับจ่ายค่าธรรมเนียม (ค่า Gas) ในการทำธุรกรรมบนเครือข่าย เช่น การโอนสินทรัพย์ การจัดเก็บข้อมูล และอื่นๆ รวมถึงเป็นค่าธรรมเนียมในการใช้งาน Smart Contracts หรือ Decenterlized Application (dApps) รวมถึงสามารถซื้อขายบนกระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบิทคับ

ขณะเดียวกัน ผู้ถือเหรียญ KUB สามารถ Lock & Drop โดยจะได้รับสิทธิพิเศษผ่านแอปพลิเคชัน Bitkub NEXT ที่เป็นกระเป๋าสตางค์ดิจิทัล ที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จํากัด ที่ผู้ถือสามารถฝากเหรียญ KUB ไว้ตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อรับสินทรัพย์ดิจิทัลและรางวัลอื่นจากพันธมิตร

นอกจากนี้ ยังสามารถใช้แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการจากพันธมิตรของ “บิทคับ” และร้านค้าทั่วไปสามารถเลือกรับเหรียญ KUB เพื่อแลกเปลี่ยนกับสินค้าสินและบริการ แม้เหรียญ KUB ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ชำระเงิน แต่พันธมิตรและร้านค้าทั่วไปสามารถเลือกที่จะรับเหรียญ KUB เพื่อใช้ได้ตามความเหมาะสม

หรือนี่จะเป็นนัยสำคัญที่ซ่อนเร้นอยู่ในไวท์เปเปอร์ ที่ “ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ที่คิดการใหญ่ วาดหวังไว้ตั้งแต่แรก เพื่อจะสร้างและผลักดันให้เหรียญ KUB เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ เป็นเงินดิจิทัลสกุลหลักหรือไม่

KUB ไม่ตรงปกเหตุปั่นเหรียญจากดีล “SCBX”

ขณะเดียวกันการประกาศเข้ามาลงทุนของกลุ่มเอสซีบีเอกซ์ ได้กลายเป็นจุดสร้างความสนใจให้ “บิทคับ” อีกครั้ง หลัง เอสซีบีเอกซ์ จะเข้ามาซื้อหุ้น บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ในสัดส่วน 51% มูลค่ารวมกว่า 17,850 ล้านบาท ทำให้นักลงทุนสนใจเข้ามาเก็งกำไรเหรียญ KUB เพราะคาดว่า หลังจากเอสซีบีเอกซ์ เข้ามาจะทำให้ธุรกิจของบิทคับ มีความมั่นคง และสร้างสามารถสร้างผลกำไรได้ในอนาคต

จากข่าวดังกล่าว ทำให้ราคาเหรียญ KUB ทะยานขึ้นทันที จากที่เคยลงไปต่ำสุดประมาณ 12 บาท พอมีดีลดังกล่าวเกิดขึ้น ราคาเหรียญขยับขึ้นจากเดิมที่ระดับ 30-33 บาท ขึ้นไปยืนเหนือ 500 บาท และโดนทุบลงมาเหลือเพียง 200 บาท ภายในเวลาไม่กี่วัน จนโดน ก.ล.ต. ต้องเข้ามาตรวจสอบถึงความผิดปกติว่ามีการปั่นเหรียญหรือไม่

จากความผันผวนของราคาที่เกิดขึ้น ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย และ ก.ล.ต. ได้ออกหลักเกณฑ์ไม่ให้นำสินทรัพย์ดิจิทัล มาใช้เป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ โดยผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องไม่ได้บริการ สนับสนุน หรือส่งเสริมการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในการชำระค่าสินค้าและบริการ อาจจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงิน และระบบเศรษฐกิจโดยรวม ที่สำคัญอาจเกิดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินทรัพย์ดิจิทัล ความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ ความเสี่ยงข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล หรือการถูกใช้เป็นเครื่องมือของการฟอกเงินได้

สิ่งที่ ธปท. และ ก.ล.ต. กังวลเรื่องความผันผวนของราคาสินทรัพย์ ได้รับการพิสูจน์อย่างเห็นได้ชัด จากขณะนี้ราคาเหรียญดิจิทัล รวมถึง KUB อยู่ในภาวะผันผวนอย่างรุนแรง ซึ่งต้องยอมรับการตัดสินใจของหน่วยงานรัฐทำได้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นผู้ที่ได้รับความเสียหายก็คือประชาชนทั่วไป

ท๊อปดิ้นรนหาพันธมิตรช่วยพยุงเหรียญ

หลังจากราคา KUB ผันผวนและลดลงอย่างหนัก “ท๊อป บิทคับ” ได้พยายามดิ้นรน ไม่ให้เหรียญตัวเองเหวี่ยงไปมากกว่านี้ หลังการทุบกำไรจาก 500 บาท เหลือกว่า 200 – 300 บาท จึงหาพันธมิตรเข้ามาช่วยพยุงราคาเหรียญ อาทิ บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) (PROEN) ลงทุนซื้อ KUB จำนวน 250,000 เหรียญ KUB มูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 72,949,815 บาท หรือคิดเป็นราคาเฉลี่ยประมาณ 291.80 บาท บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ลงทุน 104.26 บาท/เหรียญ จำนวน 125,000 เหรียญ ใช้เงินทุนราว 13 ล้านบาท และบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ลงทุน 225,000 KUB คิดเป็นเงินลงทุน 60.77 ล้านบาท โดยมีการรับประกันราคา (Price Guarantee) โดยมีการรับประกันการซื้อคืนขั้นต่ำเมื่อครบกำหนดเป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เอสซีบีเอกซ์ ประกาศล้มดีลไม่กี่วัน PROEN ได้ทำหนังสือถึงบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (Bitkub) แจ้งใช้สิทธิยกเลิกสัญญาพันธมิตร และขอยกเลิการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าว

KUB เลื่อนลอยขาดความน่าสนใจ

ขณะที่ บิทคับ เอง เมื่อทางการสั่งห้าม ทำให้ความคาดหวังที่จะให้ เหรียญ KUB กลายเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนใช้ซื้อสินค้าและบริการ เป็นอันต้องจบลง เพราะคุณสมบัติเหรียญไม่ตรง ทำให้แผนที่วางไว้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ดูเลื่อนลอย ขาดความน่าสนใจ แตกต่างกับ DESTINY TOKEN (เหรียญบุพเพสันนิวาส ๒) ที่กำหนดไว้ชัดเจนการระดมทุนเพื่อนำไปสร้างภาพยนตร์ เมื่อมีรายได้ก็จะนำมาเป็นผลตอบแทนคืนให้แก่ผู้ลงทุน

ทั้งนี้ภาพยนตร์เรื่อง “บุพเพสันนิวาส ๒” ได้ระดมทุนผ่านการซื้อ DESTINY TOKEN (เหรียญบุพเพสันนิวาส ๒) ที่เสนอขายรวม 16,087 โทเคน มูลค่ารวม 256.23 ล้านบาท ผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิการรับคืนเงินต้นเมื่อจบโครงการพร้อมผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ที่ 2.99% ต่อปี และจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนพิเศษเพิ่มอีก 2.0% ต่อปี ของมูลค่าเงินลงทุนเริ่มต้น รวมเป็น 5% ต่อปี เมื่อภาพยนตร์บุพเพสันนิวาส ๒ มีรายได้ Box Office ทั่วประเทศตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป

รวมทั้งผู้ที่ซื้อเหรียญจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ อีกมากมาย และรอชมภาพยนตร์ บุพเพสันนิวาส ๒ ในโรงภาพยนตร์ก่อนใคร

เหรียญไม่ตรงปก “บิทคับ” แข็งเมือง ก.ล.ต. ทำดีล “SCBX” ล่ม-เหรียญ KUB รูดกราว

ก่อนที่ เอสซีบีเอกซ์ จะประกาศล้มดีลซื้อ บิทคับ นั้น ก.ล.ต.ได้มีคำสั่งให้ บิทคับ แก้ไขคุณสมบัติเหรียญ KUB ที่ให้คะแนนสูงเวอร์ จนขาดคุณสมบัติที่จะเข้าเทรดในกระดาน แต่เมื่อครบกำหนด บิทคับ ได้ขอขยายเวลาในการแก้ไขคุณสมบัติ ซึ่งก.ล.ต. ก็ขยายให้ถึงวันที่ 4 ส.ค. แต่เมื่อครบกำหนด บิทคับ กลับไม่แก้ไข และยืนยันเหรียญมีคุณสมบัติครบถ้วนตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว

คำถามที่ตามมา คือ จากการที่ ก.ล.ต. สั่งให้ บิทคับ แก้ไขคุณสมบัติเหรียญ KUB แต่ไม่สามารถดำเนินการ ทั้งๆ ที่มีเวลากว่า 1 เดือน ตามที่ ก.ล.ต.กำหนด และขยายเวลาให้ถึงวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นเพราะเหตุใด หรือเป็นเพียงเพราะเหรียญไม่มีคุณสมบัติ หรือเป็นเพียง “เหรียญทิพย์” ที่เสกขึ้นมาไม่ “ตรงปก” ตั้งแต่ต้น

หรือในทางกลับกัน มองว่า เมื่อไม่สามารถแก้ไขคุณสมบัติของเหรียญได้ตามคำสั่งของ ก.ล.ต. ทางบิทคับ ไม่รู้จะแก้อย่างไร เพราะรู้อยู่แก่ใจ เหรียญไม่ตรงปก “ยิ่งแก้ยิ่งแย่” กว่าเดิม

จากเหตุนี้ทำให้เอสซีบีเอกซ์ ที่ไม่อยากจะร่วมทุนอยู่แล้ว หลังจากตลาดคริปโตอยู่ในช่วงขาลง ความน่าสนใจหมดไป จึงอาศัยเหตุที่ค้างคากับ ก.ล.ต. กรณี “เหรียญไม่ตรงปก” ประกาศล่มดีลดังกล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการล้มดีลของ SCB ได้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนและเก็งกำไรเหรียญ KUB ที่หวังราคาจะเพิ่มขึ้นหากดีลสำเร็จ แต่เมื่อมีการยกเลิกจึงได้เทขาย KUB ออกมาอย่างหนัก ทำให้ราคาร่วงทันทีกว่า 30% ราคาต่ำสุดที่ 48.59 บาท ก่อนจะปรับขึ้นเล็กน้อย ณ เวลา 18.12 (25 ส.ค.) อยู่ที่ 62.03 บาท ลดลงกว่า 16.12% สวนทางกับราคาหุ้น SCB ปรับขึ้นทันที 5 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 110.50 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 6 บาท หรือ 5.74% ซึ่งนับเป็นราคาปิดสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน เมื่อรับทราบข่าวล้มดีลดังกล่าว เนื่องจากนักลงทุนมองว่า เป็นการลงทุนไม่คุ้มค่า

ขณะที่วันที่ 26 ส.ค. ราคาเหรียญ KUB อยู่ที่ 56.71 บาทต่อเหรียญ จากระดับ 71.28 บาทต่อเหรียญ (ช่วงเช้าวันที่ 25ส.ค.) คิดเป็นการลดลงของราคาเหรียญประมาณ 20% อย่างไรก็ตามหลายคนเชื่อว่าการลดลงของราคาเหรียญ KUB จะยังมีออกมาอย่างต่อเนื่องเพราะข่าวที่เป็นปัจจัยบวกและสร้างสีสันให้กับเหรียญ KUB มากที่สุดหนีไม่พ้นการประกาศเข้าซื้อซื้อหุ้น 51% ใน “บิทคับ ออนไลน์” ของกลุ่มไทยพาณิชย์ เมื่อ 2 พ.ย.2564และปัจจุบันข้อมูลดีๆทางธุรกิจของ “บิทคับ” ในระดับนี้ก็แทบหาไม่เจออีกแล้ว

KUB เสี่ยงสูงถูก ก.ล.ต.สั่งแขวน

คำถามต่อมาคือ เมื่อเหรียญไม่ตรงปก ได้สะท้อนจากราคาเหรียญ KUB ที่ตกต่ำช่วยย้ำชัดถึงคุณสมบัติของเหรียญที่กลุ่ม “บิทคับ” การันตีในคุณภาพและมาตรฐานนั้นไม่ได้เป็นดังราคาคุยที่กล่าวอ้าง เพราะหากเป็นจริงความเชื่อมั่นต่อราคาเหรียญของนักลงทุนย่อมมีมากกว่านี้ และโอกาสในการปรับตัวลดลงย่อมเป็นไปได้น้อย โดยเรื่องดังกล่าวช่วยยืนยันได้ว่าสิ่งที่ ก.ล.ต.ออกมาเตือน และสั่งให้แก้ไขนั้นเป็นเรื่องจริง ขณะที่คุณสมบัติที่ทางกลุ่มได้กล่าวอ้างมาเป็นเพียงแค่การอุปโลกน์ หรือ “คุณสมบัติทิพย์” จากทางผู้บริหารของ “บิทคับ” เท่านั้น

ดังนั้น หากเปรียบเทียบเหรียญ KUB เป็นดั่งอาหาร-เครื่องดื่ม ซึ่งเวลาจะผลิตออกมาจำหน่ายผู้ประกอบการจำเป็นต้องขอเลข อย.มากำกับเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และเมื่อ อย.มีคำสั่งให้แก้ไขสินค้า แต่เจ้าของเครื่องดื่มกลับไม่ยอมแก้ไข ก็ไม่มีหนทางไหนจะเกิดขึ้นนอกจาก ถูก อย.สั่งเก็บสินค้า ฉันใดก็ฉันนั้นโอกาสที่เหรียญ KUB จะถูกสั่งเก็บเหมือนสินค้าไร้คุณภาพจาก อย.ก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกขณะ นำไปสู่ความเสี่ยงที่มีแต่นับวันรอให้เหตุการณ์นั้นมาถึง

เฉกเช่นเดียวกันเมื่อเทียบกับต่างประเทศโดยเฉพาะสิงคโปร์ อยู่ภายใต้การควบคุมของ The Monetary Authority of Singapore (MAS) ซึ่งมีความเข้มงวดและเด็ดขาด หากตรวจสอบพบการกระทำผิด เหรียญไม่ตรงปก ขาดคุณสมบัติจะมีการลงโทษเพิกถอนอย่างแน่นอน หาก ก.ล.ต.ไทย ตรวจพบความผิดครบองค์ประกอบ ก็อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะโดน ก.ล.ต.แขวน หรือเพิกถอน เช่นเดียวกัน

หวังเป็น Digital Hub ต้องแขวน KUB

ขณะเดียวกัน ล่าสุด “ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้คิดการใหญ่เสนอแนะรัฐบาลส่งเสริมโครงสร้างพื้นและและให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อก้าวสู่ความเป็น Digital Hub

หากต้องการรัฐบาลส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อก้าวสู่เศรษฐกิจจริงจังอย่างที่ “ท๊อป จิรายุส” กล่าวอ้าง รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องออกกฎเกณฑ์และมาตรฐานควบคุมผู้ประกอบการอย่างเข้มงวดด้วยหรือไม่ เพราะการดำเนินธุรกิจจะต้องอยู่นพื้นฐานและกฎกติกาที่ถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม สำหรับผู้ประกอบการ รวมถึงป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับนักลงทุนเหมือนที่ผ่านมา

ดังนั้น ก่อนที่จะพัฒนาก้าวสู่ Digital Hub หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องถาม “ท๊อป จิรายุส” และ ก.ล.ต. ต้องเล่นตามกฎกติกา ไม่มีความผิดครบองค์ประกอบจะต้องใช้มาตรการเด็ดขาดแขวนเหรียญ หรือเพิกถอนเหรียญ KUB ก่อน รวมถึงต้องถอนใบอนุญาตของ “บิทคับ” ด้วยหรือไม่

Source

]]>
1397997
ล้มดีลอย่างเป็นทางการ! SCBX แจ้ง “ยกเลิก” เข้าซื้อหุ้น “บิทคับ ออนไลน์” แล้ว https://positioningmag.com/1397583 Thu, 25 Aug 2022 07:22:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1397583 จากเดิมมีประกาศ “เลื่อนดีล” แต่ครั้งนี้ “ล้มดีล” อย่างเป็นทางการ ที่ประชุมคณะกรรมการ SCBS ครั้งที่ 15/2565 มีมติให้ SCBS ยกเลิกธุรกรรมการซื้อขายหุ้น “บิทคับ ออนไลน์” (Bitkub) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2565

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX ระบุว่าบริษัทฯ ได้สอบทานธุรกิจด้วยความระมัดระวังตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้ขายคือ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ถึงแม้จะไม่พบข้อบ่งชี้ถึงความผิดปกติอันเป็นนัยสำคัญ แต่ Bitkub “ยังมีประเด็นคงค้างที่ต้องดำเนินการหาข้อสรุปตามคำแนะนำและสั่งการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องระยะเวลาในการหาข้อสรุปดังกล่าว”

ด้วยเหตุนี้ ทั้งผู้ซื้อคือ SCBX และผู้ขายคือ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด จึงตกลงร่วมกันที่จะยกเลิกธุรกรรมซื้อขายหุ้นในครั้งนี้

ทั้งนี้ SCBX แจ้งเพิ่มเติมด้วยว่า ทางบริษัทยังคงมุ่งมั่นกับการเข้าสู่เทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและภาคการเงินของประเทศไทย

SCBX ยกเลิก เข้าซื้อหุ้น Bitkub

สำหรับข่าวที่ SCBX จะทำการเข้าซื้อหุ้นสัดส่วน 51% ใน Bitkub ปรากฏขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 โดยจะใช้เม็ดเงินลงทุนถึง 17,850 ล้านบาท

แต่หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2565 ปรากฏว่า SCBX แจ้งเลื่อนดีลการเข้าซื้อไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด ก่อนที่จะมาสู่การยกเลิกในครั้งนี้

ก่อนหน้าที่ SCBX จะเลื่อนการเข้าซื้อ Bitkub ไม่กี่วัน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ทาง Bitkub ประสบปัญหาเนื่องจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีคำสั่งให้แก้ไขการคัดเลือกและอนุมัติเหรียญ KUB เข้ามาเทรดในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัท เพราะ ก.ล.ต. พบว่า Bitkub มีการให้คะแนนคัดเลือกเหรียญ KUB เข้ามาเทรดโดยไม่ถึงเกณฑ์ Listing Rule ที่ Bitkub ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. แล้ว โดย Bitkub มีการให้คะแนนเรื่องมาตรฐานเทคโนโลยีของเหรียญ KUB ในระดับ “สูงกว่ามาตรฐานอย่างไม่เคยมีมาก่อน” ซึ่งไม่ปรากฏหลักฐานที่แสดงว่ามีเทคโนโลยีนั้นจริง

]]>
1397583
ถอดรหัส PROEN ล้าง KUB สัญญาณชีพ “บิทคับ” โคม่า!!? https://positioningmag.com/1397016 Mon, 22 Aug 2022 08:15:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1397016 บทความโดย ibit ผู้จัดการออนไลน์
ถอดรหัสโปรเอ็น คอร์ปหรือ PROEN ยอมขาดทุนเหรียญ KUB กว่า 52 ล้านบาท ล่มสัญญาพาร์ตเนอร์บิทคับวงในเชื่อเพราะเห็นสัญญาณหายนะ หลังโดนใบเหลืองจากก... ให้แก้คุณสมบัติเหรียญ KUB แต่ยังดื้อแพ่ง นับวันรอใบแดง สั่งห้ามซื้อขาย แถมดีลเอสซีบีเอ็กซ์ ยังโดนเทอย่างไม่มีกำหนด ได้กลับมา 20 ล้านบาท ดีกว่าไม่ได้ จับตาบจ.พันธมิตรรายอื่น ทยอยสลายก๊วนถอนตัว 

จากกรณีที่ บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) (PROEN) ผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยนายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทฯ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า เมื่อวันที่ 17 .. 65 ที่ผ่านมา บริษัทได้ทำหนังสือถึงบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (Bitkub) แจ้งใช้สิทธิยกเลิกสัญญา และขอยกเลิการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล

โดยบริษัทให้เหตุผลระบุว่า หลังจากบริษัทได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ ตามประกาศของสำนักงาน ก...เรื่องการลงทุนหรือการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัทจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงราคาเหรียญ KUB และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทอย่างมีนัยสําคัญ PROEN จึงได้ทําหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการบริษัท PROEN ได้อนุมัติการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ประเภทคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัท บิทคับ บล็อคเซน เทคโนโลยี จำกัด (Bitkub) โดยบริษัทจะเข้าลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ประเภทคริปโตเคอร์เรนซีสกุลเงิน Bitkub Coin (เหรียญ KUB) ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับ Bitkub เพื่อวัตถุประสงค์ในการเป็นในการเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Validator Node POSA) แบบ Proof of Stake Alliance ในระบบบล็อกเชน Bitkub Chain

โดยมีเงื่อนไขการเข้าร่วมโดยบริษัทต้องซื้อเหรียญ KUB จาก Bikub จำนวน 250,000 เหรียญ KUB มูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 72,949,815 บาท หรือคิดเป็นราคาเฉลี่ยประมาณ 291.80 บาท และได้รับเหรียญ KUB เข้าบัญชีบริษัท และไม่ให้บริษัทขายและ/หรือแลกเปลี่ยนเหรียญดังกล่าวเป็นระยะเวลาก่อนวันที่ 31 .. 66 โดยบริษัทได้รับประกันราคาซื้อคืนในราคาที่ไม่ต่ำกว่าต้นทุนเมื่อครบกำหนดเวลา

PROEN ถอนตัวแบบเจ็บๆ

จากเงื่อนไขดังกล่าว ในเมื่อ PROEN เป็นผู้บอกเลิกสัญญาก่อนที่จะครบกำหนด 31 .. 65 แล้วส่งที่เกิดขึ้นคือผลขาดทุนจากเหรียญ KUB นั้น บริษัทต้องแบกรับภาระเองใช่หรือไม่ หากเทียบราคาต้นทุนที่ PROEN ใช้เงินลงทุน 72.75 ล้านบาทในการเข้าถือเหรียญ KUB จำนวน 2.5 แสนเหรียญ ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 291.80 บาท / 1 KUB

ปัจจุบัน (20 ..65 เวลา 21.30 .) ราคา KUB อยู่ที่ประมาณ 80 บาท ทำให้ PROEN ขาดทุนเหรียญละ 211.80 บาท หรือคิดเป็น 72.58% มูลค่าการขาดทุนรวมทั้งสิ้น 52.88 ล้านบาทบาท จากต้นทุนทั้งหมด 72.75 ล้านบาท

PROEN เผ่นเห็นสัญญาณหายนะ?

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เพราะเหตุใด PROEN จำต้องยอมรับผลขาดทุนแบบเจ็บปวด จำนวนกว่า 52 ล้านบาท ทำไมไม่อดทนยอมถือ KUB ต่อจนครบกำหนด 31 .. 66 หรืออีกประมาณ 9 เดือนกว่า ก็สามารถขายคืนให้บิทคับในราคาต้นทุน ตามสัญญาและเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ คือได้เงินคืนครบตามจำนวนที่ลงทุน 72.75 ล้านบาท แต่กลับเลือกเอาส่วนที่เหลือแค่ 20 ล้านบาทคืน

หรือว่า? ผู้บริหาร PROEN ได้เห็นสัญญาณร้ายอะไรบางอย่าง ที่อาจจะก่อให้เกิดหายนะกับบิทคับในอนาคตอันใกล้ ก่อนที่จะครบกำหนดสัญญาหรือไม่ จึงได้รีบยกเลิกสัญญา และถอนเงินทุนออกมา แม้จะขาดทุนหนัก แต่ก็ยังได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง หากรอให้ถึงวันนั้นอาจจะเสียหายหนักกว่านี้ หรือไม่เหลืออะไรเลยหรือไม่?

ตีจากก่อน ก... สั่งเพิกถอน KUB

บุคคลในแวดวงตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล และนักเทรดคริปโต ได้ให้มุมมองต่อการถอนตัวจากการลงทุนเหรียญ KUB ของ PROEN ในครั้งนี้ ประเด็นหลักไม่น่าจะเกิดจากตลาดคริปโตฯ ผันผวน หรือราคา KUB ที่ปรับตัวลดลงมาอย่างมาก เพราะหากเป็นประเด็นนี้จริง เมื่อครบกำหนดสัญญา ก็สามารถขายคืนให้บิทคับในราคาต้นทุนตามสัญญาที่ทำไว้อยู่แล้ว

แต่ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่ปัญหาของตัวเหรียญ KUB เอง ที่สำนักงานงาน ก... ออกมาระบุชัดเจนว่า บิทคับให้คะแนนเหรียญตัวเองสูงเกินมาตรฐานแบบไม่เคยมีมาก่อน จนทำให้เหรียญขาดคุณสมบัติเข้ามาเทรดในกระดานคริปโต ซึ่ง ก... ได้มีคำสั่งให้ บิทคับ ทำการแก้ไข แต่กลับไม่มีการแก้ไขจากบิทคับแต่อย่างใด อีกทั้งยังยืนยันว่าเหรียญ KUB มีมาตรฐานและเหมาะสมเข้ามาเทรดในกระดานตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว

สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการ ก... เมื่อวันที่ 30 มิ.. 65 มีมติสั่งการให้บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitkub) แก้ไขการคัดเลือกและอนุมัติเหรียญ KUB เข้ามาให้บริการในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากมีการให้คะแนนเหรียญตัวเองสูงกว่ามาตรฐานและไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ขาดคุณสมบัติเข้ามาซื้อขายในกระดานสินทรัพย์ดิจิทัล โดยให้แก้ไขคุณสมบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ 1 .. 65 โดยจะครบกำหนด 30 .. 65

ต่อมาเมื่อวันที่ 25 .. 65 ทาง บิทคับ ได้ทำหนังสือขอขยายระยะเวลาออกไป ซึ่ง ก... ได้ขยายเวลาให้ตามที่ร้องขอ โดยกำหนดให้ดำเนินการแก้ไขภายในเวลาทำการของสำนักงาน ก... ในวันที่ 4 .. 65

แต่เมื่อถึงเส้นตาย ก... ทางบิทคับ กลับโต้แย้งว่า เทคโนโลยีของเหรียญ KUB เป็นเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐาน มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร และเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่พร้อมแก่การให้บริการตั้งแต่วันแรกที่มีการออกและเสนอขายให้แก่นักลงทุน ดังนั้น บริษัทฯ จึงเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า เหรียญ KUB เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีโครงสร้างเครือข่ายบล็อกเชนที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การท้าทายอำนาจ ... โดยไม่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขคุณสมบัติของเหรียญ KUB ของ บิทคับ ในครั้งนี้ เริ่มมีหลายฝ่ายออกมาประเมินว่ามีความเป็นไปได้ที่เหรียญเจ้าปัญหาตัวนี้ อาจถูก ... สั่งห้ามซื้อขาย หรือถอดถอนออกจากการดานคริปโตได้ ซึ่งหากเกิดเป็นจริงขึ้นมา อาจนำไปสู่ความพังพินาศของใครต่อใครเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่หรือรายย่อย

นอกจากเรื่องความดันทุรังของบิทคับแล้ว บิทคับเองยังมีปัญหากับ ก... จนนำไปสู่บทลงโทษ ทั้งการตักเตือน และปรับอีกหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในระบบ ที่มีนักลงทุนร้องเรียน หรือการรวมหัวกับ Market Maker แทรกแซงราคาเหรียญ จนถูก ก...สั่งปรับไปแล้วหลายครั้ง ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกลดทอนความน่าเชื่อถือจากพันธมิตรลง

SCBX เททำพาร์ตเนอร์ฝันค้าง

ไม่เพียงเท่านี้ พันธมิตร ที่เข้ามาลงทุนเหรียญ KUB เอง นอกจากจะเป็นการเอื้อประโยชน์หรือสนับสนุนทางธุรกิจแล้ว ต่างมุ่งหวังกำไรจากราคาเหรียญที่พุ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน แต่กลับตรงกันข้ามตลาดคริปโตเข้าสู่ขาลง จนราคาย่ำแย่ อยู่ที่ปัจจุบันไม่ถึง 100 บาท จากเคยขึ้นไปสูงสุดกว่า 500 บาท ทำให้ความน่าสนใจของ KUB หมดลง

ขณะที่ปัจจัยบวกที่พันธมิตรต่างคาดหวังจะให้เข้ามาช่วยสนับสนุนราคาเหรียญกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง คือ กรณีที่กลุ่มไทยพาณิชย์ ในนามบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ประกาศเข้ามาร่วมทุนซื้อหุ้นในสัดส่วน 51% มูลค่ารวมกว่า 1.78 หมื่นล้าน ซึ่งสร้างความสั่นสะเทือนให้แก่วงการตลาดคริปโตฯ ในประเทศเป็นอย่างยิ่ง เพราะเพียงแค่ประกาศความสนใจก็ทำให้มูลค่าของเหรียญ และมูลค่าองค์กรบิทคับติดจรวดขึ้นไปทันที

ระยะเวลาล่วงเลยนับตั้งแต่ 2 .. 64 รวมระยะเกือบ 9 เดือนแล้วกลับไม่มีวี่แววความคืบหน้าแต่อย่างใด

และดูท่าจะกลายเป็นฝันค้างเสียแล้ว สำหรับกลุ่มบิทคับเมื่อยานแม่เอสซีบีเอกซ์ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 .. 65 ประเด็นสำคัญว่า การตรวจสอบกิจการ หรือดีลดิลิเจนท์ อาจจะเป็นเป็นที่พึงพอใจของฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะในส่วนสาระสำคัญที่น่าจะเกิดปัญหา หรือไม่เป็นไปตามที่ต่างฝ่ายต่างคาดหวังไว้ระหว่างกัน รวมทั้งยืนยันถึงนโยบายการดำเนินธุรกิจของกลุ่มเอสซีบีเอกซ์ จะดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามกฏเกณฑ์และข้อกำหนดของ Regulator ที่เกี่ยวข้องก่อนจบอย่างสวยหรูว่า ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างกระบวนการสอบทางธุรกิจ และระหว่างการหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง โดยมีการขยายเวลาการเข้าทำธุรกรรมออกไปจากกำหนดการเดิม แบบไม่ขอระบุช่วงเวลาที่ชัดเจน

ประเด็นดังกล่าว ทำให้แวดวงตลาดทุนต่างพากันเชื่อว่า งานนี้ก็คือการบอกเทแบบสุภาพนั่นเอง ขณะที่แวดวงรายย่อยทั้งสายหุ้นและสายเหรียญต่างก็บ่นอุบเพราะโดนแกงนั่นเอง

เมื่อโอกาสจะทำกำไรจากดีล เอสซีบี เอกซ์ มันจบลงไป ความน่าสนใจการลงทุนกับบิทคับทั้งรูปแบบพาร์ตเนอร์ หรือลงทุนในเหรียญมันก็หมดไปโดยปริยาย ไม่แปลกที่พาร์ตเนอร์ธุรกิจที่แห่เข้ามาประกาศร่วมลงทุนในช่วงเวลานั้นจะเริ่มทยอยถอนตัว เพราะโอกาสในการทำกำไรมันจบลงแล้ว ประตูนี้แทบจะปิดไปแล้ว…

จะมีก็แต่คำพูดปลอบประโลมกันเองของนักลงทุนรายย่อยที่ยังเชื่อใจในตัว ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ว่าท้ายสุดดีลจะเกิดขึ้น ราคาเหรียญจะกลับมา แต่ความเจ็บปวดที่ต้องกัดฟันถือเหรียญต่อไปทั้งที่มีแต่โอกาสเป็นขาลงมันเจ็บกว่า ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ความต้องการถือเหรียญนี้ลดลงไปมาก นักลงทุนเข้ามาเพื่อลงทุนเมื่อกำไรไม่เห็น ทุนมีแต่หด ใครล่ะจะยอมขาดทุน ยิ่งบิทคับไม่ยอมแก้ไขคุณสมบัติเหรียญตามคำสั่งก...ที่เป็นผู้ควบคุม ก็เหมือนนักฟุตบอลที่โดนใบเหลืองจากกรรมการไปแล้ว ยังดื้อแพ่งจะทำผิดอีก ก็มีแต่รอใบแดงจากกรรมการเท่านั้น นั่นยิ่งทำให้คุณค่าของเหรียญลดลงไปด้วย เพราะทุกคนก็ต่างกังวลว่าต่อจากนี้ ก...จะมีบทลงโทษ หรือคำสั่งออกมาเช่นไร และเมื่อพิจารณาจากราคาเหรียญในปัจจุบัน พร้อมกับปฏิกิริยาของผู้ก่อตั้ง ก็พอรู้แล้วว่าคงไม่ได้รับคำชื่นชมเป็นแน่ ตอนนี้ยังพอใกล้หลักร้อยหน่อย หลังจากนี้อาจไม่ใช่แล้ว

จับตาพันธมิตรรายอื่นๆ

เป็นที่ทราบกันดีว่านอกจาก PROEN แล้วบิทคับยังมีพันธมิตรหรือพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจอีกมากมายที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ตัดสินใจเข้าไปร่วมลงทุนถือเหรียญ KUB ด้วย โดยปัจจุบันหลายฝ่ายเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่จะได้เห็นการทยอยถอนตัวเกิดขึ้น

ส่วนพันธมิตรที่น่าสนใจ และเคยเป็นข่าว ได้แก่ บมจ.ทีวี ไดเร็ค หรือ TVD ทำสัญญาซื้อเหรียญ KUB Coin ที่ราคา 104.26 บาท/เหรียญ จำนวน 125,000 เหรียญ ใช้เงินทุนราว 13 ล้านบาท โดยทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงรองรับในระดับ 12% หรือจำนวน 15,000 เหรียญ ราคาซื้อคืนที่ 90 บาท ระยะเวลาสัญญา 1 ปี ซึ่งเหตุการณ์ของ TVD เกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกับ PROEN ซึ่งในช่วงเวลานั้น ทั้ง 2 บริษัทออกมายืนยันความเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่ได้รับการรับประกันราคาซื้อคืนจากกลุ่มบิทคับที่แตกต่างกันไป และก็นำมาซึ่งระบบ 2 มาตรฐานทางธุรกิจที่รายใหญ่ได้ประโยชน์หรือสิทธิพิเศษมากกว่านักลงทุนรายย่อยซึ่งต้องยอมรับชะตากรรมกับราคาที่ร่วงลงในชีวิตประจำวัน

นอกจากบริษัทจดทะเบียน 2 รายข้างต้นแล้ว ยังมี บจ.อีกหลายแห่งที่ทำสัญญาและร่วมลงทุนกับบิทคับในลักษณะดังกล่าว อาทิ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ลงทุน 225,000 KUB คิดเป็นเงินลงทุน 60.77 ล้านบาท โดยมีการรับประกันราคา (Price Guarantee) ซื้อคืนขั้นต่ำเมื่อครบกำหนด

บริษัท ทีพีซีเอส จำกัด (มหาชน) หรือ TPCS ลงทุน KUB จำนวน 247,106 เหรียญ มูลค่าลงทุน 35 ล้านบาท ต้นทุนเฉลี่ยเหรียญละ 141 บาท ไม่มีการรับประกันราคาซื้อคืนขั้นต่ำ ขณะที่บริษัทย่อย คือ บริษัท ทีพีซีเอกซ์ จำกัด (TPCX) เข้าลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท จำนวน 62,500 เหรียญ ต้นทุน 312 บาท มีการประกันราคาซื้อคืนขั้นต่ำ

บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ได้ชี้แจงว่า บริษัทได้ลงนามในข้อตกลง Memorandum of Understanding (MOU) เพื่อเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Node Validator) ในลักษณะ Sharing Node ไม่จำเป็นต้องลงทุนเหรียญ KUB เพิ่มเติม แต่มีเงื่อนไขกำหนดให้ฝาก KUB ที่ได้รับผลตอบแทนจากการเป็น Node Validator ในช่วงปีก่อนหน้านี้ มูลค่า 3.96 ล้านบาท (31 มี..65)

บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SIS ลงทุน 250,000 KUB มูลค่ารวม 67,113,829.80 บาท มีประกันราคาซื้อคืนขั้นต่ำไม่ต่ำกว่าราคาทุน

ส่วนบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC เป็นเพียงผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Node Validator) ด้วยการนำ facilities ที่บริษัทมีอยู่แล้วไปมีส่วนร่วมในการเป็น Node Validator ไม่ได้เข้าลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล มีเพียงเหรียญ KUN ที่ได้รับเป็นค่าธรรมเนียมจากการเป็น Node Validator เท่านั้น

 อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียง บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) (PROEN) หรือ PROEN พันธมิตรของบิทคับแค่เราเดียวที่มองเห็นสัญญาณร้ายบางอย่าง จึงรีบถอยฉากออกมาก่อนที่จะได้รับความเสียหายไปมากกว่านี้ ซึ่งก็ต้องจับตาดูท่าทีของพันธมิตรรายอื่นๆ จะเดินหน้าหรือถอยฉากออกมาเหมือนกับ PROEN หรือไม่?

Source

]]>
1397016
เบื้องหลัง “KUB-บิทคับ” แข็งเมือง! ถือดีเพราะมีอดีตรองเลขาฯ ก.ล.ต.นั่งกุนซือ!!? https://positioningmag.com/1396136 Mon, 15 Aug 2022 08:18:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1396136 บทความโดย ibit ผู้จัดการออนไลน์
เปิดตัว “ทิพยสุดา” อดีตรองเลขาฯ ก.ล.ต. ที่ปรึกษา “บิทคับ” กรณี “KUB Coin” ไม่ได้มาตรฐาน ก.ล.ต.สั่งให้แก้ แต่ “บิทคับ” กล้าที่จะประกาศยืนยันว่า “เหรียญเทพ” แล้ว ไม่ต้องแก้อะไร ปฏิบัติการเย้ยหยันมาตรฐานเรกกูเลเตอร์ หรือจะเป็นศึกโดยคน ก.ล.ต.กันเอง???

ยืนยันมาตรฐานสุดลิ่มสำหรับ “บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด” ที่ออกประกาศผ่านเพจ Bitkub วันที่ 4 ส.ค. ว่า ตามที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีคำสั่งการให้บริษัท แก้ไขการคัดเลือกและอนุมัติเหรียญ KUB ในการเข้ามาให้บริการซื้อขาย ในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัทฯ โดยให้ประสานกับบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (บิทคับ บล็อกเชน) ผู้ออกเหรียญ KUB ให้แก้ไขมาตรฐานเทคโนโลยีของโปรเจกต์ของเหรียญ KUB หรือ Bitkub Chain ให้เป็นไปตามคะแนนที่คณะกรรมการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัทฯ ได้พิจารณาเมื่อวันที่ 5 พ.ค.2564 นั้น

ล่าสุด บริษัทฯรายงานว่า ได้ประสานงานกับ “บิทคับ บล็อกเชน” และยืนยันว่ามาตรฐานเทคโนโลยีของ โปรเจกต์ของเหรียญ KUB หรือ Bitkub Chain เป็นเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐาน มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร และเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่พร้อมแก่การให้บริการตั้งแต่วันแรกที่มีการออกและเสนอขายให้แก่นักลงทุน

ดังนั้น บริษัทฯ จึงเชื่อว่า เหรียญ KUB เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีโครงสร้างเครือข่ายบล็อกเชนที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจากนี้อยู่ระหว่างดำเนินการส่งหนังสือชี้แจงเกี่ยวกับความเหมาะสมของการให้คะแนนเหรียญ KUB ในการนำเหรียญ KUB เข้ามาให้บริการซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ตามที่ ก.ล.ต. ร้องขอ

ยืนยันมาตรฐานแต่ขอยืดเวลา

พูดง่ายๆ คือ “กลุ่มบิทคับ” ยืนยันมาตรฐานของเหรียญ และการให้คะแนนเพื่อนำเหรียญเข้ามาซื้อขายยนกระดานของตนเองนั้นมีมาตรฐานสูง คะแนนที่ได้มีความเหมาะสมทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ที่น่าแปลกใจหากเป็นเอกสารชี้แจงฉบับเดียวกัน ทำไม ก.ล.ต.จึงต้องออกมาเป็นคำสั่งให้แก้ไข หรืออ่านหนังสือเล่มเดียวกันแต่เข้าใจกันคนละความหมาย และทำไมต้องขอยืดเวลา

งานนี้แว่วๆ ว่ากว่าจะออกมาซ่าส์ กระต่ายขาเดียวยืนยันประสิทธิภาพเหรียญ KUB ครั้งนี้ “กลุ่มบิทคับ” ก็ต้องคร่ำเครียดไม่น้อย ไม่งั้นคงชี้แจงไปตั้งแต่สิ้นเดือนกรกฎาคม 2565 ตามกำหนดของ ก.ล.ต.ที่ให้เวลา 30 วันไปแล้ว แต่กลับขอยืดเวลาชี้แจงออกไปอีก จากนั้นก็ออกมาอ้างมาตรฐานที่กำหนดเองว่าถูกต้องทุกอย่างไม่จำเป็นต้องแก้ไข

แต่วงในเชื่อกันว่าเครียดหนักตั้งแต่วั้นแรกที่โดน ก.ล.ต.มีมติสั่งการ นั่นเพราะหากเกิดการแก้ไขจริงย่อมมีผลต่อความเชื่อมั่นในตัวเหรียญ KUB ของนักลงทุน ยิ่งทุกวันนี้ก็อยู่ในช่วงขาลงอยู่แล้ว หากต้องแก้ไขการให้คะแนน หรือถูกเพิกถอนเหรียญ KUB ออกยิ่งมีแต่แย่ลงไปอีก ไม่มีช่องทางไหนที่จะเป็นปัจจัยบวกให้ “บิทคับ” และเหรียญ KUB เลย

“บิทคับ” เหิมหนักดื้อแพ่งซ้ำซาก

ย้อนไปก่อนหน้านี้ 6 พ.ค. 65 ก.ล.ต. รายงานว่า คณะกรรมการเปรียบเทียบมีคำสั่งปรับบริษัท บิทคับ ออนไลน์ (BO) และกรรมการ 5 คน ในคณะกรรมการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลของ BO ในกรณีที่คัดเลือก Bitkub Coin (เหรียญ KUB) เข้าซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกและเพิกถอนสินทรัพย์ดิจิทัล (Listing Rule) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. และไม่ได้คำนึงถึงมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (COI)

โดยกรรมการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้ง 5 ราย ประกอบด้วย นายนิธิวัฒน์ มณีสินธุ์, นายสุกฤษฏิ์ พุทธวิริยะ, นายปิยพงษ์ โคตรชนะ, นายพงศกร สุตันตยาวลี และนายอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ ได้กระทำการหรือละเว้นกระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำเป็นเหตุให้ BO คัดเลือกเหรียญ KUB ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 94 ของ พ.ร.บ.สินทรัพย์ดิจิทัล ให้ปรับเงินรายละ 2,533,500.00 บาท และบิทคับเอง 2,533,500.00 บาท

โดยครั้งนั้น บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ออกแถลงการณ์ตอบโต้ ก.ล.ต.มาแล้วครั้งหนึ่ง ยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บิทคับ ประกอบธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องครบถ้วนตามหลักบรรษัทภิบาลและจริยธรรมทางธุรกิจ โดยในส่วนการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับเหรียญ KUB (Bitkub Coin) บริษัทพิจารณาคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะนำเข้าสู่ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแต่ละครั้ง จากหลักเกณฑ์การคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัล (Listing Rule) เดียวกัน

พร้อมทั้งยืนยันว่า ได้พิจารณาทบทวนคุณสมบัติของเหรียญ KUB (Bitkub Coin) แล้ว เหรียญ KUB ยังคงมีคุณสมบัติเพียงพอและเป็นไปตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัล (Listing Rule) ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. ตามที่ได้เคยพิจารณาคัดเลือกไว้ และยังคงอยู่ในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ดำเนินการโดยบริษัทฯ ตามปกติรวมทั้ง บริษัทฯ ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มความสามารถในการดำเนินการตามขั้นตอนการพิจารณาคุณสมบัติและหลักเกณฑ์การคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัล (Listing Rule) ตามที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. มาโดยตลอด โดยขอแจ้งดังต่อไปนี้

1. บริษัทฯ พิจารณาคุณสมบัติและหลักเกณฑ์การคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัล (Listing Rule) โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของนักลงทุนและคำนึงถึงความเสี่ยงของเหรียญเป็นสำคัญ ซึ่งบริษัทฯ ได้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเหรียญเพื่อให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปได้ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเหรียญก่อนการเปิดให้ซื้อขายทุกครั้ง

2. บริษัทฯ ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการปฏิบัติตามกระบวนการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัล (Listing) เช่น มีการหารือกับส่วนงานที่เกี่ยวข้อง และการขอ Profile listing ID ก่อนที่จะนำเข้าสู่ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัทฯ เป็นต้น เพื่อให้กระบวนการดังกล่าวเป็นไปตามหลักการและขั้นตอนที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. นอกจากนี้ หลังจากที่ได้รับทราบประเด็นข้อสังเกตจากสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว บริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงการดำเนินการที่เกี่ยวข้องตามที่ได้รับแจ้งแล้ว

3. บริษัทฯ มีการติดตามความคืบหน้าของการพัฒนาโครงการที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่เป็นประจำ และมีการแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบผ่านช่องทางของบริษัทฯ อย่างสม่ำเสมอ

“บิทคับ ยืนยันได้ตระหนักถึงหลักบรรษัทภิบาลมาโดยตลอด ซึ่งให้ความสำคัญและยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม โดยถือประโยชน์ของลูกค้า นักลงทุน ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายเป็นที่ตั้ง รวมทั้งมีการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและมาตรฐานในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ดีให้เกิดขึ้นต่อไป”

เจ้าของตลาดออกเหรียญเองไม่รวย?

นอกจากนี้ การกำหนดและให้คะแนนเหรียญเอง แถมยังเอามาเข้าซื้อขายบนกระดานของตัวเองมันก็ชวนให้น่าคิดว่าจะช่วยทำให้ราคาเหรียญ KUB ปรับตัวขึ้นได้ง่ายหรือเปล่า? เหมือนแข่งรถยนต์ที่เจ้าของสนามแข่งรถ มีรถแข่งของตัวเองมาเข้าร่วมแข่งขันด้วย ความได้เปรียบ หรือประโยชน์ หรือสิทธิพิเศษมันย่อมมีมากกว่าปกติ งานนี้มีแต่ได้กับได้ หรือทับซ้อนกันแบบ Conflict of interest หรือไม่?

อย่างไรก็ตาม สงสารก็แต่นักลงทุนรายย่อยจะไม่ทันเกมส์ เมื่อคนคุมกระดานเป็นเจ้าของเดียวกับเหรียญ ดังนั้นแค่เรื่องนี้ก็ไม่น่าแปลกใจที่ก.ล.ต.จะมีคำสั่งให้ชี้แจงแก้ไข เพื่อให้มันโปร่งใส และควรเป็นเรื่องที่ “บิทคับ” ต้องทำให้กระจ่าง

ซ่าส์ได้เพราะมีกุนซือช่วย

ย้อนกลับมาที่คำสั่งแก้ไขการคัดเลือกและอนุมัติเหรียญ KUB เข้ามาซื้อขายบนกระดาน “บิทคับ ออนไลน์” แว่วมาว่าในการประชุมครั้งนั้น (30 มิ.ย.2565) เฉพาะเรื่องเหรียญ KUB ที่ประชุมคณะกรรมการก.ล.ต.มีการถกเหตุผลกันแบบมาราธอนร่วม 3 ชั่วโมงกว่าจะมีมติเคาะออกมาเป็นคำสั่งดังกล่าวได้ ลือกันว่ามีความคิดเห็นที่แยกกันเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งต้องการให้มีการแก้ไขชี้แจง แต่อีกฝ่ายออกตัวแทน “บิทคับ” ว่าที่ทำมาตลอดนั้นถูกทางแล้ว

รายงานว่าในฝั่งที่ออกกมาแก้ต่างให้ “บิทคับ” ล้วนเป็นทีมงานของอดีตมือดีของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ทำงานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของ ก.ล.ต.มาตั้งแต่ต้น ได้ลาออก และผันตัวมาเป็นที่ปรึกษาให้กับ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ “บิทคับ” จึงมีความเกรงใจหรือให้ความเคารพในฐานะเจ้านายเก่า

จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ทิพยสุดา ถาวรามร รองเลขาธิการสำนักงาน ก.ล.ต. ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปี 2562 ก่อนจะลาออกจาก ก.ล.ต. และผันตัวมาเป็นที่ปรึกษาและกรรมการให้กับบริษัทเอกชนหลายแห่ง อาทิ กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปี 63 ถึงปัจจุบัน,กรรมการอิสระ ประธานกรรมการ ประธานกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน บริษัท โกลบอลคอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน), กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลูชิต้า คอนซัลติ้ง จำกัด รวมถึงที่ปรึกษา บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และอีกหลายบริษัท

ขณะที่ดำรงตำแหน่งรองเลขา สำนักงาน ก.ล.ต.นั้น ทิพยสุดา นับเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญและโดดเด่น รวมเป็นคีย์สำคัญคนหนึ่งของ ก.ล.ต. โดยก่อนลาออกนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงาน ก.ล.ต. ได้มอบโล่ประกาศเกียติคุณ ในพิธีเชิดชูเกียติ เพื่อแสดงความขอบคุณในฐานะผู้มีคุณูปการต่อ ก.ล.ต.ด้วย เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2562

ว่ากันว่า “ทิพยสุดา” หลังจากลาออกจากรองเลขาฯ ก.ล.ต. ยังคงคลุกคลีอยู่ในแวดวงสินทรัพย์ดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซี ที่ตนเองมีความชำนาญ โดยได้เข้าไปช่วยงานในสมาคมฟินเทคประเทศไทย ที่มี “กรณ์ จาติกวณิช” เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและชักชวนให้เข้ามาร่วมงาน ซึ่งในสมาคมฯ เองก็มีนักธุรกิจรุ่นใหม่ในแวดวงคริปโตฯ เข้ามาร่วมงานด้วย ซึ่งรวมถึง “ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ก็นั่งเก้าอี้กรรมการบริหารของสมาคม ทำให้ไม่น่าใช่เรื่องแปลกใจที่อดีตมือดี ก.ล.ต.จะเข้ามาให้คำแนะนำช่องทางต่างให้แก่ “บิทคับ” เพื่อให้สะดวกโยธินในการตรวจสอบของ ก.ล.ต.

ความจริงผู้เล่นกับกรรมการไม่ควรร่วมก๊วนเดียวกัน เพราะนั่นย่อมช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้เล่นรู้ลึกถึงช่องทางต่างที่ๆ จะหลบเลี่ยง เกณฑ์หรือกฎในการควบคุมของ regulator อย่าง ก.ล.ต.ได้ รวมไปถึงความเกรงใจแฝงที่เกิดขึ้นในบรรดาทีมงานที่ยังอยู่ในก.ล.ต.ของอดีตมือถือ ทำให้ไม่กล้าที่จะดำเนินการหรือเกรงใจเสมอหากมีเรื่องที่ชวนสงสัยเกิดขึ้น ดังนั้นงานนี้หนีไม่พ้นที่ก.ล.ต.จะถูกครหาว่าโดนล้วงลูก เมื่อเจ้าหน้าที่เกรงใจผู้เล่น จนอาจกลายเป็นสปายแฝงอยู่ในองค์กร ย่อมทำให้การผ่อนปรนกฎเกณฑ์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดขึ้น เพื่อเอื้อเฟื้อ หรือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และถือเป็นเรื่องสำคัญที่ Regulator ควรออกมาแสดงความโปร่งใส งานนี้ คนที่ได้กับได้มีแต่ “บิทคับ” สร้างสัมพันธ์กับคนแค่คนเดียว ก็เหมือนได้คนของ ก.ล.ต.มาครึ่งโต๊ะ

Source

]]>
1396136
เบื้องหลัง SCBX เท “บิทคับ” คริปโตดิ่งเหว-โดนโทษบ่อย-ปั่นเหรียญ KUB-บัญชีม้า-สองมาตรฐาน-การตลาดยุเยาวชน-ธรรมาภิบาลมีปัญหา https://positioningmag.com/1392049 Mon, 11 Jul 2022 05:35:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1392049 บทความโดย ibit ผู้จัดการออนไลน์
เบื้องหลังไทยพาณิชย์เทบิทคับตลาดคริปโตฯดิ่งเหว และ ด้วยวีรกรรมของยูนิคอร์นรายนี้เอง ทั้งจากการถูก ...ลงโทษและถูกปรับกว่า 11 ครั้ง ผู้บริหารขาดธรรมาภิบาลระบบงานมีปัญหา ตรวจพบบัญชีม้า นอมินี สร้างดีมานด์เทียม ปั่นราคา ให้คะแนนเหรียญ KUB ตัวเองเวอร์ สองมาตรฐาน อุ้มแต่รายใหญ่ ทิ้งรายย่อย เก็บค่าต๋งแพงลิบค่าธรรมเนียมเอาเปรียบ การตลาดที่ปลุกปั่นต้อนเยาวชน

ดูท่าฝันจะค้างเสียแล้วสำหรับกลุ่มบิทคับเมื่อยานแม่กลุ่มไทยพาณิชย์ในนาม บริษัท เอสซีบีเอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX เริ่มลังเลเปิดตู้เซฟควักเงิน 1.78 หมื่นล้านบาทจ่ายแลกหุ้น 51% ใน บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด หรือ Bitkub กระดานเทรดคริปโตเคอร์เรนซี อันดับหนึ่งของไทย จนแวดวงตลาดทุนต่างพากันเชื่อว่า งานนี้ก็คือการบอกเทแบบสุภาพนั่นเอง

ขณะที่แวดวงรายย่อยทั้งสายหุ้นและสายเหรียญต่างก็บ่นอุบเพราะโดนแกงโดย ณ ช่วงเวลานี้หลายฝ่ายมีความเชื่อว่าดีลดังกล่าวมีโอกาสล่มที่สูงมาก เพราะหากพิจารณาจากสำนวนตัวอักษรที่ธนาคารไทยพาณิชย์ออกมาให้ข้อมูลแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา (8 ..65) พอจะจับประเด็นได้ว่า กำหนดการเดิมที่หมายมั่นจะสู่ขอ Bitkub ขึ้นมาอยู่ในยานแม่ SCBX ไม่สามารถเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในไตรมาสแรกปีนี้ นั่นเพราะดีลดิลิเจนท์ที่เข้าไปส่องดูบิทคับมานานกว่า 6 เดือนข้อมูลในการตรวจสอบที่ได้รับ น่าจะเป็นที่ไม่น่าพึงพอใจของฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะในส่วนสาระสำคัญที่น่าจะเกิดปัญหา หรือไม่เป็นไปตามที่ต่างฝ่ายต่างคาดหวังไว้ระหว่างกัน

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือคำยืนยันจากไทยพาณิชย์ว่ายานแม่ของกลุ่มอย่าง SCBX จะดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามกฏเกณฑ์และข้อกำหนดของ Regulator ที่เกี่ยวข้อง หรือพูดง่ายๆ ว่าออกมาย้ำจุดยืนของตนเองว่าจะไม่มีการแหกคอกเกิดขึ้น เพียงเพื่อหวังจะคว้าดีลๆ เดียว แต่อาจสร้างผลกระทบให้กับการดำเนินธุรกิจอื่นๆ ของกลุ่ม โดยเน้นย้ำในข้อความชี้แจงว่า ….. “ดีลดังกล่าวมีเงื่อนไขว่าผลการสอบทานธุรกิจของบิทคับ ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญต้องเป็นที่น่าพอใจและคู่สัญญาได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้นครบถ้วน

ก่อนจะปิดท้ายอย่างสุภาพว่าปัจจุบันยังอยู่ระหว่างกระบวนการสอบทางธุรกิจ และระหว่างการหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง โดยมีการขยายเวลาการเข้าทำธุรกรรมออกไปจากกำหนดการเดิม แบบไม่ขอระบุช่วงเวลาที่ชัดเจนจนอาจรัดคอตนเอง นั่นทำให้โอกาสรับทรัพย์ก้อนโตของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ในบิทคับเป็นอันต้องฝันค้างเอาไว้ต่อไป รวมศิริอายุของดีลผ่านพ้นมาแล้ว 8 เดือน จากวันที่เขย่าวงการตลาดทุน หรือตลาดคริปโตฯไทยเมื่อเมื่อวันที่ 2 .. 64 

ผู้ถือหุ้นโล่งไม่ต้องจ่ายโอเวอร์?

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน พบว่า นักลงทุนต่างมีความคิดเห็นที่หลากหลาย โดยในกลุ่มที่ลงทุนในหุ้นของ SCB ณ ช่วงเวลานี้ส่วนใหญ่พอใจกับข้อมูลที่ชี้แจงออกมา เนื่องจากเชื่อว่าการเข้าลงทุนในบิทคับในช่วงเวลานี้มีความเสี่ยงทั้งจากสภาวะตลาดเหรียญคริปโตฯ ที่อยู่ในช่วงขาลงในทุกตลาดทั่วโลกนั่นย่อมส่งผลให้มูลค่าของเหรียญ KUB Coin ลดลงไปในทิศทางเดียวกับเหรียญอื่นๆ และนั่นย่อมส่งผลให้จำนวนผู้เข้ามาลงทุนผ่านกระดานเทรดบิทคับ ออลนไลน์อ่อนตัวลงไปด้วย ซึ่งน่าจะมีผลให้มูลค่าในการเข้าซื้อหุ้น 51% ด้วยเม็ดเงิน 1.78 หมื่นล้านบาทไม่สมเหตุสมผล

ขณะเดียวกันบางส่วนยังเชื่อว่า เหตุผลที่ SCB เลื่อนการเข้าลงทุนเป็นเจ้าของกระดานเทรดเหรียญ น่าจะมาจากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่เป็นไปตามที่ทั้งสองฝ่ายคาดการณ์ไว้ หรือไม่ตรงปกอาทิเรื่องของอัตราการเติบโตของธุรกิจ หรือกรณีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของดีลที่เจรจาร่วมกันไว้ 

เพราะที่ผ่านมานอกเหนือจากข่าวดีในด้านการขยายตลาดและการเติบโตธุรกิจ Bitkub ข่าวด้านลบออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการถูกกล่าวโทษ หรือถูกปรับจาก regulator อย่างคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (...) ตลอดจนแผนการตลาดซึ่งเป็นที่ค้านสายตาหลายต่อหลายคน โดยเฉพาะการเชิญชวนเข้ามาลงทุนในเหรียญ KUB ด้วยเม็ดเงินเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับโอกาสของผลตอบแทนในอนาคต “10บาทก็ลงทุนได้จนถูกใครต่อใครมองว่าเป็นบ่อนพนัน หนำซ้ำยังแทรกซึมเข้าไปในสถานศึกษาต่างๆ เข้ามาลงทุน

มูลค่าการเข้าลงทุนรอบนี้สูงมาก ช่วงประกาศข่าวออกมาถือว่าเป็นปรากฏการณ์แก่ตลาดทุนและตลาดเหรียญคริปโตฯ เลยก็ว่าได้ แต่เอาเข้าจริงๆ เมื่อเทียบกับ Binance รายใหญ่ระดับโลกที่จับมือกับ Gulf บริษัทจดทะเบียนใหญ่ในตลาดหุ้นร่วมกันจัดตั้งธุรกิจหลายคนเริ่มมองว่าลงทุนได้ฉลาดกว่า และใช้ต้นทุนได้ต่ำกว่ามาก

ตลาดคริปโตดิ่งเหวมูลค่าลดฮวบ

นอกจากนี้ หลายฝ่ายเชื่อว่า หากดีลดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้จริงราคาที่ใช้ในการซื้อขายหุ้น 51% ไม่ควรจะเป็น 1.78 หมื่นล้านบาทเหมือนตอนแรก เมื่อเทียบกับสภาวะตลาดคริปโตฯในปัจจุบันที่ดิ่งเหว ดังนั้นหากดันทุรังตัวเลขเดิมในการดีลอาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของผู้ซื้อ

อย่างไรก็ดี ตัวเลขที่ประเมินกันในตอนแรกที่ 1.78 หมื่นล้าน ว่ากันว่า เป็นตัวเลขที่สูงเกินจริงไปมากอยู่แล้ว ขณะนั้นบิทคับได้โชว์ตัวเลขผลประกอบการที่ระบุว่า สามารถทำกำไรได้ปีละกว่า 2 พันล้าน โดยมีอัตราการเติบโตกว่า 1,000% ตลอดสามปีที่ผ่านมา ทว่า นับแต่ค้นปี65 จนถึงปัจจุบัน ปรากฏว่า ภาวะตลาดคริปโตฯผันผวนตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นทำให้มูลค่า และโอกาสทำรายได้ของบิทคับก็ลดลงตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

Photo : Shutterstock

แม้ว่าตลาดจะตกต่ำ และแม้ว่า บิทคับ จะมีปัญหาอย่างไร 7-8 เดือนที่ผ่านมา ผู้บริหารไทยพาณิชย์ กลับไม่แสดงท่าทีจะบอกให้ชัดเจนว่า จะไปต่อ หรือ พอกันทีกับดีล บิทคับ ไม่ยอมตอบกระทั่งข้อซักถามของผู้ถือหุ้นในการการประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา จนปล่อยให้มีข้อสังสัยกันเรื่อยมาว่า เพราะอะไร?

ว่ากันว่า ที่ SCBX ยื้อเวลามานานไม่ปล่อยมือจากบิทคับ มีคำถามว่า นั่นเพราะ นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กับ นายจิรายุส หรือ ท๊อป ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง บิทคับ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันดี ใช่หรือไม่? ซึ่งที่ผ่านมา ทราบกันดีว่า นายอาทิตย์ เป็นผู้ผลักดันดีลนี้มาตั้งแต่ต้น ออกตัวแรงว่าต้องการจะให้ธนาคารซื้อหุ้นของบิทคับ โดยพยายามโน้มน้าวผู้บริหารไทยพาณิชย์คนอื่นๆ ให้เห็นด้วย ทั้งๆ ที่หลายคนก็ฝืนใจโดยไม่เห็นด้วยนัก

ส่วนฝั่งท๊อป จิรายุส ผู้ขาย หากดีลนี้ไม่เกิดขึ้น นอกจากจะฝันค้างถึงเม็ดเงินที่จะไหลเข้ากระเป๋าส่วนตัวหลายพันล้าน ย่อมต้องมีผลกระทบเกิดขึ้นกับพาร์ตเนอร์ธุรกิจรายอื่นๆ ที่เข้ามาแล้ว และกำลังจะเข้ามาร่วมมือในอนาคต

การได้อยู่ใต้ร่มเงาของ SCBX ย่อมช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทำให้การเรียกร้องราคาความร่วมมือย่อมโก่งราคาได้มากกว่า แต่ถ้าไม่ได้อยู่ในส่วนหนึ่งของแผนยานแม่ มูลค่าที่พันธมิตรรายอื่นๆ ที่ควักจ่ายไว้อาจต้องมีเงินทอนคืน หรือความน่าสนใจเข้าร่วมมือที่ลดลง นอกจากนี้ ด้วยเงื่อนไขสัญญาที่พันธมิตรจะต้องมีการลงทุนในเหรียญ KUB แม้จะเคยออกมาการันตีรับซื้อคืนในราคาเดิม แต่ระยะเวลาที่ต่างกัน และสถานการณ์ที่ต่างกัน บางทีเงินที่ประกาศรับซื้อคืนในราคาเดิมก็อาจสร้างปัญหาในอนาคตได้เช่นกัน

วีรกรรมบิทคับทำพิษ

จริงๆ มีหลายฝ่ายเห็นว่า ไทยพาณิชย์ ไม่ควรจะซื้อบิทคับตั้งแต่แรกแล้ว เพราะถ้าไม่นับตลาดคริปโตฯที่ดิ่งนรก ด้วยการกระทำของตัวเองของบิทคับในช่วงที่ผ่านมา และจากการเข้าไปตรวจสอบของธนาคารเองก็น่าจะได้เห็น ว่า ภาพที่สร้าง ไม่เหมือน ภาพจริงที่ปรากฏ ใช่หรือไม่ ป้ายโฆษณาชวนเชื่อมต่อโลกอนาคตของนายท็อปที่ติดอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองอย่างสวยหรู ภาพจริง Bitkub ถูกตรวจสอบ หรือถูกติดตามการกระทำในหลายด้าน ดังที่ “ibit” เคยวิเคราะห์และไล่เรียงให้ฟังดังนี้

สร้างวอลุ่มเทียมเรียกแขกเข้าวง

โดยสามารถสรุปได้ อาทิ 1.ปั่นวอลุ่มเทียมหลอกนักเทรด จากกรณี ก...ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 3 ราย กรณีสร้างปริมาณเทียมสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Bitkub (ศูนย์ซื้อขาย Bitkub) ของบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด โดยให้ผู้กระทำผิดชำระเงินรวม 24.16 ล้านบาท พร้อมกับกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการ หรือผู้บริหาร

เนื่องจาก ก..ต พบเหตุสงสัยว่า อาจมีการสร้างปริมาณเทียมในศูนย์ซื้อขาย Bitkub จึงได้ตรวจสอบโดยพบการกระทำเข้าข่ายเป็นความผิดของบุคคล 3 ราย ได้แก่ (1) บริษัท บิทคับ (2) นายอนุรักษ์ เชื้อชัย (Market Maker) ร่วมกันในการส่งคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล อันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับปริมาณการซื้อหรือขาย (3) นายสกลกรย์ สระกวี ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้มีอำนาจจัดการของบริษัท สั่งการ หรือกระทำการหรือไม่สั่งการหรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำ เป็นเหตุให้บริษัท บิทคับ กระทำความผิดดังกล่าวในช่วงก..2562

ระบบงานและบริการที่ยังมีปัญหา

ประเด็นถัดมาที่หลายฝ่ายเชื่อว่ามีผลต่อการตัดสินใจดีล SCBX ถูกให้น้ำหนักไปที่ระบบสารสนเทศ และรับงานให้บริการลูกค้าที่เคยมีปัญหาจนถูก ก...สั่งให้ดำเนินการแก้ไข อาทิ ในช่วงเดือนมกราคม 2564 “บิทคับ ออนไลน์ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รายงานเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อระบบสารสนเทศที่มีความสำคัญ ประเภทระบบหยุดชะงัก (system disruption) ต่อสำนักงานล่าช้ากว่าระยะเวลาที่ประกาศกำหนด เป็นจำนวน 6 ครั้ง

ถัดมาวันที่ 8 .. – 7 มี.. 2564 “บิทคับมีระบบงานในการกำกับดูแลการปฏิบัติงานของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (compliance) “ไม่รัดกุมเพียงพอ” ที่จะทำให้บริษัท บิทคับ สามารถประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก่อนหน้านั้นวันที่ 28 .. 2563 – 20 .. 2564 “บิทคับ ออนไลน์มีระบบงานที่เกี่ยวกับการรับและจัดการข้อร้องเรียน และการจัดให้มีช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า รวมทั้งจำนวนและความรู้ความสามารถของบุคลากรไม่เหมาะสมและเพียงพอให้บิทคับประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (trading rules) ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก...

หรือเหตุการณ์ในช่วง วันที่ 2 -21 .. “บิทคับ ออนไลน์มีระบบงานที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย ระบบรับฝากและถอนทรัพย์สิน และระบบการแสดงยอดทรัพย์สินของลูกค้า ไม่เหมาะสมและเพียงพอให้บิทคับประกอบธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ เป็นต้น จนทำให้ถูก ก...กล่าวโทษ หรือมีคำสั่งปรับเงิน และคำสั่งอื่น ๆ เข้ามาควบคุมอีกมากมาย

ป้ายโฆษณาชวนเชื่อเชื่อมต่อโลกอนาคต ที่ติดตามตอม่อ บนทางด่วน และท้องถนน ยังคงมีให้เห็นเต็มบ้านเต็มเมือง ขณะที่ “SCBX” ประกาศเลื่อนดีลซื้อหุ้นบิทคับออกไปอย่างไม่มีกำหนด

ตรวจพบ บัญชีม้านอมินี

จากการตรวจสอบของ ก... ยังพบว่า บิทคับเคยมีปัญหาปรากฏเหตุระบบการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัทขัดข้องในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2563 ต่อเนื่องถึงต้นเดือนมกราคม 2564 อันส่งผลกระทบก่อให้เกิดความเสียหายต่อลูกค้าของบริษัทเป็นวงกว้าง

คณะกรรมการ ก... ในการประชุมครั้งที่ 3/2564 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 สั่งการให้บริษัทระงับการเปิดรับลูกค้าใหม่ รวมถึงลูกค้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการยืนยันหรือเพื่อพิสูจน์ตัวตนเพื่อเปิดบัญชี หรือ KYC

มีข้อสังเกตว่า บิทคับตอนนั้นปล่อยผี การเปิดบัญชีไม่เป็นไปตาม ก... กำหนดโดยเฉพาะกรณีลูกค้าที่จัดอยู่ในกลุ่มประเภทที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการพิจารณารับลูกค้าของบริษัทก่อน

ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ และหากที่ก่อนนี้ ผู้ก่อตั้งบิทคับ ระบุว่า บริษัทมีลูกค้าเพิ่มขึ้นกว่าจำนวนมากหลัง BX ปิดตัวไปหลายแสนบัญชีที่เข้ามาในช่วงระหว่างนั้น ผ่านระบบ KYC เข้ามาได้อย่างไร? และใครเลยจะรู้ได้ว่า บัญชีกว่า 3 ล้านบัญชีที่บิทคับกวาดมาจะมีบัญชีตัวแทน หรือนอมินีหรือบัญชีม้า อยู่มากน้อยแค่ไหนหลุดลอดมา

Photo : Shutterstock

...ยังระบุว่า การพิสูจน์ตัวตนของลูกค้า และผู้รับประโยชน์ที่แท้จริงของลูกค้าบิทคับ (“enhanced KYC/CDD”) ของกลุ่มลูกค้าที่เป็น “market maker” จำนวน 17 ราย พบว่า  มีจำนวน 4 รายที่ไม่รัดกุม โดยบริษัทยังไม่ได้ enhanced KYC/CDD ซึ่งลูกค้า 4 รายดังกล่าวมียอดทรัพย์สินเป็นเงินสดและเหรียญเป็นจำนวนมากไม่สอดคล้องกับเอกสารหลักฐานที่แสดงศักยภาพทางการเงินของลูกค้าที่นำมา

ประเด็นนี้มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจาก การพิสูจน์ตัวตนไม่ได้ว่าลูกค้าเป็นใคร หรือมีบัญชีม้า หรือนอมินีจำนวนมากในตลาด ย่อมทำให้เปิดช่องในการฟอกเงิน เลี่ยงภาษี ทำราคาซื้อขาย หรือปั่นเหรียญ ทำรายการที่ไม่เหมาะสม หรือธุรกรรมที่กระทำการผิดกฎหมาย

เรื่องนี้มีตัวอย่าง ของ อีลอน มัสก์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทเทสลา และสเปซเอ็กซ์ ที่เพิ่งประกาศ ตัดสินใจยุติการยื่นข้อเสนอมูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้อกิจการทวิตเตอร์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดัง เมื่อวันศุกร์ (8 ..) เพราะพบว่ามีการละเมิดข้อตกลงหลายอย่าง

โดยมัสก์ระบุว่า สาเหตุที่ไม่ไปต่อกับข้อตกลงซื้อกิจการนี้ก็เพราะทวิตเตอร์ล้มเหลวในการให้ข้อมูลที่เพียงพอเรื่องการ สแปม และบัญชีผู้ใช้ปลอม หรือ บัญชีม้า นั่นเอง

KUB Coin ไม่มีมาตรฐาน

เงื่อนงำของบิทคับยังไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะเพียงแค่เมื่อ ก...ประกาศมาตรการลงโทษผู้บริหารของบิทคับกับ Market Maker ได้ไม่เท่าไรก็มีคำสั่งออกมาอีกฉบับบิทคับ ออนไลน์แก้ไขการคัดเลือกและอนุมัติเหรียญ KUB เข้ามาซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 โดยให้ Bitkub ประสานกับบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (BBT) ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญ KUB ดำเนินการแก้ไขมาตรฐานเทคโนโลยีของโปรเจกต์ของเหรียญ KUB ให้เป็นไปตามคะแนนที่ Bitkub ได้พิจารณาไว้เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 และให้ Bitkub แสดงหลักฐานอย่างชัดเจนต่อ ก... ว่า มาตรฐานเทคโนโลยีของโปรเจคของเหรียญ KUB เป็นไปตามคะแนนที่ Bitkub ได้พิจารณาไว้

เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 เมื่อ Bitkub ได้พิจารณาอนุมัติเหรียญ KUB เข้ามาให้บริการซื้อขายในศูนย์ซื้อขายฯ ของ Bitkub โดยที่เหรียญ KUB มีคุณสมบัติไม่ถึงเกณฑ์ที่จะได้รับอนุมัติเข้ามาซื้อขายตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัล (Listing Rule) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก...

Photo : Shutterstock

นั่นทำให้ ก... ได้ตรวจสอบการคัดเลือกเหรียญ KUB แล้ว พบว่า Bitkub มีการให้คะแนนการคัดเลือกเหรียญ KUB เพื่ออนุมัติให้เข้ามาซื้อขายในศูนย์ซื้อขายฯ ของ Bitkub ไม่เป็นไปตาม Listing Rule ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก... ขณะเดียวกัน Bitkub ได้ให้คะแนนในเรื่องมาตรฐานเทคโนโลยีของโปรเจกต์ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานและไม่เคยมีมาก่อนแต่ไม่ปรากฏหลักฐานและเอกสารที่แสดงให้เห็นว่า เหรียญ KUB มีเทคโนโลยีดังกล่าวอยู่จริง

ให้คะแนนเหรียญตัวเองเวอร์

นอกจากนี้ Bitkub ยังให้คะแนนในหัวข้อการระดมทุนและหัวข้อส่วนลด Pre-ICO Sale ที่ไม่สอดคล้องกับลักษณะของเหรียญ KUB ด้วย จึงทำให้ ก... เห็นว่า คะแนนการคัดเลือกเหรียญ KUB โดยรวมไม่ถึงเกณฑ์ที่จะอนุมัติเข้ามาซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเมื่อราคาเหรียญ KUB จะดิ่งลงมาต่ำกว่า 100 บาท/เหรียญ หลังจาก ก...มีคำสั่งดังกล่าวออกมา เรียกได้ว่าผลกรรมของบิทคับกำลังทยอยถูกเปิดเผยออกมาตามกรรมที่ได้กระทำไว้อย่างต่อเนื่อง

แต่สิ่งที่ชวนให้น่าติดตามต่อสำหรับประเด็นดังกล่าว คือ การแก้ไขคะแนนของเหรียญ KUB Coin ให้ต้องกับเงื่อนไขของ ก...จะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันได้หรือไม่ และเมื่อแก้ไขได้จะมีผลต่อราคาเหรียญในปัจจุบันมากน้อยเพียงใด

ขณะเดียวกันหากไม่สามารถแก้ไขได้ เหรียญ KUB จะสามารถซื้อขายบนกระดานเทรดต่อไปได้หรือไม่ รวมไปถึงนักลงทุนที่ถือเหรียญอยู่จะได้รับความยุติธรรมจากผลที่เสียหายที่เกิดขึ้นได้หรือเปล่า?

ลาก Kub Coin ขึ้นไปถึง 1,833%

Kub Coin เปิดตัวเมื่อวันที่ 20 ..2564 แต่ไม่ได้สวยหรูอย่างที่นักเทรดคิด โดยการซื้อขายเปิดด้วยตัวแดงจากการเทขายอย่างหนัก ราคาร่วงจาก 30 บาทไหลรูดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดที่ 12 บาท นักวิเคราะห์มองว่า นั่นคือภาพสะท้อนความเชื่อมั่นและปัจจัยพื้นฐานที่มีต่อ Kub Coin และเจ้ามือถือโอกาสทำกำไรตั้งแต่แรกเลย

แต่ราคา Kub Coin ที่เปิดตัวไม่สวยด้วยแดงเลือดสาดทำให้บรรดานักลงทุนเรียกร้องผ่านโซเชียลทวีตข้อความเรียกร้องให้ท๊อป จิรายุส ที่สร้างตัวตนให้แฟนคลับบนโลกออนไลน์รับรู้ถึงคนที่จะเปลี่ยนโลก เปลี่ยนชีวิตนักเทรด ให้เชื่อมั่นในเหรียญ Kub ออกมาช่วยเหรียญหน่อย ซึ่ง ท๊อป ก็ขานรับได้โพสต์ลงทวิตเตอร์ว่าเดี๋ยวคอยดูกัน

ว่ากันว่า ใน 2 วันแรกที่ KUB Coin สามารถขายได้ 50 ล้านเหรียญ จากนั้นราคาก็ร่วงลงมาเหลือ 13-14 บาท เนื่องจาก ก... มองเห็นสัญญาณอันตราย จึงตั้งกฎว่า ห้ามบุคคลที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ซื้อขายออกเหรียญเองเทรดเอง เพราะขัดแย้งผลประโยชน์ แม้จะไม่มีผลย้อนหลัง แต่ทำให้ศูนย์ซื้อขายอื่นๆ ทำไม่ได้จนเกิดเป็นดราม่ากัน

หลังจากนั้น ปรากฏในเวลาต่อมาเพียง 1 เดือน บิทคับต้องออกประกาศไวท์เปเปอร์ V2 ออกมา ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญ คือ การเผาเหรียญทิ้ง 89% หรือ จาก 1,000 ล้านเหรียญให้เหลือเพียง 110 ล้านเหรียญ เพื่อดึงราคา และสภาพคล่องให้ Kub Coin

ทว่า จุดเปลี่ยนของ Kub Coin ก่อนที่ราคาถูกปั่นทะลุเมฆต้องบอกว่า มาจากข่าวการเข้ามาซื้อหุ้นของผู้เล่นรายใหญ่ SCBX ค่ำคืนวันที่ 2 .. 2564 ราคาเหรียญขยับจากเดิมที่ระดับ 30-33 บาทต่อ 1 เหรียญ พุ่งสูงขึ้นถึง 98 บาทต่อเหรียญ หรือกว่า 196%

แต่หลังจากราคา KUB Coin ขึ้นไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันที่ 28 .. 64 ที่ราคา 580 บาท หรือเพิ่มขึ้นกว่าราคาตั้งต้นกว่า 1,833% ได้ไม่นาน ก็มีแรงเทขายอย่างหนักในช่วงเช้าวันที่ 30 ..2564 ส่งผลให้ราคาเหรียญดิ่งเหวลงไปอยู่ต่ำสุดของวันที่ 150 บาท หรือ ร่วงไป 70%

สองมาตรฐาน รายย่อยตาย อุ้มรายใหญ่

ขณะเดียวกันยังมีข่าวประเภทบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่ไหลออกมาต่อเนื่อง อย่างเช่น ล่าสุด ในกรณีของ บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ PROEN และ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ลงทุนเหรียญ KUB Coin เข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับบิทคับเพื่อวัตถุประสงค์การเป็นพาร์ตเนอร์ในการเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Validator Node) ในระบบการตรวจสอบธุรกรรมบล็อกเชน (Block chain)

โดย บมจ.โปรเอ็น คอร์ป ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล จำนวน 2.5 แสนเหรียญ ในราคาลงทุนเฉลี่ยเหรียญละ 291 บาท (ประมาณ 72.9 ล้านบาท) เมื่อราคาเหรียญปรับตัวลงมา ล่าสุด ( 31 ..) ราคาเหรียญเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 112 บาทต่อ 1 เหรียญ นั่นทำให้มูลค่าลงทุนของ PROEN ลดลงไปประมาณ 179 บาท หรือกว่า 159%

ส่งผลให้นักลงทุนที่ถือหุ้น PROEN ตัดสินใจเทขายหุ้นออกมา เนื่องจากกังวลว่าบริษัทจะได้รบผลกระทบจากการลงทุนในเหรียญ KUB ทำให้ผู้บริหารบริษัทต้องออกมาชี้แจง (31 ..) ว่า การร่วมลงทุนกับ Bitkub นั้นมีข้อตกลงในการยืนยันการรับประกันราคาซื้อคืนขั้นต่ำเมื่อครบกำหนดภายในวันที่ 31 .. 2566 ที่ไม่ต่ำกว่าราคาต้นทุน แต่หากราคาซื้อขายสูงกว่าบริษัทจะได้รับส่วนต่างกำไรทั้งหมด

Closeup – Woman is checking Bitcoin price chart on digital exchange on smartphone, cryptocurrency future price action prediction.

ขณะที่ บมจ.ทีวี ไดเร็ค หรือ TVD ทำสัญญาซื้อเหรียญ KUB Coin ที่ราคา 104.26 บาท/เหรียญ จำนวน 125,000 เหรียญ ใช้เงินทุนราว 13 ล้านบาท โดยทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงรองรับในระดับ 12% หรือจำนวน 15,000 เหรียญ ราคาซื้อคืนที่ 90 บาท ระยะเวลาสัญญา 1 ปี

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 2 กรณี ทำให้เริ่มมีหลายฝ่ายมองว่า เป็นการเอาเปรียบนักลงทุนทั่วไปหรือไม่? เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ต้องยอมรับความเสี่ยงต่อการขึ้นลง หรือความผันผวนของราคาเหรียญด้วยตนเอง และบิทคับก็ไม่มีมาตรการอะไรออกมารับรอง

คำถามก็คือ พฤติการณ์ช่วงโปรโมชัน KUB ราคาดิ่งเหว ช่วยเหลือพันธมิตรด้วยการอุ้มสมประกันราคา โดยที่มีมาตรฐานไม่เท่ากันกับรายย่อยที่อยู่บนดอยสูงของเจ้าของเหรียญ KUB เพื่อดันราคาของ KUB ให้สูงขึ้น เพื่อมิให้มูลค่าของตลาดซื้อขายคริปโตของบิทคับดูราคาต่ำไปด้วย เพียงเพื่อให้ SCBX ไม่ทิ้งดีล

ค่าต๋งแพง โขกค่าธรรมเนียมสูง

บิทคับ เพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตสูงเป็นที่ต้องตาของ SCBX นั้น ถูกพบว่า บิทคับ คิดค่าธรรมเนียมในการเทรด 0.25% ไปกลับซื้อขาย เก็บค่าต๋ง 0.50% ถือว่าแพงกว่า กระดานเทรดคริปโตรายอื่นๆ หรือ อย่างไบแนนซ์กว่าเท่าตัว และเมื่อมีการทำรายการถอนบิทคับ จะคิดค่าธรรมเนียม 20 บาทต่อรายการกับนักลงทุน ซึ่งว่ากันว่าเป็นค่าธรรมเนียมที่มหาโหดที่คนในวงการการเงินมองว่า บิทคับเอากำไรเกินควร ทั้งๆ ที่แบงก์คิดค่าธรรมเนียมค่าบริการกับบิทคับเพียง 3 บาทต่อรายการ แต่บิทคับเอามาเรียกเก็บจากลูกค้าเพิ่มถึง 17 บาท

ปั่นเยาวชน มอมเมาด้วยการตลาด

สิ่งที่สังคมรับไม่ได้ และ เห็นว่า ไทยพาณิชย์ต้องคิดให้รอบคอบในการเข้าลงทุนเทกโอเวอร์บิทคับ ก็คือ การทำการตลาดของยูนิคอร์นรายนี้ที่ทำทุกวิถีทางที่จะได้ลูกค้ามาเปิดบัญชีเทรดกับตลาดตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่เยาวชนที่อ่อนด้อยประสบการณ์ ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่ไทยพาณิชย์จะได้รับคือ การซื้อบ่อนพนัน

จากทั้งหมด บทสรุปของบิทคับ จากสตาร์ทอัป อัปเกรดขึ้นมาเป็นยูนิคอร์นภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยการขี่กระแสขาขึ้นของบิตคอยน์พร้อมกับความพยายามในการสร้างลัทธิหรือการสร้างภาพให้ธุรกิจและตัวของท๊อปจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ให้เป็นดั่งเจ้าลัทธิที่ปลุกเร้าเจ้าของธุรกิจ ชนชั้นอีลิท และ คนดัง ด้วยการตั้งโปรแกรม “ Chosen1” ทุ่มงบประมาณการตลาดมากมายมหาศาล ชวนเชื่อให้เชื่อไปในแนวทางเดียวกันกับบิทคับ ว่า บิทคับคือผู้ที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลกการเงิน และเชื่อมต่ออนาคตด้วยนวัตกรรมใหม่ พร้อมกับการปูพรมกวาดต้อนนักลงทุนหน้าใหม่ไร้ประสบการณ์ นักเรียนมัธยม เด็กมหาวิทยาลัย ที่ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเองด้วยแคมเปญเช่น 10 บาทก็ลงทุนได้ สะท้อนให้เห็นว่า บิทคับนั้นเอาการตลาดนำหน้าเพื่อรายได้ เพื่อผลกำไรทางธุรกิจ มากกว่าผลลัพธ์การพัฒนาตลาดคริปโตฯ

ธรรมาภิบาลแบบนี้ ไทยพาณิชย์ ไม่เทไหวหรือ?

อ่านเพิ่มเติม

]]>
1392049
เทแบบสุภาพ SCBX แจ้ง ตลท.เลื่อนดีล “บิทคับ” ไม่มีกำหนด https://positioningmag.com/1391987 Fri, 08 Jul 2022 13:31:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1391987 เทแบบสุภาพ ธนาคารไทยพาณิชย์ แจ้งตลาดหลักทรัพย์ “SCBX” ประกาศเลื่อนดีลซื้อ “บิทคับ” มูลค่า 1.78 หมื่นล้านไม่มีกำหนด อ้างอยู่ระหว่างตรวจสอบธุรกิจ และหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่ใช้เวลานานกว่า 8 เดือน และตั้งเป้าจะจบดีลตั้งแต่ไตรมาสแรกที่ผ่านมา

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า จากหนังสือของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ EI 6400008 ลงวันที่ 2 พ.ย. 2564 เรื่องการเข้าลงทุนบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (มหาชน) หรือ บิทคับ ของ บริษัทที่ได้แจ้งว่าคาดการณ์ว่าธุรกรรมการซื้อขายหุ้นดังกล่าวจะสามารถดำเนินการได้เสร็จสิ้นภายในไตรมาสแรกของปี 2565 นั้น

บริษัท เอสซีบีเอกซ์ จำกัด (มหาชน) แจ้งถึงการเข้าทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นใน บิทคับ ดังกล่าวอยู่ภายใต้การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องและมีเงื่อนไขว่าผลการสอบทานธุรกิจของบิทคับ ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญต้องเป็นที่น่าพอใจและคู่สัญญาได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้นครบถ้วน

ทั้งนี้ ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างกระบวนการสอบทางธุรกิจและระหว่างการหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องโดยมีการขยายเวลาการเข้าทำธุรกรรมออกไปจากกำหนดการเดิม เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา ธนาคารไทยพาณิชย์ โดยกลุ่มเอสซีบีเอ็กซ์ แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ประกาศเข้าซื้อหุ้นของบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด หรือ Bitkub กระดานเทรดคริปโตเคอร์เรนซี อันดับหนึ่งของไทย ในสัดส่วน 51% มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 17,850 ล้านบาท โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2565

Source

]]>
1391987
ให้คะแนนเหรียญตัวเองสุดเวอร์ ก.ล.ต.ชี้เหรียญ KUB ขาดคุณสมบัติเทรด บี้ “บิทคับ” แก้ไขใน 30 วัน https://positioningmag.com/1390887 Fri, 01 Jul 2022 07:23:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1390887 บอร์ด ... ชี้ บิทคับ ให้คะแนนเหรียญตัวเองสุดเวอร์ KUB ขาดคุณสมบัติเข้ามาเทรดในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ขีดเส้นแก้ไขให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใน 30 วัน

คณะกรรมการ ก... ในการประชุมครั้งที่ 7/2565 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 อาศัยอำนาจตามมาตรา 35 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.. 2561 (... สินทรัพย์ดิจิทัลฯ) ออกประกาศฉบับที่ 108 / 2565 สั่งการให้ Bitkub แก้ไขการคัดเลือกและอนุมัติเหรียญ KUB ในการเข้ามาซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (ศูนย์ซื้อขายฯ) ของ Bitkub ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565

โดยให้ Bitkub ประสานกับบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (BBT) ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญ KUB โดยให้ BBT แก้ไขมาตรฐานเทคโนโลยีของโปรเจคของเหรียญ KUB ให้เป็นไปตามคะแนนที่ Bitkub ได้พิจารณาไว้เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 และให้ Bitkub แสดงหลักฐานอย่างชัดเจนต่อ ก... ว่า มาตรฐานเทคโนโลยีของโปรเจกต์ของเหรียญ KUB เป็นไปตามคะแนนที่ Bitkub ได้พิจารณาไว้

สืบเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 Bitkub ได้พิจารณาอนุมัติเหรียญ KUB เข้ามาให้บริการซื้อขายในศูนย์ซื้อขายฯ ของ Bitkub โดยที่เหรียญ KUB มีคุณสมบัติไม่ถึงเกณฑ์ที่จะได้รับอนุมัติเข้ามาซื้อขายตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัล (Listing Rule) ของ Bitkub ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ... 

โดย ก... ได้ตรวจสอบการคัดเลือกเหรียญ KUB แล้ว พบว่า Bitkub มีการให้คะแนนการคัดเลือกเหรียญ KUB เพื่ออนุมัติให้เข้ามาซื้อขายในศูนย์ซื้อขายฯ ของ Bitkub ไม่เป็นไปตาม Listing Rule ของ Bitkub ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ... โดย Bitkub ให้คะแนนในเรื่องมาตรฐานเทคโนโลยีของโปรเจคในระดับที่ “สูงกว่ามาตรฐานและไม่เคยมีมาก่อน แต่ไม่ปรากฏหลักฐานและเอกสารที่แสดงให้เห็นว่า เหรียญ KUB มีเทคโนโลยีดังกล่าวอยู่จริง 

นอกจากนี้ Bitkub ยังให้คะแนนในหัวข้อการระดมทุนและหัวข้อส่วนลด Pre-ICO Sale ที่ไม่สอดคล้องกับลักษณะของเหรียญ KUB ด้วย จึงทำให้ ก... เห็นว่า คะแนนการคัดเลือกเหรียญ KUB โดยรวมไม่ถึงเกณฑ์ที่จะอนุมัติเข้ามาซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้

ทั้งนี้หลังจากที่ทาง ก... ได้ออกประกาศฯ ล่าสุด ณ เวลา 23.15 . (30 มิ..) พบว่าราคาเหรียญ Kubcoin ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 92 บาท/เหรียญ จากราคาที่สูงที่สุดของวันนี้ที่ 107 บาท/เหรียญ

Source

]]>
1390887
เบื้องลึกดราม่า! ยูนิคอร์นไทย ฉาวไกลสู่ระดับอินเตอร์ ซื้อขายสองมาตรฐานงานถนัดเขาล่ะ https://positioningmag.com/1390099 Mon, 27 Jun 2022 03:44:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1390099 บทความโดย ibit ผู้จัดการออนไลน์
ปัดพัลวัล ปมดราม่าเดือด “พิมรี่พาย” ไลฟ์สดขายบัตร “ศึกแดงเดือด” ราคาถูก กดดันให้ “วินิจ” ออกมายอมรับผิดคนเดียว จับโป๊ะ “บิทคับ” เป็นผู้จัดร่วม ไม่ใช่แค่สปอนเซอร์ หวังฟันกำไร และสานฝัน “ท๊อป จิรายุส” ผู้คลั่งไคล้กีฬาฟุตบอล การตลาดผิดพลาด บัตรแพงลิ่ว ขายไม่ออก ต้องใช้ “พิมรี่พาย” ระบายสต็อก เชื่อแม่ค้าไม่โง่ ทุ่ม 400 ล้าน ซื้อตั๋วมาขายขาดทุนเกือบ 100 ล้าน

กรณี “พิมรี่พาย” น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนพัชร์ ไลฟ์สดขายบัตรศึกแดงเดือดในไทย “THE MATCH Bangkok Century Cup 2022” ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใบละ 20,000 บาท จำนวน 10,000 ใบ และใบละ 15,000 บาท อีก 10,000 ใบ ในราคาต่ำกว่าหน้าบัตร พร้อมกับแถมบัตรเข้าชมการซ้อมของ แมนยูฯ-ลิเวอร์พูล รวมถึงบัตรชมการซ้อมคอนเสิร์ตของ “แจ็คสัน หวัง” จำนวน 200 ใบด้วย

ประเด็นดังกล่าวได้ กลายเป็นดราม่าเดือดภายในชั่วข้ามคืน หลังบรรดาสาวกลิเวอร์พูล และแมนยูฯ ออกมากระหน่ำถึงความไม่ชอบมาพากล เรื่องแหล่งที่มาของบัตร และการเอารัดเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรมกับบรรดาแฟนบอลที่ซื้อบัตรก่อนหน้าในราคาเต็ม

จนทำให้ผู้จัดงานอย่าง บริษัท เฟรชแอร์เฟสติวัล จำกัด โดย วินิจ เลิศรัตนชัย ได้ออกมาชี้แจงถึงแหล่งที่มาของบัตรดังกล่าว และมีการขายให้ “พิมรี่พาย” ในราคาเต็ม ไม่มีส่วนลด แล้วนำไปทำการตลาดเองไม่เกี่ยวข้องกับผู้จัดแต่อย่างใด รวมถึงไม่มีการจำหน่ายบัตรเข้าชมวันซ้อมคอนเสิร์ต และไม่มีการจัดมื้อพิเศษกับนักฟุตบอลทั้งสองสโมสร และแจ็คสัน หวัง

รวมถึงได้รับการยืนยันจากสโมสรลิเวอร์พูล และแมนยูฯ เช่นกัน ไม่มีการจัดรับประทานอาหารมือพิเศษกับนักฟุตบอลทั้งสองสโมสร ไม่ได้อนุมัติการจำหน่ายบัตรดังกล่าว ขณะที่ต้นสังกัด แจ็คสัน หวัง (Team Wang records) ก็ได้ออกแถลงการณ์ในลักษณะเดียวกัน คือไม่มีบัตรกินข้าว รับประทานอาหารดินเนอร์ส่วนตัวกับ แจ็คสัน แต่อย่างใด และบริษัทไม่ได้อนุมัติการจำหน่ายดังกล่าว

จุดเริ่มต้นปัญหาความร่วมมือ “วินิจ – ท๊อป”

จุดเริ่มต้นก่อนจะกลายเป็นประเด็นร้อนนั้น น่าจะเกิดจากการที่ วินิจ เลิศรัตนชัย ต้องการจัดศึกแดงเดือดขึ้น และขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐ แต่ได้รับการปฏิเสธจนกลายเป็นดราม่ามาแล้วรอบหนึ่ง

ดังนั้น วินิจ จึงหันมาจับมือกับภาคเอกชน และเล็งเห็นศักยภาพ บวกกับสายสัมพันธ์อันดีกับ “ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ที่มีศักยภาพทั้งด้านเงินทุน และภาพลักษณ์ที่ดีในแวดวงธุรกิจ รวมถึงมีคนรู้จักจำนวนมาก น่าจะผลักดันให้งานนี้ประสบความสำเร็จได้ จึงได้มีการชักชวนให้ร่วมจัดงานขึ้น

“ท๊อป” หวังสร้างกระแสโกยผลประโยชน์

ขณะที่ “ท๊อป จิรายุส” นอกจากจะเป็นคนดัง ที่มีคนติดตามจำนวนมากแล้ว ยังเป็นผู้ที่คลั่งไคล้ฟุตบอลอย่างหนัก จึงเล็งเห็นผลประโยชน์ที่จะตามมามากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นผลกำไรเป็นกอบเป็นกำ และเป็นการต่อยอดธุรกิจด้วยการนำผลกำไรจากการขายเหรียญ KUB Coin ซึ่งขณะนี้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเริ่มตกต่ำ ไม่สามารถสร้างราคาได้อีก รวมถึงการประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ให้กับ “บิทคับ” เพื่อดึงดูดให้แฟนบอล ซึ่งในประเทศไทยมีแฟนบอลทั้ง 2 ทีมจำนวนมากเข้าสู่วงจรตลาดคริปโตฯ

ตรงนี้จะทำให้ “บิทคับ” ได้ผลประโยชน์แบบเต็มๆ สามารถขยายฐานการตลาดใหม่เข้าสู่กลุ่มแฟนบอลของทั้ง 2 ทีม และอาจจะได้รับผลประโยชน์มากกว่าการเข้าไปสนับสนุนสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยเหมือนที่ผ่านมา รวมถึงการประกาศเข้าซื้อสโมสรฟุตบอลของไทยจึงมีความเป็นไปได้อย่างสูงว่า บิทคับ หรือ ท๊อป จิรายุส ไม่ใช่เพียงสปอนเซอร์อย่างเดียวในงานนี้ หากควักเงินร่วมลงทุนด้วย ดังนั้นงานนี้จึงขาดทุนไม่ได้ เลวร้ายสุดคือต้องเสมอตัว

ตระเวนสายโปรโมตสร้างกระแส

หลังจากบรรลุข้อตกลงร่วมกันระหว่าง “วินิจ” กับ “ท๊อป จิรายุส” ทั้งสองก็เริ่มตะเวนทำการประชาสัมพันธ์ สร้างกระแส ออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะผ่านช่องทางเฟซบุ๊กส่วนตัว หรือแม้กระทั่งการออกสื่อต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งการโปรโมตผ่าน Facebook page: Suthichai Yoon และทาง Youtube: Suthichai live ของ “สุทธิชัย หยุ่น” เป็นต้น

การโปรโมตที่ชัดเจนสุดคือภาพของ วินิจ และท๊อป และโลโก้งานตามป้าย LED ที่บิทคับซื้อโฆษณาไว้เต็มบ้านเต็มเมือง น่าจะสะท้อนว่า ท๊อป ร่วมลงทุนไปมากแค่ไหนอย่างชัดเจน

ขณะเดียวกันทั้งสองคน ยังได้นำสื่อของไทยไปทัวร์สโมสรลิเวอร์พูล และแมนยูฯ พร้อมมีการไลฟ์สดบรรยากาศ และถ่ายภาพภายในสนามของสโมสร และภาพคู่นักเตะของทั้ง 2 ทีม และโพสต์ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างกระแสและกระตุ้นความสนใจของแฟนบอลชาวไทย

บัตรไม่เดินแพงหูฉี่ ปรับแผนดึง “แจ็คสัน หวัง” ช่วย

แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกลับตรงกันข้ามสิ่งที่หวังไว้ เนื่องจากราคาจำหน่ายตัวกำหนดไว้สูงเกินไป ถึงราคาใบละ 2 หมื่นบาท และ 1.5 หมื่นบาท ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อ กระแสไม่ปังอย่างที่คิด ทำให้บัตรขายไม่หมด ทางผู้จัดจึงได้ปรับกลยุทธ์นำ “แจ็คสัน หวัง” GOT7 มาจัดคอนเสิร์ต หวังจะช่วยดึงแฟนคลับที่คลั่งไคล้ศิลปินเกาหลี ช่วยสร้างกระแสและขยายฐานการตลาดในกลุ่มแฟนคลับของติ่งเกาหลี

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การตลาดก็ผิดพลาดอีกครั้ง เมื่อทางผู้จัดคาดการณ์ผิด เพราะบรรดา “ติ่งเกาหลี” กับบรรดาแฟนบอลเป็นคนละกลุ่มกัน จึงไม่ได้รับความสนใจมากนัก และทำให้บัตรยังคงขายไม่ออก

ปัญหาที่ตามมา ผู้จัดต้องคิดหนักจะทำอย่างไรกับบัตรที่เหลือ เพราะตามเงื่อนไขแล้ว ทางผู้จัดไม่สามารถขายบัตรราคาต่ำกว่าที่กำหนดไว้ได้

ทางเลือกสุดท้ายให้ “พิมรี่พาย” ระบายสต็อก

แจกก็แล้ว ก็ยังเหลือ จะลดราคาผ่านช่องทางไทยทิคเก็ต ก็ไม่ได้ เพราะมีคนซื้อบัตรราคาเต็มไปแล้วหลายราย จึงต้องงัดไม้ตายสุดท้าย ดึง “พิมรี่พาย” แม่ค้าไลฟ์สดขายของคนดัง มาช่วยระบายสต็อกบัตรที่ขายไม่หมดหรือไม่? เพราะ “พิมรี่พาย” เองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทาง “ท๊อป จิรายุส” จึงได้ยื่นข้อเสนอให้ “พิมรี่พาย” นำบัตรไปขายในราคาถูก และแบ่งผลประโยชน์กัน ซึ่ง “วินวิน” ด้วยกันทั้งคู่ จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้น

ทั้งนี้ เนื่องจากการก่อนหน้า สื่อโซเชียลได้ตั้งข้อสังเกตถึงความสัมพันธ์อันดี ระหว่าง “ท๊อป จิรายุส” กับ “พิมรี่พาย” จากงาน The Chosen1 ที่บางบิทคับจัดขึ้นเพื่อพบปะเจรจาหรือรับประทานอาหารร่วมกับกลุ่มเจ้าของธุรกิจ ดารา และไฮโซที่มีชื่อเสียง ซึ่งมียอดผู้ติดตามในโลกโซเชียลจำนวนมาก ซึ่งงานนี้ก็มี “พิมรี่พาย” มาร่วมงานด้วย

ขณะเดียวกัน ยังได้มีการตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่า “พิมรี่พาย” เอง คงไม่นำเงินจำนวน 400 ล้านบาท ไปลงทุนซื้อบัตรในราคาเต็ม เพื่อมาขายในราคาถูก ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า จะขาดทุนเกือบ 100 ล้านบาท เพราะคงไม่มีแม่ค้าคนไหนที่ทำแบบนั้นแน่นอน

ผู้จัดงานออกโรงปัดพัลวัน

จากกระแสความไม่พอใจของแฟนบอลทั้ง 2 ทีม กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล ทำให้ผู้จัดอย่างวินิจ เลิศรัตนชัย เจ้าของบริษัท เฟรชแอร์เฟสติวัล จำกัด ผู้จัดงาน ได้ชี้แจงว่า เป็นตั๋วที่เอาไว้ขายให้แฟนๆ ในต่างประเทศ และยืนยันว่าไม่มีการจำหน่ายบัตรเข้าชมวันซ้อมคอนเสิร์ต และไม่มีการจัดมื้อพิเศษกับนักฟุตบอลทั้งสองสโมสร และแจ็คสัน ทำให้โลกออนไลน์มีการตั้งข้อสงสัยว่า พิมรี่พายได้นำตั๋วจำนวนมากมาจากใคร โดยจับตาไปที่บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด

ขณะที่ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ที่มี “ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และเป็นสปอนเซอร์หลักในการจัดกรรมครั้งนี้ ได้โพสต์ข้อความชี้แจงว่า กรณีปัญหาการจำหน่ายบัตรเข้าชม THE MATCH – CENTURY CUP 2022 เนื่องจากมีข้อคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัทในเครือ ขอชี้แจงว่า บัตรเข้าชมการแข่งขันที่ทางบิทคับได้รับ จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับสปอนเซอร์อื่นใด หรือผู้จัดจำหน่ายอื่นใดทั้งสิ้น

ทั้งนี้ เนื่องจากบิทคับไม่มีการทราบรายละเอียดข้อสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างบริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด หรือ บริษัท ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ จำกัด หรือบริษัทอื่นๆ ที่ทำร่วมกับบริษัท องค์กร หรือบุคคลอื่นๆ โดยข้อตกลงในการแจกจ่ายหรือจัดจำหน่ายบัตรในส่วนของบิทคับจะทำการแจกจ่ายหรือจัดจำหน่ายได้หลังจากการจัดจำหน่ายบัตรผ่านช่องทางของไทยทิคเก็ตเมเจอร์ได้หมดลง หรือหากบัตรของจากช่องทางอื่นยังไม่หมด บิทคับสามารถเริ่มแจกจ่ายหรือจำหน่ายบัตรได้ในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป

โดยบัตรเข้าชมได้เริ่มแจกจ่ายและจัดจำหน่ายเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมา ผ่าน Bitkub M Social เป็นช่องทางหลัก และมีการให้โควต้ากับพันธมิตร อาทิ บริษัทนำเที่ยวโดยวัตถุประสงค์เพื่อช่วยกระจายบัตรเท่านั้น ส่วนการจัดการผ่านแพลตฟอร์มการชำระเงิน เป็นเพียงการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า โดยบัตรเข้าชมการแข่งขันที่ลูกค้าได้รับจากบิทคับทุกช่องทาง จะออกในนามบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และสามารถขอออกใบกำกับภาษีในนามบริษัท แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เท่านั้น

“ลิเวอร์พูล-แมนยูฯ” ย้ำชัดไม่มีกินข้าวกับนักเตะ

กระแสความแรงไม่ใช่เกิดขึ้นในประเทศไทยเท่านั้น ยังสร้างแรงกดดันไปยัง สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีผู้ค้าออนไลน์นำบัตรเข้าชมมาขายในราคาถูก และสิทธิ์รับประทานอาหารค่ำกับนักเตะ โดยแถลงการณ์จากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระบุว่า สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตระหนักถึงข่าวการนำบัตรชมการแข่งขันเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นที่ประเทศไทยมาจำหน่ายต่อ (รีเซล)

สโมสรไม่เคยอนุมัติการขายบัตรในรูปแบบดังกล่าว รวมทั้งไม่มีส่วนร่วมในรายละเอียดการขาย ที่นำไปสู่การเข้าใจผิด ถึงแม้ว่าบัตรเข้าชมการแข่งขันเหล่านั้นคือของแท้ก็ตาม นอกจากนั้นสโมสรไม่เคยทำข้อตกลงให้นักเตะร่วมรับประทานอาหารค่ำกับผู้โชคดี

ทั้งสองสโมสรกังวลและผิดหวังที่เห็นแฟน ๆ ได้รับรู้ข่าวสารที่บิดเบือน เรากำลังเตรียมตัวมาปรีซีซั่นที่ประเทศไทย อดใจรอไม่ไหวที่จะได้พบกับเหล่าแฟน ๆ ของเรา

ต้นสังกัด “แจ็คสัน หวัง” ยันไม่มีกินข้าวกับศิลปิน

ขณะที่ต้นสังกัดของ แจ็คสัน หวัง (Team Wang records) ได้ออกมาแถลงการณ์ปมดราม่าดังกล่าวว่า ไม่มีบัตรกินข้าว นับประทานอาหารดินเนอร์ส่วนตัวกับ แจ็คสัน แต่อย่างใด โดยมีการระบุว่า “ทางบริษัท ทราบถึงการจำหน่ายตั๋วฝึกซ้อมทางออนไลน์และบัตรดินเนอร์ส่วนตัวแล้ว โดยทางบริษัทไม่ได้อนุมัติการจำหน่ายดังกล่าว และไม่มีบัตรเช่นนั้นจำหน่าย ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของคุณ และรอไม่ไหวที่จะได้พบพวกคุณที่กรุงเทพฯ”

“วินิจ” อ้าแขนขอน้อมรับผิดเพียงผู้เดียว

แม้หลายฝ่ายได้พยายามออกมาชี้แจงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อลดแรงกดดันและความร้อนแรงที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถสยบดราม่าที่เกิดขึ้น เพราะการออกมาชี้แจงของผู้จัดยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอ

ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา นายวินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่ บริษัท เฟรชแอร์เฟสติวัล จำกัด ผู้จัดศึกแดงเดือดในประเทศไทย ออกมาโพสต์ร่ายยาวผ่านอินสตาแกรม vinijdj โดยระบุว่า อยากขอใช้พื้นที่เล็กๆ พูดบ้าง

เรื่องสโมสรออกมาบอกก็ถูกต้องแล้วครับ เขาต้องปกป้องภาพลักษณ์ให้ดีที่สุด แสดงจุดยืน ซึ่งผมเห็นด้วยเช่นเดียวกับแถลงการณ์ อย่างที่ตั้งตารอสำหรับงานครั้งนี้มากๆ เพราะเป็นนัดที่มีความหมายของทั้งสองทีมอย่างยิ่ง

ผมอยากบอกถึงความตั้งใจและจุดยืนเช่นกัน ตั้งแต่เริ่มงาน ดราม่าก็เริ่มมาตั้งแต่ ได้รับงบจากภาคส่วน ความคิดที่สบประมาทต่างๆ จนเกือบถอดใจ ผมตัดสินใจทำงานนี้คนเดียวจริงๆ มันเป็น match เกินฝัน ที่ผมอยากสร้างมาตรฐานใหม่ทุกด้านในการจัดงาน ยกระดับทุกสิ่งที่จะทำได้

ผมเต็มที่กับทุกอย่างที่ทำ ผมโชคดีที่มีเพื่อนรอบตัว มีผู้สนับสนุนที่มีน้ำใจและเต็มใจ หลายเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายได้ รู้อย่างเดียวคือ เดินหน้า เพื่อให้ 12 กรกฎานี้ ออกมาสมบูรณ์ที่สุด ให้สมกับกรุงเทพฯ ประเทศไทยที่รักของพวกเรา เป็นที่จดจำ พร้อมถ่ายทอดอวดสายตาชาวโลกไปกว่า 145 ประเทศแล้วครับ

มันไม่ง่ายเลยครับกับการทำงานกับสโมสรที่มีมาตรฐานสูงที่มีแฟนกว่า 3 พันล้านคน ปัญหา มีทุกวันทุกวินาที แต่แก้ไขได้ครับ ผมสัญญากับทุกคนครับว่า ต้องทำทุกอย่างไม่ให้บกพร่อง ไม่ให้เสียชื่อความเป็นคนไทย

ความผิดพลาดคลาดเคลื่อนไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารใดๆ จากส่วนไหน ทั้งทางตรงทางอ้อมที่ผ่านมา ผมขอน้อมรับผิดแต่เพียงผู้เดียวครับ และจะทำงาน THE MATCH Bangkok Century Cup 2022 ให้ดีที่สุดที่ชีวิตนึงจะทำได้ เหลืออีกไม่ถึง 3 สัปดาห์ ขอให้ทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดี ต้อนรับ match ประวัติศาสตร์ match เปิดประเทศ ต้อนรับนักฟุตบอล ศิลปินระดับโลก และแขกต่างประเทศ เพื่อชื่อเสียงที่ดีของประเทศเรา ร่วมกันครับ

“พิมรี่พาย” วอนจบดราม่า

ด้าน “พิมรี่พาย” เผยในไลฟ์ขายของผ่านเพจเฟซบุ๊ก พิมรี่พายขายทุกอย่าง คืนที่ผ่านมา ถึงประเด็นดราม่าดังกล่าว โดยระบุจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ที่ซื้อบัตรนัดแดงเดือดจากตนไปชะลอการชำระเงิน รวมถึงประเด็นดราม่าการกินข้าวกับนักเตะและแจ็คสัน หวัง ถึงขนาดกล่าวว่า

“ยังไม่จบอีกหรือ จบเถอะ ก็ต้องตามที่ผู้จัดงานเขาออกมาออกข่าว ตามนั้นแหละ ทางสโมสรหรือว่าทางคนขายตั๋วเขาก็ต้องออกมาบอกว่า มันไม่มีตั๋วกินข้าวอยู่แล้ว ก็ถูกแล้ว ก็มันไม่มีตั๋วกินข้าวไง ก็บอกไปหลายครั้งแล้ว ว่าเออ มันไม่มีตั๋วกินข้าว”

ย้อนระบบ 2 มาตรฐาน งานถนัด “บิทคับ”

จากแรงกดดันที่ส่งผลให้ “วินิจ เลิศรัตนชัย” ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบเพียงคนเดียว ยังคงถูกมองว่า เกิดความขัดแย้งภายในของทางผู้จัดเอง และจากข้อผิดพลาดจากการทำการตลาดแบบ 2 มาตรฐานหรือไม่ ? เพื่อถือเป็นเรื่องที่ทาง “บิทคับ” ถนัดและใช้บ่อยในการทำตลาดลักษณะดังกล่าว

เทียบกับก่อนหน้า การสร้างราคาเหรียญ KUB Coin โดยการอาศัยพันธมิตรธุรกิจขนาดใหญ่เพื่อช่วยพยุงราคาเหรียญ โดยเสนอให้พาร์ตเนอร์เข้ามาลงทุนเหรียญ KUB Coin และทาง “บิทคับ” ได้รับประกันราคาซื้อคืน เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ จนสร้างความไม่พอใจให้นักลงทุนรายย่อยที่เข้าลงทุนเหรียญ KUB Coin และได้รับความเสียหายจำนวนมากจากราคาเหรียญที่ตกต่ำ

โดยก่อนหน้านี้ Bitkub ได้จับมือกับพันธมิตรบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งร่วมสังฆกรรมธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซี โดยมีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมอยู่ด้วย 7 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ PROEN บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC บริษัท ทีพีซีเอส จำกัด (มหาชน) หรือ PTCS บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO และ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SIS (รายชื่อเฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ)

ซึ่งการเป็นพันธมิตร อยู่ในรูปแบบการผู้ตรวจสอบธุรกรรมผ่านบล็อกเชน โดยได้รับค่าธรรมเนียม ภายใต้เงื่อนไขที่แตกต่าง โดยหลายบริษัทต้องซื้อ KUB Coin นับร้อยล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันการเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมจาก บริษัท บิทคับ บล็อกเชน เทคโนโลยี จำกัด

ขณะที่ผู้ขายหรือ “บิทคับ” จะรับประกันซื้อคืนเหรียญในราคาทุน เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการถือครอง หากราคาเหรียญที่ซื้อขายในตลาดลดลงต่ำกว่าราคาที่ซื้อ แต่หากมีกำไรบริษัทเหล่านั้นก็สามารถรับกำไรไปแบบเต็ม หากดูพฤติกรรมเหล่านี้แล้ว เหมือนกับว่า Bitkub ต้องการให้พันธมิตร หรือพาร์ตเนอร์เข้ามาช่วยกันพยุงราคาหรือไม่

อัดโปรฯ เปิดช่องรายย่อยล็อกเหรียญ

หลังจากได้รับแรงกดดันจากบรรดารายย่อย และเล็งเห็นว่าพาร์ตเนอร์รายใหญ่ ไม่สามารถช่วยพยุงราคาเหรียญ KUB Coin ได้เท่าที่ควร เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา “บิทคับ” จึงได้ประกาศเปิดตัวโครงการที่ชื่อว่า KUB ON THE ROCK (Original locking) แพ็กเกจ Lock & Drop ใหม่ (แบบแรกจากสามรูปแบบ) บน Bitkub NEXT

โดย Bitkub NEXT เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานล็อกเหรียญ KUB เป็นเวลา 365 วัน เพื่อรับโบนัสเป็นเหรียญ KBTC ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนโดยประมาณสูงสุดต่อปี 5-8% (อาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับราคาเหรียญ KUB และเหรียญโบนัส ณ เวลานั้น)

สำหรับแพ็กเกจนี้จะเปิดให้ล็อกทุกเดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2565 เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป และในกรณีที่มีการล็อกไม่เต็มจำนวนที่เปิด จะสมทบมูลค่าโบนัสที่เหลือของแพ็กเกจนั้นให้กับแพ็กเกจถัดไป

เป็นที่น่าสังเกตว่า โครงการดังกล่าว จะเป็นนโยบายที่ Bitkub เคยใช้เช่นเดียวกันกับการดึงพันธมิตรรายใหญ่เข้ามาลงทุนเหรียญ KUB Coin และมีการรับประกันราคาซื้อคืนเมื่อครบกำหนดระยะเวลา เพื่อพยุงเหรียญ KUB Coin ไม่ให้ตกต่ำหรือไม่ เพราะหลังจากที่ประกาศตัวอย่างเป็นทางการ ราคาเหรียญ KUB Coin ก็ได้ปรับตัวขึ้นอย่างแรง ล่าสุด ณ เวลา ประมาณ 18.45 น. ของวันที่ 26 มิ.ย. สามารถยืนอยู่เหนือ 100 บาท ที่ 105 บาท เพิ่มขึ้น 0.98% จากรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม การทำการตลาดที่ผิดพลาด และการใช้ระบบสองมาตรฐานดังกล่าว จนกลายเป็นกระแสดราม่าในวงกว้างไม่ใช่เฉพาะในเมืองไทย และลุกลามไปถึงต่างประเทศ ไม่ได้ส่งผลกระทบและเสียหายเฉพาะผู้จัด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ในความไม่เป็นมืออาชีพในการจัดงาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการจัดงานหรือกิจกรรมระดับโลกที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ที่มา : https://mgronline.com/stockmarket/detail/9650000060786

]]>
1390099
เจาะแผน Bitkub ปั๊มบัญชีลูกค้า แจกฟรีเครดิตเทรดไม่ต่างเว็บพนัน https://positioningmag.com/1383855 Thu, 05 May 2022 04:10:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1383855 บทความโดย iBit

“บิทคับ” เร่งสร้างความเชื่อมั่น หลังราคาเหรียญคู่บุญ KUBcoin หล่นวูบสวนทางผลประกอบการ ปูพรมแจกของพรีเมียมหวังโกยเรตติ้ง ลือราคาเหรียญที่หดตัวอาจกดดันดีลเข้าร่วมยานแม่ SCBX ถูกลดมูลค่า ขณะที่โปรโมชันเรียกแขกแจกฟรีเครดิตเทรดก็โดนข้อครหา ไม่ต่างจากเว็บพนันออนไลน์

เมื่อเร็วๆ นี้ Bitkub ประกาศงบผลประกอบการงวดบัญชี ปี 2564 รวยอู้ฟู่ฟันกำไรกว่า 2.54 พันล้านบาท จากรายได้รวมกว่า 5.16 พันล้านบาท มากกว่าปี 2563 ที่มีรายได้เพียง 325 ล้านบาท และกำไร 79 ล้านบาท จากการโหมโฆษณาประชาสัมพันธ์ดึงนักลงทุนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดซื้อขายคริปโตฯ ชูจุดขาย 10 บาทก็เทรดได้ โขกค่าธรรมเนียมการซื้อหรือขายต่อครั้งกว่า 0.25% และค่าบริการการโอนต่อรายการที่แพงระยับกว่า 20 บาทต่อรายการ

ยิ่งห้ามยิ่งโฆษณา

รายได้และกำไรของบิทคับยังสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นบริษัทที่นำหน้าด้วยการตลาด หรือมาร์เกตติงคอมปะนี ที่ไม่ว่าผู้คนจะเดินไปไหนก็พบเห็นป้ายโฆษณาเชิญชวนอยู่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นแม้กระทั่งลูกค้าเข้าแถวแคชเชียร์รอจ่ายเงินร้านสะดวกซื้อที่ขึ้นวิดีโอโฆษณาชวนเปิดบัญชีเทรด 10 บาทก็ลงทุนได้ ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่ใช้งบลงทุนเพื่อการโฆษณาอย่างบ้าคลั่ง แต่นำมาซึ่งรายได้และผลกำไรที่มากขึ้น

การวางยุทธศาสตร์การตลาดของบิทคับยังใช้ “ท๊อป” จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ร่วมก่อตั้งเป็น LOGO จุดขาย ควบคู่ไปกับว่าจ้างอินฟลูเอนเซอร์ในทุกวงการ จ้างปฏิบัติการข่าว หรือไอโอ สร้างคอมมูนิตี สร้างอีเวนต์ คอยป้อนชุดความเชื่อ และกระตุ้นความคิดของเยาวชนให้สร้างความมั่งคั่งในยุค 5G ผ่านการลงทุนในธุรกิจศูนย์แลกเปลี่ยนซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี และ สินทรัพย์ดิจิทัล NFT ยังคงถูกดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และแผนในอนาคตกับการขยายอาณาจักรไปยัง metaverse ถูกยกเป็นโปรเจกต์สำคัญต่อผลักดันราคาเหรียญ และรายได้ขององค์กร

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ บิทคับ เป็นลัทธิ ที่มีคนเปรียบเทียบว่าแทบไม่ต่างกับ ลัทธิธรรมกาย ซึ่งว่าด้วยการโฆษณาคริปโตฯ หรือเชิญชวนให้คนมาลงทุนในคริปโตฯ ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าไม่เหมาะสม เพราะมีแต่ข้อความในด้านดี ไม่มีระบุถึงความเสี่ยง หรือความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับการลงทุน ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อยู่ระหว่างการพิจารณา “ห้ามโฆษณาในพื้นที่สาธารณะ” และต้องมีข้อความกำกับทุกครั้งถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับผู้ลงทุน

แต่ดูเหมือนว่า ท๊อป จิรายุส และบิทคับ อาศัยความเชื่องช้าของ ก.ล.ต. ยิ่งโฆษณาหนักขึ้น โดยเฉพาะความสนใจของสาธารณะ ทั้งการเข้าไปเป็นสปอนเซอร์สมาคมฟุตบอล แมตช์การแข่งขัน “แดงเดือด” ระหว่างสโมสรฟุตบอลชื่อดัง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล แถมยังโพสต์เรียกความสนใจว่าจะอยากจะซื้อสโมสรฟุตบอลของไทย รวมไปถึงการทำ CSR เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าฐานราก พ่อค้า แม่ค้า เช่น การแจกร่มขนาดใหญ่ให้พ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดคลองเตย หวังสร้างกระแสบิทคับ และการรับรู้แบรนด์บิทคับในพื้นที่สาธารณะ ไม่เว้นแม้แต่ตลาดสด

ทั้งนี้ Bitkub รายงานว่าในส่วนรายได้ของธุรกิจนั้นมาจากค่าธรรมเนียมและบริการถึง 5.16 พันล้านบาท ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบรายได้ของปี 2563 กับ 2564 พบว่า มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็นอย่างมาก โดยในปี 2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 330 ล้านบาท ขณะที่กำไรเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว โดยในปี 2563 มีกำไร 79 ล้านบาทเพียงเท่านั้น

อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจเมื่อดูผลประกอบการของ Bitkub คือ ในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการของธุรกิจที่เติบโตก้าวกระโดด แสดงให้เห็นว่าปริมาณการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีผ่านแพลตฟอร์มของ Bitkub มากขึ้น ส่วนจะมาจากไหนอย่างไรนั่นเป็นคำถาม เพราะต้องไม่ลืมว่า ก.ล.ต. เคยลงโทษบิทคับ และสั่งให้แก้ไขกรณี “การพิสูจน์ตัวตน” หรือ KYC ของลูกค้า และมาร์เกตเมกเกอร์ที่พบว่าไม่มีตัวตน หรือพิสูจน์ไม่ได้ หรือ “บัญชีม้า” จำนวนหนึ่ง**

แต่หาก เทียบค่าธรรมเนียมกับกระดานเทรดอื่นๆ นั้น ในประเทศไทยนั้น Bitkub และ Bitazza และ Z.com EX ที่มีค่าธรรมเนียมที่ 0.25% ขณะที่ Satang และ Zipmex มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่เพียง 0.2% ขณะที่กระดานเทรด Binance ซึ่งเป็นกระดานเทรดอันดับ 1 ของโลก มีค่าธรรมเนียมเพียง 0.1% เท่านั้น

KUB ร่วงหนักสวนผลกำไร

สำหรับในปี 2564 ที่ผ่านมา Bitkub มีกิจกรรมต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อรายได้ทางธุรกิจต่อบริษัทมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกเหรียญประจำกระดานเทรด ที่กำหนดราคา 1 KUBcoin เท่ากับ 30 บาท หรือ 1 USD เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2564 โดยเริ่มเปิดการซื้อขายครั้งแรกด้วยราคา 30 บาท และกำหนดจำนวนเหรียญไว้ทั้งหมด 1,000 ล้านเหรียญ แต่ราคากลับดิ่งสู่ระดับ 12-13 บาท ทำให้บริษัทแก้เกมโดยการเผาเหรียญ KUB ทิ้ง 89% ของจำนวนทั้งหมดให้เหลือเหรียญในระบบแค่ 110 ล้านเหรียญเท่านั้น และหลังจากนั้นสร้างข่าวจุดพลุเก็งกำไร โดยเฉพาะการสร้างจุดที่พีกด้วยการนำเหรียญ KUB จะเป็นช่วงข่าวการนำเหรียญไปลิสต์ใน 3 กระดานเทรดต่างประเทศ ได้แก่ Gate.io, CoinEx และ MEXC Global จนราคาเหรียญ KUB พุ่งทะยานสูงสุดสร้างสถิติแตะ 580 บาท/เหรียญ

สิ่งที่น่าสนใจคือหลังจากนั้น เหรียญ KUB ไม่เคยกลับไปยืนเหนือจุดเดิมได้อีกเลย และล่าสุดยังคงไหลลงอย่างต่อเนื่อง จนไม่อาจคาดเดาได้ว่าสุดท้ายแล้วเหรียญ KUB ราคาจะหยุดอยู่ที่เท่าไหร่ นั่นเพราะล่าสุด (3 พ.ค.) ณ 16.15 น. เคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 170.82 บาท ซึ่งปรับตัวลดลงกว่า -70% จากจุดสูงสุดที่เคยทำได้ที่ 580 บาท/เหรียญ เมื่อช่วงปลายปี 2564

สถานการณ์ดังกล่าวกลาย เป็นหนึ่งประเด็นเหรียญร้อนแรงที่สุดในรอบวันของกลุ่มนักลงทุนคริปโตฯ ที่ราคาเหรียญ KUBcoin ซึ่งเป็นเหรียญคู่บุญกระดานเทรด Bitkub ปรับตัวร่วงลงเหวอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาแรมเดือนแล้ว โดยยังไม่สามารถหาจุดสิ้นสุดของราคาได้ หลังร่วงลงจากช่วงราคา 280 บาท ลงมาระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ระดับ 161 บาท

ทำให้หลายคนเชื่อว่าแม้ว่าผลประกอบการของ Bitkub จะประกาศออกมาเติบโตค่อนข้างดี แต่ในความเป็นจริงแล้วผลประกอบการไม่ได้ส่งผลต่อราคาเหรียญโดยตรง เนื่องจากเหรียญ KUB เป็น Utility ที่ใช้ร่วมกับ Bitkub Chain ในวงจำกัด

ขณะเดียวกัน การดิ่งเหวของราคาเหรียญ KUB จะส่งผลในเชิงจิตวิทยาและวิกฤตศรัทธาของเหล่าสาวกเหรียญ KUBcoin ซึ่งในหลายๆ กลุ่ม Facebook ที่เคยมีเหล่าแฟนคลับบูชา “ท๊อป” จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ซึ่งเป็นดั่งศาสดา ปัจจุบันกลับกลายเป็นเหมือนหนังคนละม้วน เพราะมีนักลงทุนจำนวนมากติดค้างขาดทุนจากการเข้าซื้อเหรียญในช่วงที่ราคาสูง จากแรงกาวของเหล่าบรรดาสาวกที่สร้างความเพ้อฝันช่วยกันเชียร์ว่า KUBcoin อาจจะทะลุไปถึง 1,000 บาท/เหรียญ จึงแห่เข้าไปเก็งกำไรจำนวนมาก

ต่อมาเมื่อราคาปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ไม่สามารถ Cut Loss ขายออกไปได้ทัน ทำให้ขาดทุนอย่างหนัก จนมีการเรียกร้องให้ “ท๊อป” จิรายุส ทำอะไรสักอย่างเพื่อเบรกราคาเหรียญไม่ให้ปรับตัวลดลงไปมากกว่านี้ ขณะที่ในอีกมุมหนึ่งของนักลงทุนมองว่าจะหาโอกาสเข้าซื้อเหรียญ KUB หากกลับลงมาที่ 20-25 บาท ซึ่งอาจเป็นราคาพื้นฐานเหรียญที่เหมาะสม

และจากราคาเหรียญ KUBcoin ที่ร่วงลงหนัก ทำให้หลายฝ่ายเริ่มประเมินว่าดีลการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของยานแม่ SCBX อาจไม่ประสบความสำเร็จ นั่นเพราะเมื่อพิจารณาจากราคาเหรียญค้ำจุนองค์กรที่ลดลงอย่างมาก ย่อมทำให้มูลค่าในการเข้าลงทุนของ SCBX ใน Bitkub อาจไม่จำเป็นต้องใช้มูลค่าเท่าเดิม โดยอาจถูกปรับลดลงไปตามความเหมาะสมของสถานการณ์ หรือยกเลิกดีลดังกล่าวเพราะอาจไม่คุ้มค่าลงทุนนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น นั่นย่อมสะท้อนว่าธุรกิจดังกล่าวไม่สามารถช่วยตอบโจทย์ให้ SCBX เติบโตก้าวไกลไปได้

ปั่นโปรฯ แจกเครดิตให้เล่นไม่ต่างจากบ่อนออนไลน์

นอกจากนี้ ด้วยแผนการตลาดที่แยบยลเจาะทุกเป้าหมายของ Bitkub แม้จะให้คุณในการสร้างจำนวนยอดผู้เข้าใช้งานเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่การที่บริษัทนิยมจัดโปรโมชันล่อใจมือใหม่ด้วยการแจกฟรีเครดิตเทรดมูลค่า 200-500 บาท หรือแจกเป็นเหรียญคริปโตฯ มูลค่า 300 บาทนั้น เริ่มทำให้มีหลายคนมองว่าพฤติกรรมดังกล่าวนั้นไม่ได้แตกต่างอะไรกับเว็บพนันออนไลน์ที่มักจะล่อตาล่อใจผู้ลงทุนหน้าใหม่ด้วยการแจกเครดิตให้เข้ามาลงทุนในเว็บไซต์ของตน ซึ่งทำให้อาจเข้าข่ายมอมเมาคนที่ไม่มีความรู้ความเข้าในการลงทุนเหรียญคริปโตฯ ได้ดีพอ

ปัจจุบันนักลงทุนบางส่วนยังเริ่มเชื่อว่าดีลการเข้าร่วมยานแม่ SCBX ของ “บิทคับ” อาจต้องถอยออกมา หรือมีการปรับแก้ใหม่อีกครั้งให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เพราะแม้ SCBX จะอยากได้ Bitkub เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแผนเติบโตทางธุรกิจ แต่คงไม่ปรารถนาคว้าธุรกิจที่ยอดบัญชีลูกค้าเริ่มทรงตัว อีกทั้งเหรียญคู่บุญอย่าง KUBcoin อยู่ในช่วงขาลงแบบที่ต่ำมาก นั่นจะทำให้จุดคุ้มทุนที่คำนวณไว้จำเป็นต้องเลื่อนออกไป

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่จะได้เห็น Bitkub มุ่งสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคและประชาชน ด้วยการเร่งเดินสายการตลาดไล่แจกสินค้า พรีเมียมของบริษัท และเพื่อผลักดันให้มูลค่าเหรียญให้กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง

Source

อ่านเพิ่มเติม

]]>
1383855
ดีล SCBX-Bitkub ส่อแวว ล่ม-เลื่อน-หลุดราคาคุย ขัดกับมายาภาพที่ “ท๊อป จิรายุส” พยายามสร้าง https://positioningmag.com/1381242 Mon, 11 Apr 2022 09:48:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381242 บทความโดย iBit ผู้จัดการออนไลน์

ผู้ถือหุ้น “ไทยพาณิชย์” ยังคาใจ ผู้บริหารไม่เคลียร์ประเด็นเข้าซื้อ “บิทคับ” 51% ขณะที่ ธปท. ยังไม่ได้รับแผน “ซุปเปอร์ดีล” อย่างเป็นทางการ แค่เข้ามาหารือรายละเอียด เตรียมคลอดเกณฑ์คุมเข้มแบงก์พาณิชย์ลงทุนธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้ไม่เกิน 3% ของเงินกองทุนภายในกลางปีนี้ ด้านโบรกเกอร์ ประเมินดีลต้องเลือนออกไปหลังไตรมาส 2 คาดต่อรองราคาใหม่ต่ำกว่า 1.78 หมื่นล้านบาท หลังวอลุ่มเทรดลดฮวบกว่า 60%

แผนการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจของ “ไทยพาณิชย์” (SCB) สู่ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) (SCBX) ถือเป็นโปรเจกต์ที่น่าจะได้รับการตอบรับจากทุกฝ่าย โดย SCBX ได้กำหนดระยะเวลาการแลกหุ้นไว้ 30 วันทำการ ตั้งแต่ 2 มี.ค. 65 จนถึง 18 เม.ย. 65 ซึ่งจะเป็นวันที่ครบกำหนดเป็นวันสุดท้าย

bitkub

แต่ประเด็นที่ถูกจับตามองและสร้างความกังวลให้แก่ผู้ถือหุ้น คือ แผนการเข้าซื้อหุ้นบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด หรือ Bitkub ในสัดส่วน 51% มูลค่ากว่า 1.78 หมื่นล้านบาท จากบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด โดยมีผู้ก่อตั้งคือ “ท๊อป” จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา หรือ “ซุปเปอร์ดีล” ที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลายหรือคำตอบที่ชัดเจนของผู้บริหารของธนาคารไทยพาณิชย์

โดยในที่ประชุมสามัญประจำปีของธนาคารพาณิชย์ที่จะจัดขึ้น วันที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยวิธีประชุมอี-มีตติ้ง ปรากฏว่า ผู้ถือหุ้นหลายคนได้ถามคำถามเกี่ยวกับการลงทุนในบิทคับของ SCBX แต่ฝ่ายบริหารได้ตัดและปิดกั้นคำถามเหล่านี้โดยไม่ได้ตอบคำถามเลยแม้แต่คำถามเดียว ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยแก่ผู้ถือหุ้นเป็นอย่างมาก

“ไทยพาณิชย์” ยังไม่ยื่นขออนุมัติจาก ธปท.

ขณะที่ ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์กับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ยังไม่ได้ยื่นแผนการลงทุนในบิทคับอย่างเป็นทางการ มีเพียงการเข้ามาคุยเรื่องในรายละเอียดเท่านั้น ดังนั้น ธปท.จึงยังไม่ได้มีการพิจารณากรณีดังกล่าว ส่วนหนึ่งทาง SCBX อาจรอดูความชัดเจนของเกณฑ์การกำกับดูแลของธปท.ด้วย

“เนื่องจากปัจจุบันทั้ง 2 บริษัท ยังอยู่ระหว่างการสอบทานธุรกิจ (Due diligence) อยู่ โดยยังไม่รู้ว่าในท้ายสุดราคาตกลงซื้อขายจริงจะอยู่ที่เท่าไร และภายใต้การจัดโครงสร้างของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เป็นกลุ่มธุรกิจการเงิน (โฮลดิ้ง) ภายใต้บริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCBX) หากเกินเพดาน 3% ของเงินกองทุน ก็สามารถทำได้ แต่จะคิดในกองทุนที่แพงขึ้น หรือเงินกองทุนจะย่อมลง”

แบงก์ชาติคุมเข้มธนาคารลงทุน DA

ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศหลักเกณฑ์ควบคุมธนาคารพาณิชย์ลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ประมาณกลางปี 65 นี้ ประกอบด้วย

1. ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset : DA) ที่ได้รับการอนุญาตและมีหน่วยงานการกำกับดูแล เช่น DA exchange, Broker, dealer ธนาคารพาณิชย์ลงทุนได้ไม่เกิน 3% ของเงินกองทุน กรณีที่เป็นกลุ่มธุรกิจการเงิน (โฮลดิ้ง) ลงทุนได้เกิน 3% ของเงินกองทุน แต่จะนำส่วนเกินไปหักเงินกองทุน ทำให้เงินกองทุนลดลงได้

2. ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset : DA) ที่ไม่มีการกำกับดูแล เช่น Metaverse และ Defi ธปท.กำหนดให้ทำอยู่ในขอบเขต (Sandbox) โดยจะมีการพิจารณา 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนการรับเข้าทดสอบ จะพิจารณาถึงประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ และต้นทุนลดลง และ ขั้นตอนหลังการทดสอบก่อนจะให้บริการวงกว้าง จะพิจารณาประโยชน์ต่อภาพรวมหรือไม่ โดยการทดสอบดังกล่าวยังคงอยู่ในเพดาน 3%

bitkub

นอกจากนี้ ธปท.ยังกำหนดให้แยกคณะกรรมการระหว่างธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มธุรกิจโฮลดิ้งที่ทำเรื่องของธุรกิจ DA โดยเฉพาะอย่างชัดเจน รวมถึงระบบไอที ระบบคอร์แบงกิ้งออกจากกันอย่างเด็ดขาดเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดต่อระบบของธนาคารพาณิชย์ ขณะเดียวกันธนาคารพาณิชย์จะต้องไม่ส่งเสริมหรือเชิญชวนประชาชนทั่วไปลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านสาขาธนาคารและเว็บไซต์ เพราะการลงทุน DA ไม่เหมาะกับลูกค้าทุกคน ยกเว้นกับกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง (HNW) ตามเกณฑ์ของก.ล.ต. ที่มีความรู้เข้าใจเกี่ยวกับการลงทุน แต่ธนาคารจะเป็นการให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น

โบรก ฯ คาดมูลค่าดีลต่ำกว่า 1.78 หมื่นล้าน

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้ประเมินว่า แผนการเข้าซื้อบิทคับของกลุ่มไทยพาณิชย์ จะยังคงเดินหน้าต่อไป แต่อาจจะต้องเลื่อนสรุปแผนออกไปเป็นหลังไตรมาส 2 จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ไตรมาสแรกปีนี้ เพื่อรอความชัดเจนหลักเกณฑ์ของ ธปท. ที่จะประกาศมีผลบังคับใช้ภายในกลางปีนี้ ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์เองก็เตรียมแผนปรับโครงสร้างเป็นโฮลดิ้งส์ เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์ของธปท.

ส่วนทางเลือกของกลุ่มธนาคารพาณิชย์เองมี 3 ทางเลือก คือ 1. ปรับโครงสร้างเป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ ขอผ่อนผันหลักเกณฑ์การลงทุนเกินเพดานได้หรือไม่ 2.ต่อรองราคาซื้อขายให้ต่ำลง หรือ 3.ลดสัดส่วนการถือหุ้นในบิทคับ เพื่อให้สอดคล้องกับเพดานข้อกำหนดของ ธปท.

ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินว่า มูลค่าการซื้อขายบิทคับ มีโอกาสต่ำกว่าที่ไทยพาณิชย์เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.78 หมื่นล้านบาท เมื่อพิจารณามูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลรายเดือน ของก.ล.ต. ในเดือน ก.พ. 65 อยู่ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาท ลดลงกว่า 60% เมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายในเดือน พ.ย. 64

ขณะที่จำนวนบัญชีที่มีการ Active เดือนก.พ. 65 อยู่ที่ 4.95 แสนบัญชี ลดลงจากเดือนพ.ย.ปี 64 ถึง 29% จึงอาจเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ใช้เป็นอำนาจต่อรองราคาการซื้อบิทคับได้

จากการนำเสนอข่าวเชิงวิเคราะห์ “Bitkub ยูนิคอร์นสายพันธุ์อันตราย” ความยาว 5 ตอน และตอนพิเศษ ที่ผ่านมา ได้สะท้อนภาพปัญหาต่างๆ อาทิ ความเสี่ยงได้คุ้มเสียหรือไม่? เพราะข้อมูลตัวเลขของบิทคับหลายตัวนำเสนอยังค้านสายตาหลายคน รวมถึงการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นจากผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะ “ไบแนนซ์” ยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่ประกาศจับมือกับบมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลล็อปเม้นท์ ท่ามกลางกระแสตลาดคริปโตเคอร์เรนซีช่วงขาลง

ขณะที่ ก.ล.ต.และ ธปท.ประกาศควบคุมการทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ด้วยการห้ามไม่ให้ใช้เงินดิจิทัลชำระค่าสินค้าและบริการ กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ห้ามไม่ให้มีการโฆษณา ชักชวน หรือแสดงตนว่าพร้อมเป็นผู้ให้บริการรับชำระค่าสินค้าและบริการ และไม่ให้บริการอื่นใดที่มีลักษณะเป็นการสนับสนุนการรับชำระค่าสินค้าและบริการ

ส่วน “บิทคับ” เองก็โหมทำการตลาดอย่างบ้าคลัง จนดันราคา “Kub Coin” พุ่งทะยานกว่า 1,800% จากราคา 30 บาท ไปสูงสุดที่ 500 บาท ไม่ว่าจะให้ตัว “ท๊อป จิรายุส” เป็นไลฟ์โค้ช การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียง หรือมีอิทธิพล (Influencer) ดึงภาคธุรกิจระดมทุนด้วยการออก ICO หรือ NFT แม้กระทั่งการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเจาะตลาดกลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา เพื่อกระตุ้นความสนใจตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ขณะที่ระบบของ “บิทคับ” เองยังไม่มีความพร้อมและประสิทธิภาพรัดกุมเพียงพอ จน ก.ล.ต. ต้องเข้าไปตรวจสอบ และเปรียบเทียบปรับ มาหลายครั้งตลอดปี 64 ดังรายละเอียดดังนี้

และเป็นที่น่าสังเกตว่า ดีล “SCBX-บิทคับ” ยังจบไม่ลง เป็นไปได้หรือไม่ว่า จากการเข้าไปทำดีลดิลิเจนท์แล้วพบว่า ป้ายโฆษณาไม่ตรงปก เสมือน … ข้างนอกสุกใส ข้างใน …!? หรือไม่

อ่านต่อ

Source

]]>
1381242