พูลวิลล่า – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 18 Dec 2023 13:04:27 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 CI เปิดขายวิลล่าหรู 4 หลังสุดท้ายใน “ศรีพันวา” ราคาเริ่ม 250 ล้าน เตรียมไปต่อแปลงใหม่บนเกาะ “ภูเก็ต” https://positioningmag.com/1456039 Mon, 18 Dec 2023 07:23:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1456039 ครบรอบ 20 ปีโครงการ “ศรีพันวา” จ.ภูเก็ต “ชาญอิสสระ” พร้อมเปิดขายพูลวิลล่าหรู 4 หลังบนที่ดิน 2 ไร่สุดท้ายในโครงการ (ไม่รวมที่ดินในส่วนโรงแรม) ในราคาเริ่มต้น 250 ล้านบาท ให้เศรษฐีจับจองวิลล่าชมวิวพระอาทิตย์ตก ณ ปลายแหลมพันวา ก่อนขยับขยายไปเปิดแบรนด์ศรีพันวาในโลเคชันใหม่บนเกาะภูเก็ตภายในปี 2567

“ดิฐวัฒน์ อิสสระ” กรรมการ บริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ จำกัด เปิดรายละเอียดพูลวิลล่า “The Sky Series” 4 หลังสุดท้ายที่จะเปิดขายในโครงการศรีพันวา ภูเก็ต ตั้งอยู่บนที่ดิน 2 ไร่ หันหน้าฝั่งพระอาทิตย์ตก มูลค่าโครงการรวม 1,000 ล้านบาท

วิลล่า ศรีพันวา
วิลล่า The Sky Series ในศรีพันวา

พูลวิลล่าส่วนนี้จะเป็น วิลล่า 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 1,200 ตร.ม. ราคาเริ่ม 250 ล้านบาท ด้านในมี 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 2 สระว่ายน้ำ พร้อมลิฟต์ส่วนตัวทุกหลัง และมีฟังก์ชันพิเศษคือ “Sky Deck” บนดาดฟ้า สำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวและปาร์ตี้ได้ โดยได้แรงบันดาลใจจาก “Baba Nest” รูฟท็อปบาร์ของโรงแรมศรีพันวาที่ถือเป็นบาร์วิวสวยระดับโลก

ดิฐวัฒน์กล่าวว่า ที่ดินผืนนี้ถือเป็นผืนสุดท้ายในโครงการศรีพันวาที่จะเปิดขายในส่วนที่พักอาศัย ส่วนที่ดินที่เหลืออีกประมาณ 5-7 ไร่จะอยู่ในโซนโรงแรม ซึ่งคาดว่าจะพัฒนาเป็นฟังก์ชันส่วนเวลเนสของโรงแรมต่อไปในอนาคต

บริเวณ Sky Deck แรงบันดาลใจจาก Baba Nest
วิลล่า ศรีพันวา
โซนห้องนั่งเล่น เพดานแบบดับเบิลวอลุ่ม เทกวิวทะเล

 

วิลล่าหรูภูเก็ตขายดี อัตราขายพุ่งแตะ 85%

ด้านตลาดวิลล่าในภูเก็ต ดิฐวัฒน์ให้ข้อมูลว่าตั้งแต่ปี 2556-2566 ตลาดนี้ถือว่าเป็นเทรนด์ขาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะสะดุดไปบ้างในปี 2562 ซึ่งเริ่มมีการระบาดของโควิด-19 แต่หลังจากนั้นตลาดกลับเป็นขาขึ้นอีก เนื่องจากต่างชาติยังเชื่อมั่นในภูเก็ตซึ่งเป็นเมืองที่มีคนมาเยี่ยมเยือนมากที่สุดเป็นอันดับ 14 ของโลก

เมื่อปี 2565 ตลาดวิลล่าในภูเก็ตมีอัตราการขายแตะ 82% และครึ่งปีแรกปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 85% โดยขายไปได้ 251 หลัง ถือว่าเป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ขายดีมาก 

วิลล่า ศรีพันวา
ซัพพลาย ดีมานด์ และอัตราการขายวิลล่าในภูเก็ต ปี 2556-2565 (ข้อมูลโดย ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย)

ทั้งนี้ หากแยกตลาดวิลล่าในภูเก็ตตามระดับราคา กลุ่มราคาที่มีการขายมากที่สุดคือกลุ่มระดับกลางราคา 15-35 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 67% ของตลาด

อย่างไรก็ตาม วิลล่าของ “ศรีพันวา” จัดอยู่ในกลุ่มระดับลักชัวรี ราคา 90 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีซัพพลายน้อย คิดเป็นสัดส่วนการขายเพียง 7%ในตลาด

สัดส่วนการขายวิลล่าในภูเก็ต ครึ่งปีแรก 2566 แยกตามระดับราคา

ดิฐวัฒน์กล่าวต่อว่า ตลาดซูเปอร์วิลล่าขนาด 1,000 ตร.ม.ขึ้นไปในแต่ละปีจะมีการเปิดตัวใหม่ราว 5-10 หลังเท่านั้น และลูกค้ามักจะสนใจวิลล่าที่เป็น Branded Residence เพื่อให้มีเชนโรงแรมบริหารจัดการบำรุงรักษา และสามารถปล่อยเช่ากับโรงแรมเพื่อเป็นรายได้เมื่อเจ้าของไม่ได้เข้าพัก ซึ่งทำให้วิลล่าของศรีพันวาได้เปรียบในจุดนี้

ตลอด 20 ปีที่ศรีพันวาเริ่มเปิดโครงการ มีการขายวิลล่าไปแล้ว 22 หลัง ซึ่งเจ้าของมีกว่า 10 สัญชาติทั่วโลก จึงเชื่อว่าวิลล่า “The Sky Series” 4 หลังสุดท้ายนี้น่าจะได้รับการตอบรับจากต่างชาติเช่นกัน คาดว่าจะปิดการขายได้ 2 หลังภายในปี 2567 และอีก 2 หลังในช่วงที่วิลล่าสร้างเสร็จไตรมาส 4 ปี 2568

 

“ศรีพันวา” เตรียมขึ้นแปลงใหม่บนเกาะภูเก็ต

หลังจากพัฒนาที่ดินแปลงนี้จนหมดแล้ว ดิฐวัฒน์กล่าวว่าปี 2567 บริษัทจะเริ่มพัฒนาที่ดินแปลงใหม่บนเกาะภูเก็ต ขณะนี้ใกล้จะปิดดีลจัดซื้อที่ดินให้เรียบร้อย

โดยที่ดินแปลงนี้จะอยู่ในทำเลที่แตกต่างจากเดิม เป็นทำเลใกล้เมืองมากขึ้นแต่ยังเห็นวิวทะเลได้ แต่จะยังใช้แบรนด์ “ศรีพันวา” เช่นเดิมเพราะเป็นโครงการมิกซ์ยูสโรงแรมและวิลล่าระดับไฮเอนด์ และเชื่อว่าแบรนด์ศรีพันวามีคุณค่าที่จะพัฒนาขยายโลเคชั่นได้อีก

ขณะที่โครงการ “บาบา บีช คลับ นาใต้ ภูเก็ต” ก็ยังมีที่ดินเหลืออยู่อีกประมาณ 20 ไร่ที่พัฒนาได้ แต่เนื่องจากทำเลหาดนาใต้ซึ่งเป็นโซนที่ข้ามไป จ.พังงา แล้ว ยังต้องรอการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวให้มากกว่านี้ก่อน รวมถึงรอข้อสรุปด้านกฎหมายผังเมืองในพื้นที่ด้วย ทำให้ปีหน้าน่าจะยังไม่ใช่จังหวะการพัฒนาเพิ่มเติม

แผนการพัฒนาของ “ชาญอิสสระ” ปี 2567 จึงต้องจับตาการพัฒนาที่ดินผืนใหม่ในจ.ภูเก็ตที่จะเป็นศรีพันวาทำเลใหม่ และอีกหนึ่งโครงการในกรุงเทพฯ ที่เตรียมจะพัฒนาบ้านเดี่ยวระดับอัลตราลักชัวรี ทำเลวงแหวนพระราม 9 อีกด้วย

]]>
1456039
“ประภาวดี โสภณพนิช” เจียระไนเพชรเม็ดงาม “เวลา นาใต้” แหล่งตากอากาศแห่งใหม่ฝั่งอันดามัน https://positioningmag.com/1428686 Wed, 26 Apr 2023 09:55:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1428686 “เวลา นาใต้ เรสซิเดนเซส” โครงการอสังหาฯ แห่งที่สามในมือ “ประภาวดี โสภณพนิช” เพิ่งก่อสร้างเสร็จพร้อมอยู่เมื่อปีก่อน เป็นอีกครั้งที่บริษัท “ไอเดียส์ 1606 เลือกเจียระไนทำเลใหม่ โดยครั้งนี้เลือก “หาดนาใต้” จ.พังงา แหล่งบ้านพักตากอากาศหรูที่กำลังถูกผลักดันขึ้นสู่แผนที่ท่องเที่ยวโลก

เมื่อ 15 ปีก่อน โครงการคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศ “เวลา เขาเต่า เรสซิเดนเซส” ก่อสร้างขึ้นบนทำเลริมชายหาดเขาเต่า ในยุคที่ยังไม่มีใครรู้จักชายหาดแห่งนี้มากนัก ตามด้วยการขยายไปสู่ทำเลใหม่ “เวลา ชะอำ เรสซิเดนเซส” โครงการวิลล่าหรูท่ามกลางพื้นที่ที่ถูกมองว่าเป็นรองจากหัวหิน ไม่ใช่ไพรม์แอเรียที่แท้จริง

อย่างไรก็ตาม วันนี้เป็นเครื่องพิสูจน์การเลือกทำเลของ “ประภาวดี โสพณพนิช” ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเดียส์ 1606 จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ “เวลา” (Veyla) เพราะทั้งเขาเต่าและชะอำในปัจจุบันล้วนกลายเป็นแหล่งลงทุนใหม่ของผู้ประกอบการอีกหลายบริษัท

สำหรับโครงการที่สามของประภาวดีเกิดขึ้นแล้วที่ “เวลา นาใต้ เรสซิเดนเซส” เปิดจองครั้งแรกปี 2562 และก่อสร้างเสร็จในปี 2565 โดยเป็นโครงการวิลล่าตากอากาศ 15 หลัง บนเนื้อที่ 5.8 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท แม้จะเปิดขายในช่วงโควิด-19 พอดี แต่ปัจจุบันสามารถปิดการขายไปได้แล้ว 9 หลัง คิดเป็นมูลค่าการขาย 780 ล้านบาท

เวลา นาใต้ เรสซิเดนเซส จ.พังงา

 

“นาใต้” แหล่งวิลล่าเศรษฐี

เป็นอีกครั้งที่โครงการ “เวลา” เลือกปักหมุดในทำเลใหม่ หาดนาใต้ จ.โคกกลอย จ.พังงา นั้นเป็นพื้นที่ที่เพิ่งจะเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ถือว่ายังเป็นทำเล ‘Unseen’ ทั้งในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติ

แต่ประภาวดีมองว่าทำเลนี้มีศักยภาพ และจะพัฒนาจนเป็นที่นิยมเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วที่หาดเขาเต่าและชะอำ เพราะการเดินทางที่สะดวก ขับรถจากสนามบินนานาชาติภูเก็ตมาใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีก็จะได้พบชายหาดยาว 10 กิโลเมตร หันหน้าทางทิศตะวันตกสู่ทะเลอันดามัน

“สมบัติ จินดาพล” นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกกลอย

“สมบัติ จินดาพล” นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกกลอย ให้ภาพประวัติการพัฒนาหาดนาใต้ว่า ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา นาใต้เริ่มต้นเป็นแหล่งพักผ่อนแห่งใหม่เมื่อมีเศรษฐีต่างชาติเล็งเห็นความสวยงามและเข้ามาจับจองพื้นที่เพื่อสร้าง ‘เมกะวิลล่า’ คฤหาสน์หรูริมชายหาดสำหรับอยู่อาศัยเองส่วนตัว

หลังจากนั้นในปี 2548 จึงมีโรงแรมแห่งแรกเข้ามาบุกเบิกคือ “อลีนตา รีสอร์ต” ก่อนที่โรงแรมอื่นๆ จะทยอยตามเข้ามาจนขณะนี้มีอยู่ 5 แห่ง

จนในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา หาดนาใต้จึงเริ่มพัฒนาอย่างจริงจัง เนื่องจากมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะถนนเลียบหาดนาใต้ พง.3006 ที่มีขนาดใหญ่ 4 เลน เป็นหมุดหมายรองรับการพัฒนาที่จะเข้ามาในพื้นที่

นาใต้
ชายหาดนาใต้ จ.พังงา

สมบัติประเมินว่า ปัจจุบันพื้นที่ริมหาดนาใต้มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างไปเพียง 40% ขณะที่ที่ดินส่วนใหญ่ 90% ซื้อขายเปลี่ยนมือไปสู่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แล้ว ทำให้ในอนาคตน่าจะเกิดการพัฒนาไปได้อีกมาก

อย่างไรก็ตาม อบต.โคกกลอยมองการพัฒนาหาดนาใต้ในระยะยาว หวังให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงเสน่ห์ของพื้นที่คือ เป็นหาดที่ “สงบ” หลีกหนีจากความวุ่นวาย ขณะเดียวกันทางหน่วยงานท้องถิ่นร่วมกับผู้ประกอบการกำลังปั้นเสน่ห์ใหม่ของนาใต้ คือต้องการเป็นแหล่ง “Sportstainment” เน้นงานอีเวนต์ด้านกีฬา เช่น งานแข่งขันไตรกีฬาระดับนานาชาติ ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2567 เพื่อจะดึงนักท่องเที่ยวระดับ ‘ครีม’ เข้ามาในพื้นที่มากกว่าจะจับตลาดแมส

 

ปั้นเพชรเม็ดใหม่ที่ “นาใต้” จ.พังงา

“เวลา นาใต้ เรสซิเดนเซส” จึงเล็งเห็นจังหวะเข้ามาลงทุนในพื้นที่ เป็นโครงการจัดสรรแห่งที่สองต่อจากโครงการ บาบา บีช คลับ นาใต้ ภูเก็ต ของกลุ่มชาญอิสสระ

โครงการเวลา นาใต้ เรสซิเดนเซส ยังคงคอนเซ็ปต์ในสไตล์เดิมไว้คือเป็น “ลักชัวรีที่เรียบง่าย” โดยทำเลนี้จะใช้ธีมการออกแบบสไตล์ “โมโนโครมาติก” ผสมผสานความเป็นธรรมชาติเข้ากับไลฟ์สไตล์ทันสมัย

เวลา นาใต้
Veyla Beach

วิลล่าในโครงการมี 2 แบบ คือ Veyla Beach พูลวิลล่า 2 ชั้น พื้นที่ 615 ตารางเมตร ติดหน้าหาด สนนราคา 98 ล้านบาทต่อหลัง ซึ่งไทป์นี้ขายหมดแล้ว (sold out)

ขณะที่อีกแบบคือ Veyla Sea พูลวิลล่า 3 ชั้น พื้นที่ 585 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนเนินที่หันหน้าออกสู่ทะเล บนชั้น 2-3 จะเทกวิวทะเลได้ ราคาขายหลังละ 75 ล้านบาท เหลือ 6 หลังสุดท้าย

เวลา นาใต้
Veyla Sea วิวจากห้องมาสเตอร์เบดรูม

ภายในโครงการจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกคือสระว่ายน้ำส่วนกลาง ฟิตเนส 24 ชั่วโมง และห้องอาหาร พร้อมครัวกลางสำหรับทำอาหารหนัก เช่น ปิ้งย่าง

ด้วยฟังก์ชัน 3 ห้องนอน และสไตล์การตกแต่ง ทำให้เป้าหมายของโครงการนี้พุ่งไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ คู่รัก หรือครอบครัวขนาดเล็ก เหมาะกับกลุ่ม ‘ดิจิทัล โนแมด’ ที่เดินทางไปทำงานแบบ ‘Work from Anywhere’ ได้ทั่วโลก

สระว่ายน้ำส่วนกลาง

 

ให้เช่าผ่าน ‘Elite Heaven’ ยีลด์แตะ 8%

ประภาวดีกล่าวว่า นี่เป็นโครงการแรกที่เธอจับกลุ่มเป้าหมายต่างชาติด้วย ซึ่งทำให้ยอดขาย 9 หลังแรกนั้นมีครึ่งหนึ่งเป็นลูกค้าชาวไทย อีกครึ่งหนึ่งเป็นต่างชาติในภูมิภาค เช่น ฟิลิปปินส์ ลาว เวียดนาม

นอกจากนี้ บริษัทยังมีความร่วมมือกับ ‘Elite Heaven’ ซึ่งเป็นบริษัทบริหารการให้เช่าอสังหาฯ (rental program) จากสิงคโปร์ และมีพอร์ตบริหารการเช่าทั้งในภูเก็ต-พังงา บาหลี ศรีลังกา มัลดีฟส์ (*ทั้งนี้ กลุ่มดุสิตธานี เข้าเทกโอเวอร์ Elite Heaven ไปเมื่อปี 2564) บริษัทนี้จะเป็นผู้บริหารการเช่าให้กับ เวลา นาใต้ เรสซิเดนเซส หากเจ้าของบ้านต้องการ

เวลา นาใต้

โดยไอเดียส์ 1606 เริ่มทดลองนำบ้านพักหลังที่ยังเหลือขายให้เช่าผ่าน Elite Heaven มาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 พบว่าดีมานด์ดี ลูกค้าส่วนใหญ่ที่สนใจเช่าเป็นกลุ่มยุโรป และมีระยะเวลาการเช่าครั้งละ 5 คืนจนถึง 1 เดือน

ในช่วงไฮซีซันของภาคใต้ อัตราเข้าพักจะไม่ต่ำกว่า 50% ทำราคาได้เฉลี่ยคืนละ 2,000 เหรียญสหรัฐต่อหลัง (ประมาณ 68,000 บาท) ทำให้ได้รับผลตอบแทนการเช่า (yield) ประมาณ 8%

 

ทำเลต่อไป…เกาะพีพี

สำหรับโปรเจกต์ถัดไปของประภาวดี จะเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดที่เคยทำมา เพราะเธอเพิ่งเซ็นดีลซื้อที่ดินเปล่าบน “เกาะพีพี” เนื้อที่เกือบ 100 ไร่ และมีหน้าหาดกว้าง 500 เมตร ซึ่งคาดว่าอาจจะได้เห็นการเปิดตัวโครงการในปี 2567

“อยากจะพัฒนาโปรเจกต์ที่เป็นที่กล่าวขานของเกาะพีพีให้ได้ ที่จริงทำเลนี้(เกาะพีพี)มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เขาขายตัวเขาเองได้เลย เราแค่ไปเสริมเท่านั้น” ประภาวดีกล่าว “มองคร่าวๆ อยากจะทำโครงการที่ ‘สร้างเหมือนไม่สร้าง’ คือเป็นธรรมชาติ ตอนนี้กำลังหาสถาปนิกที่จะมาร่วมงานอยู่”

เมื่อถามถึงประสบการณ์ 15 ปีกับการพัฒนาวิลล่าตากอากาศ เธอเห็นความต้องการอะไรของลูกค้าบ้าง? ประภาวดีตอบว่า ลูกค้าคนไทยที่เป็นเป้าหมายหลักมักจะไม่ได้มองวิลล่าในแง่ตัวเลขการลงทุนเป็นหลัก แต่มองปัจจัย 4 ข้อ คือ

1.ทำเลตากอากาศ ต้องได้ทั้ง ‘switch off’ คือมีความเป็นส่วนตัว และ ‘switch on’ ยังเข้าหาความเจริญได้สะดวก

2.สังคมการอยู่อาศัย มองไลฟ์สไตล์คนอาศัยจะใกล้เคียงกัน

3.ความสวยงาม สไตล์การออกแบบสวยงาม ถูกใจ

4.คุ้มค่ากับเงินที่จ่าย วัสดุอุปกรณ์ การก่อสร้าง ตกแต่ง คุ้มกับราคา

นอกจากนี้ หลังผ่านโควิด-19 และการเข้าหาลูกค้าต่างชาติมากขึ้น ทำให้มีปัจจัยอีก 2 ข้อที่ต้องคำนึงเพิ่มเติมคือ การออกแบบสเปซสำหรับทำงานได้แบบ Work from Anywhere และ การลงทุนสำหรับชาวต่างชาติ หมายความว่าจะต้องมีระบบบริหารการเช่ารองรับ และสร้างความเชื่อมั่นว่าทำเลนี้ซื้อขายเปลี่ยนมือได้ไม่ยาก

แต่สิ่งหนึ่งที่จะไม่เปลี่ยนสำหรับประภาวดี คือการใช้ “ชื่อโครงการที่ยึดตามท้องถิ่น” ทั้งเขาเต่า ชะอำ นาใต้ ซึ่งเธอมองว่านี่คือการแสดงความจริงใจ และต้องการช่วยพัฒนาท้องถิ่นนั้นๆ จริงๆ

]]>
1428686
“ฮาบิแทท” จับมือทุนท้องถิ่น “เฮงตระกูล” ขึ้นโครงการพูลวิลล่า “พัทยา” ตอบรับท่องเที่ยวฟื้น https://positioningmag.com/1404578 Tue, 18 Oct 2022 10:12:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1404578 “ฮาบิแทท” ร่วมทุน “เฮงตระกูล” ทุนท้องถิ่นในจังหวัดชลบุรี ขึ้นโครงการ “ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา” วิลล่าระดับกลางบนราคา 8-15 ล้านบาท ตั้งเป้าขายทั้งกลุ่มซื้ออยู่เองและนักลงทุน ตอบรับธุรกิจท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว ฝากความหวังรัฐปลดล็อกต่างชาติซื้อที่ดินได้ ช่วยเร่งยอดขายได้ทันที

“ชนินทร์ วานิชวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ร่วมกับ “รัฐกิจ เฮงตระกูล” เจ้าของที่ดินที่จะนำมาพัฒนา เปิดเผยถึงความร่วมมือการเปิดโครงการใหม่ “ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา” มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท บนเนื้อที่ดิน 51 ไร่ (รวมสองเฟส) ถือเป็นโครงการพูลวิลล่าขนาดใหญ่ในทำเลห้วยใหญ่ เมืองพัทยา

โครงการนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองฝ่ายจับมือกันผ่านการตั้ง บริษัท ฮาบิแทท วิลล่า จำกัด โดยฮาบิแทท กรุ๊ป ลงทุน 70% และฝั่งเฮงตระกูลลงทุน 30% จากนั้นใช้บริษัทนี้จัดซื้อที่ดินของตระกูลเข้ามาในบริษัทเพื่อพัฒนาโครงการ

ฮาบิแทท เฮงตระกูล พัทยา
ชนินทร์ วานิชวงศ์ และ รัฐกิจ เฮงตระกูล

ชนินทร์กล่าวว่า เฟสแรกของโครงการจะเปิดพรีเซลก่อน 65 หลัง เริ่มขายเดือนพฤศจิกายนนี้ ราคาพรีเซล 8-15 ล้านบาท ส่วนเฟสสองคาดว่าจะมีอีกมากกว่า 100 หลัง น่าจะเริ่มเปิดขายได้ไตรมาส 3 ปี 2566 และน่าจะปรับราคาขึ้นได้อีก 5-7% จากเฟสแรก

ฮาบิแทท กรุ๊ป นั้นถือเป็นนักพัฒนาอสังหาฯ ที่ลงทุน ‘Vacation Home’ มามาก โดยใน 12 โครงการที่บริษัทเคยพัฒนา มี 8 โครงการที่เป็นลักษณะคอนโดมิเนียมหรือบ้านพักตากอากาศ หลายโครงการจะเป็น Branded Residences ใช้แบรนด์โรงแรมในการบริหาร ทำให้ดึงดูดกลุ่มนักลงทุนได้ดี

ก่อนหน้าที่จะมีโครงการนี้ ฮาบิแทท กรุ๊ปเคยพัฒนาพูลวิลล่ามาแล้ว 2 แห่ง คือ The Ville จอมเทียน เป็นพูลวิลล่า 80 หลัง ราคา 8-13 ล้านบาท และ ครอสทู (X2) พัทยา โอเชียนเฟียร์ พูลวิลล่า 59 หลัง ราคา 10-15 ล้านบาท โครงการนี้เองที่นับว่าสร้างชื่อเสียงให้ฮาบิแทท กรุ๊ป เพราะเมื่อสร้างเสร็จเปิดบริการเป็นโรงแรมในปี 2561 โรงแรมได้รับความนิยมมากในแง่การออกแบบที่มีรสนิยม ทำให้ได้อัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ 70% ต่อปี (ก่อนโควิด-19)

 

พูลวิลล่าโครงการใหญ่ เจาะตลาดกลางบน

ชนินทร์กล่าวต่อไปว่า จากทั้งสองโครงการก่อนหน้าที่ประสบความสำเร็จ ขายหมดภายใน 2 ปี และการวิจัยตลาดพัทยาพบว่า โครงการรูปแบบพูลวิลล่ามีไม่มากนัก คือมีเพียง 541 ยูนิต และทำยอดขายได้ 73% ถือว่าเป็นตลาดที่มีดีมานด์

ส่วนกลางโครงการไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา

ทำให้ปีนี้บริษัทกลับมาลงทุนพูลวิลล่าอีกครั้ง และครั้งนี้มาด้วยโครงการที่ใหญ่กว่าเดิม สามารถเพิ่มสัดส่วนพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ 3 ไร่ไว้รองรับลูกบ้านได้ โดยจะมีทั้งคลับเฮาส์ สระว่ายน้ำ และจ็อกกิ้ง แทร็ค เชื่อว่าจะเป็นจุดขายสำคัญให้กับโครงการ ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา เพราะโครงการพูลวิลล่าอื่นๆ ในพัทยาส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กเพียง 5-15 หลัง ทำให้มักจะไม่มีส่วนกลางหรือมีน้อย

ส่วนรูปแบบบ้านเป็นพูลวิลล่าทุกหลัง ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ ทุกหลังเช่นกัน เพราะจากการบริหาร The Ville จอมเทียน ทำให้ทราบว่ากลุ่มลูกค้าผู้เช่ามักจะต้องการบ้านหลังใหญ่ บ้านที่มี 4 ห้องนอนขึ้นไปมีโอกาสปล่อยเช่าดีกว่าบ้านขนาด 3 ห้องนอน เพราะผู้เช่ามักจะเดินทางมาเป็นครอบครัวใหญ่ หรือเป็นเพื่อนฝูงมาเที่ยวร่วมกันเป็นกลุ่มใหญ่

ฮาบิแทท พัทยา
(บน) แบบบ้านโรสวู้ด (ล่าง) แบบบ้านแคสเซีย

ส่วนระดับราคา 8-15 ล้านบาทก็เชื่อว่าจะตรงกลุ่มเป้าหมายในพัทยา เป็นราคาระดับกลางบนที่ทำยอดขายได้ดีในพื้นที่

ชนินทร์กล่าวว่า เป้าหมายลูกค้าน่าจะมีทั้งกลุ่มที่ซื้ออยู่เองเพื่อเป็นบ้านตากอากาศหรือบ้านหลังเกษียณ รวมถึงกลุ่มนักลงทุนปล่อยเช่า คาดผู้ซื้อจะเป็นกลุ่มลูกค้าคนไทย 70% และต่างชาติ 30%

ทั้งนี้ โครงการนี้ฮาบิแทท กรุ๊ปไม่ได้มีการทำสัญญารับบริหารเหมือนเคย เพราะไม่ได้จดทะเบียนเป็นโรงแรม ลูกค้าที่ต้องการซื้อปล่อยเช่าสามารถดำเนินการเองได้

 

ปี’66 ผู้เช่าระยะยาวจากต่างประเทศจะกลับมา

ในด้านการปล่อยเช่าพูลวิลล่าในพัทยา ชนินทร์กล่าวว่าขณะนี้ผู้เช่าส่วนใหญ่ 70% จะเป็นคนไทยซึ่งนิยมมาเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์ และ 30% เป็นชาวต่างชาติที่นิยมพักระยะยาว

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปี 2566 จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน ผู้เช่าพูลวิลล่าน่าจะเป็นคนไทยกับต่างชาติฝั่งละ 50:50 และต่อไปก็น่าจะมีชาวต่างชาติเช่ามากกว่า เพราะสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวมากขึ้นเรื่อยๆ

ก่อนหน้าโควิด-19 เมืองพัทยาเป็นจุดหมายสำคัญของผู้เช่าต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน, ตะวันออกกลาง และยุโรป โดยเฉพาะกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียจะนิยมเช่าบ้าน เพราะต้องการพักระยะยาวหนีหนาว 3-4 เดือนต่อปี

สำหรับราคาค่าเช่าพูลวิลล่าระดับกลางบนในพัทยาจะอยู่ที่คืนละ 7,000-10,000 บาท ทำให้ถ้าหากลงทุนซื้อบ้านราคา 12 ล้านบาท และสามารถปล่อยเช่าได้อย่างน้อย 60% หรือเฉลี่ยประมาณ 18 คืนต่อเดือน คาดว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนการเช่า (yield) ราว 7% ต่อปี

ชนินทร์ยังกล่าวถึงมาตรการรัฐที่มีแนวทางจะปลดล็อกให้ต่างชาติซื้อที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยในไทยได้ไม่เกิน 1 ไร่ว่า หากมาตรการนี้เกิดขึ้นจริง เชื่อว่าจะทำให้ยอดขายโครงการบ้านพักตากอากาศดีขึ้นทันที เพราะดีมานด์ต่างชาติมีอยู่เสมอ เฉพาะชาวจีนที่ทำงานในประเทศไทยก็พร้อมที่จะเข้าซื้อจำนวนมาก รวมถึงกลุ่มยุโรปที่ต้องการซื้อบ้านเพื่อเกษียณอายุด้วย

ฝั่งเฮงตระกูลนั้นยังมีที่ดินเปล่าอยู่ในจ.ชลบุรีอีกราว 20-30 แปลง รวม 300-400 ไร่ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะมีการลงทุนร่วมกันต่อหรือไม่และจะเป็นที่ไหน ขอรอดูผลตอบรับของโครงการนี้ก่อน

]]>
1404578
“อัลติจูด” พร้อมขึ้นเป็นรายกลาง! ปี 2565 วางแผนลงทุน 5 โครงการ 11,000 ล้านบาท https://positioningmag.com/1392125 Mon, 11 Jul 2022 08:54:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1392125 อสังหาฯ รายเล็ก “อัลติจูด” พร้อมขยายตัวเพื่อขึ้นเป็น “รายกลาง” ของตลาด จากแผนลงทุนปี 2565 เปิดหน้าดิน 5 โครงการ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท และปีนี้วางเป้ารับรู้รายได้ 3,000 ล้านบาท วางคอนเซ็ปต์บริษัทพัฒนาโปรดักส์ที่แตกต่างจากตลาด เน้นกลุ่มลูกค้ายอมจ่ายเพิ่มเพื่อ “ไลฟ์สไตล์” สร้างสถานะทางสังคม

ชยพล หรรรุ่งโรจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “ขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย” กรรมการบริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด แถลงข่าวแผนบริษัทปี 2565 พร้อมแล้วที่จะขึ้นเป็นรายกลางของตลาด ด้วยเม็ดเงินการลงทุนและยอดรับรู้รายได้ปีนี้

โดยอัลติจูดนั้นเริ่มต้นโครงการแรกเมื่อปี 2554 จากโครงการคอนโดมิเนียมในซอย เน้นความคุ้มค่าในการลงทุน และค่อยๆ ขยายตัวจนปัจจุบันแตกพอร์ตโฟลิโอหลายเซ็กเมนต์ทั้งแนวราบและแนวสูง

อัลติจูด
(จากซ้าย) “ชยพล หรรรุ่งโรจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “ขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย” กรรมการบริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด

ขวัญชัยกล่าวว่า ปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทขึ้นเป็น “รายกลาง” ด้วยการรับรู้รายได้ 3,000 ล้านบาท (แบ่งเป็นแบ็กล็อก 2,000 ล้านบาท และยอดขายใหม่โอนในปีอีก 1,000 ล้านบาท) และจะมีการลงทุน 5 โครงการ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท ถือเป็นการลงทุนที่ก้าวกระโดดขึ้นมาก จากเมื่อปี 2563 บริษัทเปิดโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท และปี 2564 เปิดตัวเกือบ 2,600 ล้านบาท

ชยพลให้ข้อมูลโครงการที่จะเปิดในปีนี้จนถึงต้นปี 2566 ได้แก่

1.อัลติจูด ฟอเรสต์ อ่อนนุช-วงแหวน บ้านแฝดและบ้านเดี่ยวแบบพูลวิลล่าทุกหลัง จำนวน 220 ยูนิต ราคาเริ่ม 9.0-14.9 ล้านบาท เปิดตัววันที่ 9-10 กรกฎาคม 2565

2.อัลติจูด ฟอเรสต์ บางนา บ้านแฝดและบ้านเดี่ยวแบบพูลวิลล่าทุกหลัง จำนวน 46 ยูนิต ราคาเริ่ม 9.0-14.9 ล้านบาท เปิดตัววันที่ 9-10 กรกฎาคม 2565 (*อัลติจูด ฟอเรสต์ 2 โครงการรวมกัน มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท)

3.เดอะ คอลเล็กชัน เจริญนคร โครงการคฤหาสน์หรู 11 หลัง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ดินหน้ากว้างกว่า 100 เมตร บ้านเดี่ยวพื้นที่ใช้สอย 750-1,500 ตร.ม. ติดถนนเจริญนคร (ช่วงสะพานกรุงเทพ) ราคาเริ่ม 100 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,290 ล้านบาท

4.Wellness Hub ใกล้คูเมือง เชียงใหม่ โครงการมิกซ์ยูสบนที่ดิน 15 ไร่ ประกอบด้วยโรงแรม คอนโดฯ โรงพยาบาลขนาดเล็ก ร้านอาหาร เน้นการให้บริการด้านเวลเนส สุขภาพ ความงาม มูลค่าโครงการ 5,240 ล้านบาท

5.ทาวน์โฮมรูปแบบใหม่ระดับพรีเมียม มูลค่าโครงการ 1,470 ล้านบาท

มูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่ของอัลติจูด ช่วงปี 2563-65

ทั้งนี้ ไม่นับรวมโครงการกลุ่ม Turn Key Project ซึ่งเป็นรูปแบบการรับบริหารโครงการภายใต้แบรนด์ของอัลติจูดให้กับเจ้าของที่ดิน ขณะนี้มีเจรจาโปรเจ็กต์ลักษณะนี้อยู่ 2-3 โครงการ

โครงการทั้งหมดของปีนี้ ปัจจุบันยังไม่มีพาร์ตเนอร์ร่วมทุน แต่ชยพลระบุว่าบริษัทยังคงเปิดกว้างในการรับผู้ร่วมลงทุน ตามวิธีดำเนินธุรกิจที่เป็นมาโดยตลอดของบริษัท โดยเฉพาะโครงการ Wellness Hub ที่เชียงใหม่ ขณะนี้ยังคงมองหาและเจรจากับพาร์ตเนอร์ธุรกิจด้านเวลเนสและโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง

 

เน้นฉีกแนวจากตลาด มองหาลูกค้าที่ต้องการ “ไลฟ์สไตล์”

ด้านการแข่งขันในตลาดอสังหาฯ ปัจจุบัน ขวัญชัยมองว่าตลาดแข่งขันสูงมาก และในฐานะรายเล็กที่กำลังขึ้นเป็นรายกลาง ต้องหาจุดแตกต่าง ซึ่งอัลติจูดเองเริ่มมีแนวทางชัดเจนขึ้นตั้งแต่ปี 2561 มีการพัฒนาโปรเจกต์ที่มีการออกแบบให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ที่อยู่อาศัยเป็น “เครื่องแสดงสถานะ” ในตัว

โดยบริษัทมีการศึกษาความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่มซึ่งคนกลุ่มนี้ขวัญชัยให้นิยามว่า “เป็นคนที่รู้ว่าข้าวผัดกะเพราในตลาดราคา 50 บาท แต่ยอมจ่ายที่ 75 บาทถ้าหากได้อะไรมากกว่า”

สระว่ายน้ำออกแบบสไตล์รีสอร์ต ในโครงการอัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ

ยกตัวอย่างโครงการ “อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ” ทำเล BTS สถานีตลาดพลู ปัจจุบันขายราคาเริ่มที่ 2.9 ล้านบาท ห้องชุด 1 ห้องนอน พื้นที่ 24 ตร.ม. ราคาเฉลี่ย 110,000 บาทต่อตร.ม. แต่ให้สิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลาย เช่น ห้องอีสปอร์ตส, หน้าผาจำลอง และเน้นพื้นที่ ‘สร้างคอนเทนต์’ ออกแบบสวยงาม เช่น สระว่ายน้ำฟรีฟอร์มชั้น 7 ที่ออกแบบสไตล์รีสอร์ต ถูกใจคนรุ่นใหม่ ทำให้มียอดขาย 60% ช่วงตึกสร้างเสร็จ และคาดว่าจะทำยอดขายได้ 75% ภายในสิ้นปีนี้

บรรยากาศจำลองในพูลวิลล่าของอัลติจูด ฟอเรสต์ อ่อนนุช-วงแหวน

หรือโครงการที่เปิดตัวแล้วปีนี้คือโครงการตระกูล “อัลติจูด ฟอเรสต์” มาจากการวิจัยพบว่า วิถีชีวิตหลัง COVID-19 หลายคนทำงานแบบไฮบริด ได้อยู่บ้านมากขึ้น ทำให้บรรยากาศบ้านยิ่งสำคัญ จึงสร้างแบรนด์ที่ “มีสระว่ายน้ำทุกหลัง” แม้ว่าจะเป็นบ้านแฝดก็เป็นพูลวิลล่า เพื่อให้มีสถานที่ผ่อนคลายอารมณ์ โดยทำราคาเริ่มต่ำกว่าสิบล้านบาทก็เป็นเจ้าของได้ ปัจจุบันจากสองโครงการที่เปิดตัวพร้อมกันมียอดจองแล้ว 14 ยูนิต มูลค่ารวม 150 ล้านบาท

ถัดมาคือโปรเจกต์ เดอะ คอลเล็กชัน ที่จะเป็นคฤหาสน์ริมน้ำในย่านใกล้เมือง เลือกทำโครงการลักษณะนี้เพราะเห็นโอกาสว่ามีดีมานด์กลุ่มความมั่งคั่งสูง การมีบ้านริมแม่น้ำถือเป็นสิ่งที่เศรษฐีหลายคนต้องการ แต่โครงการบ้านสร้างใหม่ในตลาดหาได้ยากมาก อัลติจูดจึงเลือกตอบสนอง pain point นี้ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ต่างจากตลาดทั่วไป

ชยพลปิดท้ายถึงสภาวะตลาดอสังหาฯ 2565 เชื่อว่าตลาดส่งสัญญาณบวกกลับมาแล้ว แม้ว่าจะมีประเด็นเงินเฟ้อและดอกเบี้ยอาจปรับเป็นขาขึ้น แต่คาดว่าจะไม่สาหัสเท่ากับช่วงเริ่มเกิด COVID-19 ที่ทำให้ตลาดสะดุดทันที ด้านตลาดนักลงทุนปล่อยเช่า มองว่าโครงการกลุ่มที่เจาะผู้เช่าคนไทยทั้งคนทำงานและนักเรียนนักศึกษาจะไปได้ดีกว่า เพราะทำเลที่เน้นผู้เช่าต่างชาติวันนี้มีซัพพลายล้นตลาด แต่ดีมานด์ต่างชาติไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม

]]>
1392125