ภูเก็ต – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 29 Sep 2025 12:20:46 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ไม่มีนทท. จีนเปลี่ยนไปจับ ‘รัสเซีย-CIS’ แทนก็ได้! พบเกือบครึ่ง ‘เปย์หนัก’ เฉลี่ย 1 แสน/ทริป ‘ภูเก็ต’ ปลายทางอันดับ 1 https://positioningmag.com/1540055 Mon, 29 Sep 2025 10:51:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1540055 ในช่วงแปดเดือนแรกของปี 2568 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมถึง 22.4 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1 ล้านล้านบาท แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมจะลดลง 7.1% และรายได้จากนักท่องเที่ยวลดลง 5.4%

แต่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ ใช้ภาษารัสเซีย หรือ กลุ่มเครือรัฐเอกราช (CIS) กลับโตสวนกระแส โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยกว่า 1.2 ล้านคน ทำให้ปัจจุบันนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ขึ้นเป็น 1 ใน 5 อันดับ ประเทศนักท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย แซงหน้าอินเดีย

ข้อมูลจาก Yango Ads ให้บริการธุรกิจเทคโนโลยีโฆษณา ที่จัดทำรายงาน Tourism Industry Guide 2025 พบว่า มีนักท่องเที่ยวลุ่ม CIS ถึง 40% ที่ใช้จ่ายมากกว่า 100,000 บาท ต่อทริป (หรือคิดเป็นเงินประมาณ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีระยะเวลาในการพักโดยเฉลี่ย 8 – 14 วัน และอาจยาวนานถึง 3 สัปดาห์ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม ครอบครัวและวัยรุ่น

โดยนักท่องเที่ยว CIS ยังเป็นกลุ่มที่ใช้สื่อดิจิทัลอย่างหนัก โดยเกือบครึ่งหนึ่งวางแผนการเดินทางล่วงหน้า 2–3 เดือน นิยมใช้แอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มวิดีโออย่าง YouTube และ Telegram ในการตัดสินใจเดินทาง    รวมถึงการจองโรงแรมหรูและต้องการการบริการระดับพรีเมียม

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจากประเทศ คาซัคสถาน ถือเป็นตลาดดาวรุ่งที่น่าจับตา โดย 80% ของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เลือกเดินทางมายังจังหวัด ภูเก็ต ซึ่งภูเก็ตถือเป็นปลายทางอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยว CIS ตามด้วยพัทยา และกรุงเทพฯ โดยช่วงไฮซีซั่นของนักท่องเที่ยว CIS คือ กันยายน-กุมภาพันธ์

“เขามาไทยเพราะอากาศ ทะเล และคนไทย เขาเลยอยากมาเที่ยวทะเลไทย มาเจออากาศดี ๆ เพราะบ้านเขามันหนาวมาก และไม่มีทะเล ดังนั้น เขาจึงชื่นชอบเที่ยวภูเก็ตมาก” เนฮะ ดาวาร์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ Yango Ads ประเทศไทย เล่า

เนฮะ ดาวาร์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ Yango Ads ประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงนักท่องเที่ยว CIS ของผู้ประกอบการอาจไม่ได้ง่ายนัก โดยเฉพาะในเรื่องของ ภาษา และพฤติกรรมการใช้ สื่อดิจิทัล ที่ต่างกัน เช่น การใช้ Telegram ทำให้ Yango Ads เห็นโอกาสในการเข้ามาเจาะกลุ่มผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเข้าถึงนักท่องเที่ยว CIS 

“ตอนนี้ทุกคนเห็นว่านักท่องเที่ยวค่อย ๆ ลดลง โดยเฉพาะจีน เขาก็ต้องหาทางจับนักท่องเที่ยวใหม่ ๆ ซึ่งจริง ๆ   เขาไม่ได้อยากจับนักท่องเที่ยวกลุ่มไหนกลุ่มหนึ่ง แต่ชอบมีบาลานซ์ เพราะอยากกระจายความเสี่ยง แต่ที่ผ่านมา    ผู้ประกอบการไทยไม่ค่อยยิงแอดกลุ่ม CIS เพราะไม่มีเครื่องมือ ติดเรื่องภาษา” เนฮะ ดาวาร์ อธิบาย

สำหรับจุดแข็งของ Yango Ads คือการผสาน AI เข้ากับข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค และการเข้าถึงแพลตฟอร์มเฉพาะตลาด โดยสามารถจะเข้ามาช่วยได้ตั้งแต่

  • กำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Precision Targeting) และเข้าถึงในช่องทางที่พวกเขาใช้งาน ด้วยภาษาและเนื้อหาที่ตรงกับวัฒนธรรม
  • ช่วยปรับปรุงโฆษณาและงบประมาณแบบอัตโนมัติ
  • Forecasting & Planning ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำตลาด
  • เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน (Efficiency & Scale)

“ตอนนี้หลายประเทศกำลังแย่งนักท่องเที่ยวกลุ่ม CIS เช่น เวียดนาม ท่ี่เป็นอีกปลายทางยอดนิยม หรือจีนเองที่ประกาศฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ไทยก็ยังถือว่าได้เปรียบในเรื่องอากาศ และทะเล” เนฮะ ดาวาร์ ทิ้งท้าย

]]>
1540055
อสังหาภูเก็ตฮอต ‘อิสราเอล-บังกลาเทศ’ หันซื้อลงทุนปล่อยเช่า แสนสิริเผย 5 ปี โหม 29 โครงการใหม่ 3.3 หมื่นล้าน https://positioningmag.com/1532363 Tue, 05 Aug 2025 05:15:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1532363 ภูมิชาย มัธยมภพภิญโญ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจพัฒนาโครงการภาคใต้ บริษัท แสนสิริ จํากัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ “ภูเก็ต” เผชิญวิกฤต อาทิ สึนามิ โควิด แต่ก็พบ New    S-Curve ใหม่ตลอด ดังนั้นประเด็นภูมิรัฐศาสตร์โลกแม้มีความท้าทาย หากมองลึก ๆ ก็นับเป็นโอกาสเช่นกัน

ภูเก็ต คนทะลักเกาะกว่า 2 ล้านคน ราคาที่ดินดีด 700% ใน 20 ปี

ปัจจุบันภูเก็ต มีผู้อยู่อาศัยในเกาะเกิน 2 ล้านคน แบ่งเป็น ประชากรดั้งเดิม 4.6 แสนคน ประชากรแฝง (กลุ่มคนทำงานและนักท่องเที่ยวระยะยาวเกิน 1 เดือนขึ้นไป) 6-8 แสนคน และ นักท่องเที่ยวระยะสั้น 1.2-1.5 ล้านคน/ปี

ปัจจัยเหล่านี้ส่งเสริมตลาดที่อยู่อาศัยในภูเก็ตให้เฟื่องฟู สะท้อนจากผู้เล่นในตลาดที่เข้ามาโหมตลาดภูเก็ตมากขึ้น ส่งผลให้ราคาที่ดินโอเวอร์ขึ้นไปถึง 700% ในรอบ 20 ปี

ภูมิชาย มัธยมภพภิญโญ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจพัฒนาโครงการภาคใต้ บริษัท แสนสิริ จํากัด (มหาชน)
ภูมิชาย มัธยมภพภิญโญ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจพัฒนาโครงการภาคใต้ บริษัท แสนสิริ จํากัด (มหาชน)

อย่างไรก็ดี ต่อจากนี้ไปอีก 2 ปี ตลาดอสังหาภูเก็ต จะกลายเป็นตลาดของผู้เล่นตัวจริง ที่ทำราคาได้เหมาะสมในทำเลที่ถูกต้อง เพราะภาพรวมจะเข้าสู่ภาวะจริงมากขึ้น ไม่ใช่เหมือนใน 2 ปีก่อนหน้านี้ ที่ทำโปรดักส์อะไรลงมา แล้วจะขายได้ทั้งหมด

อย่างบางทำเล เราเริ่มพบภาวะซัพพลายล้น เช่น บางเทา เชิงทะเล ที่มี 7-8 พันยูนิต ทำให้อัตราดูดซับช้าลง แม้จะยังมีดีมานด์ในตลาดก็ตาม

อิสราเอล บังกลาเทศ ยูเครน นักลงทุนหน้าใหม่ในภูเก็ต ส่วน LGBTQIA+ เลือกไทยเป็นบ้านเซฟโซน

ภูมิชาย กล่าวต่อไปว่า เราพบอินไซด์น่าสนใจว่า กลุ่มชาวต่างชาติย้ายมาปักหลักภูเก็ตมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Digital Nomad ที่เริ่มขยายครอบครัว ย้ายมาจากสิงคโปร์และฮ่องกง เนื่องจากค่าครองชีพในไทยถูกกว่า รวมถึงกลุ่ม retirement ที่ซื้อที่อยู่ในไทยเป็นบ้านหลังที่สอง

โดยช่วง 2-3 ปีนี้ แสนสิริพบ New Demands จากชาติใหม่ ๆ โดยเฉพาะ อิสราเอล เริ่มเข้ามาซื้อคอนโดเพื่อการลงทุนในภูเก็ต โดยปี 2568 นี้มีการซื้อจากแสนสิริราว ๆ 40-50 ยูนิต ในราคา 3-6 ล้านบาท จากปีก่อนมีมาซื้อประปรายไม่กี่ยูนิตเท่านั้น

“แรก ๆ เราคิดว่าเขาซื้ออสังหาจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ เพราะนักลงทุนอยู่ทั้งประเทศเขา และบางทีก็มาไทยบ้าง โดยคนกลุ่มนี้ซื้ออสังหาผ่านเอเจนต์และบางรายไม่เคยมาดูห้องตัวจริงด้วย แต่เขาก็ซื้อเพราะมั่นใจแสนสิริ ทีละ 1-2 ยูนิต”

ภูเก็ต ป่าตอง
ป่าตอง ภูเก็ต ภาพจาก Shutterstock

ขณะเดียวกัน ก็พบว่านักลงทุนจากหลายที่ทั่วโลก เริ่มกระจายพอร์ตการลงทุน อย่างชาวบังกลาเทศที่เป็นนักธุรกิจในอเมริกา จากเดิมเคยซื้ออสังหาเพื่อการลงทุนในดูไบ แต่เมื่อราคาอสังหาดูไบราคาเริ่มขึ้นสูง จนให้ยีลด์ได้ไม่ดีนัก จึงซื้อคอนโดในภูเก็ตแทน ซึ่งมีราคาเริ่มต้นเพียง 2-5 ล้านบาท/ยูนิต ต่างจากดูไบที่มีราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท/ยูนิต

นอกจากนี้ ก็มีชาติอื่น ๆ เข้ามาซื้อมากขึ้น อาทิ คาซัคสถาน ยูเครน อินเดีย

และที่น่าสนใจ คือ กลุ่ม LGBTQIAN+ ในต่างประเทศวางแผนตั้งถิ่นฐานหรือลงทุนที่ภูเก็ต เพราะประเทศไทยมีความชัดเจนเรื่องกฎหมายที่ให้ความคุ้มครอง และมีความเปิดกว้าง

ปล่อยเช่าคอนโดฮอต อัตราเข้าพัก 80%

สมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพ เพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า จากการทำบริการ Plus Concierge หาผู้เช่า และบริหารจัดการอสังหาให้นักลงทุน    พบว่า มีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) 80% ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มผู้เช่ามี 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่

  • กลุ่มคนไทยที่ในทำงานภูเก็ต และกลุ่มต่างชาติ Digital Nomad นิยมโซนในเมือง
  • นักท่องเที่ยวระยะยาว มากกว่า 1-3 เดือนขึ้นไป นิยมโซนรอบเมือง เช่น โซนเชิงทะเล เป็นต้น
สมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
สมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด

โดยยีลด์ค่าเช่าที่อยู่อาศัยในภูเก็ตมีระดับสูงเฉลี่ยประมาณ 1 ดิจิตปลาย ๆ ซึ่งหากเทียบกับอสังหาที่พลัสพร็อพเพอร์ตี้มีการปล่อยเช่าให้ลูกค้าจะคิดอัตราผลตอบแทน (Rental Yield) ได้ดังนี้

1.ดีคอนโด ภูเก็ต

  • ราคาทรัพย์ประมาณ 2 ล้านบาท
  • ค่าเช่า 12,000-15,000 บาท/เดือน
  • Yield: 7.2% – 9.0%

2.เดอะเบส ภูเก็ต

  • ราคาทรัพย์ 3 ล้านบาทกลาง ๆ
  • ค่าเช่า 18,000 – 20,000 บาท/เดือน
  • Yield: 6.17% – 6.86%

3.บ้านสราญสิริ ภูเก็ต

  • ราคาทรัพย์ 9 ล้านบาท
  • ค่าเช่า 75,000 – 80,000 บาท/เดือน
  • Yield: 10.0% – 10.67%

“จากความร้อนแรงของภูเก็ต ทำให้ราคาเช่าบางทีอาจเด้งขึ้นสูง เช่น พูลวิลล่าบางแห่ง ราคา 30 ล้านบาท สัญญา 1 ปี ปล่อยเช่า 2.5 แสนบาท/เดือน แต่หากรอปล่อยเช่าช่วงไฮซีซั่น จะได้ค่าเช่า 8-9 แสนบาท/3 เดือน“

แสนสิริ จ่อเปิดเพิ่ม 29 โครงการ มูลค่า 3.3 หมื่นล้านบาท ใน 5 ปี

สำหรับปี 2568 แสนสิริ เปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 3 แห่งในภูเก็ต มูลค่ารวมราว 2,500-3,000 ล้านบาท ได้แก่

  • เดอะเบส เชิงทะเล ราคาเริ่มต้น 3.65 ล้านบาท/ยูนิต
  • เศรษฐศิริ เกาะแก้ว ราคา 13-20 ล้านบาท/ยูนิต
  • ดีคอนโด กระทู้ ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท/ยูนิต

โดยตั้งเป้ายอดขายในภูเก็ตปีนี้ ประมาณ 5,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมีโครงการแอคทีฟอยู่ 8 โครงการ เหลือประมาณ 200-300 ยูนิตเท่านั้น

แสนสิริ แผนลุยภูเก็ต 5 ปี ปี 2568-2572

ส่วนแผนระยะยาวในอีก 5 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2568 – 2572) เตรียมเปิดตัวรวม 29 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 33,000 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • แนวราบ 16 โครงการ มูลค่า 12,000 ล้านบาท
  • คอนโดมิเนียม 13 โครงการ มูลค่า 21,000 ล้านบาท

จากปัจจุบันแสนสิริเปิดตัวโครงการในภูเก็ตไปมากกว่า 26 โครงการ

]]>
1532363
ปักหมุดดับร้อน ล่องใต้ จ.ภูเก็ต เที่ยวสงกรานต์ Water Festival 2025 https://positioningmag.com/1516889 Sat, 05 Apr 2025 03:19:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516889

ฉลองครบรอบ 10 ปี ของการจัดงาน Water Festival 2025 เทศกาลวิถีน้ำ…วิถีไทย ปีนี้มาพร้อมแนวคิด “มหาสงกรานต์ มหาสนุก” ชวนคนไทยเที่ยวสงกรานต์ สืบสานวัฒนธรรมไทย ทั้ง 4 ภาค 6 จังหวัดของประเทศไทย

โดยที่ภูเก็ตปีนี้มีหลากหลายกิจกรรมที่น่าสนใจ ชวนให้ทุกคนก้าวข้ามผ่านปีใหม่ไทยพร้อมไปกับกิจกรรมที่มอบความสุขและสนุกสนานให้กับทุกคนที่มาเยือนในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วเมืองภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี หรือลานมังกร วัดไม้ขาวและซอยรมณีย์

กิจกรรมห้ามพลาด

12-13 เมษายน 2568

  • สักการะขอพร “พญามังกรทะเล” หรือ “ฮ่ายเหล็งอ๋อง” ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี มูขอพรให้สำเร็จ สมหวัง มีความมั่งคั่งตลอดปี
  •  สวมใส่ชุด “เคบาย่า” เดินเล่นชิค ๆ ทั่วเมืองภูเก็ต เพิ่มสีสันสดใสในงันสงกรานต์กับชุดสตรีพื้นเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกจากยูเนสโก (UNESCO)
  • ช้อป ชิม ชิล ของดีภูเก็ต สินค้าชุมชน ตลอดทั้ง 2 วันที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินีหรือลานมังกร และซอยรมณีย์
  • 13 เมษายน 2568
    ไหว้พระเสริมความปังรับปีใหม่ด้วยการทำบุญตักบาตรข้าวสุกและข้าวสารอาหารแห้งริมทะเล ณ วัดไม้ขาว

พบกันที่งานตั้งแต่วันที่ 12-13 เมษายน 2568

ติดตามข้อมูล

Facebook: Water Festival Thailand

เว็บไซต์: www.waterfestivalthailand.com

#WaterFestivalThailand #เทศกาลวิถีน้ำวิถีไทย
#WaterFestival2025 #มหาสงกรานต์มหาสนุก
#สงกรานต์ภูเก็ต #เคบาย่าภูเก็ต #สงกรานต์4ภาค6จังหวัด

]]>
1516889
ต่างชาติซื้อบ้าน Leasehold ทะลัก กทม.-ภูเก็ต เศรษฐีพม่าซื้อแพง 100 ล้านบาท/หลัง https://positioningmag.com/1513967 Sat, 08 Mar 2025 02:06:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1513967 ไม่ใช่แค่คอนโดเท่านั้น แต่ปัจจุบัน ชาวต่างชาติได้ซื้อบ้านในประเทศไทยในรูปแบบเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว (Leasehold) ขยายตัวต่อเนื่อง จะเห็นได้จากการซื้อวิลล่าเมืองท่องเที่ยว

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ นักวิชาการอิสระด้านการพัฒนาเมืองและที่อยู่อาศัย ให้ความเห็นกับ “Positioning” ว่า นับตั้งแต่มีการเปิดประเทศหลังโควิด-19 ประมาณปี 2564 ต่างชาติเริ่มถือซื้อบ้านรูปแบบ Leasehold โดยเฉพาะวิลล่าติดทะเล ในพื้นที่ภูเก็ต รองลงมาคือ ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี

ดังที่เราจะเห็นได้ว่า ในภูเก็ตช่วงปี 2565 – 2566 สัดส่วนของสัญญาเช่าระยะยาวของคนต่างชาติที่เป็นบ้านแนวราบมีสัดส่วนสูงถึงประมาณกว่า 90% ของจำนวนสัญญาเช่าระยะยาวทั้งหมด

ดร.วิชัย
“ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์”

และยังพบว่าในปี 2565 มีอัตราการขยายตัวของจำนวนสัญญาเช่าระยะยาวจากปี 2564 อย่างมาก โดยมีจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัว และมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าตัว โดยคาดว่าในปี 2567 จะมีการขยายตัวของสัญญาเช่าระยะยาวที่ต่อเนื่องเช่นกัน

หากดูยอดขายประเภทวิลล่าในภูเก็ตก็มีการขยายตัวสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของจำนวนสัญญาเช่าเช่นกัน โดยพบว่า ยอดขายในช่วงครึ่งปีของวิลล่าในภูเก็ต ก็มีการขยายตัว (YoY) อย่างมาก

  • ครึ่งแรกของปี 2566 ขยายตัวประมาณ 1,000%
  • ครึ่งหลังของปี 2566 ขยายตัวประมาณ 200%
  • ครึ่งแรกของปี 2567 ขยายตัวประมาณ 200%

ตลาดวิลล่ายังเป็นที่ต้องการของคนต่างชาติอย่างมาก เนื่องจาก วิลล่าในประเทศไทยยังมีราคาไม่แพง และมีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือว่าเป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทนที่คุ้มค่า

อย่างไรก็ดี ยังคงมีอุปสรรคในเรื่องความมั่นใจและความรู้สึกมั่นคงในเรื่องระยะเวลาในสัญญาเช่าระยะยาวที่ปัจจุบันค่อนข้างสั้น และกฎระเบียบที่ยังไม่ได้ให้สิทธิพิเศษแก่ทางด้านวีซ่าในระยะเวลาการอยู่อาศัยดังเช่น ในบางประเทศอื่นที่ให้ Long-Term Visa แก่ผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศนั้น ๆ

รวมถึง ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้เกิดปัญหาการโอนเงินระหว่างประเทศในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย และภาวะเศรษฐกิจในประเทศของกลุ่มสัญชาติที่สนใจเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์หลักในประเทศไทย ทั้ง ชาวจีน ชาวรัสเซีย และชาวยุโรปหลายประเทศ

ธีรากรณ์ ศรีเจริญวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI กล่าวว่า เทรนด์การเช่าระยะยาว Leasehold ของต่างชาติขยายตัว โดยเฉพาะในกลุ่มคนจีน พม่า

“ที่ผ่านมามีลูกค้าต่างชาติสอบถามรายละเอียด Leasehold มาเหมือนกัน โดยคนจีนสนใจพระรามเก้า-บางนา ส่วนคนพม่าสนใจพื้นที่พระรามเก้าเป็นบ้านราคาสูงถึง 100 ล้านบาท เราจึงเตรียมขยายการขายสู่กลุ่ม Leasehold”

ธีระ ทองวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตส จำกัด กล่าวว่า เมื่อปี 2567 บริษัทฯ เริ่มทำสินค้าแนวราบ (บ้าน) เจาะลูกค้าต่างชาติ ในรูปแบบ Leasehold เช่าระยะยาว 30 ปี นำร่องโครงการ The Palm และ Patio และทำรายได้ส่วนนี้ไปราว ๆ 500 ล้านบาท

โดยส่วนใหญ่ลูกค้าเป็นนักลงทุนจีนที่ทำงานในไทย สนใจบ้านหรูราคา 30 ล้านบาทขึ้นไป ในทำเลพัฒนาการ ที่เชื่อมต่อไปยังสนามบิน หรือกระทั่งโซนโรงงานได้ง่าย

“ปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ส่วน Leasehold จำนวน 1,000 ล้านบาท หรือเติบโตราว ๆ 100% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY)”

]]>
1513967
อสังหาหรูภูเก็ต ยอดขายพุ่ง ที่ดินริมหาดแทบเกลี้ยงเกาะ https://positioningmag.com/1513766 Thu, 06 Mar 2025 09:36:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1513766 ประกายเพชร มีชูสาร หัวหน้าแผนกซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ซีบีอาร์อี ประเทศไทย หรือ CBRE กล่าวว่า อสังหาภูเก็ตร้อนแรงต่อเนื่อง โดยประเมินว่า ยอดขายปี 2567 ที่ผ่านมา คอนโดหรู มีจำนวน 5,500 ยูนิต และวิลล่าหรูมีจำนวน 600 หลัง

สำหรับ ซีบีอาร์อี มีการดำเนินธุรกรรมการขายที่พักตากอากาศในภูเก็ต “สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2567” ซึ่งสูงกว่าสถิติเดิมในปี 2566

  • คอนโด เติบโต 201% โดยกลุ่มระดับราคาเริ่มต้น ราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท ขายดีที่สุด
  • วิลล่า เติบโต 148% โดยกลุ่มราคาระดับกลาง 15-35 ล้านบาท ขายดีที่สุด

หากจำแนกตามวัตถุประสงค์การซื้อ พบว่า 75% ซื้อเพื่อการลงทุน และอีก 25% ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง โดยกำลังซื้อหลักอสังหาภูเก็ตของ CBRE ส่วนใหญ่ยังเป็นชาวไทย 70% และชาวต่างชาติ 30%

สำหรับกลุ่มผู้ซื้อต่างชาติมี 5 อันดับแรก ดังนี้

  • รัสเซีย
  • ออสเตรเลีย
  • อังกฤษ
  • จีน
  • เยอรมัน

จากดีมานด์ที่อยู่อาศัยในภูเก็ตขยายตัว ทำให้ผู้ประกอบการต้องการที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่เชิงทะเล บางเทา สุรินทร์ และลายัน

อย่างไรก็ดี ที่ดินติดชายหาดแทบไม่มีเหลืออยู่แล้ว ผู้พัฒนาจึงพิจารณาทำเลที่ดินอินแลนด์ (พื้นที่ห่างชายฝั่งหรือใกล้ตัวเมือง) ห่างจากชายหาด 10-15 นาทีโดยรถยนต์ แต่ต้องอยู่ในทำเลที่ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร โรงเรียน ฯลฯ

ทำเลที่ตั้งราคาเสนอขายที่ดินอินแลนด์และที่ดินบนเนินเขาที่มีวิวทะเลอยู่ที่ 15-60 ล้านบาทต่อไร่ ขึ้นอยู่กับขนาดของที่ดิน

”ราคาเสนอขายที่ดินอินแลนด์ปรับขึ้น 10-35% ตั้งแต่ปี 2566 ขึ้นอยู่กับระยะทางจากชายหาด ขนาดของที่ดิน“ 

]]>
1513766
เปิดเส้นทาง AssetWise กับการสยายปีกสู่ “ภูเก็ต” ผ่านแบรนด์ THE TITLE ปั้นทำเลทองลงหัวหาดสำคัญขึ้นแท่น Heaven Bestination https://positioningmag.com/1501001 Mon, 16 Dec 2024 09:50:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1501001

ในช่วงปีที่ผ่านมาขึ้นชื่อว่าเป็นอีกปีที่มีความท้าทายอยู่ไม่น้อย หลายวงการมีเรื่องราวมากมายทั้งแง่บวก และแง่ลบ ในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็มีการเคลื่อนไหวไม่น้อยหน้าจากธุรกิจอื่น หลายแบรนด์ต่างพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทุกเซ็กเมนต์


สยายปีกสู่ภูเก็ต อัพภาพลักษณ์สู่อินเตอร์

AssetWise หรือ บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้พัฒนาโครงการรายใหญ่ของไทย ขึ้นแท่นบริษัทที่น่าจับตามองอย่างมากในปีนี้ ด้วยความที่มีการพัฒนาโครงการที่หลากหลายทั้งแนวราบ และแนวสูง คอนโด บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม เรียกว่าเก็บครบทุกเซ็กเมนต์ที่ตลาดต้องการ แถมล่าสุดในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ยังเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ติดอันดับท็อป 10 ที่มีรายได้สูงที่สุดอีกด้วย

ในช่วงหลายปีมานี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้เริ่มมองโอกาสในการพัฒนาโครงการนอกเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากขึ้น มีการเริ่มโครงการในหัวเมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยว รวมไปถึงขตเศรษฐกิจต่างๆ เพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขึ้น

ทางแอสเซทไวส์ได้ขยายการลงทุนไปยังสุดยอดโลเคชันศักยภาพแห่งหนึ่งในประเทศไทย นั่นก็คือ “ภูเก็ต” ผ่าน “ร่มโพธิ์พร็อพเพอร์ตี้” ซึ่งเป็นบริษัทในเครือแอสเซทไวส์ หลังจากที่ได้เข้าถือหุ้นสัดส่วน 67.94% ในบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE เมื่อไม่นานมานี้

ร่มโพธิ์พร็อพเพอร์ตี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการ Leisure Residences ในภูเก็ต ภายใต้แบรนด์ “เดอะ ไทเทิล” (THE TITLE) ที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 12 ปี และมีโครงการที่อยู่อาศัยกระจายอยู่ตามทำเลศักยภาพ 3 ทำเล คือ บางเทา ในยาง และราไวย์ ซึ่งเป็น Strategic Locations ที่โดดเด่นทั้งด้านการเดินทาง ความงดงามของธรรมชาติ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถรองรับการพักอาศัยระยะยาว (Long-Stay) และท่องเที่ยวระยะสั้น

การที่แอสเซทไวส์เข้าซื้อกิจการถือหุ้นใหญ่ เป็นทางลัดที่ทำให้ขายธุรกิจมายังภูเก็ตได้โดยปริยาย โดยมีผู้เล่นระดับโลคอลที่รู้พฤติกรรมของคนพื้นที่อย่างดี เติมเต็มพอร์ตฟอร์ลิโอให้แน่นขึ้น ขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าระดับอินเตอร์ และยังเป็นการอัพภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีมูลค่ามากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต

เรียกได้ว่า THE TITLE จะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ที่ทำให้แอสเซทไวส์เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ และเพิ่มรายได้ให้เติบโตมากขึ้น รวมถึงความหลากหลายในการพัฒนาโครงการโลเคชั่นใหม่ๆ อีกด้วย

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“วันนี้เราได้พิสูจน์แล้วว่า กลยุทธ์ Expand ขยายทำเลมายังภูเก็ต เป็นอีกหนึ่ง Key Success ที่ช่วยสร้างการเติบโตให้กับเครือแอสเซทไวส์ได้อย่างมั่นคงตามแผน The New Frontiers ที่เราประกาศไว้ แต่นอกเหนือจากมิติด้านการเติบโตแล้ว ASW และ TITLE  ยังต้องการพัฒนาแบรนด์ THE TITLE ให้เป็นเสมือน Heaven Bestination จุดหมายปลายทางที่คนทั่วโลกอยากมาสัมผัสประสบการณ์และใช้ชีวิตด้วย เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพ ควบคู่กับการสร้างสรรค์ Community ที่แข็งแกร่ง เพื่อให้ภูเก็ตเป็นเมืองที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนสำหรับทุกคน”


ปั้นภูเก็ตเป็น Haven Bestination 

ถ้าพูดถึงจังหวัดภูเก็ตในตอนนี้ ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นเพียงหัวเมืองใหญ่ หรือเมืองท่องเที่ยวได้อีกต่อไป เพราะขึ้นแท่นเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยว รวมไปถึงการเดินทางเข้ามาพักระยะยาว หรือพักในช่วงเกษียณอายุเลยก็ว่าได้ นักท่องเที่ยวต่างชาติล้วนหลงใหลในเสน่ห์ของเมืองภูเก็ตกันทั่วโลก เราจึงได้เห็นอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตบูมมากเป็นพิเศษ

สมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตได้ฉายภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตปี 2567 ได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติ

ส่งผลให้กำลังซื้อของคนในพื้นที่แข็งแกร่งขึ้น เช่นเดียวกับความต้องการด้านที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติที่มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย

โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ คาดการณ์ว่า ปีนี้จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมในภูเก็ตทั้งหมด มูลค่ารวมประมาณ 33,730 ล้านบาท หรือขยายตัวขึ้นราว 7.1% เมื่อเทียบกับปี 2566 ด้านยอดขายใหม่ของคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งแรกปี 2567 มีจำนวน 4,497 หน่วย ขยายตัวขึ้น 259.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีมูลค่าทั้งหมดราว 40,190 ล้านบาท เติบ โตขึ้น 799% ซึ่งทำเลที่มียอดขายใหม่โดดเด่นมากที่สุดคือ “หาดบางเทา-หาดสุรินทร์” จำนวน 2,202 หน่วย หรือคิดเป็น 48.97% ของจำนวนหน่วยยอดขายใหม่ทั้งหมด

ด้วยศักยภาพของภูเก็ต ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้จึงได้พัฒนาแบรนด์ THE TITLE ให้เป็นเสมือน “Heaven Bestination” จุดหมายปลายทางของทุกประสบการณ์ความสุขที่ไม่ใช่เพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่คือจุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ที่ผสมผสานความเงียบสงบและความงดงามของธรรมชาติได้อย่างลงตัว โดยถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพยนตร์โฆษณา The Title Heaven Bestination เล่าเรื่องราวของผู้คนมากมายที่ลากกระเป๋าบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อเดินทางมายังภูเก็ต ซึ่งเป็น World Destination จุดมุ่งหมายสำหรับการพักผ่อนของผู้คนทั่วโลก ที่มีกิจกรรมทั้ง Day Life และ Night Life อีกทั้งแต่ละหาดยังมี Character และมนต์เสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป


ซึ่งโครงการของ THE TITLE จะยิ่งเข้าไปช่วยเติมเต็มความสุขของผู้อยู่อาศัยในภูเก็ตมากยิ่งขึ้น ผ่านประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สะดวกสบายแบบทุกมิติ

เปิดเพิ่มอีก 4 โปรเจ็คต์ มูลค่า 15,500 ล้านบาท และคอมมูนิตี้มอลล์

ล่าสุดไฮซีซั่นนี้ (2024-2025) ร่มโพธิ์พร็อพเพอร์ตี้ เตรียมแผนเปิดโครงการใหม่ภูเก็ต 4 โครงการ มูลค่ารวม 15,500 ล้านบาท ปักหมุดทำเลบางเทา, กะตะ และราไวย์ ได้แก่

  1. เดอะ ไทเทิล เชียโล่ ราไวย์ (THE TITLE CIELO RAWAI) มูลค่า 1,200 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายถึง 90% หลังเปิดขายได้เพียง 1 สัปดาห์
  2. เดอะ โมเดวา (THE MODEVA) มูลค่า 6,200 ล้านบาท
  3. เดอะ ไทเทิล อาร์ทริโอ บางเทา (THE TITLE ARTRIO BANG-TAO) มูลค่า 2,600 ล้านบาท
  4. คาตาเบลโล (KATABELLO) ในกะตะ มูลค่า 5,500 ล้านบาท มีแผนเปิดขายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2568

นอกจากโครงการที่อยู่อาศัยแล้วยังมี Mingle Naiyang คอมมูนิตี้มอลล์ที่เพียบพร้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารชั้นนำ อาทิ Tops Supermarket ที่จะเปิดบริการเต็มรูปแบบไตรมาส 1 ปี 2568 เรียกได้ว่าไม่ได้เป็นแค่เพียงการสร้างที่อยู่อาศัย

แต่ยังสร้างคอมมูนิตี้ให้น่าอยู่กับชุมชนในภูเก็ตอีกด้วย โดยใน Mingle Naiyang จะมีสำนักงานขายใหม่ ซึ่งเป็นห้องตัวอย่างโครงการ The Title Serenity Naiyang รวมถึงโครงการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่โซนในยางอีกด้วย

ปัจจุบันแอสเซทไวส์ และ TITLE มีคอนโดมิเนียมที่พัฒนาร่วมกันทั้งสิ้น 8 โครงการ มูลค่ารวม 31,500 ล้านบาท จากความสำเร็จของแบรนด์ THE TITLE ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า ทำให้ภาพรวมยอดขายของแอสเซทไวส์มียอดขายสะสม 9 เดือนแรกปี 2567 ทั้งหมด 14,578 ล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนที่มาจาก TITLE คิดเป็น 43% ของยอดขายสะสม ทั้งนี้ ปัจจุบัน TITLE มี Backlog สะสมทั้งหมดราว 8,022 ล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 จากเดอะ ไทเทิล ฮาโล 1 (THE TITLE HALO 1) และคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการอื่นๆ ต่อเนื่องจนถึงปี 2570

#HeavenBestination #AssetWise #TheTitle #RhombhoProperty #Phuket #LeisureCondominium

]]>
1501001
“ไทย” ตลาด Branded Residences ใหญ่สุดในเอเชีย กรุงเทพ-ภูเก็ต ติด Top3 https://positioningmag.com/1502852 Wed, 11 Dec 2024 07:29:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1502852 ประเทศไทย นอกจากจะเป็นเดสติเนชั่นท่องเที่ยวระดับโลก ยังเป็นเมืองบ้านพักตากอากาศของกลุ่มชาวต่างชาติ และขึ้นแท่นตลาด Branded Residences ใหญ่สุดในเอเชีย

นายบิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการ C9 Hotelworks เปิดเผยว่า ตลาด Branded Residence ในเอเชีย ปี 2567 มีจำนวน 68,001 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 2.66 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตเฉลี่ยปีละ 11% ส่วนใหญ่จะเป็น Branded Residence ภายใต้การบริหารของกลุ่มโรงแรม อาทิ Wyndham, Ascott, Banyan Group, Marriott เป็นต้น

โดยมี “ประเทศไทย” เป็นตลาดใหญ่สุด ครองสัดส่วนมาร์เก็ตแชร์ 23.3% รองลงมาเป็น ฟิลิปปินส์ สัดส่วน 17.3% และเกาหลีใต้ สัดส่วน 11.3%

ทั้งนี้ Branded Residence ในไทยมี 65 โครงการ จำนวน 16,271 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 5,478 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.91 แสนบาท/ตร.ม.

จำแนกราคาตามประเภทที่อยู่อาศัย พบว่า

  • Branded Residences ใจกลาง กทม. มีราคาเฉลี่ย 8,323 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.91 แสนบาท/ตร.ม.
  • Branded Residences รีสอร์ต ราคาเฉลี่ย 4,614 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.61 แสนบาท/ตร.ม.
  • Branded Residences กลุ่มลักซูรี ราคาเฉลี่ย 12,729 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.45 แสนบาท/ตร.ม.

ไทยมีถึง 4 เมืองที่ติดอันดับ Top 10 ที่มี Branded Residences มากสุดในเอเชีย (ตามจำนวนยูนิต) ดังนี้

  • อันดับ 1 ภูเก็ต ประเทศไทย
  • อันดับ 2 มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
  • อันดับ 3 กรุงเทพ ประเทศไทย
  • อันดับ 4 กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
  • อันดับ 5 พัทยา ประเทศไทย
  • อันดับ 6 ดานัง ประเทศเวียดนาม
  • อันดับ 7 ฮาลองเบย์ ประเทศเวียดนาม
  • อันดับ 8 เซบู ประเทศฟิลิปปินส์
  • อันดับ 9 ปีนัง ประเทศมาเลเซีย
  • อันดับ 10 หัวหิน ประเทศไทย

“คนต่างชาติมักไปทำงานที่สิงคโปร์ แต่เลือกพักอาศัยในประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่สอง เพราะกลุ่มนี้เป็นกลุ่ม Work From Home”

]]>
1502852
“ศุภาลัย” เปิดคอนโดฯ รวด 4 โครงการ วางหมาก “ราคาถูกกว่า” ปั๊มยอดขายปลายปี’67 https://positioningmag.com/1493980 Thu, 10 Oct 2024 14:04:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1493980 หลังจากที่อั้นมาทั้งปียังไม่มีคอนโดฯ เปิดใหม่ ปลายปี’67 “ศุภาลัย” ใส่เต็ม เปิดรวดเดียว 4 คอนโดฯ ทำเลบางหว้าเจริญนครภูเก็ตเขาเต่า ทุกคอนโดฯ วางกลยุทธ์ทำ “ราคาถูกกว่า” ขอโกยยอดช่วงปลายปี 2567 ชี้สัญญาณตลาดคอนโดฯ ดีขึ้น ปี 2568 บริษัทเตรียมเปิดใหม่เป็นเท่าตัว

“ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) แถลงเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 4 โครงการที่จะเริ่มจองในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ของบริษัท มูลค่ารวมกว่า 5,800 ล้านบาท ได้แก่

  1. Supalai Blu สาทร-ราชพฤกษ์ จำนวน 771 ยูนิต ราคาเริ่ม 1.89 ล้านบาท
  2. Supalai Tyme เจริญนคร จำนวน 461 ยูนิต ราคาเริ่ม 2.59 ล้านบาท
  3. Supalai Sense เขารัง ภูเก็ต จำนวน 221 ยูนิต ราคาเริ่ม 2.69 ล้านบาท
  4. Supalai Kram เขาเต่า จำนวน 84 ยูนิต ราคาเริ่ม 3.59 ล้านบาท

โดยเลือกเปิดตัวในช่วงปลายปีเพราะเริ่มเห็นสัญญาณตลาดคอนโดฯ ว่าเริ่มดีขึ้น วัดจากยอดเปิดตัวคอนโดฯ ใหม่ในช่วงครึ่งปีแรก 2567 มีไม่ถึง 50% ของที่เคยมีการเปิดช่วงครึ่งปีแรก 2566 แต่ยอดขายกลับตกลงไม่มาก โดยยอดขายช่วงครึ่งปีแรก 2567 คิดเป็น 60% ของครึ่งปีแรกปี 2566

ศุภาลัย
จำนวนยูนิตคอนโดฯ เปิดตัวใหม่เปรียบเทียบกับจำนวนยูนิตที่ขายได้ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล

ช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ถือเป็นช่วงที่ยอดขายคอนโดฯ ขึ้นไปสูงกว่าจำนวนคอนโดฯ เปิดใหม่ สะท้อนให้เห็นว่าตลาดมีความต้องการซื้อคอนโดฯ แต่ซัพพลายมีน้อยลง เป็นจังหวะที่ดีที่ศุภาลัยจะเติมซัพพลายลงไปในตลาดได้

มองถึงอนาคตปี 2568 ไตรเตชะชี้ว่าซัพพลายคอนโดฯ เปิดใหม่ก็น่าจะยังไม่สูงมากเช่นกัน เพราะวัดจากการได้รับอนุมัติ EIA ของคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ปัจจุบันลดเหลือ 5 โครงการต่อเดือน เทียบกับก่อนโควิด-19 เคยได้รับอนุมัติประมาณ 15 โครงการต่อเดือน ทำให้การเปิดตัวโครงการใหม่ก็น่าจะยังมีไม่มาก

ปี 2568 ศุภาลัยจึงตั้งเป้าว่าจะเปิดคอนโดฯ ใหม่คิดเป็นมูลค่า 2 เท่าของปีนี้ โดยจะมีทั้งคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และเปิดในต่างจังหวัดเพิ่มอีก

 

ไม่วัดใจลูกค้า ขอเปิด​ “ราคาถูกกว่า” โกยยอดชัวร์ๆ

ไตรเตชะกล่าวต่อถึงกลยุทธ์ในการเปิดขายคอนโดฯ ปี 2567 ว่า แม้ตลาดจะดีขึ้นแต่เทรนด์ลูกค้ายังอ่อนไหวเรื่องราคาในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ และยังมีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่อยู่ในตลาดด้วย ทำให้ศุภาลัยเลือกจะใช้การทำ “ราคาถูกกว่า” คู่แข่งในทำเลเพื่อมัดใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเร็วสำหรับโครงการที่ยังต้องรอการก่อสร้าง

ยกตัวอย่างโครงการที่มั่นใจว่าราคาจะเป็นปัจจัยดึงดูดคือ Supalai Tyme เจริญนคร เปิดราคาเฉลี่ยทั้งตึก 85,000 บาทต่อตร.ม. ในทำเลเจริญนครช่วงกลาง (ด้านใต้ของสะพานตากสิน-ก่อนถึงสะพานพระราม 3) ซึ่งคอนโดฯ อื่นๆ ในย่านนี้ที่อยู่ติดถนนเจริญนครจะทำราคาพุ่งไปที่ 121,000-136,000 บาทต่อตร.ม. แล้วทั้งหมด ทำให้คอนโดฯ ใหม่ของศุภาลัยจะถูกกว่าทำเลถึง 30%

ทำเลเจริญนครและช่วงราคาที่แตกต่างกันทั้งบริเวณที่ตั้ง ติดถนนใหญ่หรือเข้าซอย และอยู่ฝั่งติดแม่น้ำหรือไม่ติด

หรืออีกโครงการอย่าง Supalai Blu สาทร-ราชพฤกษ์ ระยะทางประมาณ 500 เมตรจากสถานีบางหว้า ราคาเฉลี่ยโครงการนี้อยู่ที่ 75,000-80,000 บาทต่อตร.ม. ก็จะถูกกว่าคู่แข่งในทำเลซึ่งทำราคาอยู่ราว 90,000 บาทต่อตร.ม. ด้วยช่องว่างราคาที่ต่ำกว่าเกิน 10% ก็เชื่อว่าจะดึงดูดลูกค้าได้มาก

“บอกตามตรงแบบไม่เขินเลยคือเราไม่มีที่ว่างสำหรับความผิดพลาดในไตรมาส 4 ปีนี้ ถ้าเปิดตึกมาจะต้องได้ยอดขายเท่านั้น ทำให้ต้องทำราคาถูกสุดเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจทันที” ไตรเตชะกล่าว

ทีมงานบมจ.ศุภาลัย: (จากซ้าย) “ชัยจักร วทัญญู” ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์, “ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม” ประธานกรรมการบริหาร และ “ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” กรรมการผู้จัดการ

ในแง่บริหารจัดการต้นทุน เอ็มดีศุภาลัยยืนยันว่าโครงการจะยังได้กำไรเพราะต้นทุนที่บริหารได้ดีในปีนี้คือ “ค่าวัสดุและก่อสร้าง” เนื่องจากราคาวัสดุต่ำลงมาแล้วเทียบกับช่วงที่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประกอบกับผู้รับเหมาและซัพพลายเออร์มีการแข่งขันประมูลราคากันสูงในปีนี้ จึงทำให้ศุภาลัยได้ราคาต่ำลง

 

ไฮไลต์จุดเด่น 4 โครงการ

ด้านรายละเอียดโครงการแต่ละแห่งว่ามีจุดเด่นน่าสนใจอย่างไร “ชัยจักร วทัญญู” ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) แจกแจงดังนี้

“Supalai Sense เขารัง ภูเก็ต” เป็นอาคารเล่นระดับบนเชิงเขาเขารัง แม้ตัวอาคารจะสูง 8 และ 9 ชั้น แต่ด้วยความสูงของเขาจะทำให้ได้วิวเหมือนคอนโดฯ 20 ชั้น และเป็นคอนโดฯ เลี้ยงสัตว์ได้อย่างเป็นทางการตึกแรกใน จ.ภูเก็ต และของศุภาลัยด้วย

“Supalai Sense เขารัง ภูเก็ต”

“Supalai Kram เขาเต่า” จำนวนยูนิตน้อยเพียง 84 ยูนิต ยูนิตส่วนใหญ่เป็นแบบ “2 ห้องนอน” ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการที่พักตากอากาศสำหรับครอบครัว ทำเลรับวิวอ่างเก็บน้ำเขาเต่า และระยะเดิน 400 เมตรจากชายหาดเขาเต่าซึ่งลงเล่นได้จริง

Supalai Kram เขาเต่า

“Supalai Blu สาทร-ราชพฤกษ์” คอนโดฯ คอนเซ็ปต์ออกแบบใหม่มาในธีม “สีน้ำเงิน” พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกจัดเต็มกว่าปกติ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ตัวห้องชุดให้เพดานสูง 2.7 เมตร

“Supalai Blu สาทร-ราชพฤกษ์”

“Supalai Tyme เจริญนคร” ทำเลตรงข้ามเอเชียทีค ดันชั้นสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ 2 ชั้นบนสุดที่ชั้น 27-28 เห็นวิวแม่น้ำ 180 องศา

“Supalai Tyme เจริญนคร”
]]>
1493980
“เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า” ขยายพื้นที่ช้อป “แบรนด์เนม” อีก 4 เท่า! ขึ้นแท่นแหล่งรวม “ลักชัวรี” เทียบชั้นสิงคโปร์ https://positioningmag.com/1477665 Wed, 12 Jun 2024 02:43:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1477665
  • ครบรอบ 6 ปี “เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า” วางเป้าขยายพื้นที่ร้านค้า “ลักชัวรี” เพิ่มอีก 4 เท่า เพิ่มแบรนด์ลักชัวรีในศูนย์ฯ เป็น 30 แบรนด์ภายในปี 2569 เทียบชั้น “สิงคโปร์-ฮ่องกง” แหล่งช้อปแบรนด์เนมชั้นนำในภูมิภาค
  • แรงหนุนการเติบโตเกิดจาก “ภูเก็ต” กลายเป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศระดับโลกของมหาเศรษฐี ทำให้มีความต้องการช้อปปิ้งแบรนด์เนมมากขึ้น
  • ศูนย์การค้าเครือ “เซ็นทรัลพัฒนา” (CPN) เข้ามาลงทุนบนเกาะภูเก็ตครั้งแรกเมื่อปี 2547 เปิดตัว “เซ็นทรัล ภูเก็ต เฟสติวัล” เสนอไลฟ์สไตล์คนเมืองให้กับชาวภูเก็ต ก่อนที่จะขยายพื้นที่ฝั่งตรงข้ามเมื่อปี 2561 เปิดตัวศูนย์การค้า “เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า” เน้นกลุ่มเป้าหมายใหม่ไลฟ์สไตล์ “ลักชัวรี” รวบรวมช็อป “แบรนด์เนม” มาไว้บนเกาะภูเก็ตเป็นครั้งแรก

    “6 ปีก่อนกับตอนนี้ถือว่าต่างกันมาก เมื่อ 6 ปีก่อนที่เราไปเชิญร้านค้าแบรนด์เนมมาลง เขาก็สงสัยว่ามันจะไปได้หรือ” ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าว “แต่ CPN เรามีวิสัยทัศน์ว่าภูเก็ตสามารถพัฒนาไปเทียบชั้นกับรีเวียร่าในประเทศฝรั่งเศสหรือฮาวายของสหรัฐฯ คือเป็นแหล่งท่องเที่ยวตากอากาศชายทะเลระดับไฮเอนด์ รองรับเศรษฐีระดับโลกได้เลย”

    “วิไลพร ปิติมานะอารี” ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานปฏิบัติการสาขาภูเก็ต บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา และ “ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา” กรรมการผู้จัดการ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา

    ด้าน “วิไลพร ปิติมานะอารี” ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานปฏิบัติการสาขาภูเก็ต บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา เสริมว่า ในปีแรกที่ เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า เปิดตัว มีแบรนด์เนมที่กล้าลงทุนพร้อมกับ CPN เพียง 7 แบรนด์ แบรนด์แรกที่มาเปิดช็อปคือ “Hermès”

    แต่ผ่านมา 6 ปีขณะนี้มีแบรนด์เนมเข้าศูนย์ฯ แล้วทั้งหมด 14 แบรนด์ และหลายแบรนด์ต้องการขยายพื้นที่ร้าน สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้เช่าต่อการเติบโตของภูเก็ตและการทำงานของศูนย์ฯ

    14 แบรนด์ลักชัวรีในศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า

     

    ดึงเพิ่มเป็น 30 แบรนด์ ขยายพื้นที่ 4 เท่า

    วิไลพรกล่าวต่อว่า ปัจจุบันพื้นที่ร้านค้าระดับลักชัวรีหรือ “Luxury Zone” มีทั้งหมด 2,000 ตารางเมตร แต่ศูนย์ฯ ตั้งเป้าจะขยายเป็น 4,000 ตารางเมตรภายในสิ้นปี 2567 และเพิ่มเป็น 8,000 ตารางเมตรภายในปี 2569 หรือขยายเพิ่มขึ้น 4 เท่า

    แน่นอนว่าจำนวนแบรนด์จะเพิ่มจาก 14 แบรนด์เป็น 30 แบรนด์ ประเดิมเดือนสิงหาคมนี้ต้อนรับการมาของ “PRADA” ส่วนแบรนด์อื่นๆ อยู่ระหว่างเจรจา แต่แย้มว่าจะมีแบรนด์หรูหมวด “เครื่องประดับ” เข้ามาแน่นอนเพราะปัจจุบันยังเป็นหมวดที่ขาดไปในศูนย์ฯ

    เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า

    การขยายพื้นที่ร้านลักชัวรีของเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้าจะมีการ ‘relocate’ ปรับการวางร้านค้าในศูนย์ฯ​ โดยขยับแบรนด์ที่เป็นกลุ่ม ‘Accessible Luxury’ เช่น COACH, Kate Spade ขึ้นไปที่ชั้น 2 ทั้งหมด เพื่อทำให้ชั้น 1 เป็นพื้นของสินค้าระดับลักชัวรีเท่านั้น รวมถึงจะมีการปรับขยายพื้นที่เช่าในศูนย์ฯ ให้ใหญ่ขึ้นด้วย

     

    70% เป็น “ต่างชาติ” บินมาพักผ่อนพร้อมช้อปปิ้ง

    วิไลพรกล่าวถึงทราฟฟิกของเซ็นทรัล ภูเก็ตรวม 2 ฝั่งมีลูกค้าใช้บริการ 80,000-100,000 คนต่อวัน เฉพาะฝั่งฟลอเรสต้ามีทราฟฟิกถึงวันละ 50,000 คน

    เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า

    ฝั่งฟลอเรสต้าจะเน้นกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากกว่า โดย 70% ของยอดขายมาจากต่างชาติที่บินมาพักผ่อนและที่อาศัยอยู่ประจำ (expat) สัญชาติหลัก ได้แก่ รัสเซีย ตะวันออกกลาง จีน ยุโรป อเมริกัน

    ส่วนอีก 30% เป็นคนไทย ครึ่งหนึ่งคือคนภูเก็ตเอง และอีกครึ่งหนึ่งคือคนกรุงเทพฯ ที่มีธุรกิจในภูเก็ตหรือมีบ้านพักตากอากาศทำให้บินมาพักบ่อยครั้ง

    ถ้าถามว่าทำไมต้องมาช้อปแบรนด์เนมถึงภูเก็ต? นอกจากเป็นกิจกรรมระหว่างพักผ่อนของเศรษฐีแล้ว ทางเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้ายังมีการเสริมบริการที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดกลุ่ม “วีไอพี” ให้เลือกช้อปกันศูนย์ฯ มากกว่าบินไปกรุงเทพฯ หรือไปประเทศอื่น เช่น มีพนักงาน “Personal Assistant” คอยบริการถือถุงช้อปปิ้ง ช่วยจองสินค้าที่ต้องการไว้ให้ก่อน มีเลาจน์ไว้บริการ ทำให้ได้ประสบการณ์ที่ดี

    ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าวีไอพีของ เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า มีประมาณ 2,300 คน มีทั้งลูกค้าที่ได้รับเชิญจากการคัดเลือกโปรไฟล์ และลูกค้าที่เป็น “Top Spender” บางรายมียอดซื้อหลักล้านบาทต่อปี

    เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า
    บรรยากาศใน เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า เดือนมิถุนายน 2567 อยู่ระหว่าง relocate ร้านเพื่อให้ชั้น 1 เปลี่ยนเป็น Luxury Zone ทั้งหมด

     

    สัญญาณ “ภูเก็ต” เป็นแหล่งรวม “เศรษฐี” ทั่วโลก

    ตั้งแต่หลังโควิด-19 สงบลง “ภูเก็ต” กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เนื้อหอมยิ่งกว่าที่เคย วิไลพรกล่าวว่าภูเก็ตทำรายได้จากการท่องเที่ยวไป 3.8 แสนล้านบาทเมื่อปี 2566 และตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 4.5 แสนล้านบาทในปี 2567 ถือเป็นแหล่งทำเงินด้านการท่องเที่ยวอันดับ 2 ของไทยรองจากกรุงเทพฯ

    ในแง่อสังหาริมทรัพย์คือตัวชี้วัดว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามานั้นเน้น “คุณภาพ” มากกว่า “ปริมาณ” เพราะระยะหลังภูเก็ตยิ่งเต็มไปด้วย “พูลวิลล่า” ราคาระดับร้อยล้านบาทต่อหลัง สนามกอล์ฟระดับโลก โรงเรียนนานาชาติ ท่าจอดเรือยอชต์ ฯลฯ ที่มีขึ้นเพื่อรองรับกำลังซื้อของมหาเศรษฐี

    ดร.ณัฐกิตติ์มองว่า เสน่ห์ของภูเก็ตจะทำให้เอาชนะแหล่งช้อปปิ้งแบรนด์เนมอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ได้เพราะภูเก็ตครบครันกว่าในแง่ความเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีทั้งธรรมชาติ ไนต์ไลฟ์ สนามกอล์ฟ อาหาร บริการแบบไทย การมีศูนย์การค้าที่รวมแบรนด์เนมไว้ให้จึงช่วยเติมประสบการณ์ได้เหนือกว่า

    หากมองภาพรวมตลาดสินค้าลักชัวรีทั้งประเทศไทย ปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 1.6 แสนล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 5.62% จนถึงปี 2571 ซึ่งจะทำให้ไทยแซงหน้าสิงคโปร์ในกลุ่มตลาดสินค้าลักชัวรีได้

    ]]>
    1477665
    “ออริจิ้น เนชั่นวายด์” ทีมหัวหอกของ ORI บุกภูธร แย้มปี 2567 ลุย “อีสาน” เพิ่ม 3 จังหวัด https://positioningmag.com/1458851 Mon, 15 Jan 2024 08:12:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1458851
  • หลังปักหมุดในโซน “อีอีซี” มาตั้งแต่ปี 2562 ทำให้ “ORI” มั่นใจมากขึ้นในการบุก “ต่างจังหวัด” โดยส่งทีม “ออริจิ้น เนชั่นวายด์” เป็นทีมนำในการกระจายการลงทุนทั่วประเทศ
  • ปี 2567 เตรียมเปิดตัวที่พักอาศัยเพื่อขายในต่างจังหวัด 15 โครงการ แหล่งลงทุนหลักที่ “ภูเก็ต” ผนวกการลงทุนในอีสาน 3 จังหวัดใหม่ที่ “โคราช” “อุบลฯ” และ “อุดรฯ” รวมถึงจะเริ่มเปิดตลาด “หัวหิน”
  • บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI กำลังเดินหน้าโตไม่หยุดผ่านการแตกไลน์สารพัดธุรกิจและออกสู่น่านน้ำทุกแห่งที่จะไปถึงได้ หนึ่งในน่านน้ำที่กำลังเคลื่อนพลออกไปคือตลาด “ต่างจังหวัด” ที่เริ่มต้นเปิดตลาดเมื่อปี 2562 เมื่อบริษัทเข้าไปลงทุนในพื้นที่ “อีอีซี”

    จากนั้นบริษัทเริ่มเปิดตลาดใหม่ต่อเนื่อง ในฝั่งที่พักอาศัยเพื่อขายเมื่อปี 2566 มีการขยายเข้าสู่จังหวัด “ขอนแก่น” เป็นครั้งแรก รวมถึงชิมลางภาคใต้ที่ “ภูเก็ต” ข้ามฟากฝั่งธุรกิจโรงแรมซึ่งขับเคลื่อนผ่านบริษัทลูก “วัน ออริจิ้น” ก็เข้าไปลงทุนทั้งในภูเก็ต กระบี่ หัวหิน และเชียงใหม่แล้ว

    ทำให้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 บริษัทแม่เลือกเปลี่ยนชื่อบริษัทลูก “บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด” เป็น “บริษัท ออริจิ้น เนชั่นวายด์ จำกัด” สื่อถึงวิสัยทัศน์ว่า ORI จะเอาจริงกับตลาดต่างจังหวัดทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะในอีอีซีอีกต่อไป

    (ซ้าย) ประเสริฐกุล เจริญทวีมงคล และ (ขวา) กฤษณ์ เตชะสัมมา

    “กฤษณ์ เตชะสัมมา” และ “ประเสริฐกุล เจริญทวีมงคล” สองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น เนชั่นวายด์ จำกัด ร่วมกันให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน ORI มีโครงการในต่างจังหวัดสะสม 20 โครงการ (*เฉพาะที่พักอาศัยเพื่อขาย ไม่รวมโรงแรม) และเมื่อปี 2566 กลุ่มออริจิ้น เนชั่นวายด์สามารถสร้างยอดขายให้บริษัทแม่ได้ 6,500 ล้านบาท

    ขณะที่ปี 2567 นี้ เป้าหมายด้านยอดขาย รายได้ มูลค่าโครงการ ขอเปิดพร้อมกันกับบริษัทแม่ในเดือนมีนาคม แต่แย้มออกมาแล้วว่าจะเปิดโครงการใหม่รวดเดียว 15 โครงการ และมีจังหวัดใหม่ๆ ในแผน

     

    มุ่งสู่ “อีสาน” และ​ “ภูเก็ต”

    แผนปี 2567 ของออริจิ้น เนชั่นวายด์ จะมีการเปิดตลาดใหม่ในโซน “อีสาน” ให้มากขึ้น จากการเปิด “ดิ ออริจิ้น แคมปัส ขอนแก่น” เมื่อปีก่อน ได้รับผลตอบรับที่ดี ทำให้ปีนี้จะขยายต่อใน 3 จังหวัด คือ นครราชสีมา อุบลราชธานี และอุดรธานี

    ตลาดนครราชสีมา จะมีทั้งโครงการใหญ่ “ออริจิ้น รีสอร์ต เวิลด์ เขาใหญ่” มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท และมีอีก 1 โครงการในตัวเมืองโคราช ส่วนตลาดอุบลราชธานีและอุดรธานี เป็นไปได้ที่จะมีมิกซ์ยูสเปิดเป็นที่พักอาศัยเพื่อขายคู่กับโรงแรมโดยร่วมมือกับวัน ออริจิ้น

    ภาพตัวอย่างพูลวิลล่า ออริจิ้น เขาใหญ่

    “ตลาดอีสานเรามองว่ามีศักยภาพหลายจังหวัด อย่างขอนแก่นได้ลูกค้ากลุ่มนักศึกษาและบุคลากรการแพทย์ โคราชก็เป็นเมืองหลวงแห่งอีสาน ส่วนอุบลฯ และ อุดรฯ เป็นจังหวัดที่มาแรงด้านการท่องเที่ยว” ประเสริฐกุลกล่าว

    ขณะที่อีกหนึ่งทำเลทองของออริจิ้นคือ “ภูเก็ต” ปีนี้จะเปิดรวดเดียว 3 โครงการ ทั้งในออริจิ้น รีสอร์ต เวิลด์ บางเทา บีช และมีโครงการบ้านเดี่ยว “เบลกราเวีย” เข้าไปทำตลาด

    โซ ออริจิ้น บางเทา บีช

    ภูเก็ตถือเป็นอีกตลาดที่ออริจิ้นจะเร่งลงทุนเพราะความฮอตในระยะนี้ วัดได้จากโครงการ “ดิ ออริจิ้น เซ็นเตอร์ ภูเก็ต” คอนโดฯ ในเมืองที่ขายหมดภายใน 6 สัปดาห์ และยังคงเป็นโครงการต่างจังหวัดแห่งเดียวของออริจิ้น ณ ขณะนี้ที่ ‘sold out’ สำเร็จ

    นอกจากนี้ ออริจิ้น เนชั่นวายด์มีแผนจะลงทุนโครงการในหัวหินด้วย ซึ่งในตลาดนี้ฝั่งวัน ออริจิ้นเริ่มเปิดตลาดด้วยโรงแรมไปแล้วที่ “ไอบิส หัวหิน” ผ่านการเทกโอเวอร์เข้าพอร์ตเมื่อปี 2565

     

    ไปแบบ “มิกซ์ยูส” – ทำราคาต่ำกว่าตลาด

    กลยุทธ์การทำตลาดต่างจังหวัดของออริจิ้น เนชั่นวายด์นั้นอาศัยการจับมือ ‘ไปด้วยกันหมด’ กับบรรดาบริษัทลูกของ ORI

    ประเสริฐกุลอธิบายว่า การขึ้นโปรเจ็กต์แต่ละครั้งหากเป็นไปได้จะออกแบบให้เป็น “มิกซ์ยูส” อย่างน้อยจับมือกันเองภายในเครือ ORI เช่น มีทั้งคอนโดฯ และโรงแรมประกบคู่กันเพื่อสร้างมูลค่า

    ส่วนพันธมิตรภายนอกที่อาจจะมีการจอยต์เวนเจอร์กันได้ก็เปิดเจรจาได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทเนอร์ด้านที่ดิน การลงทุน ผู้ประกอบการ

    รวมถึงหมัดเด็ดสุดท้ายคือ “ราคา” ประเสริฐกุลยอมรับว่าบริษัทใช้วิธีตั้งราคาให้ “เข้าถึงได้ง่ายกว่า” กดราคาให้ต่ำกว่าคู่แข่งในทำเลราว 10% แต่ยังทำกำไรให้กับบริษัทแม่ได้ ผ่านการคุมต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่สามารถสั่งซื้อรวมกันทั้งบริษัท

    “เราหวังว่าออริจิ้น เนชั่นวายด์จะเป็นผู้สร้างรายได้สนับสนุนให้กับบริษัทแม่ได้ เพราะต่างจังหวัดจะเป็นการเจาะตลาดใหม่ให้จากการเข้าสู่โซนแหล่งงานใหม่ เช่น EEC หรือโซนจังหวัดท่องเที่ยวต่างๆ” กฤษณ์กล่าว

    ]]>
    1458851