วิดีโอสตรีมมิ่ง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 16 May 2024 07:18:42 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Netflix เริ่มสนใจถ่ายทอดสดกีฬาเพิ่มมากขึ้น ปิดดีลลิขสิทธิ์ NFL บางคู่ เหตุผลเพราะรายได้จากค่าโฆษณาที่สูง https://positioningmag.com/1473182 Mon, 13 May 2024 09:41:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1473182 Netflix แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งเริ่มสนใจที่จะถ่ายทอดสดกีฬาเพิ่มมากขึ้น ล่าสุดนั้นบริษัทปิดดีลถ่ายทอดสดกีฬาคนชนคนอย่าง NFL ในช่วงวันคริสต์มาส เป็นเวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป เนื่องจากจำนวนของผู้ชม ซึ่งเป็นโอกาสที่บริษัทจะมีรายได้จากค่าโฆษณามหาศาล

CNBC รายงานข่าว ชี้ว่า Netflix ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งจากสหรัฐอเมริกา เริ่มที่จะมองลู่ทางในการทำรายได้จากการถ่ายทอดสดกีฬามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้จากโฆษณาในช่วงการถ่ายทอดสดซึ่งอาจสร้างรายได้ให้กับบริษัทเป็นมูลค่ามหาศาล

สำหรับกีฬาที่ Netflix เริ่มจับตามองและสนใจที่จะซื้อลิขสิทธิ์คือการถ่ายทอดสดกีฬาอเมริกันฟุตบอล (NFL) โดยล่าสุดบริษัทปิดดีลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดวันคริสมาสต์เป็นเวลา 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2024 เนื่องจากมีผู้ชมมหาศาลในช่วงเวลาดังกล่าว

นอกจากจำนวนผู้ชมมหาศาลในช่วงเวลาดังกล่าวแล้วยังเป็นข้อดีในการขายโฆษณาในช่วงเวลาถ่ายทอดสด ซึ่งการถ่ายทอดสด NFL นั้นมักจะมีการตัดเข้าโฆษณาเสมอเมื่อมีช่วงเวลาหยุดเกม ทำให้บริษัทมองถึงรายได้มหาศาลจากช่องทางดังกล่าว

ในปี 2023 ที่ผ่านมา บริษัทได้ลองเชิงในการถ่ายทอดสดกีฬาคู่พิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการนำนักแข่งของ F1 มาแข่งขันรายการกอล์ฟ The Netflix Cup หรือแม้แต่เทนนิสรายการพิเศษ ซึ่งได้รับผลตอบแทนที่ดีไม่น้อย และบริษัทยังเริ่มทำสารคดีที่เกี่ยวข้องกับกีฬาเพิ่มมากขึ้น เช่น สารคดีเกี่ยวกับ NFL ฯลฯ

และในปีนี้ Netflix ได้เริ่มเข้าสู่การซื้อลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดกีฬาเพิ่มมากขึ้น เช่น การปิดดีลถ่ายทอดสดมวยปล้ำ WWE แม้ว่าจะเริ่มต้นถ่ายทอดสดในปี 2025 ก็ตาม

ภายหลังดีลกับ WWE นั้น Ted Sarandos ซึ่งเป็น CEO ของ Netflix มีท่าทีกับเรื่องดังกล่าวเปลี่ยนไปไม่น้อย ก่อนหน้านี้เขาได้กล่าวว่าบริษัทไม่สนใจที่จะถ่ายทอดสดกีฬาเลยด้วยซ้ำ แต่ล่าสุดเขากล่าวว่า เขาไม่ใช่คนต่อต้านกีฬา แต่เขามองว่าการเติบโตของกำไรต้องมาก่อน

และ CEO รายนี้มองว่าถ้าหากการถ่ายทอดสดกีฬาทำให้รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตมากขึ้น เขาเองก็พร้อมที่จะลุยกับเรื่องดังกล่าว

สาเหตุที่ทำให้ Netflix เริ่มมองลู่ทางดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นจนน่าแปลกใจคือเครือข่ายทีวีบอกรับสมาชิกในสหรัฐ อเมริกาที่กำลังมีสมาชิกลดลงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สวนทางกับแพลตฟอร์มวิดีโอสตีมมิ่งที่มีผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้น

ไม่เพียงเท่านี้คู่แข่งหลายราย เช่น Apple TV หรือแม้แต่ Peacock ซึ่งเป็นบริการแพลตฟอร์มวิดีโอสตีมมิ่งของ Comcast และ Max ของ HBO ไปจนถึง Prime Video ของ Amazon ซึ่งเป็นบริการของเหล่าคู่แข่งโดยตรง ก็เริ่มมีการซื้อลิขสิทธิ์กีฬาเพื่อถ่ายทอดสดบนแพลตฟอร์มมากขึ้น

ในการประกาศผลประกอบการเมื่อไตรมาส 1 ที่ผ่านมาของ Netflix นั้น บริษัทยังได้ชี้ว่านักลงทุนควรจะดูการเติบโตของรายได้และอัตรากำไรจากการดำเนินงานมากกว่าจำนวนสมาชิก ซึ่งกลยุทธ์หนึ่งของบริษัทก็คือการหารายได้จากค่าโฆษณา รวมถึงรายได้จากธุรกิจอื่นๆ

ทำให้อนาคตอันใกล้นี้เราต้องจับตาดูกันว่า Netflix จะจริงจังกับเรื่องดังกล่าวมากแค่ไหน หลังจากที่ปิดดีล NFL ช่วงวันคริสต์มาสต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

]]>
1473182
CEO ของ ‘ดิสนีย์’ เผย “มาตรการห้ามแชร์รหัสผ่าน Disney+ จะเริ่มต้นในเดือนมิถุนายนนี้ในบางประเทศ” https://positioningmag.com/1469175 Fri, 05 Apr 2024 02:09:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469175 CEO ของ ‘ดิสนีย์’ ได้เปิดเผยว่ามาตรการห้ามแชร์รหัสผ่าน Disney+ จะเริ่มต้นในเดือนมิถุนายนนี้ในบางประเทศ และจะมีการใช้งานทั่วโลกภายในเดือนกันยายน ซึ่งมาตรการดังกล่าวนั้นบริษัทมองว่าจะทำให้ธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งนั้นเติบโตเพิ่มมากขึ้น หลังจากคู่แข่งอย่าง Netflix ได้เริ่มมาตรการดังกล่าวเป็นรายแรก

Bob Iger ซึ่งเป็น CEO ของ ดิสนีย์ (Disney) ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ CNBC โดยเขาเผยว่ามาตรการป้องกันการแชร์รหัสผ่านของ Disney+ จะทดลองในบางประเทศก่อนในเดือนมิถุนายน และจะใช้งานทั่วโลกภายในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวนั้นช่วยทำให้บริษัทสามารถทำให้แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งสามารถกลับมามีกำไรได้

CEO ของ Disney ยังกล่าวว่า มาตรการดังกล่าวถือเป็นเรื่องสำคัญของบริษัทที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตมากขึ้น แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดว่าในมาตรการป้องกันการแชร์รหัสผ่านที่จะใช้ในเดือนมิถุนายนนั้นจะมีการทดลองในประเทศใดบ้าง

ในช่วงที่ผ่านมามาตรการดังกล่าวเริ่มใช้โดยแพลตฟอร์มคู่แข่งอย่าง Netflix ซึ่งชี้ว่าสมาชิกของบริษัทมากกว่า 100 ล้านครัวเรือนหรือประมาณ 43% ได้มีการแชร์รหัสผ่าน ส่งผลทำให้บริษัทสูญเสียความสามารถในการลงทุนในคอนเทนต์ใหม่ๆ จนทำให้บริษัทออกมาตรการดังกล่าว ส่งผลทำให้มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นทันที

ผลที่เกิดขึ้นยังทำให้ Disney ได้ออกมาตรการดังกล่าวตามมาเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2023 เพื่อที่จะลดการขาดทุนของแพลตฟอร์ม โดยตัวเลขในผลประกอบการไตรมาส 4 ของบริษัท ธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งนั้นขาดทุนลดลงเหลือแค่ 387 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น

สัมภาษณ์พิเศษดังกล่าวนั้น หัวเรือใหญ่ของ Disney ยังได้ชื่นชมการทำงานของ Netflix ว่าคู่แข่งรายนี้ได้สร้างมาตรฐานของวงการวิดีโอสตรีมมิ่ง และทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม และเขายังกล่าวเสริมว่า “ถ้าเราสามารถบรรลุผลสำเร็จในสิ่งที่พวกเขาทำได้ก็คงจะดีมาก”

ขณะเดียวกัน Bob ยังได้กล่าวว่า บริษัทเองก็เตรียมงัดมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการลดงบด้านการตลาด และพยายามที่จะทำความเข้าใจลูกค้า มีการส่งคอนเทนต์เพื่อเอาใจลูกค้านอกสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น หรือแม้แต่การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อที่จะเพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

นอกจากนี้ CEO ของ Disney เองยังคาดว่าธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งจะกลับมามีกำไรได้ภายในช่วงสิ้นปีนี้

]]>
1469175
ลือ! ซีอีโอของ ‘Warner Bros. Discovery’ ซุ่มคุยกับซีอีโอ ‘Paramount’ เกี่ยวกับการ ‘ควบรวมกิจการ’ https://positioningmag.com/1456705 Thu, 21 Dec 2023 07:31:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1456705 ต้องยอมรับว่านับตั้งแต่การมาของแพลตฟอร์ม วิดีโอสตรีมมิ่ง ที่ทำให้วงการสื่อเปลี่ยนเเปลงไป ค่ายผู้ผลิตสื่อรายใหญ่ก็ต้องลงสู่ตลาดสตรีมมิ่ง ท่ามการการแข่งขันที่ดุเดือด โดยล่าสุด สื่อได้ออกข่าวว่าผู้บริหารระดับสูงของของค่าย ‘Warner Bros. Discovery’ ได้ไปเจรจากับค่าย ‘Paramount’ เกี่ยวกับการ ‘ควบรวมกิจการ’

CNN ได้รายงานว่า David Zaslav ซีอีโอของ Warner Bros. Discovery ได้พบกับ Bob Bakish ซีอีโอของ Paramount Global เมื่อวันอังคารที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ สำนักงานใหญ่ของ Paramount ในไทม์สแควร์ นิวยอร์กซิตี้ เพื่อพูดคุยถึงความเป็นไปได้ในการควบรวมกิจการระหว่างทั้งสองบริษัท อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 บริษัทปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวดังกล่าว

แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่าทั้งสองบริษัทจะตกลงควบรวมกิจการกัน แต่หลายคนมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากทั้งสองบริษัทจะควบรวมกัน เพราะการควบรวมนี้อาจอาจทำให้อุตสาหกรรมสื่อพลิกผันได้อีกครั้ง ขณะที่ Paramount ก็ต้องการพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอดในปัจจุบัน

เพราะต้องยอมรับว่า การแข่งขันในอุตสาหกรรมคอนเทนต์ในยุคสตรีมมิ่งนั้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ และยังต้องใช้เงินมหาศาล เพราะต้องแข่งทั้งผู้เล่นที่แข็งแกร่งมาก ๆ อย่าง Netflix และ Disney ขณะที่ปัจจุบันทั้งสองบริษัทเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญในสภาพแวดล้อมของสื่อที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เรตติ้งทีวีลดลงเนื่องจากลูกค้ายกเลิกบริการเคเบิลทีวีมากขึ้น ส่วนตลาดโฆษณากำลังเปลี่ยนไปสู่การสตรีม นอกจากนี้ ต้นทุนการสร้างคอนเทนต์ก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ 

ดังนั้น หากทั้งสองบริษัทควบรวมกัน Warner Bros. Discovery ก็จะได้แพลตฟอร์มของ Paramount+ มาเสริมแกร่งให้กับบริการสตรีมมิ่งอย่าง HBO ขณะเดียวกัน Paramount ก็จะได้ช่องทางการขายในต่างประเทศเพื่อส่งเสริมแฟรนไชส์ต่าง ๆ ของค่าย

“ฉันคิดว่ามันบ่งบอกถึงความตื่นตระหนก เพราะอุตสาหกรรมนี้กำลังเผชิญกับอนาคตที่ท้าทายอย่างยิ่ง พวกเขาจะพยายามทำให้ตัวเองใหญ่ขึ้นเพื่อแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่ง” Rich Greenfield นักวิเคราะห์อุตสาหกรรม ผู้ร่วมก่อตั้ง LightShed Partners กล่าว

อย่างไรก็ตาม Warner Bros. Discovery จะไม่สามารถทำธุรกรรมกับ Paramount หรือหน่วยงานอื่นใดได้ในขณะนี้ จนกว่ากฎหมายภาษีอากรที่ห้ามไม่ให้บริษัทเข้าซื้อกิจการหรือการควบรวมกิจการเพิ่มเติมจนกว่าจะหลังเดือนเมษายน 2024 เนื่องจาก WarnerMedia เพิ่งซื้อ Discovery ไปเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมาในมูลค่า 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจุบัน Warner Bros. Discovery มีมูลค่าอยู่ที่ราว 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วน Paramount มีมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ทางบริษัทกำลังเผชิญกับภาระหนี้ ทำให้อยู่ภายใต้ความกดดันที่จะหาพาร์ตเนอร์ด้านกลยุทธ์หรือผู้ซื้อกิจการต่อ ดังนั้น อาจต้องรอดูว่าทั้งสองบริษัทจะตกลงควบรวมกิจการกันได้หรือไม่

]]>
1456705
กางแผน ‘MONO’ หลัง AIS เข้าซื้อ 3BB และการดันรายได้ MONOMAX แซงช่อง MONO 29 https://positioningmag.com/1452160 Thu, 16 Nov 2023 10:56:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1452160 อย่างที่หลายคนรู้ก็คือ เอไอเอส (AIS) ได้เข้าซื้อกิจการของ 3BB และนอกจากสมาชิกของ 3BB แล้ว อีกสิ่งที่พ่วงตามไปด้วยก็คือ คอนเทนต์จาก MONOMAX ที่ร่วมกันทำ 3BB GIGATV ดังนั้น ในวันที่ 3BB เปลี่ยนเจ้าของ และธุรกิจทีวีดิจิทัลที่เป็นขาลง บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO จะเดินหน้าอย่างไรต่อไป

มั่นใจเอไอเอสช่วยดันลูกค้าเพิ่ม 20%

ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นความร่วมมือของ MONOMAX กับ 3BB จนเกิดเป็น 3BB GIGATV ว่า 3BB อยากได้อาปู้ (ARPU) Average Revenue Per User หรือ รายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้าหนึ่งคนเพิ่ม เลยได้ MONOMAX เข้ามาพ่วงเพื่อหารายได้ร่วมกัน

ซึ่งจุดแข็งของ 3BB นั้นคือ ต่างจังหวัด โดยคิดเป็นถึง 70% ของลูกค้า ซึ่งคอนเทนต์ของ MONOMAX ตรงใจกับคนต่างจังหวัด เพราะเป็น พากย์ไทย 100% ไม่เหมือนคนเมืองหรือวัยรุ่นที่อ่านซับฯ ได้

“กลายเป็นว่า HBO ไม่ใช่คอนเทนต์นำอย่างที่ 3BB คิด แต่เป็น MONOMAX”

ปฐมพงศ์ เชื่อว่า การที่ 3BB กลายเป็นส่วนหนึ่งของเอไอเอส จะช่วยเพิ่มจำนวนสมาชิกได้ประมาณ 20% เพราะในปีหน้าบริการ MONOMAX จะบัลเดิลไปกับกล่อง AIS Play จากเดิมที่เริ่มทดลองให้บริการการร่วมกันเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 ส่งผลให้ลูกค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 5% ปัจจุบัน MONOMAX มีสมาชิกประมาณ 8.6 แสนราย

“ตอนที่เราอยู่กับ 3BB เราไม่เคยทำงานร่วมกับเอไอเอสเลย เพราะเขาถือว่าเราเป็นพันธมิตรกับคู่แข่ง” ปฐมพงศ์ กล่าว

ทีวีกลับมาไม่ได้แล้ว

ในยุคนี้ธุรกิจทีวีมีแต่จะถดถอยลง เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ดูทีวีน้อยลง โดยมีการประเมินว่า การรับชมทั่วโลกจะลดลง 10% ทุกปี ขณะที่รายได้จาก โฆษณาลดลง 4-12% ทุกปี ในส่วนช่อง MONO 29 ยอดรับชมลดลงใกล้เคียงกันที่ 10% ทุกปี และนับตั้งแต่ปี 2023 คาดว่ารายได้โฆษณาลดลง 15-20% หรือเฉลี่ยลดลง 4% ต่อปี

กลับกัน การเติบโตของบริการสตรีมมิ่งยังสูงขึ้น โดยจากการประเมินของ กสทช. พบว่ามูลค่าตลาด OTT ในปี 2022 อยู่ที่ 14,600 ล้านบาท มีผู้ใช้บริการกว่า 22 ล้านครัวเรือน ที่ใช้บริการ เติบโต 26.15% และปีนี้คาดว่าจำนวนครัวเรือนจะเติบโต 36.19% ส่วนมูลค่าตลาดคาดว่าจะเติบโต 20% และภายในปี 2024-2025 จะเติบโตเฉลี่ย 33% ต่อปี ขณะที่การสมัครบริการ OTT แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ยที่ 4-5 แอปต่อครัวเรือน ส่วนการสมัครแบบเสียค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 2-4 แอปต่อครัวเรือน

รายได้ MONO MAX จะแซง MONO 29 ในปีหน้า

ในช่วง 9 เดือนแรก บริษัทมีรายได้รวม 1,387 ล้านบาท แบ่งเป็นทีวีดิจิทัล 795 ล้านบาท ตามด้วยแพลตฟอร์ม MONOMAX มีรายได้ 400 ล้านบาท และอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ปฐมพงศ์ คาดว่า MONOMAX จะทำรายได้แซงหน้า MONO 29 ภายในไตรมาส 2 ปี 2024 โดยจุดแข็งของ MONOMAX คือ พากย์ไทย 100% และ คอนเทนต์จีน นอกจากนี้มีคอนเทนต์จาก อินเดีย บ้าง ส่วนใหญ่เป็นแนวแอ็คชั่น

“ทีวีมาชัวร์แล้ว คนอาจไม่ดูมากไปกว่านี้ แต่สตรีมมิ่งยังโตได้อีก ทีวีต้องลงทุนเยอะ ซับซ้อน แต่สตรีมมิ่งซับซ้อนน้อยกว่า โอกาสทำกำไรมากกว่า ซึ่งพฤติกกรรมผู้บริโภคต่างจาก 8 ปีก่อนที่เราพึ่งเริ่ม ตอนนั้นเขาจ่ายเงินยากมาก ตอนนี้เขายอมจ่าย แต่ตอนนี้ผู้เล่นมีหลายราย เราจะดึงเงินให้เขามาจ่ายอย่างไรคือความท้าทาย”

อัดงบคอนเทนต์ 1,200 ล้านบาท

การจะดันรายได้ของ MONOMAX และรักษารายได้ MONO 29 ก็คือ คอนเทนต์ โดยวางงบไว้ 1,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน คือ

  • ผลิตออริจินอลคอนเทนต์ (ปีละ 8-12 เรื่อง)
  • คอนเทนต์สำหรับ MONO29 (ภาพยนตร์ฮอลลีวูด 5-8 เรื่อง/เดือน)
  • คอนเทนต์สำหรับ MONOMAX (ปัจจุบันมี 3,000 เรื่อง)

โดยในส่วนของ MONO29 ช่วงไพรม์ไทม์ของช่อง (6 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม) จะยังฉายภาพยนตร์ฮอลลีวูด และปีหน้าจะโฟกัสที่รายการข่าวและวาไรตี้มากขึ้น นอกจากนี้ หลังจากที่ทดลองนำซีรีส์จีนที่ลงในแพลตฟอร์ม MONOMAX มาฉายในช่วงกลางวันก็ได้รับการตอบรับที่ดี อีกทั้งยังช่วยเพิ่มยอดผู้ใช้งานใน MONOMAX อีกทางด้วย

สำหรับจำนวนสมาชิก MONOMAX ปีหน้า ปฐมพงศ์ คาดว่าจะทะลุ 1 ล้านราย และเพิ่มเป็น 2-2.85 ล้านรายภายในปี 2025

]]>
1452160
คนดูไหวไหม? Netflix อาจ “ขึ้นราคา” สตรีมมิ่งเร็วๆ นี้ หลังข้อตกลงกับกลุ่มนักเขียนบทกระทบต้นทุน https://positioningmag.com/1447146 Fri, 06 Oct 2023 07:46:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1447146 Netflix มีแผนจะ “ขึ้นราคา” บริการสตรีมมิ่งเร็วๆ นี้ หลังการประท้วงหยุดงานของกลุ่มนักเขียนบทฮอลลีวูดได้ข้อยุติ และอาจมีผลกระทบกับต้นทุนของบริษัท

The Wall Street Journal รายงานข่าวว่า Netflix เตรียมจะ “ขึ้นราคา” บริการสตรีมมิ่ง “ในหลายประเทศทั่วโลก” โดยจะเริ่มจากตลาดสหรัฐอเมริกาและแคนาดาก่อน โดยยังไม่ชัดเจนว่าจะขึ้นราคามากแค่ไหนและเริ่มเมื่อไหร่

เมื่อปีที่แล้ว Netflix เพิ่งจะปรับขึ้นราคสตรีมมิ่งในสหรัฐฯ ไป ปัจจุบันราคามาตรฐานในสหรัฐฯ เริ่มต้นที่ 15.49 เหรียญต่อเดือน และจากการขึ้นราคาทำให้บริษัทมีแพ็กเกจใหม่เข้ามาเสริม คือ แพ็กเกจราคา 6.99 เหรียญต่อเดือน แต่มีโฆษณาคั่น

หลังจากนั้น เมื่อต้นปีนี้เอง Netflix เริ่มเข้มงวดกับการ “แชร์พาสเวิร์ด” ทั่วโลก ทำให้แชร์พาสเวิร์ดกับคนภายนอกบ้านหลังเดียวกันไม่ได้ ยกเว้นจ่ายเพิ่มสำหรับจำนวนคนที่เพิ่มเข้ามาในบัญชีเดียวกัน

การห้ามแชร์พาสเวิร์ดนี้ได้ผลในการเพิ่มจำนวนสมาชิกให้ Netflix ดูได้จากในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2023 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทเริ่มแบนการแชร์พาสเวิร์ด สตรีมมิ่งเจ้านี้ได้สมาชิกเพิ่มมาถึง 5.9 ล้านคน

ภาพจาก Shutterstock

เป็นที่น่าสังเกตว่า กระแสข่าวการพิจารณาขึ้นราคาสตรีมมิ่งของ Netflix ออกมาในช่วงที่การประท้วงหยุดงานของกลุ่มนักเขียนบทฮอลลีวูด (WGA) เพิ่งจะได้ข้อยุติ และข้อตกลงระหว่างสตูดิโอฮอลลีวูดกับกลุ่มนักเขียนบทนั้นน่าจะส่งผลให้ธุรกิจสตรีมมิ่งเกิดความเปลี่ยนแปลง

ข้อตกลงดังกล่าวคือข้อที่ระบุว่า กลุ่มสตรีมมิ่ง เช่น Netflix, Disney Plus, Hulu ฯลฯ จะต้องเปิดข้อมูลสตรีมมิ่งกับ WGA เพื่อให้นักเขียนได้ทราบว่าคอนเทนต์ของตนเองมียอดวิวมากน้อยแค่ไหน และจะได้ตกลงโบนัสสำหรับคอนเทนต์ที่ได้ยอดวิวสูง รวมถึงมีการกำหนดค่าจ้างเขียนบทขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 18% สำหรับภาพยนตร์ต้นทุนสูง ทั้งนี้ WGA มีการคำนวณพบว่าการเพิ่มต้นทุนค่าเขียนบทจะกระทบรายได้ของ Netflix เพียง 0.2% เท่านั้น

ในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ประท้วงสายนักแสดงก็ยังคงสไตรค์กันอยู่ ทำให้โปรดักชันเดินต่อไม่ได้ ดังนั้น Netflix น่าจะรอจนการประท้วงทั้งหมดสิ้นสุดก่อนที่จะขึ้นราคาสตรีมมิ่ง เพราะการขึ้นราคาขณะที่ไม่ค่อยมีคอนเทนต์ใหม่ๆ มาบริการก็ออกจะเป็นการไม่ฉลาดเกินไป หากนักแสดงและนักเขียนบทกลับมาทำงานแล้ว คอนเทนต์ใหม่ๆ จะได้เข้าฉายมากขึ้น และเป็นจังหวะเหมาะในการขึ้นค่าบริการ

นอกจากความเคลื่อนไหวจากฝั่ง Netflix แล้ว ยังมีรายงานด้วยว่า Disney Plus กำลังพิจารณาเพิ่มแพ็กเกจ “กีฬา” เข้าไปในตลาดที่ไม่ใช่สหรัฐฯ ด้วย เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะต่อสู้ในศึกสตรีมมิ่งยุคนี้

Source

]]>
1447146
ตี้แตกอีกหนึ่ง! ‘Disney+’ เตรียมออกระบบป้องกันการแชร์รหัสผ่านตามรอย ‘Netflix’ https://positioningmag.com/1440492 Thu, 10 Aug 2023 02:35:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1440492 หลังจากที่ เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ผู้นำในตลาดวิดีโอสตรีมมิ่งของโลกได้ออกมาตรการห้าม แชร์รหัสผ่าน จนทำให้จำนวนผู้ใช้ช่วง Q2/2023 เพิ่มขึ้นถึง 5.9 ล้านราย ทำให้สตรีมมิ่งรายใหญ่อย่าง ดิสนีย์พลัส (Disney+) ก็ขอเดินตามรอยรุ่นพี่ เตรียมออกมาตรการห้ามแชร์รหัสผ่านบ้าง

Bob Iger ซีอีโอ ดิสนีย์ กล่าวว่า บริษัทกำลังสำรวจการแชร์บัญชีของผู้ใช้และจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายที่จะ ควบคุมการแชร์รหัสผ่านของผู้ใช้ ในปลายปีนี้ ก่อนที่จะออกมาตรการป้องกันการแชร์รหัสผ่านภายในปี 2024 อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้เปิดเผยว่าจะใช้วิธีใดเพื่อลดการใช้บัญชีร่วมกัน

“แน่นอนว่าเราเชื่อว่ามาตรการป้องกันการแชร์รหัสผ่านจะส่งผลต่อการเติบโตของสมาชิกแน่นอน แต่เราไม่ได้คาดเดาได้ว่าจะเป็นในทางไหน”

โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยเหตุผลที่เหมือนกับบริการสตรีมมิ่งรายอื่น ๆ ก็คือ เพิ่มกำไร เพราะนอกจากมาตรการดังกล่าวแล้ว บริการสตรีมมิ่งหลายรายพยายามลดค่าใช้จ่ายในการผลิตคอนเทนต์ รวมถึงการออกแพ็กเกจราคาถูกลงโดยเพิ่มโฆษณาเข้ามา ซึ่งปัจจุบัน ดิสนีย์กำลังทำทั้งหมด

นอกจากนี้ ดิสนีย์ยัง ขึ้นราคา บริการสตรีมมิ่งเกือบทั้งหมด โดยแพลตฟอร์ม Disney+ แบบไม่มีโฆษณาจะมีราคา 13.99 ดอลลาร์ต่อเดือน (ราว 490 บาท) เพิ่มขึ้น 27% ส่วน Hulu เพิ่มขึ้นเป็น 17.99 ดอลลาร์ต่อเดือน (ราว 630 บาท) เพิ่มขึ้น 20% ส่วนแพ็คเกจโฆษณาของทั้ง 2 บริการยังมีราคาเท่าเดิม ส่วนค่าบริการรายเดือนในไทยมีการปรับเป็น 289 บาท และรายปีปรับเป็น 2,290 บาท ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายที่ผ่านมา

ทั้งนี้ Netflix ถือเป็นผู้บุกเบิกในการออกมาตรการป้องกันการแชร์รหัสผ่าน เนื่องจากพบว่ามากกว่า 100 ล้านครัวเรือนหรือประมาณ 43% ของฐานผู้ใช้ทั่วโลกใช้บัญชีร่วมกัน และด้วยเหตุนี้ได้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการลงทุนในคอนเทนต์ใหม่ ๆ ซึ่งหลังจากที่ Netflix ออกมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้ในช่วง Q2/2023 เพิ่มขึ้น 5.9 ล้านราย

Source

]]>
1440492
Viu ยังครองเบอร์ 2 แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งในอาเซียน มีสมาชิกจ่ายเงินตามหลัง Disney+ Hotstar แต่ชนะ Netflix ได้ https://positioningmag.com/1439858 Fri, 04 Aug 2023 09:41:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1439858 ศึก Video Streaming ในอาเซียนยังคงดุเดือด เมื่อ Viu ยังครองเบอร์ 2 แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งในอาเซียน มีสมาชิกจ่ายเงินตามหลัง Disney+ Hotstar แต่ชนะ Netflix ได้ และล่าสุดบริษัทได้รับเงินลงทุนจากบริษัทบันเทิงจากฝรั่งเศส ซึ่งจะเตรียมขยายธุรกิจออกนอกเอเชียด้วย

รายงานจากสำนักข่าว Bloomberg ได้อ้างอิงข้อมูลจาก Media Partners Asia บริษัทวิจัยด้านสื่อบันเทิง ได้ชี้ว่า Viu แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งวิดีโอจากฮ่องกง ล่าสุดยังครองอันดับ 2 แซงหน้า Netflix เมื่อเทียบจำนวนสมาชิกที่จ่ายเงินให้กับแพลตฟอร์มทั้งหมด

ข้อมูลล่าสุดในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Viu มีสมาชิกแบบจ่ายเงินทั้งสิ้น 8.6 ล้านราย ขณะที่ Netflix มี 8.1 ล้านราย ขณะที่ Disney+ Hotstar นั้นมีสมาชิกแบบจ่ายเงินมากที่สุดในอาเซียนมากถึง 9.1 ล้านรายด้วยกัน

ถ้าหากเทียบสัดส่วนเวลารับชมแล้ว Netflix ยังครองตำแหน่งส่วนแบ่งอันดับ 1 ในอาเซียนที่ 44% ขณะที่อันดับ 2 คือ Viu ที่ 13% ขณะที่อันดับ 3 คือ True ID ครองส่วนแบ่ง 8% ขณะที่ Disney+ Hotstar กลับครองส่วนแบ่งอันดับ 4 ที่ 7%

ในปี 2021 ที่ผ่านมา Viu มีสมาชิกแบบจ่ายเงินมากกว่า 5 ล้านรายแล้ว และมีผู้ใช้งานแพลตฟอร์มมากถึง 49 ล้านคน ก่อนที่ตัวเลขล่าสุดจะมีผู้ใช้งานแพลตฟอร์มเมื่อเดือนมิถุนายนมากถึง 66 ล้านคน

ในรายงานเดียวกันของ Bloomberg นั้นยังได้สัมภาษณ์ Janice Lee ซึ่งเป็น CEO ของ Viu หลังจากที่บริษัทได้รับเงินลงทุนเริ่มต้น 200 ล้านเหรียญสหรัฐ (และเพิ่มได้ถึง 300 ล้านเหรียญสหรัฐ) จาก Canal+ Group เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แลกกับการถือหุ้น 26.1% ซึ่งเธอได้กล่าวว่าได้เตรียมที่จะผลิตคอนเทนท์พรีเมี่ยม รวมถึงการขยายหาลูกค้าเพิ่มเติมในเอเชีย

ขณะที่ Jacques du Puy ผู้บริหารสูงสุดของ Canal+ International ได้กล่าวว่า การลงทุนของบริษัทนั้นต้องการที่จะขยายตลาดนอกจากเวียดนามและพม่า ซึ่งบริษัทได้ลงทุนไว้ ปัจจุบัน Canal+ ได้นำคอนเทนต์ของ Viu มาออกอากาศในเคเบิลทีวีในเวียดนามด้วย และเป้าหมายคือต้องการเป็นผู้เล่นรายสำคัญในเอเชีย

ไม่เพียงเท่านี้ CEO ของ Viu ยังได้กล่าวว่าเตรียมที่จะนำความเชี่ยวชาญของ Canal+ ที่จะขยายแพลตฟอร์มไปยังประเทศอื่นนอกทวีปเอเชียด้วย แต่ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดแต่อย่างใด

ปัจจุบัน Viu มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดคือ PCCW บริษัทด้านโทรคมนาคมในฮ่องกง ซึ่งมีเจ้าของคือ Richard Li บุตรชายของ Li Ka-shing มหาเศรษฐีชาวฮ่องกง ปัจจุบันบริษัทได้ให้บริการ 16 ประเทศทั้งในเอเชีย ตะวันออกกลาง รวมถึงประเทศแอฟริกาใต้

]]>
1439858
ห้ามแชร์รหัสได้ผล! Netflix ยอดสมาชิกขึ้น 6 ล้าน เตรียมเข็นแพ็กเกจราคาถูก มีโฆษณาคั่น https://positioningmag.com/1438346 Wed, 19 Jul 2023 17:41:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1438346 Netflix หลังจากที่ใช้มาตรการห้ามแชร์รหัสผ่านนั้นล่าสุดบริษัทมีสมาชิกเพิ่มขึ้นถึง 5.9 ล้านราย ขณะเดียวกันบริษัทก็ได้เตรียมเข็นแพ็กเกจราคาถูก มีโฆษณาคั่น ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากโฆษณาเพิ่มขึ้นมากถึง 1,900 ล้านเหรียญสหรัฐ

Netflix ยักษ์ใหญ่ด้านสตรีมมิ่งได้ประกาศผลประกอบการในไตรมาส 2 นั้นมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น 5.9 ล้านราย หลังจากออกมาตรการห้ามแชร์รหัสผ่านมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ซึ่งก่อนหน้านี้ข้อมูลจากบริษัทวิจัยพบว่ามีผู้สมัครใช้งานเพิ่มมากขึ้นหลังมาตรการดังกล่าวออกมา ส่งผลทำให้สมาชิกเพิ่มขึ้นมากถึง 8% อยู่ที่ 238 ล้านราย

บริษัทได้เปลี่ยนแนวทางหารายได้เนื่องจากรายได้และสมาชิกของบริษัทที่ลดลงในช่วงปี 2022 โดย Netflix ได้รายงานว่ามากกว่า 100 ล้านครัวเรือน หรือคิดเป็นประมาณ 43% ของจำนวนผู้ใช้ได้แชร์รหัสผ่าน ส่งผลทำให้บริษัทต้องออกมาตรการดังกล่าว

ผลจากมาตรการดังกล่าวทำให้ไตรมาส 2 บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 2.7% มาอยู่ที่ 8,187 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีกำไรทั้งสิ้น 1,488 ล้านเหรียญสหรัฐ

รายงานของบริษัทยังได้เตรียมที่จะหารายได้เพิ่มเติมจากแพ็กเกจราคาถูกแต่มีโฆษณาคั่น โดยชี้ว่าการมีโฆษณาเข้ามานั้นทำให้ Netflix สามารถเสนอแพ็กเกจราคาถูกให้กับลูกค้าได้ และบริษัทจะทำให้ประสบการณ์การรับชมโฆษณานั้นดีทั้งสมาชิก รวมถึงสร้างความประทับใจให้กับคนที่ลงโฆษณา

สอดคล้องกับเว็บไซต์ Cord Busters รายงานว่า Netflix ได้ทยอยไม่ให้ลูกค้าที่สมัครสมาชิกใหม่ในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ สามารถสมัครแพ็กเกจ Basic ที่มีราคาถูกราวๆ 9.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6.99 ปอนด์ได้แล้ว แต่ลูกค้าจะต้องสมัครแพ็กเกจ Standard ที่ต้องรับชมโฆษณาแทนซึ่งมีราคาถูก และถ้าหากลูกค้าไม่ต้องการที่จะชมโฆษณาก็จะต้องจ่ายเงินเพิ่มไปเป็นแพ็กเกจ Standard ที่ราคาแพงขึ้นมาอีกเล็กน้อย

ข้อมูลจากบริษัทวิจัยอย่าง Antenna ล่าสุดได้ชี้ว่าแพ็กเกจ Standard ที่ต้องรับชมโฆษณามีสมาชิกคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 19% ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดของ Netflix แล้ว ขณะที่สัดส่วนลูกค้าที่ใช้งานแพ็กเกจ Basic ก็กำลังมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ ซึ่งล่าสุดมีสัดส่วนแค่ 20% เท่านั้น ทางด้านของแพ็กเกจ Premium นั้นมีสัดส่วนอยู่ที่ราวๆ 28-30% มาเป็นระยะเวลาหลายเดือน

ข้อดีในการยกเลิกแพ็กเกจ Basic ก็คือทุกแพ็กเกจของ Netflix ไม่ว่าจะถูกสุดหรือแพงสุดหลังจากนี้ในอังกฤษคือจะรับชมภาพด้วยความละเอียดแบบ HD 1080p (และ UHD 4K ในแพ็กเกจ Premium) ซึ่งแตกต่างกับแพ็กเกจ Basic ที่คุณภาพของภาพอยู่ที่ HD 720p เท่านั้น

หลังจากการปรับเปลี่ยนในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ คาดว่าบริษัทจะมีการปรับเปลี่ยนแพ็กเกจให้ลูกค้าที่สมัครสมาชิกใหม่ทั่วโลกหลังจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่ารายได้ของ Netflix ที่ได้จากค่าโฆษณาจะสามารถทำรายได้ให้บริษัทเพิ่มได้มากกว่า 1,900 ล้านเหรียญสหรัฐ

]]>
1438346
‘Netflix’ เร่งเครื่องปราบ ‘สายแชร์’ ระลอก 3 ทั่วโลก หวังหยุดการสูญเสียรายได้ที่ควรจะได้ https://positioningmag.com/1431556 Wed, 24 May 2023 07:34:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1431556 หลังจากที่ได้ทดลองใช้มาตรการ “ห้ามแชร์รหัสผ่าน” ไปในหลายประเทศตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา อาทิ สเปน โปรตุเกส แคนาดา นิวซีแลนด์ และ อาร์เจนตินา ล่าสุด Netflix ก็ได้เดินหน้าลุยต่อเนื่อง โดยล่าสุดประเทศใหญ่อย่าง สหรัฐอเมริกา ก็ถึงคิว รวมถึง ไทย เองก็ไม่รอด

แม้ว่า แผนการปราบปรามการแชร์บัญชีล่าช้า ไปสักหน่อย เพราะจริง ๆ แล้ว Netflix ต้องการที่จะเดินหน้ามาตรการดังกล่าวไปให้แล้วเสร็จตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี แต่ในที่สุดแพลตฟอร์มก็ได้ส่งอีเมลแจ้งเตือนผู้ใช้ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะใน สหรัฐอเมริกา รวมถึง ไทย ว่าต้องตั้งค่าตำแหน่งที่อยู่หลักของผู้ใช้ และหากต้องการแชร์บัญชีผู้ใช้ต้องจ่ายเพิ่ม

ช่วงต้นปีที่ Netflix ได้เปิดเผยถึงสาเหตุสำคัญที่ต้องเดินหน้าปราบการแชร์บัญชีการใช้งานเนื่องจากพบว่า มีครัวเรือนมากกว่า 100 ล้านครัวเรือน ที่ใช้บัญชีร่วมกันที่บริการหรือคิดเป็นประมาณ 43% ของจำนวนผู้ใช้ ซึ่งนั่นทำให้แพลตฟอร์มสูญเสียรายได้ที่ควรจะได้ ซึ่งนั่นส่งผลกระทบต่อความสามารถในลงทุนผลิตคอนเทนต์

ในช่วงแรกที่แพลตฟอร์มได้ออกมาตรการดังกล่าว สเปน ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่ค่อนข้างชัดเจน โดยผลสำรวจจาก Kantar Worldpanel พบว่า จำนวนสมาชิกหายไปถึง 1 ล้านรายในเดือนเดียว อย่างไรก็ตาม Netflix มองว่า เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น และหากดูภาพรวมทั่วโลก Netflix ยังคงสามารถ เพิ่มลูกค้าได้ 1.75 ล้านรายในช่วงไตรมาสแรก

“มีการยกเลิกสมาชิกหลังจากมีการประกาศข่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตในระยะสั้น แต่เราพบว่า สมาชิกที่ยืมรหัสผ่านเหล่านั้นจะเปิดใช้งานบัญชีของตนเองในภายหลัง และเพิ่มสมาชิกที่มีอยู่เป็นบัญชีสมาชิกพิเศษ ส่งผลให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น”

นอกเหนือจากการปราบปรามการแบ่งปันรหัสผ่านแล้ว Netflix ยังเพิ่งเปิดตัวแพ็กเกจโฆษณาที่ถูก เพื่อพยายามเพิ่มรายได้ นอกจากนี้ Netflix ยังพยายามปรับลดต้นทุน ไม่ว่าจะเป็นการลดคนหรือแผนกผลิตคอนเทนต์ที่ไม่จำเป็น ซึ่งในปัจจุบันแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งแทบทุกรายต่างก็พยายามจะหาวิธีการทำกำไรและลดต้นทุนให้กับแพลตฟอร์ม

สำหรับมาตรการห้ามแชร์รหัสผ่านนั้น แพลตฟอร์มจะดูจากเลข IP Address รหัสของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ หรือใช้วิธีตรวจสอบว่า ผู้ใช้ล็อกอินจากอุปกรณ์เดิมหรือไม่ และอาจใช้วิธีส่งเลข OTP ไปเพื่อให้ยืนยันตัวตนภายใน 15 นาที หรือถ้าไปในพื้นที่อื่น ๆ ก็ต้องกลับมาล็อกอินบัญชีด้วย wifi ของบ้าน ภายในกรอบเวลาที่กำหนด (31 วัน)

ดังนั้น ถ้าใครอยากจะแชร์รหัสกับผู้อื่น จะต้องเสียค่าบริการเพิ่ม 99 บาท/เดือน สำหรับผู้ใช้แพ็กเกจมาตรฐาน (349 บาท/เดือน) จะสามารถสมาชิกเสริมได้ 1 คน ส่วนแพ็กเกจพรีเมียม (419 บาท/เดือน) จะเสริมสมาชิกเสริมได้ 2 คน ทั้งนี้ ผู้ที่ใช้แพ็กเกจผ่านพันธมิตร เช่น โปรโมชันที่มาจากค่ายมือถือ จะไม่สามารถเพิ่มจำนวนสมาชิกได้

]]>
1431556
‘เอไอเอส’ ดึง ‘HBO’ คัมแบ็ก! เสริมแกร่งพอร์ตคอนเทนต์ รับเทรนด์วิดีโอสตรีมมิ่งที่กำลังเติบโต https://positioningmag.com/1430829 Thu, 18 May 2023 10:00:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1430829

สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับตลาดและลูกค้าไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายน เมื่อ เอไอเอส (AIS) ได้เป็นพันธมิตรกับ เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) พร้อมจัดแพ็คเกจรายเดือน ล่าสุด เอไอเอสก็ได้อีกแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง เอชบีโอ (HBO) กลับเข้ามาสู่มืออีกครั้ง ซึ่งจะยิ่งเสริมแกร่งคอนเทนต์ให้กับเอไอเอส


ดึง HBO กลับบ้าน AIS อีกครั้ง

ย้อนไปปี 2560 ใครที่ใช้บริการ AIS Play บริการบันเทิงเต็มรูปแบบของเอไอเอสน่าจะคุ้นเคยกับช่อง HBO แต่ในปี 2563 ช่อง HBO ก็หมดสัญญาไป จนมาปี 2566 นี้ เอไอเอสก็ได้พา HBO กลับมาให้บริการอีกครั้ง และครั้งนี้พิเศษกว่าเดิม เพราะนอกจากแพลตฟอร์ม HBO Go แล้วยังมีอีก 5 ช่องเอ็กซ์คลูซีฟ ได้แก่ HBO, HBO Signature, HBO HITS, HBO Family และ Cinemax

การที่เอไอเอส ได้ HBO เข้ามาเป็นพันธมิตรใหม่อีกราย ทำให้เอไอเอสแทบจะกวาดแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ให้บริการในไทยครบทุกรายแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เอไอเอสก็พึ่งได้ Netflix เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา หรืออีกแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง Disney+ Hotstar นอกจากนี้ ไม่ว่าจะ IQIYI, VIU, WeTV หรือช่องกีฬาอย่าง beIN Sports ก็เป็นพาร์ทเนอร์กับเอไอเอสทั้งหมด ตอนนี้คงจะเหลือเพียง Prime Video แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของ Amazon ที่พึ่งทำตลาดในไทยไปไม่นานมานี้เท่านั้น

 


ทำไมคอนเทนต์ถึงสำคัญ?

ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ AIS อธิบายว่า การแข่งขันของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไม่ว่าจะเป็น 5G หรืออินเตอร์เน็ตบ้าน คอนเทนต์ ได้กลายเป็น ส่วนเสริม และกลายเป็นเรื่องปกติถ้าไม่มีแปลว่าแปลก

ขณะที่เทรนด์ของไทยและทั่วโลก การใช้งานแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจากจำนวนผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต 71 ล้านคนในไทย มีผู้ใช้งานแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งถึง 25.15 ล้านราย คิดเป็น 38% มีมูลค่าจับจ่ายราว 12,341 ล้านบาท เติบโต 14.4% และมียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 1,291 บาท/คน/ปี เติบโต 8.26%

นอกจากนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการว่า คอนเทนต์เอนเตอร์เทนต์เมนต์ เป็นตัวขับเคลื่อนในการใช้งานอินเตอร์เน็ต โดยปัจจุบัน ค่าเฉลี่ยการใช้โมบายดาต้าทั่วไปเฉลี่ยที่ 22-24 GB ส่วนกลุ่มที่ใช้งานหนัก ๆ จะเกิน 40 GB ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการรับชมวิดีโอ

ดังนั้น การเป็นพาร์ทเนอร์กับแพลตฟอร์มคอนเทนต์ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของเอไอเอส คือ นำเสนอโครงข่ายที่ดีคอนเทนต์ที่ดีให้กับลูกค้า ปัจจุบัน 5G ของเอไอเอสครอบคลุมพื้นที่กว่า 87%

“เราร่วมงานกับทุกคอนเทนต์พาร์ทเนอร์เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงคอนเทนต์คุณภาพ แต่ไม่จำเป็นว่าเราต้องเป็นเจ้าของคอนเทนต์ แต่เป็นพาร์ทเนอร์กับคนที่มีคอนเทนต์ โดยการเติบโตไปของเราจะอยู่บนพื้นฐานของอีโคซิสเต็มส์ที่ร่วมกับนี่พาร์ทเนอร์


AIS Play ยิ่งแกร่ง

การได้ HBO เข้ามา ทำให้ตอบโจทย์ลูกค้าสาวก DC, Harry Potter, ซีรีส์ Game of Thrones และ คอนเทนต์คุณภาพจากค่าย Warner Bros. อีกมากมาย บอกเลยว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ยิ่งลูกค้า AIS ทั้งในระบบเติมเงิน และรายเดือน รวมถึงลูกค้า AIS Fibre สามารถสมัครแพ็กเกจราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 99 บาท/เดือน นาน 3 เดือน (จากนั้นจะคิดค่าบริการตามปกติ 149 บาท/ เดือน) เพียงกด USSD *888# โทรออก

นอกจากนี้ ยังมีแพ็คเกจรายปี 999 บาท เพียงกด USSD *888*1#โทรออก ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 กรกฎาคม 2566 เท่านั้น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาและรายละเอียดแพ็กเกจ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ AIS PLAY https://www.ais.th/play/hbo.html และ HBO GO

]]>
1430829