เศรษฐกิจถดถอย – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 31 Jan 2023 11:19:01 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 แทงสวน! American Express ‘ไม่เห็น’ สัญญาณ ‘ภาวะเศรษฐกิจถดถอย’ ในสหรัฐฯ ปีนี้ https://positioningmag.com/1417328 Tue, 31 Jan 2023 11:06:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1417328 ทั่วโลกต่างกังวลว่าปีนี้ “สหรัฐฯ” อาจจะเกิด “ภาวะเศรษฐกิจถดถอย” แต่ไม่ใช่ที่ American Express บริษัทบัตรเครดิตที่มีฐานลูกค้าระดับพรีเมียม คาดรายได้ปี 2023 จะเติบโต 15% หลังลูกค้ากลับมาใช้จ่ายหนัก โดยเฉพาะหมวดท่องเที่ยวที่โตยิ่งกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19

Stephen Squeri ซีอีโอบริษัท American Express บริษัทบัตรเครดิตที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐฯ กล่าวกับสำนักข่าว Yahoo Finance ในการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2022 ว่า “เรายังไม่เห็นสัญญาณภาวะเศรษฐกิจถดถอยใดๆ” ซึ่งเป็นมุมมองตรงกันข้ามกับนักเศรษฐศาสตร์ที่เฝ้าจับตาดูเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงนี้

ที่ Squeri มองเช่นนั้นอาจเป็นเพราะผลดำเนินงานของบริษัทที่พุ่งสวนกระแส รายได้ American Express ในไตรมาส 4 ที่ผ่านมานั้นเติบโต 17% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และถ้ารวมรายได้ทั้งปี 2022 บริษัทเติบโตขึ้นมาถึง 25%

บริษัทยังมองว่ารายได้ปี 2023 จะเติบโตต่อเนื่อง 15-17% อีกด้วย

รายได้ที่โตสวนกระแสของบริษัทเกิดจากฐานลูกค้าที่แตกต่างจากตลาด American Express มีลูกค้าหลักเป็นลูกค้าระดับพรีเมียม ซึ่งกลุ่มนี้จะมีความยืดหยุ่นมากกว่ายามเมื่อเผชิญเศรษฐกิจถดถอย การจัดการความเสี่ยงของบริษัทก็จะทำได้ดีกว่า

ในปี 2022 บริษัทยังคงหาลูกค้าใหม่ได้เพิ่มขึ้น โดยมีลูกค้าสมาชิกบัตรใหม่ 12.5 ล้านราย บัตรนี้ยังสามารถดึงการใช้จ่ายจากสมาชิกได้สูง และดึงให้ลูกค้าเกิดการใช้งานได้ต่อเนื่อง

Squeri ยังบอกด้วยว่า การใช้จ่ายของลูกค้าในช่วงไตรมาส 4 ปีก่อนนั้นสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะหมวดท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 50% เทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19

หากจะมีกลุ่มไหนที่ใช้จ่ายน้อยลงบ้าง เขาระบุถึงกลุ่มกิจการขนาดเล็กที่บางส่วนใช้จ่ายน้อยลงหรือเติบโตไม่มากเท่ากลุ่มอื่น กลุ่มนี้ปกติจะใช้จ่ายไปกับการโฆษณาดิจิทัลสูง แต่ที่ชะลอตัวลงนั้นยังไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะกิจการขนาดเล็กกังวลกับเศรษฐกิจ หรือเป็นช่วงที่สับสนว่าจะลงโฆษณาที่ไหนให้ได้ผลดีในช่วงที่โลกเทคโนโลยีมีตัวเลือกมากแบบนี้

การมีลูกค้าระดับพรีเมียมเป็นหลักนั้นทำให้บริษัทมีความเสี่ยงน้อยกว่าในภาวะเงินเฟ้อ เพราะปกติแล้วเงินเฟ้อจะส่งผลลบต่อผู้บริโภคระดับล่างได้มากกว่า เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มกลางล่างจะ “อ่อนไหวต่อราคา” และยังมีเงินออมน้อย เงินเฟ้อที่ดีดราคาสินค้าขึ้นจึงส่งผลให้กลุ่มนี้ไม่กล้าใช้จ่าย แต่กลุ่มตลาดพรีเมียมนั้นตรงกันข้าม พฤติกรรมการใช้จ่ายท่ามกลางเศรษฐกิจฝืดนั้นก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีผลกระทบมากนัก

ที่มา: Yahoo Finance, Nasdaq

]]>
1417328
ปลดอีกราย! Amazon ประกาศเลย์ออฟพนักงาน 18,000 คน รับมือเศรษฐกิจตกต่ำ https://positioningmag.com/1414607 Thu, 05 Jan 2023 05:26:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1414607 ท่ามกลางกระแสการปลดพนักงานของบริษัทใหญ่ทั่วโลก Amazon คือรายล่าสุดที่ประกาศแผน “เลย์ออฟ” พนักงาน 18,000 คน เพื่อรับมือภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะแย่ลงอีกในปีนี้

แผนการปลดพนักงานของ Amazon รอบล่าสุดนี้ คาดว่าจะกระทบหลายแผนก โดยที่น่าจะกระทบหนักที่สุดคือฝ่ายบุคคล และทีมที่เกี่ยวข้องกับ Amazon Stores รายงานจากจดหมายจากซีอีโอ Andy Jassy ถึงพนักงานทุกคน

“บริษัทที่คงอยู่ได้ยาวนานต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างหลายครั้ง บริษัทเหล่านั้นไม่สามารถจะขยายจำนวนพนักงานมากๆ ได้ทุกปี” Jassy กล่าว

เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซรายนี้แย้มออกมาแล้วว่าการลดจำนวนพนักงานจะเกิดขึ้นในปี 2023 โดยประเมินเบื้องต้นว่า Amazon จะเลย์ออฟ 10,000 คน แต่เมื่อถึงเดือนธันวาคมปีก่อน มีข่าวออกมาอีกครั้งว่าตัวเลขอาจจะขึ้นไปถึง 20,000 คน กระทั่งวันนี้ที่เคาะตัวเลขออกมาที่ 18,000 คน

Amazon ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทเทคที่เคยรับอานิสงส์เชิงบวกเต็มที่ในช่วงโควิด-19 ทำให้มีการจ้างงานเพิ่มสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และต้องมาเลย์ออฟพนักงานออกเป็นจำนวนมากหลังโรคระบาดคลี่คลาย เพราะผู้บริโภคกลับไปใช้ชีวิตเหมือนช่วงก่อนเกิดโรคระบาด ใช้ผลิตภัณฑ์/บริการจากบริษัทเทคน้อยลง และยังมีปัญหาเศรษฐกิจมหภาคที่เริ่มจะตกต่ำลง

การตัดสินใจของ Amazon นั้น Jassy อธิบายว่ามาจากการหารือของบอร์ดบริหารเพื่อดูว่า บริษัทควรให้ความสำคัญกับอะไรมากที่สุด แผนกไหนที่ส่งผลสำคัญต่อลูกค้า และสุขภาพในระยะยาวของบริษัทมากที่สุด

“การประเมินของปีนี้ยากลำบากกว่าที่เคยเพราะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และเรามีการจ้างงานสูงมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา” Jassy กล่าว

พนักงานที่อยู่ในรายชื่อถูกเลย์ออฟ จะได้รับแจ้งตั้งแต่วันที่ 18 มกราคมนี้

สำหรับธุรกิจของ Amazon นั้นเฟื่องฟูอย่างมากระหว่างเกิดโรคระบาด เพราะผู้บริโภคต้องหันมาพึ่งพิงช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น ซื้อของออนไลน์กันแทบจะทุกอย่างที่ใช้งาน แต่เมื่อปีนี้การระบาดคลี่คลายไปแล้ว ทำให้คนกลับไปช้อปปิ้งออฟไลน์เหมือนเดิม และยังมีปัญหาเงินเฟ้อที่ทำให้ผู้บริโภคลดความต้องการสินค้าลง

บริษัทเทคอื่นๆ ที่ประกาศเลย์ออฟไปก่อนหน้านี้ เช่น Meta ประกาศลดพนักงาน 11,000 คน, Twitter ก็เลย์ออฟพนักงานจำนวนมากหลังการเทกโอเวอร์, Salesforce ประกาศจะปลดพนักงาน 10% ของบริษัทภายในสัปดาห์นี้

ไม่ใช่แค่บริษัทในสหรัฐฯ ที่ต้องรัดเข็มขัด Xioami ของจีนก็มีประกาศเลย์ออฟพนักงาน 10% ของบริษัท หรือเทคคัมปะนีอาเซียนก็ต้องเลย์ออฟเหมือนกัน อย่างบริษัท Sea Group (บริษัทแม่ของ Shopee) มีการลดพนักงานไปแล้ว 7,000 คนตั้งแต่ปีก่อน

กระแสการเตรียมตัวลดขนาดองค์กรเพื่อรับมือเศรษฐกิจปีนี้ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ว่าสัปดาห์ต่อๆ ไปจะมีบริษัทไหนที่ประกาศออกมาอีกหรือไม่

Source

]]>
1414607
‘IMF’ คาดการเติบโตเศรษฐกิจโลกจะ ‘ลดลง 4 ล้านล้านดอลลาร์’ ในช่วง 4 ปีจากนี้ https://positioningmag.com/1403756 Sun, 09 Oct 2022 06:19:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1403756 สงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาอาหารและพลังงานทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ การระบาดใหญ่ของ COVID-19 ยังส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาสภาพอากาศที่เลวร้าย ทุกสาเหตุส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และทำให้วิกฤตอื่น ๆ ทวีความรุนแรงขึ้น เช่น ระดับหนี้ที่สูงขึ้นของประเทศที่มีรายได้ต่ำ

Kristalina Georgieva กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า IMF กำลังลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกของปี 2023 อีกครั้ง โดยคาดว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกจะลดลง 4 ล้านล้านดอลลาร์จนถึงปี 2026

“สิ่งต่าง ๆ มีแนวโน้มที่จะแย่ลงก่อนที่จะดีขึ้น โดยเฉพาะการรุกรานยูเครนของรัสเซียซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ได้เปลี่ยนมุมมองต่อเศรษฐกิจของ IMF ไปอย่างมาก ส่งผลให้ความเสี่ยงจากภาวะถดถอยกำลังเพิ่มสูงขึ้น”

Georgieva กล่าวว่า IMF ประมาณการว่าประเทศต่าง ๆ ที่คิดเป็น 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกจะเห็นการหดตัวทางเศรษฐกิจอย่างน้อย 2 ไตรมาสติดต่อกันในปีนี้หรือปีหน้า และเสริมว่าสถาบันได้ปรับลดประมาณการการเติบโตทั่วโลกไปแล้ว 3 ครั้ง ตอนนี้คาดว่า -3.2% ในปี 2022 และ 2.9% ในปี 2023

ทั้งนี้ การคาดการณ์ของ IMF ที่เยือกเย็นเกิดขึ้นในขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยหวังว่าจะสามารถบรรเทาเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นได้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ถือเป็นกลุ่มที่ใช้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือลดอัตราเงินเฟ้อ และธนาคารกลางจากเอเชียไปยังอังกฤษได้เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ รวมถึงการที่ OPEC+ ตัดสินใจลดการผลิตน้ำมันลง เพื่อพยุงราคาน้ำมันที่ตกต่ำ

]]>
1403756
Apple เลย์ออฟฝ่ายจัดหาพนักงาน 100 คน สะท้อนการชะลอจ้างงานของบิ๊กเทคคัมปะนี https://positioningmag.com/1396518 Wed, 17 Aug 2022 05:07:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1396518 เริ่มลดการจ้างงานอีกราย! สัปดาห์ที่ผ่านมา Apple ทำการเลย์ออฟฝ่ายจัดหาพนักงานไป 100 คน โดยทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่สัญญาจ้าง สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทน่าจะชะลอการจ้างงานเพิ่ม ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ต้องระมัดระวัง

Bloomberg รายงานถึงการเลย์ออฟพนักงาน 100 คนของ Apple โดยทั้งหมดทำงานตำแหน่งจัดหาพนักงาน (recruiter) คนกลุ่มนี้เป็นผู้รับผิดชอบการจ้างงานพนักงานใหม่ให้กับบริษัท เมื่อมีการเลย์ออฟออกจึงเห็นได้ว่า บริษัทกำลังจะเปลี่ยนมาชะลอการจ้างงาน จึงไม่ต้องใช้บริการ recruiter มากนัก

การเลย์ออฟคนของ Apple ไม่ได้เห็นได้บ่อยนัก แต่ถ้ามองภาพใหญ่ของกลุ่มบิ๊กเทคคัมปะนีในสหรัฐฯ นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนหน้านี้ทั้ง Microsoft, Amazon, Meta, Tesla, Netflix และ Oracle มีประกาศชะลอการจ้างงานหรือบางบริษัทถึงกับเลย์ออฟคนในบางแผนกออกมาแล้วในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะทุกบริษัทต่างระวังตัวกับภาวะเงินเฟ้อ จึงต้องรัดเข็มขัดเพื่อเตรียมรับแรงกระแทกหากเศรษฐกิจถดถอย

“เราเล็งเห็นภาวะเงินเฟ้อในโครงสร้างต้นทุนของเราเช่นกัน” ทิม คุก ซีอีโอของ Apple กล่าวกับ CNBC เมื่อเดือนก่อน “เราเห็นมันเกิดขึ้นในต้นทุนโลจิสติกส์และค่าจ้างแรงงาน รวมถึงต้นทุนส่วนประกอบซิลิคอนบางตัวด้วย เราจะยังมีการจ้างงานอยู่ แต่จะทำบนพื้นฐานของความรอบคอบ”

Apple ยังไม่มีความเห็นต่อการเลย์ออฟในครั้งนี้

ไม่ใช่ว่าพนักงานฝ่าย recruiter ทุกคนที่ถูกเลย์ออฟ พนักงานที่ทำงานเต็มเวลายังคงทำงานอยู่กับบริษัท ส่วนที่ถูกเลย์ออฟไปนั้นเป็นพนักงานสัญญาจ้าง และจะยังได้รับค่าจ้างต่อไปอีก 2 สัปดาห์ก่อนจะสิ้นสุดการทำงาน

Source

]]>
1396518
“อังกฤษ” เจอมรสุมไวรัส คนตกงานพุ่ง เผชิญภาวะ “เศรษฐกิจถดถอย” หนักที่สุดในรอบ 300 ปี https://positioningmag.com/1307973 Fri, 27 Nov 2020 06:05:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1307973 รัฐบาลอังกฤษต้องเจอมรสุมหนัก เมื่อวิกฤตโรคระบาดรอบใหม่ ฉุดเศรษฐกิจของประเทศให้เข้าสู่ภาวะถดถอยสาหัสที่สุดในรอบ 300 ปี คนตกงานพุ่งกว่า 2.6 ล้านคนในปีหน้า

Rishi Sunak รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจะติดลบกว่า 11.3% ในปี 2020 นับเป็นภาวะถดถอยร้ายแรงที่สุดในรอบกว่า 300 ปี จากผลกระทบของ COVID-19 ที่ยังเเพร่ระบาดต่อเนื่องในยุโรป

โดยคาดว่า เศรษฐกิจของอังกฤษ จะไม่สามารถฟื้นตัวเท่าระดับก่อนเกิด COVID-19 ได้ไปจนถึงสิ้นปี 2022

เป็นช่วงเวลาวิกฤตอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน รัฐบาลต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก ภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น” Sunak กล่าว

ที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษทุ่มงบเพื่อรับมือสถานการณ์ COVID-19 ไปทั้งหมด 2.8 แสนล้านปอนด์ (ราว 11.35 ล้านล้านบาท) พร้อมวางแผนจะใช้จ่ายเงินอีก 5.5 หมื่นล้านปอนด์ (ราว 2.23 ล้านล้านบาท) เพื่อต่อสู้กับการเเพร่ระบาดของไวรัสต่อไปในปีหน้า

ส่วนหนี้สาธารณะของสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 3.94 แสนล้านปอนด์ (ราว 15.98 ล้านล้านบาท) ในปีงบประมาณ 2020/21 หรือราว 19% ของจีดีพี

Sunak เตือนว่า การระบาดใหญ่ครั้งนี้ จะสร้าง รอยแผลเป็นในระยะยาว

ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ต่อโครงสร้างเเรงงาน โดยคาดว่า อัตราการว่างงานจะพุ่งสูงแตะ 7.5% ประชาชนต้องตกงานถึง 2.6 ล้านคนในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2021

โดยรัฐบาลมีเเผนกระตุ้นการจ้างงาน ผ่านการทุ่มงบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานราวแสนล้านปอนด์ (ราว 4 ล้านล้านบาท) เเละจะมีการจัดตั้งธนาคารเพื่อโครงสร้างพื้นฐานเเห่งใหม่ ซึ่งจะมีหน้าที่ประสานงานกับภาคเอกชนเเละระดมทุนทำโครงการใหม่ๆ ทั่วประเทศ

ขณะที่ข้อตกลง Brexit ที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปนั้น ทั้งสองฝ่ายเริ่มกลับมาเจรจากันอีกครั้ง เเม้จะมีความคืบหน้าแล้วในบางประเด็น เเต่ก็มีความเห็นแตกต่างกันอยู่มาก ท่ามกลางความกดดันจากวิกฤตเศรษฐกิจ ที่อาจมีผลต่อ “ทางเลือก” เเละการตัดสินใจ

ด้านสถานการณ์ล่าสุดของอังกฤษ มียอดผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 สะสมเเล้วกว่า 5.5 หมื่นราย ยอดรวมผู้ป่วยสะสมกว่า 1.5 ล้านราย

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ผ่อนคลายกฎระเบียบในช่วงคริสต์มาส” เพื่อประชาชนที่กลับจากเยี่ยมญาติในประเทศกลุ่มเสี่ยง เมื่อกลับเข้าสู่สหราชอาณาจักรจะอนุโลมลดวันกักตัวจาก 14 วันเหลือ 5 วัน คาดเริ่มบังคับใช้ 15 หรือ 16 ธันวาคมนี้ โดยนโยบายนี้ เป็นไปเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ซบเซาหนัก และตอบสนองเสียงเรียกร้องของประชาชนด้วย

 

 

ที่มา : AP , Xinhua 

]]>
1307973
เปิด 4 แนวทางพยุงตัวเองให้รอด ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยจาก COVID-19 https://positioningmag.com/1274328 Mon, 20 Apr 2020 11:31:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1274328 ปี 2563 ถือเป็นปีที่ท้าทาย โดยเฉพาะการระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้เกิด ‘ภาวะถดถอยทั่วโลก’ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ถูกทำลายลง เพราะคนไม่จับจ่าย ธุรกิจล้มละลาย, ผู้คนตกงาน, งานที่หายากยิ่งขึ้น, ค่าจ้างลดลง, ต้องย้ายที่อยู่เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าที่, การลงทุนทางธุรกิจลดลงและยากที่จะเริ่มต้นธุรกิจ ขณะที่คนส่วนใหญ่ต้องยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต ดังนั้น อะไรเป็นสิ่งที่เราจะสามารถทำเพื่อเอาตัวรอดในวิกฤตินี้ได้บ้าง

1.จัดสรรเงินและพยายามลดค่าใช้จ่าย

อาจจะเริ่มจากการสร้างงบประมาณรายเดือน โดยใช้กฎ 50/30/20 ซึ่ง 50% ใช้สำหรับเรื่องจำเป็น เช่น ที่อยู่อาศัย, ร้านขายของชำ, สาธารณูปโภคและประกันสุขภาพ 30% ใช้สำหรับความต้องการ เช่น ช้อปปิ้งและงานอดิเรก อีก 20% สำหรับการออมเช่นการออมฉุกเฉิน, กองทุนวิทยาลัยหรือแผนการเกษียณอายุ เมื่อจัดสรรเงินแล้วให้ทำงบประมาณเป็นประจำและหาวิธีลดค่าใช้จ่าย โดยเป้าหมาย คือ ลดการซื้อที่ไม่จำเป็นเพื่อให้ได้เงินมากขึ้น

2.ชำระหนี้

สิ่งสำคัญคือ การชำระหนี้ให้มากที่สุดและเร็วที่สุด ควรจัดลำดับความสำคัญของหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง เช่น บัตรเครดิต จากนั้นค่อยไปจัดการกับหนี้ประเภทอื่น เช่น การจำนองหรือสินเชื่อรถยนต์ ด้วยวิธีนี้คุณจ่ายดอกเบี้ยโดยรวมน้อยลง ซึ่งการชำระหนี้ก็เป็นแนวทางปฏิบัติทางการเงินที่ดี ขณะที่ในช่วงวิกฤตินี้มีนโยบายจากหลายธนาคารที่ช่วยผ่อนปรน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

อ่าน >>> 14 ธนาคาร ‘พักหนี้’

3.ปรับปรุงการศึกษาและทักษะ

หากคุณสูญเสียงาน นอกจากการตัดค่าใช้จ่ายแล้ว จะต้องหาวิธีเพิ่มรายได้ด้วย แต่ในช่วงที่การงานอาจจะหายาก ดังนั้นควรเริ่มเตรียมความพร้อมก่อน ซึ่งปัจจุบันมีหลักสูตรออนไลน์ให้เรียนฟรีมากมาย หรือลองฝึกตาม YouTube ก็มีเรื่องให้เรียนเยอะแยะ

อ่าน >>> รวมคอร์สเรียนออนไลน์ช่วงกักตัว

4.หารายได้เสริม

วิธีที่ดีที่สุดในการทนต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย คือ การหาเงินได้มากขึ้น แม้ในวิกฤติแบบนี้การงานจะหายาก แต่งานพาร์ตไทม์หรืออย่างการส่งของส่งอาหารก็กำลังขาดแคลน หรืออาจจะมาลองเป็นฟรีแลนซ์หางานออนไลน์ดูก็ได้ เช่น เป็นบล็อกเกอร์ เป็นต้น

หากพิจารณาการติดเชื้อ COVID-19 ของไทยล่าสุด (20 เม.ย.2563) ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 27 ราย มีผู้ติดเชื้อสะสม 2,792 ราย รักษาหาย 1,999 ราย รวมผู้เสียชีวิต 47 ราย จะเห็นว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะจบลงเมื่อใด แต่ในระหว่างนี้ที่ต้องอยู่แต่ในที่พัก ก็ถือว่าเป็นการลดค่าใช้จ่ายและเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพื่อที่จะใช้ต่อยอดหลังวิกฤติจบลง

Source

]]>
1274328