โอมิครอน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 14 Mar 2022 08:18:30 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “จีน” เริ่มปฏิบัติการ “ล็อกดาวน์” ระลอกใหม่ หลังโอมิครอนพังกำแพง Zero-Covid สำเร็จ https://positioningmag.com/1377368 Mon, 14 Mar 2022 04:59:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1377368 “จีน” เป็นหนึ่งในประเทศที่ยังยกการ์ดสูงตามนโยบาย Zero-Covid เคสผู้ติดเชื้อต้องเป็นศูนย์ แต่ล่าสุดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนซึ่งแพร่ระบาดได้เร็ว ทำให้จีนมีเคสผู้ติดเชื้อภายในประเทศสูงที่สุดในรอบ 2 ปี รัฐบาลสั่ง “ล็อกดาวน์” หลายเมืองทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึง “เซี่ยงไฮ้” ซึ่งเป็นมหานครขนาดใหญ่

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2022 “จีน” รายงานพบผู้ติดเชื้อภายในประเทศเกือบ 3,400 ราย และจำนวนดังกล่าวพุ่งขึ้นเป็นเท่าตัวจากเมื่อวันเสาร์ ทำให้รัฐมีคำสั่งด่วน “ล็อกดาวน์” จุดพบเชื้อชุกชุมทันที เพื่อรับมือกับการระบาดที่หนักที่สุดในรอบ 2 ปีของประเทศ

เมืองใหญ่ที่สุดที่ถูกล็อกดาวน์ในรอบนี้คือ “เซี่ยงไฮ้” แต่ไม่ใช่การล็อกดาวน์แบบเข้มงวดสูงสุดที่ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน ครั้งนี้เป็นการล็อกดาวน์ที่ผ่อนคลายลงมาบ้าง โดยมีการปิดทำการโรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และธุรกิจบางประเภท เพื่อไม่ให้มีการใกล้ชิดกันของประชาชน

นอกจากนี้ยังพบการระบาดของเชื้อไวรัสทั้งสายพันธุ์โอมิครอนและเดลตารวม 19 พื้นที่ ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เช่น เมืองฉางชุน-มณฑลจี้หลิน เขตอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ, เมืองหยานจี๋-มณฑลจี้หลิน เมืองชายแดนติดต่อกับประเทศเกาหลีเหนือ

CHINA test covid-19
(Photo by STRINGER / AFP)

ที่ผ่านมา จีนดำเนินนโยบาย Zero-Covid มาโดยตลอด โดยมีการล็อกดาวน์อย่างรวดเร็ว เข้มงวด ห้ามการเดินทางข้ามเขต และมีการระดมปูพรมตรวจหาเชื้อทันทีที่เกิดคลัสเตอร์ระบาด

แต่เชื้อไวรัสโอมิครอนที่แพร่ระบาดได้ง่าย และทำให้เกิดเคสไม่แสดงอาการจำนวนมากขึ้น กลายเป็นความท้าทายของนโยบายนี้ เพราะจะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปจัดการได้ช้าลง

รวมถึงการตั้งการ์ดสูงตลอดเวลาทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความเหน็ดเหนื่อย จนเจ้าหน้าที่รัฐเองก็เริ่มร้องขอให้มีมาตรการที่ผ่อนคลายลง ขอให้การเข้าจัดการกักกันผู้ติดเชื้อตีวงให้แคบลง ตลอดจนนักเศรษฐศาสตร์ก็เริ่มเตือนรัฐบาลแล้วว่าการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดเกินไปกำลังทำร้ายเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ดูเหมือนว่าจีนก็เริ่มปรับนโยบายล็อกดาวน์ให้ผ่อนคลายลงแล้ว ล่าสุดจีนยังเริ่มยอมรับการใช้งาน Antigen Test Kit (ATK) ด้วยตนเอง อนุญาตให้ซื้อได้ออนไลน์หรือผ่านร้านขายยาและคลินิกทั่วไป ทำให้ประชาชนหาซื้อมาทดสอบตนเองได้ ไม่ต้องไปต่อคิวตรวจที่โรงพยาบาลเท่านั้น ซึ่งความเคลื่อนไหวเหล่านี้ก็บ่งชี้ให้เห็นว่า จีนเริ่มยอมรับแล้วว่ามาตรการที่ใช้เจ้าหน้าที่รัฐควบคุมเท่านั้นไม่สามารถจะป้องกันเชื้อได้ทั้งหมด

เมื่อสัปดาห์ก่อน นักวิทยาศาสตร์ระดับสูงของจีนเริ่มออกให้ข้อมูลแล้วเช่นกันว่า ประเทศจีนควรจะเริ่มพัฒนามาตรการ “อยู่ร่วมกับไวรัส” เหมือนๆ กับประเทศอื่น เพราะโอมิครอนระบาดเร็วราวกับไฟป่าไปเรียบร้อยแล้ว

แต่ในกรณีนี้ดูเหมือนรัฐบาลจีนยังคงสร้างความชัดเจนอยู่ว่าการ “ล็อกดาวน์” จะยังเป็นตัวเลือกในการควบคุมการระบาดต่อไป

Source

]]>
1377368
รัฐบาลอังกฤษ เตรียมยกเลิกมาตรการคุมโควิดทั้งหมด ผู้ติดเชื้อไม่บังคับกักตัว https://positioningmag.com/1374648 Sun, 20 Feb 2022 11:31:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1374648 ‘นายกอังกฤษ’ เตรียมยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19 ทั้งหมด รวมไปถึงผู้ที่ติดเชื้อจะไม่ถูกบังคับให้กักตัว ตามแผนการอยู่ร่วมกับโควิด โดยจะเริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป

‘บอริส จอห์นสัน’ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุถึงการจะยกเลิกมาตรการทางกฎหมายเพื่อควบคุมโควิดทั้งหมด โดยจะทำให้ประชาชนต้องป้องกันตัวเอง โดยไม่มีกฎหมายมาจำกัดเสรีภาพอีกต่อไป

“โควิดจะไม่หายไปในทันที เราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับไวรัสนี้ และป้องกันตัวเองต่อไปโดยไม่จำกัดเสรีภาพของเรา”

เมื่อปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา อังกฤษได้เริ่มทยอยยกเลิกมาตรการ เพื่อควบคุมการระบาดของโควิดหลายอย่าง โดยปลดล็อกมาตรการต่างๆ เช่น ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด เเละไม่จำเป็นต้องใช้ ’วัคซีนพาสปอร์ต’ ในการเข้าใช้บริการสถานที่ต่าง ๆ อีกต่อไป ขณะที่ผู้โดยสารที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะ จะยังต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในรถ แต่ไม่จำเป็นตามสถานที่อื่น ๆ

ทั้งนี้ ปัจจุบันชาวอังกฤษที่อายุมากกว่า 12 ปี มีอัตราการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสราว 85% ท่ามกลางการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ที่เเม้จะเเพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เเต่อาการของผู้ป่วยไม่รุนแรงมาก

 

]]>
1374648
‘WHO’ ย้ำโควิดจะไม่มีวันเป็น ‘โรคประจำถิ่น’ โดยจะยังคงสถานะ ‘โรคระบาด’ เสมอ https://positioningmag.com/1372728 Wed, 02 Feb 2022 10:33:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372728 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วองค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่าเชื้อโควิดรุ่นต่อไปหรือ BA.2 จะติดต่อได้ง่ายกว่าโอมิครอน (Omicron : BA.1) โดยตามรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกาพบว่าการแพร่ระบาดมีจำนวนผู้ป่วยโรคเพิ่มขึ้นเหนือกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดย WHO ได้ออกมาย้ำว่า COVID-19 จะไม่กลายเป็นโรคประจำถิ่น (endemic one) และจะยังเป็นโรคระบาด (epidemic virus)

Raina MacIntyre ศาสตราจารย์ด้านความมั่นคงทางชีวภาพระดับโลกที่มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ในซิดนีย์ กล่าวว่า แม้ว่าการระบาดของโรคประจำถิ่นอาจมีผู้ติดเชื้อได้เป็นจำนวนมาก แต่จำนวนผู้ป่วยจะไม่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเหมือนการระบาดของ COVID-19

“ในส่วนของโรคประจำถิ่นหากจำนวนผู้ป่วยเปลี่ยนแปลงก็มักจะช้า โดยทั่วไปจะใช้เวลาหลายปี ดังนั้น โรคระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์ไม่ใช่โรคประจำถิ่น”

นักวิทยาศาสตร์ใช้สมการทางคณิตศาสตร์ที่เรียกว่า R naught (หรือ R0) เพื่อประเมินว่าโรคแพร่กระจายได้เร็วแค่ไหน R0 ระบุว่าจะมีคนติดเชื้อจากผู้ติดเชื้อจำนวนเท่าใด โดยผู้เชี่ยวชาญที่ Imperial College London ประเมินค่าโอมิครอนอาจสูงกว่า 3 ซึ่งหาก R0 ของโรคมากกว่า 1 การเติบโตจะเป็นแบบ ทวีคูณ หมายความว่าไวรัสกำลังเป็นที่แพร่ระบาดมากขึ้น

“เป้าหมายด้านสาธารณสุขคือการรักษา R ที่มีประสิทธิผล ซึ่ง R0 ได้รับการแก้ไขโดยการแทรกแซง เช่น วัคซีน หน้ากาก หรือการบรรเทาทุกข์อื่น ๆ ให้ต่ำกว่า 1 แต่ถ้า R0 สูงกว่า 1 เรามักจะเห็นคลื่นแพร่ระบาดซ้ำสำหรับการติดเชื้อทางเดินหายใจที่แพร่ระบาด นี่คือเหตุผลที่เราต้องการวัคซีน เพื่อรักษา R ให้ต่ำกว่า 1 เพื่อให้เราสามารถอยู่กับไวรัสได้โดยไม่กระทบต่อสังคมครั้งใหญ่”

ทั้งนี้ MacIntyre กล่าวเตือนว่า “จะมีรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้น” ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว WHO เตือนว่าเชื้อโควิดรุ่นต่อไปจะติดต่อได้ง่ายกว่าโอมิครอน และ Global Biosecurity ที่เป็นตัวแทนของกลุ่มแผนกวิจัยของ UNSW ที่ครอบคลุมเรื่องโรคระบาดได้โต้เถียงกันเมื่อปีที่แล้วว่า Covid จะยังคง เป็นโรคระบาดและจะเป็นตลอดไป

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้โควิดกลายเป็นโรคเฉพาะถิ่น ต้องมีผู้คนจำนวนมากพอที่จะได้รับการปกป้องภูมิคุ้มกันจากโควิด ตามรายงานของ American Lung Association ที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนจะทำให้ไวรัสเปลี่ยนสถานะออกจากสถานะการระบาดใหญ่

เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า มีโอกาสที่โควิดจะสิ้นสุดลงในปีนี้ หากดำเนินการตามแนวทางที่ถูกต้อง ซึ่งรวมถึงการจัดการวัคซีนและความไม่เท่าเทียมกันในการดูแลสุขภาพ

Source

]]>
1372728
สหรัฐฯ พบ เชื้อโควิด ‘BA.2’ สายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน ระบาดไวกว่าเดิม ‘1.5 เท่า’ https://positioningmag.com/1372262 Sun, 30 Jan 2022 07:35:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372262 ผู้ติดเชื้อ COVID-19 เกือบครึ่งหนึ่งในสหรัฐฯ ได้ยืนยันว่าติดเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์ BA.2 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน (BA.1) ซึ่งสามารถแพร่เชื้อได้มากกว่าเดิม 1.5 เท่า แต่เท่าที่ค้นพบ BA.2 ยังไม่มีความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากวัคซีน

นักวิทยาศาสตร์ของ Statens Serum Institut ซึ่งดำเนินการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อในเดนมาร์ก ได้เปิดเผยว่าพบไวรัส COVID-19 สายพันธุ์ BA.2 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของ โอมิครอน (Omicron : BA.1) โดยตัวแปรดังกล่าว สามารถแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์โอมิครอนเดิม 1.5 เท่า โดยจำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ BA.2 นั้นแซงหน้า BA.1 กลายเป็นสายพันธุ์หลักของการระบาด

อย่างไรก็ตาม สายย่อยใหม่นี้ยังไม่มีความสามารถในการ ลดประสิทธิภาพของวัคซีน โดยวัคซีนนั้นมีประสิทธิภาพ 70% ในการป้องกันการเจ็บป่วยตามอาการจาก BA.2 เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพการป้องกัน 63% สำหรับสายพันธุ์โอมิครอนดั้งเดิม

“ปัจจุบันไม่มีหลักฐานว่าเชื้อสาย BA.2 นั้นรุนแรงกว่าเชื้อสาย BA.1” โฆษกของ CDC Kristen Nordlund กล่าว

แม้จะแพร่กระจายได้เร็วกว่าแต่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่ได้ระบุว่า BA.2 เป็นตัวแปรที่น่ากังวล อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของ WHO ได้เตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าสายพันธุ์ใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อโอมิครอนแพร่กระจายไปทั่วโลกในอัตราที่ไม่เคยมีมาก่อน มาเรีย แวน เคอร์คอฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านโควิด-19 ของ WHO เตือนเมื่อวันอังคารว่า เชื้อโควิดรุ่นต่อไปจะแพร่เชื้อได้ง่ายกว่า

ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะระบุได้ว่า BA.2 สามารถแพร่เชื้อให้กับผู้ที่เคยติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนเดิมได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อก่อนหน้านี้น่าจะให้ภูมิคุ้มกันแบบครอสโอเวอร์บางอย่างกับ BA.2 ขณะที่ ไฟเซอร์ และ โมเดอร์นา เริ่มการทดลองทางคลินิกในสัปดาห์นี้โดยฉีดวัคซีนป้องกันเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นว่าสายพันธุ์ใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนดั้งเดิมลดลง

Source

]]>
1372262
‘twindemic’ การกลับมาของไข้หวัดใหญ่ในยุโรป กับโควิด-19 ที่ยังยืดเยื้อ https://positioningmag.com/1370969 Thu, 20 Jan 2022 08:14:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370969 ไข้หวัดใหญ่คัมเเบ็กกลับมาระบาดหนักในยุโรปด้วยอัตราที่เร็วกว่าที่คาดในช่วงฤดูหนาว สร้างความกังวลว่าจะต้องเผชิญกับ ‘twindemic’ การแพร่ระบาดของโรคแบบทวีคูณที่ยาวนานกว่าปกติ เมื่อโควิดยังยืดเยื้อเเละไข้หวัดใหญ่ก็กลับมาอีกครั้ง

การล็อกดาวน์ สวมหน้ากาก และการเว้นระยะห่างทางสังคม กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ในยุโรป ท่ามกลางการระบาดของช่วงโควิด-19 ทำให้ไข้หวัดใหญ่ที่มักจะมาในช่วงฤดูหนาวแทบไม่มีการระบาดเลยในปีก่อน

โดยไวรัสไข้หวัดใหญ่มีอัตราการคร่าชีวิตผู้คนไปทั่วโลกกว่า 650,000 คนต่อปีตามตัวเลขของสหภาพยุโรป

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปีนี้ต่างออกไป เมื่อประเทศต่างๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ลง หลังมีการฉีดวัคซีนอย่างแพร่หลาย

ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งยุโรป เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธ.. ที่ผ่านมา ไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้กลับมาแพร่ระบาดในยุโรปในอัตราสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เเละจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่ต้องอยู่ในเเผนกผู้ป่วยหนัก (ICU) ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยมีจำนวนผู้ป่วยหนัก 43 รายในสัปดาห์สุดท้ายของปี ซึ่งนับว่าน้อยกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาด เมื่อเทียบกับปี 2018 ที่มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในห้อง ICU รายสัปดาห์สูงสุดอยู่ที่กว่า 400 ราย แต่จำนวนผู้ป่วยก็ถือว่าเพิ่มขึ้นสูงเมื่อเทียบกับช่วงปลายปี 2020 ที่มีผู้ป่วยหนักเพียง 1 รายตลอดทั้งเดือนธ..

การกลับมาของไวรัสไข้หวัดใหญ่ อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฤดูไข้หวัดใหญ่ยาวนานกว่าปกติจากเดิมที่มักจะสิ้นสุดในเดือนพ.. ก็อาจจะขยายไปถึงช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีมีการยกเลิกมาตรการควบคุมโรค

“twindemic จะสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อระบบสาธารณสุขที่ตึงตัวอยู่แล้ว” Pasi Penttinen ผู้เชี่ยวชาญจาก ECDC กล่าว

ฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ หลังจากมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่อาการหนักถึง 72 ราย เสียชีวิต 6 ราย

เเละยิ่งมีความตึงเครียดมากขึ้นอีก เมื่อสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ที่กำลังแพร่ระบาดในยุโรปช่วงปีนี้เป็นสายพันธุ์เอ ชนิด H3 ซึ่งมักจะทำให้เกิดอาการป่วยรุนเเรงในหมู่ผู้สูงอายุ เเต่วัคซีนที่ใช้ในปีนี้กลับไม่ใช่ตัวที่สามารถรับมือกับ H3 ได้ดีที่สุด ซึ่งโดยปกติเเล้ววัคซีนไข้หวัดใหญ่ จะต้องมีการปรับปรุงล่วงหน้าประมาณ 6 เดือนก่อนถึงฤดูกาลของโรคในแต่ละปี

ความกังวลของ twindemic คือมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการรุนเเรงจนต้องเข้าห้อง ICU เพิ่ม ท่ามกลางไวรัสโควิด สายพันธุ์โอมิครอนที่เเพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว อาจทำให้ระบบสาธารณสุขยุโรปไม่สามารถรับมือกับผู้ป่วยหนักจาก 2 โรคพร้อมกันได้

ล่าสุดวันนี้ (20 ..) บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ประกาศแผนการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ของรัฐบาล หลังผู้เชี่ยวชาญหลายส่วนเชื่อว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนผ่านพ้นจุดสูงสุดมาแล้ว

โดยตั้งแต่วันพุธที่ 26 มกราคมเป็นต้นไป มาตรการบังคับสวมหน้ากากจะไม่จำเป็นอีกต่อไปเเละภาคเอกชนก็ไม่จำเป็นต้องเน้นการทำงานที่บ้าน ขณะที่ประชาชนถ้าถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ก็ยังคงต้องเข้ากักตัวตามมาตรการต่อไป

 

ที่มา : Reuters , AP 

]]>
1370969
‘WHO’ เตือน ‘โอมิครอน’ ไม่ใช่สายพันธุ์สุดท้าย หลังผู้ติดเชื้อเพิ่ม 20% ในสัปดาห์เดียว https://positioningmag.com/1370888 Wed, 19 Jan 2022 08:19:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370888 องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาพูดถึงการระบาดใหญ่ว่าจะไม่สิ้นสุด เนื่องจากการติดเชื้อในระดับสูงทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่สายพันธุ์ใหม่เมื่อไวรัสกลายพันธุ์ แม้ว่าการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) จะเริ่มดีขึ้นในบางประเทศ

“เราได้ยินหลายคนพูดว่า โอมิครอนเป็นสายพันธุ์สุดท้ายของ COVID-19 ซึ่งนั่นไม่จริง เพราะเชื้อไวรัสนี้แพร่กระจายและหมุนเวียนในระดับที่รุนแรงมากไปทั่วโลก” มาเรีย แวน เคอร์คอฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้าน COVID-19 ของ WHO กล่าว

การติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 20% ทั่วโลกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีรายงานผู้ป่วยทั้งหมดเกือบ 19 ล้านรายตามรายงานของ WHO แต่ มาเรีย แวน เคอร์คอฟ ตั้งข้อสังเกตว่ายังมีการติดเชื้อใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในรายงาน ทำให้จำนวนจริงสูงขึ้นมากกว่าที่คาด

“การแพร่เชื้อในระดับสูงทำให้ไวรัสมีโอกาสแพร่พันธุ์และกลายพันธุ์มากขึ้น ทำให้เกิดความเสี่ยงที่รูปแบบใหม่จะเกิดขึ้น” ดร.บรูซ เอิลเวิร์ด เจ้าหน้าที่อาวุโสของ WHO เตือน

มาเรีย แวน เคอร์คอฟ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุข เช่น ไม่ว่าจะเป็นการใส่หน้ากากและการเว้นระยะห่างทางสังคม เธอเรียกร้องให้รัฐบาลต่าง ๆ เสริมความแข็งแกร่งให้กับมาตรการเหล่านั้นเพื่อควบคุมไวรัสให้ดีขึ้น และป้องกันคลื่นการติดเชื้อในอนาคต เมื่อมีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น

“ถ้าเราไม่ทำตอนนี้ เราจะก้าวไปสู่วิกฤตครั้งต่อไป และเราจำเป็นต้องยุติวิกฤตที่เราอยู่ในขณะนี้และเราสามารถทำได้ในขณะนี้ ดังนั้นอย่าละทิ้งกลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลที่ปกป้องเราและคนที่เรารักให้ปลอดภัย” เธอกล่าว

ดร.แอนโธนี เฟาซี กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ว่าโอมิครอนจะเป็นเวฟสุดท้ายของการระบาดใหญ่หรือไม่

“ผมหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่มันจะเป็นอย่างนั้นก็ต่อเมื่อเราไม่พบตัวแปรอื่นที่หลีกเลี่ยงการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของตัวแปรก่อนหน้า” เฟาซี กล่าว

CHINA test covid-19
(Photo by STRINGER / AFP)

ทั้งนี้ เทดรอส อัดฮานอม เกเบรย์ซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า การติดเชื้อรายใหม่กำลังพุ่งถึงจุดสูงสุดในบางประเทศ สร้างความหวังว่าเวฟโอมิครอนที่เลวร้ายที่สุดจะสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม ระบบบริการสุขภาพยังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากเวฟการระบาดดังกล่าว

“ฉันขอให้ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ เพื่อที่คุณจะได้ช่วยลดแรงกดดันจากระบบ นี่ไม่ใช่เวลายอมแพ้”

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกเตือนซ้ำ ๆ ว่า การกระจายวัคซีนอย่างไม่เท่าเทียมกันทั่วโลกทำให้อัตราการสร้างภูมิคุ้มกันต่ำในประเทศกำลังพัฒนา ทำให้ประชากรจำนวนมากเสี่ยงต่อการเกิดขึ้นของสายพันธุ์ใหม่ องค์การอนามัยโลกได้ตั้งเป้าหมายให้ทุกประเทศฉีดวัคซีน 40% ของประชากรทั้งหมดภายในสิ้นปี 2564 อย่างไรก็ตาม 92 ประเทศไม่บรรลุเป้าหมายดังกล่าวตามข้อมูลของ WHO

]]>
1370888
‘WHO’ คาด ประชากรยุโรป 50% จะติด ‘โอมิครอน’ ในอีก 2 เดือน https://positioningmag.com/1370131 Wed, 12 Jan 2022 04:19:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370131 Dr. Hans Kluge ผู้อำนวยการ WHO ประจำภูมิภาคยุโรป อ้างข้อมูลจาก Institute for Health Metrics and Evaluation ในซีแอตเทิล ว่า ประชากรมากกว่า 50% ในยุโรปจะติดเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ที่แพร่ระบาดในวงกว้างในช่วงสองเดือนข้างหน้า ขณะที่เอเชียกลางจะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน

“โอมิครอนกำลังกลายเป็นไวรัสที่ระบาดอย่างรวดเร็วในยุโรปตะวันตกและขณะนี้กำลังแพร่กระจายไปยังคาบสมุทรบอลข่าน โดยภูมิภาคนี้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 7 ล้านคนในสัปดาห์แรกของปี 2022 เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวในช่วงสองสัปดาห์ ด้วยความเร็วในอัตรานี้ ประชากรยุโรปมากกว่า 50% จะติดเชื้อโอไมครอนในอีก 6-8 สัปดาห์ข้างหน้า

โอมิครอนได้แพร่ระบาดในอัตราความเร็วที่น่าตกใจ ส่งผลให้บางประเทศได้ออกมาตรการการจำกัดทางสังคมอีกครั้งเพื่อพยายามควบคุม อย่างไรก็ตาม หลักฐานเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่า โอมิครอนมีความรุนแรงน้อยกว่าตัวแปรเดลตา แต่ถึงอย่างนั้น ระบบสาธารณสุขของนานาประเทศก็ยังน่าเป็นห่วง เพราะมีโรงพยาบาลหลายแห่งต้องประกาศสถานการณ์วิกฤติ เนื่องจากขาดแคลนพนักงานและจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

จอห์น เบลล์ ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตของรัฐบาลสหราชอาณาจักร กล่าวว่า โอมิครอนไม่ใช่โรคแบบเดิมกับสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ แต่จะดูเหมือนไม่รุนแรงมากนัก โดยส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องให้ออกซิเจน และผู้ป่วยหลายคนใช้เวลาค่อนข้างสั้นในการรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3 วัน

“ฉากอันน่าสยดสยองที่เราเห็นเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว คือ หอผู้ป่วยหนักเต็ม ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร และเราควรประเมินในแง่ร้ายว่ามันจะเกิดขึ้นอีกได้”

ทั้งนี้ Kluge ระบุเมื่อว่า อัตราการเสียชีวิตยังคงที่และยังคงสูงที่สุดในประเทศที่มีอัตราการเกิด COVID-19 สูง

Source

]]>
1370131
‘AirAsia’ ฟัน ‘โอมิครอน’ ก็หยุดการเดินทางไม่ได้ คาดตลาดกลับสู่ก่อนการระบาดภายใน 6 เดือนหลังพรมแดนเปิด https://positioningmag.com/1370003 Tue, 11 Jan 2022 07:05:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370003 ตั้งเเต่มีวัคซีนป้องกัน COVID-19 อุตสาหกรรมการบินก็เหมือนจะกลับมาสดใสอีกครั้ง แต่ก็สดใสได้ไม่นานโลกก็เจอกับ COVID-19 สายพันธุ์ โอมิครอน (Omicron) ที่ปัจจุบันแทบจะแทนที่สายพันธุ์เดลตา (Delta) ที่เคยเป็นสายพันธุ์หลักไปก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม CEO ของ AirAsia (แอร์เอเชีย) ก็มองว่าอุตสาหกรรมการบินจะยังไปได้ แม้โอมิครอนจะระบาดก็ตาม

โทนี่ เฟอร์นันเดส ผู้บริหารระดับสูงของแอร์เอเชีย กล่าวว่า การเดินทางระหว่างประเทศมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในไม่ช้า แม้ว่าจะมีการระบาดของ โอมิครอน ที่มาชะลอตัวก็ตาม โดยเขาคาดว่าการเปิดพรมแดนจะกลับมาอีกครั้งในช่วงเดือนมีนาคมนี้ และเชื่อว่า ปริมาณการเดินทางจะกลับสู่ระดับก่อนที่ COVID-19 ระบาดภายใน 6 เดือนหลังเปิดพรมแดน

“ผมเชื่อว่าเราอยู่ที่จุดเริ่มต้นของจุดจบ ผมสังเกตว่าการฟื้นตัวได้เริ่มอย่างจริงจังเเล้ว โดยสิ่งที่ปีที่เเล้วไม่มีคือ เราไม่มีเครื่องบินบิน แต่ตอนนี้เรามีฝูงบินจำนวนมากในประเทศมาเลเซีย, ไทย และอินโดนีเซีย ซึ่งเราเห็นความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นมาก” โทนี่ เฟอร์นันเดส กล่าวกับ Squawk Box Asia

หลังจากที่มีการประกาศเกี่ยวกับการเดินทางปลอดการกักกันในเอเชียเมื่อปีที่แล้ว หลายประเทศรวมถึงไทยและอินเดียได้ยกเลิกสถานะการจำกัดการเดินทางมาถึงบางประเทศ เนื่องจากการมาของสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้หลายประเทศต้องเพิ่มมาตรการป้องกัน ส่วนประเทศ ‘จีน’ เฟอร์นันเดส มองว่ายังคงเป็นคำถามใหญ่ เพราะจีนยังคงดำเนินนโยบาย Zero COVID มีการปิดประเทศ

โทนี่ เฟอร์นันเดส ผู้บริหารระดับสูงของแอร์เอเชีย

ในส่วนของบริการ airasia super apps ของแอร์เอเชียที่ให้บริการส่งคน, ส่งของ, ส่งอาหาร เฟอร์นันเดส กล่าวว่า ธุรกิจบริการของบริษัททำได้ดีอย่างเหลือเชื่อและเหนือความคาดหมายอย่างมากนับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2021 โดยกลยุทธ์ที่แอร์เอเชียใช้กับแพลตฟอร์มดังกล่าวนั้น “เหมือนกันทุกประการ” กับกลยุทธ์ที่ใช้เมื่อตอนที่บริษัทเข้าสู่ตลาดสายการบินราคาประหยัดเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงส่งผลให้ราคาผู้บริโภคถูกลง

โดยในฐานะผู้เข้าแข่งขันรายล่าสุด AirAsia Ride สามารถสังเกตได้ว่าโมเดลใดที่ประสบความสำเร็จ และไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการวิจัย หรือการพัฒนาเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังได้เข้าซื้อกิจการส่วนหนึ่งของบริษัทสตาร์ทอัพ Gojek ในประเทศไทยอีกด้วย

Source

]]>
1370003
“จีน” ปูพรมตรวจชาวเทียนจิน 14 ล้านคน หลังพบผู้ติด “โอมิครอน” เพิ่มขึ้นกว่า 20 คน https://positioningmag.com/1369844 Sun, 09 Jan 2022 15:05:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1369844 เมืองเทียนจินแนะประชาชนเกือบ 14 ล้านคนกักตัวอยู่บ้านระหว่างที่ทางการทำการตรวจโควิดครั้งใหญ่ หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ซึ่งในจำนวนนี้มีสองคนที่ติดโอมิครอน

เทียนจินกลายเป็นพื้นที่ใหม่ที่น่ากังวลหลังจากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 20 คน ส่วนใหญ่เดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงผู้ติดโอมิครอนอย่างน้อย 2 คน และ 15 คนที่เป็นเด็กนักเรียนในโรงเรียนประถมและโรงเรียนมัธยม

เทียนจินซึ่งอยู่ใกล้กรุงปักกิ่ง เริ่มการตรวจโควิดครั้งใหญ่เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 9 ม.ค. โดยแนะนำให้ประชาชนอยู่บ้านหรือใกล้บ้านเพื่อให้สามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองโควิดด้วยการตรวจสารพันธุกรรมในชุมชน แต่ยังไม่มีคำสั่งล็อกดาวน์ในขณะนี้

ทางการจีนยังคงต่อสู้กับการระบาดใหญ่ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองซีอานทางตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับนโยบายโควิดเป็นศูนย์ด้วยการล็อกดาวน์เข้มงวด และการปูพรมตรวจทันทีเพื่อสกัดการระบาด

จีนซึ่งเป็นประเทศแรกที่ตรวจพบไวรัสโคโรนาในปี 2019 พบผู้ติดสายพันธุ์โอมิครอนน้อยมาก

ชาวเทียนจินได้รับแจ้งว่า จนกว่าจะได้ผลตรวจเป็นลบเท่านั้นจึงจะได้รับรหัส “สีเขียว” บนแอปติดตาม COVID-19 บนสมาร์ทโฟนที่ประชาชนเกือบทั้งหมดในจีนต้องแสดงเมื่อใช้ระบบขนส่งสาธารณะและในสถานการณ์อื่นๆ ทั้งนี้ เทียนจินเป็นเมืองท่าสำคัญอยู่ห่างจากปักกิ่งทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 150 กิโลเมตร

ส่วนซีอานซึ่งเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่เป็นที่ตั้งของสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้นั้น บังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ประชาชน 13 ล้านคนตั้งแต่เดือนที่แล้ว และจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มลดลงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

(Photo by STRINGER / AFP)

อย่างไรก็ตาม ทางการได้รับการร้องเรียนจากชาวซีอานกรณีการจัดการการล็อกดาวน์ที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งรวมถึงปัญหาในการเข้าถึงอาหารและข้าวของเครื่องใช้จำเป็นประจำวัน และคลิปไวรัลภาพหญิงท้องแก่แท้งลูกหน้าโรงพยาบาลเพราะถูกปฏิเสธเนื่องจากไม่มีผลตรวจมาแสดง

รัฐบาลจีนโน้มน้าวว่า มาตรการรับมือ COVID-19 อย่างเข้มงวดตั้งแต่ต้นซึ่งสามารถควบคุมการระบาดได้เป็นส่วนใหญ่นั้นดีกว่ามาตรการที่ยุ่งเหยิงของประเทศอื่นๆ ที่มีการผ่อนคลายเป็นครั้งคราว

เที่ยวบินระหว่างประเทศเปิดให้บริการเพียงเศษเสี้ยวของช่วงก่อนวิกฤตโรคระบาด โดยผู้ที่เดินทางเข้าจีนต้องกักตัวนานเป็นสัปดาห์ และแอปติดตามผู้สัมผัสโรคที่เป็นมาตรการบังคับทำให้จีนติดตามและกักตัวผู้สัมผัสโรคได้อย่างรวดเร็ว

จีนยังคงบังคับใช้แนวทางโควิดเป็นศูนย์อย่างเข้มงวดขณะที่ยังมีการระบาดเกิดขึ้นก่อนที่ปักกิ่งจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาวต้นเดือนหน้า

ตัวเลขผู้ติดเชื้ออย่างเป็นทางการของจีนนับตั้งแต่ COVID-19 เริ่มระบาดอยู่ที่ราว 100,000 คน หรือเพียงเศษเสี้ยวของสถิติผู้ติดเชื้อรายวัน 1 ล้านคนในอเมริกาเมื่อต้นเดือน และจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมต่ำกว่า 5,000 คน อย่างไรก็ตาม เชื่อกันว่า การระบาดในช่วงแรกในเมืองอู่ฮั่นเมื่อปี 2020 มีการรายงานตัวเลขต่ำเกินจริง

Source

]]>
1369844
ทิศทางธุรกิจร้านอาหาร มีหวัง ‘ฟื้นตัว’ ปี 65 เเต่ต้องระวังโอมิครอน-ต้นทุนวัตถุดิบพุ่งสูง https://positioningmag.com/1369606 Thu, 06 Jan 2022 06:22:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1369606 ธุรกิจอาหารเมืองไทย มีหวังพลิกกลับมาฟื้นตัว 5.0% – 9.9% ในปีนี้ เเต่ยังโตกระจุกเฉพาะประเภท ร้านมีชื่อเสียง ขายในห้างฯ จะเริ่มฟื้นตัวก่อน สตรีทฟู้ดเเข่งดุ เจ้าใหญ่กระโจนลงตลาดเพียบ การระบาดของโอมิครอน-ราคาต้นทุนวัตถุดิบที่เเพงขึ้น ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญ

แนวโน้มธุรกิจร้านอาหารในปี 2565 ยังเป็นปีที่ต้องระมัดระวัง เนื่องจากตลาดยังมีปัจจัยเสี่ยงของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และสายพันธุ์อื่นที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่กลับมาฟื้นตัวดี

เเต่ก็ยังคงมีปัจจัยบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค อย่างมาตรการคนละครึ่งเฟส 4” ที่คาดว่าจะเริ่มในเดือนมีนาคมเมษายนนี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2565 ธุรกิจร้านอาหารน่าจะกลับมาเติบโตประมาณ 5.0% – 9.9% (ส่วนหนึ่งเป็นผลของราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นและเงินเฟ้อ) คิดเป็นมูลค่า 3.78-3.96 แสนล้านบาท จากที่ปี 2564 หดตัวถึง 11% อย่างไรก็ตาม จะยังคงเป็นการขยายตัวเฉพาะกลุ่มหรือประเภทร้านอาหาร

ร้านดัง – ร้านในห้าง เริ่มฟื้นตัวก่อน 

ร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service Restaurants) น่าจะเห็นการเติบโตที่เร่งตัวขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีก่อน โดยกลุ่มร้านอาหารที่จะทยอยกลับมาฟื้นตัวก่อน จะเป็นกลุ่มร้านอาหารที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารที่มีชื่อเสียงรวมถึงในพื้นที่ท่องเที่ยวจังหวัดที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวชาวไทยในฤดูท่องเที่ยว เช่น อยุธยา บางแสน พัทยา หัวหิน นครปฐม ฯลฯ

ส่วนร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในบริเวณอาคารสำนักงานน่าจะฟื้นตัวจำกัด เนื่องสถานที่ทำงานหลายแห่งยังคงการทำงานแบบ Hybrid Working และ Work from home ทำให้ร้านอาหารกลุ่มนี้จึงยังคงต้องพึ่งช่องทางการจัดส่งอาหารไปยังที่พักเพื่อสร้างรายได้

ประเมินว่าจะมีมูลค่ายอดขายอยู่ที่ประมาณ 1.31 – 1.42 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นการขยายตัว 10.0% – 19.5% โดยเป็นการฟื้นตัวจากฐานที่หดตัวรุนแรงในปีก่อน

ร้านจานด่วน กระตุ้นด้วยเดลิเวอรี่ 

ร้านอาหารที่ให้บริการจำกัด (Limited Service Restaurants) การขยายตัวจะมาจากการขยายสาขาในกลุ่มอาหารจานด่วน และร้านอาหารขนาดเล็กที่คาดว่าจะเปิดตัวมากขึ้นกว่าปี 2564 อาทิ กลุ่มร้านอาหารที่ไม่มีหน้าร้านรวมถึงร้านอาหารรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความคล่องตัวสูง โดยมีพื้นที่เป้าหมายเป็นบริเวณที่อยู่อาศัยและปั๊มน้ำมันทั้งในกรุงเทพฯ รอบนอก ปริมณฑลและหัวเมืองหลัก

“ในปี 2565 คาดว่าผู้ประกอบการร้านอาหารในกลุ่มนี้น่าจะทำตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายมากขึ้น โดยเฉพาะการร่วมมือกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชันจัดส่งอาหาร ซึ่งโดยปกติแล้วช่องทางการจัดส่งอาหารไปยังที่พักจะเป็นช่องทางรายได้ที่สำคัญของร้านอาหารประเภทนี้” 

คาดว่าจะมีมูลค่ายอดขายอยู่ที่ประมาณ 6.4 -6.8 หมื่นล้านบาท หรือขยายตัว 4.6% – 11.8%

อย่างไรก็ดี ร้านอาหารกลุ่มนี้ยังมีความท้าทายในด้านการบริหารจัดการ ‘ช่วงเวลาเร่งด่วน’ ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมากในหลายช่องทาง เนื่องจากทรัพยากรแรงงานและพื้นที่ที่มีจำกัด ทำให้อาจเกิดภาวะคอขวดในกระบวนการต่างๆ ภายในร้านขึ้นได้

สตรีทฟู้ดเเข่งดุ 

ร้านอาหารข้างทาง (Street Food) ที่มีหน้าร้าน ยังขยายตัวได้ต่อเนื่องและกลุ่มร้านอาหารข้างทางยังได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการคนละครึ่งของภาครัฐ มีเมนูพื้นฐานที่เข้าถึงได้ง่าย และราคาไม่สูง

“ร้านอาหารในกลุ่มนี้ มีความหนาแน่นของผู้เล่นเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรง และมีการหมุนเวียนเข้าออกของผู้เล่นสูง ประกอบกับผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาขยายฐานการตลาดในเซ็กเมนต์นี้อย่างต่อเนื่อง” 

โดยคาดว่าตลาด Street Food จะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.84 -1.86 แสนล้านบาท หรือขยายตัว 2.0% – 3.0%

ระวังการปรับเพิ่มราคา เเบกต้นทุนพุ่ง 

ในปี 2565 ทิศทางธุรกิจร้านอาหาร ต้องคำนึงเรื่อง ‘ต้นทุนธุรกิจที่คาดว่าจะทรงตัวสูงต่อเนื่องทั้งปี ขณะที่การปรับเพิ่มราคาขายยังทำได้จำกัด’ สร้างแรงกดดันต่อกำไรสุทธิของผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนวัตถุดิบอาหารและต้นทุนพลังงาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางรายจำเป็นต้องปรับราคาอาหารเพิ่มขึ้น การปรับตัวของผู้ประกอบการมาใช้โมเดลร้านอาหารขนาดเล็กเพื่อลดต้นทุนและความเสี่ยง รวมถึงนำเทคโนโลยีเข้ามาผสานเป็นหัวใจสำคัญในห่วงโซ่ธุรกิจร้านอาหาร

“ผู้ประกอบการธุรกิจรายใหญ่ทั้งในและนอกอุตสาหกรรมขยายการลงทุนในธุรกิจร้านอาหารมากยิ่งขึ้น ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอกและปริมณฑล รวมถึงในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ทื่มีการกระจุกตัวของที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงของโควิดที่ยังมี ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านอาหารจำเป็นต้องรักษาสมดุลของช่องทางการขายและเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ ไปยังสินค้าอื่นๆ มากยิ่งขึ้น”

โดยแม้ภาพรวมทิศทางธุรกิจร้านอาหารในปี 2565 จะกลับมาฟื้นตัว หลังจากที่หดตัวต่อเนื่องในช่วง 2 ปีก่อนหน้า แต่ผู้ประกอบการร้านอาหารยังคงต้องดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง เพื่อลดผลกระทบจากทั้งปัจจัยท้าทายในธุรกิจ

]]>
1369606