“เดฟ สตีเวนสัน” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจ Airbnb ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า บริษัทกำลังหากลยุทธ์เพื่อชิงนักท่องเที่ยวกลับมาจากธุรกิจโรงแรม ด้วยการให้ “บริการเสริม” เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นในการเข้าพักที่ Airbnb

ตัวอย่างบริการเสริมดังกล่าว เช่น เครื่องใช้ส่วนตัวจากแบรนด์ลักชัวรี, พนักงานทำความสะอาดประจำวัน, เติมของในตู้เย็น, หมอนวดส่วนตัว, บริการสปา, เชฟส่วนตัว, บริการเช็กอิน-เช็กเอาต์ที่เรียบง่าย

พูดง่ายๆ คือบริการเสริมที่ Airbnb กำลังพิจารณาคือบริการที่การพักใน “โรงแรม” มักจะมีให้อยู่แล้วนั่นเอง

ช่วงที่ผ่านมา Airbnb มีกระแสเชิงลบจากลูกค้าที่เข้าพักมากขึ้นเรื่อยๆ ประเด็นหลักที่ถูกโจมตีก็คือ “ค่าทำความสะอาด” (Cleaning Fee) ที่ซ่อนอยู่และจะมาปรากฏในช่วงสุดท้ายของการจองที่พัก และหลายครั้งที่ค่าทำความสะอาดกลับสูงกว่าราคาที่พักเสียอีกเพราะโฮสต์ Airbnb สามารถตั้งราคาเองได้ตามอำเภอใจ ทำให้ลูกค้าต้องเสียอารมณ์ที่ราคา ‘ไม่ตรงปก’ กับที่เห็นในหน้าแรก

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ระยะหลังโฮสต์ Airbnb มีข้อเรียกร้องมากขึ้นกับแขกที่มาพัก ด้วยการระบุ “รายการงานบ้านที่ต้องปฏิบัติก่อนเช็กเอาต์” งานบ้านที่ว่านี้ เช่น ล้างแก้วล้างจาน ทิ้งขยะ เก็บของในตู้เย็นออกมาทิ้ง กวาดพื้น ทั้งที่โฮสต์มีการเก็บค่าทำความสะอาดไปแล้ว แต่แขกกลับถูกบังคับให้ทำความสะอาดที่พักเป็นบางส่วนด้วย

เมื่อลูกค้าหลายคนเผชิญประสบการณ์เหมือนถูกเอาเปรียบจาก Airbnb จึงกลับไปใช้บริการโรงแรมเหมือนเดิม เพราะไม่ต้องจ่ายค่าทำความสะอาดเพิ่ม และไม่ต้องเก็บห้องให้เรียบร้อยก่อนกลับ

• CEO ของ Airbnb ประกาศลงทุนในหลายประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียที่เห็นโอกาสจากผู้ใช้งานสูง
• สตาร์ทอัพสายโรงแรม “OYO” ยกเลิกเปิด IPO หันพึ่งนักลงทุนแม้จะถูกลดมูลค่าบริษัทฮวบ 70%

ข้อได้เปรียบของ Airbnb ที่มีเหนือโรงแรมนั้นปกติจะเป็นประเด็นเรื่องลักษณะที่พัก หลายคนเลือกใช้ Airbnb เพราะต้องการพักใน “บ้าน” ที่มีห้องนอนหลายห้องสำหรับการเดินทางเป็นครอบครัว มีครัวให้ทำอาหารได้เพราะจะพักระยะเวลานาน มีความเป็นส่วนตัวกว่าเพราะไม่มีรีเซปชันหรือพนักงานโรงแรมสอดส่อง หรือบางคนก็เลือกเพื่อจะได้พักในบ้านแบบท้องถิ่น (local) ได้ประสบการณ์มากกว่าอยู่ในโรงแรม

จึงน่าสนใจว่าการเพิ่มบริการเสริมของ Airbnb ที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อกำจัดความรู้สึกไม่สะดวกเหล่านี้ออกไป จะเป็นที่ต้องการของลูกค้าและแก้เกมได้จริงๆ หรือไม่

Source

Brian Chesky ซึ่งเป็น CEO ของ Airbnb ได้กล่าวในการประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสของบริษัทว่า บริษัทเตรียมลงทุนในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในทวีปเอเชีย หรือแม้แต่ตลาดที่กำลังเติบโต แม้ว่าจะไม่ใช่ตลาดหลักของบริษัทก็ตาม แม้จะมีความเสี่ยงจากหลายปัจจัยก็ตาม

CEO ของ Airbnb ได้กล่าวว่า บริษัทจะลงทุนในหลายตลาดไม่ว่าจะเป็นประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศ เช่น เม็กซิโก บราซิล เยอรมนี อิตาลี สเปน สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ รวมถึงจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น หรือแม้แต่อินเดียที่จะตามมาภายหลังจากนี้

สำหรับทวีปเอเชีย Brian ได้กล่าวว่ามีผู้ใช้งานจำนวนมาก อายุยังน้อย ทำให้ความสนใจที่จะพักในโรงแรมต่ำ โดย CEO รายดังกล่าวมองแพลตฟอร์มของบริษัทเป็นเหมือนเครือข่ายทางสังคม และมองว่าบริการของบริษัทนั้นทำให้มี ผู้สนใจมากกว่า (ที่จะเช่าบ้านหรือห้องพัก)

อย่างไรก็ดีสำหรับกลุ่มประเทศที่เม็ดเงินจะลงทุนมากที่สุดคือ 5 ประเทศที่เป็นตลาดหลักของ Airbnb ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย อังกฤษ ซึ่งเม็ดเงินนั้นจะลงทุนมากกว่าเดิม

ไม่เพียงเท่านี้ เขายังกล่าวว่าบริษัทยังเตรียมลงทุนในส่วนอื่นๆ เช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด

ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้พัฒนาบริการใหม่สำหรับลูกค้าที่ต้องการพักหรือหาประสบการณ์ใหม่ในการท่องเที่ยว อย่างเช่นบริการ Icons ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ลูกค้าสามารถพักในบ้านของ Khaby Lame ดาวดังบน TikTok พร้อมกับรับประสบการณ์ในการเล่นเกมกับเขา หรือการเข้าเยียมชมในพิพิธภัณฑ์ของ Ferrari ได้ ซึ่งค่าบริการนั้นจะแตกต่างกันไป (รวมถึงต้องมาลุ้นว่าจะจองทันได้ด้วยหรือไม่)

บริการ Icons ของ Airbnb บริษัทได้กล่าวว่าต้องการที่จะพัฒนาบริการให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้มากกว่าบริการหาที่พักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

นอกจากนี้บริษัทยังได้เปิดตัวบริการ Group Trips ซึ่งเป็นบริการให้สมาชิกของ Airbnb ร่วมทริปด้วยกันหลายคนได้ ซึ่งบริษัทชี้ว่า 80% ของผู้ใช้งานปกติท่องเที่ยวด้วยกันเป็นหมู่คณะอยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน CEO ของ Airbnb ได้กล่าวว่าบริษัทพยายามพัฒนาให้คุณค่าในการเข้าพักนั้นมากกว่าการพักในโรงแรม และในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ถอนห้องพักหรือบ้านพักที่ไม่ได้มาตรฐานของบริษัทออกไปเป็นจำนวนมาก

ความเสี่ยงของ Airbnb นั้นนอกจากคู่แข่งที่หันมาทำธุรกิจแนวเดียวกันซึ่งมีจำนวนมาก ยังมีแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศที่อาจกดดันการทำธุรกิจของบริษัท แต่บริษัทยังมองว่าหลายประเทศนั้นยังขยายธุรกิจต่อไปได้

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1 ของ Airbnb นั้นบริษัทมีรายได้ 2,140 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 18% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่กำไรมีทั้งสิ้น 264 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา – Airbnb

Airbnb แพลตฟอร์มในการจองที่พักได้เตรียมยกเครื่องระบบการรีวิว เพื่อที่จะทำให้ลูกค้าหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็นสภาพที่พักที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง หรือไม่เหมาะกับการเข้าพัก ซึ่งหลายครั้งเองนั้นปัญหาดังกล่าวทำให้ลูกค้าหลายคนหันกลับไปจองโรงแรมแทน

เพื่อทำให้เห็นว่าลูกค้าที่มารีวิวเป็นอย่างไรบ้าง Airbnb ได้เตรียมแก้ระบบรีวิว โดยเจ้าของที่พักที่ได้รับคะแนน รวมถึงรีวิวที่ดีเยี่ยมจากผู้เข้าพักจะเห็นตำแหน่งที่ดีมากขึ้น นอกจากนี้เรายังสามารถเห็นผู้ที่รีวิวว่าเข้าพักแบบมีเงื่อนไขอื่นๆ หรือไม่ เช่น การนำเด็กเข้ามาพัก เป็นต้น ฯลฯ รวมถึงสามารถเห็นคะแนนของผู้รีวิวได้ด้วย

Brian Chesky ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Airbnb กล่าวว่าผู้คนมักเรียกการเช็กอินใน Airbnb ว่าเป็น ‘ช่วงเวลาแห่งความจริง’ เมื่อคุณพบว่าบ้านที่คุณจองเป็นไปตามความคาดหวังของคุณหรือไม่

นอกจากนี้ผู้ร่วมก่อตั้งของ Airbnb ยังบอกกับนักลงทุนว่าบริษัทมุ่งเน้นไปที่การทำให้แพลตฟอร์มน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยบริษัทเตรียมที่จะเพิ่มฟังก์ชัน “ที่พักโปรดของลูกค้า” (Guest Favorites) ที่จะได้รับการประเมินทุกไตรมาส โดยจะต้องมีคะแนน 4.9 และมีอัตราการยกเลิกน้อยกว่า 1% รวมถึงมีอัตราเหตุการณ์ผิดปกติน้อยกว่า 1%

นอกจากนี้ผู้ร่วมก่อตั้งของ Airbnb ยังบอกกับนักลงทุนว่าบริษัทมุ่งเน้นไปที่การทำให้แพลตฟอร์มน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยบริษัทเตรียมที่จะเพิ่มฟังก์ชัน “ที่พักโปรดของลูกค้า” (Guest Favorites) ที่จะได้รับการประเมินทุกไตรมาส โดยจะต้องมีคะแนน 4.9 และมีอัตราการยกเลิกน้อยกว่า 1% รวมถึงมีอัตราเหตุการณ์ผิดปกติน้อยกว่า 1%

ปัญหาความน่าเชื่อถือของที่พักนั้นสร้างปัญหาความเชื่อถือของ Airbnb มาเป็นเวลานาน ทำให้ลูกค้าหลายรายเลิกใช้บริการแพลตฟอร์มของบริษัท และลูกค้าเหล่านี้ได้หนีไปใช้บริการโรงแรม เนื่องจากมองว่าน่าเชื่อถือมากกว่า

ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Airbnb ยังได้กล่าวว่า “เราไม่ต้องการพังระบบการให้คะแนน 5 ดาว เนื่องจากเรามีรายการรีวิวของผู้เข้าพักมากกว่า 317 ล้านรายการ และมีผู้เข้าพักมากถึง 2 ใน 3 รีวิวไว้บนแพลตฟอร์มของเรา”

ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ผลประกอบการของ Airbnb มีรายได้ 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 18% จากปี 2022 ที่ผ่านมา และบริษัทมีกำไรทั้งสิ้น 4,400 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ถ้าหากหักกำไรเพียงครั้งเดียวจากสิทธิประโยชน์ทางภาษี บริษัทจะมีกำไรในไตรมาสนี้ 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ

Bram Gallagher นักเศรษฐศาสตร์ของ AirDNA ได้กล่าวกับ TechCrunch ว่า การให้รายละเอียดเพิ่มเติมของการรีวิวที่พักจะช่วยลดความไม่แน่นอนของผู้บริโภคที่ต้องการจะเช่าที่พักในระยะเวลาสั้นๆ และ Airbnb เองไม่ต้องการที่จะทำให้ที่พักต่างๆ นั้นเป็นแบบเดียวกันเหมือนกับโรงแรม

นักเศรษฐศาสตร์ของ AirDNA ยังได้กล่าวเสริมอีกว่าช่วงเวลานี้ของ Airbnb คือช่วงเวลาที่บริษัทติดอยู่ระหว่างจุดแข็งและจุดที่ยากลำบากในความพยายามปรับปรุงปัญหานี้

ที่มา – Airbnb, TechCrunch, Fox Business

ดาริโอ นาร์เดลลา นายกเทศมนตรีเมืองฟลอเรนซ์ เมืองท่องเที่ยวชื่อดังของอิตาลี เปิดเผยว่าเมืองนี้กำลังจะมีกฎหมายท้องถิ่นฉบับใหม่ซึ่งเข้มงวดกว่าร่างกฎหมายระดับประเทศที่กำลังพิจารณากันอยู่

โดยกฎหมายใหม่ของฟลอเรนซ์จะเป็นไปตามแนวคิด “ปกป้องศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์” ผ่านการ “แบน” ไม่ให้มีการปล่อยเช่าบ้านระยะสั้น และจะส่งเสริมการปล่อยเช่าบ้านระยะยาวด้วยการลดภาษีการปล่อยเช่าลักษณะนี้

ฟลอเรนซ์มีปัญหาที่คล้ายกับประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรป ด้วยปัจจัยรุมเร้าหลายประการ ด้วยสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ขาดแคลนซัพพลาย แต่มีดีมานด์จากการเช่าระยะสั้นเพื่อการท่องเที่ยวเข้ามา ขณะที่ฐานรายได้ประชากรท้องถิ่นไม่สูงพอ แถมยังเผชิญวิกฤตเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มประชากรที่มีรายได้ต่ำและกลุ่มนักเรียนนักศึกษาคือกลุ่มคนที่หาที่อยู่อาศัยได้ยากยิ่ง

สำหรับร่างกฎหมายระดับชาติของอิตาลีที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยเช่าระยะสั้น ตามที่สำนักข่าวท้องถิ่นรายงานพบว่า กฎหมายจะบังคับให้เจ้าของที่พักอาศัยที่ปล่อยเช่าระยะสั้นแก่นักท่องเที่ยวต้องลงทะเบียนเพื่อรับรหัสประจำตัว เป็นการจัดระเบียบให้ภาครัฐดูแลและติดตามการปล่อยเช่าได้ดีขึ้น โดยใครที่ฝ่าฝืนกฎข้อนี้จะต้องถูกปรับครั้งละ 5,000 ยูโร

นอกจากนี้ กฎหมายจะเปิดช่องให้เมืองท่องเที่ยวต่างๆ สามารถกำหนดจำนวนคืนเข้าพักขั้นต่ำต่อครั้งได้เองด้วย

Airbnb ยังไม่มีความเห็นตอบโต้โดยตรง แต่มีแถลงการณ์ที่ระบุว่าบริษัทต้องการจะเห็นกฎหมายที่ชัดเจนและเรียบง่ายในอิตาลี

• ‘Airbnb’ เผยเทรนด์ท่องเที่ยวหลัง 2023 เน้น “ปักหลักยาว ไปเป็นครอบครัว ชอบสัมผัสธรรมชาติ”
• ‘สิงคโปร์’ ขึ้นแท่น “ราคาเช่า-ซื้อบ้าน” แพงสุดในเอเชียแปซิฟิก เฉลี่ยหลังละ 42 ล้านบาท!

ไม่ใช่แค่ฟลอเรนซ์เท่านั้นที่เริ่มกีดกันการเช่าระยะสั้น ก่อนหน้านี้ “นิวยอร์ก” ก็ออกกฎหมายฉบับหนึ่งออกมา โดยบังคับให้เจ้าของที่พักระยะสั้นต้องลงทะเบียนกับภาครัฐ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบก่อนว่าที่พักอาศัยถูกต้องตามระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้องหรือไม่

รวมถึงยังกำหนดให้เจ้าของที่พักต้องแจ้งผังห้องและรายชื่อผู้พักอาศัยทั้งหมดด้วย และทางแพลตฟอร์มกลาง เช่น Airbnb จะต้องร่วมรับผิดชอบตรวจสอบว่าข้อมูลดังกล่าวถูกต้อง มิฉะนั้นจะมีโทษปรับครั้งละ 1,500 เหรียญสหรัฐ

กฎหมายนี้อนุมัติผ่านไปเมื่อเดือนมกราคม 2023 และจะเริ่มบังคับใช้จริงเดือนกรกฎาคมนี้ แต่ระหว่างนี้มีการต่อต้านทั้งจาก Airbnb เองและกลุ่มผู้ปล่อยเช่าที่พักผ่าน Airbnb ซึ่งระบุว่า กฎหมายนี้ “เหมือนเป็นการแบนไปโดยปริยาย” เพราะทำตามได้ยากมาก ตัวอย่างเช่น การขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ปล่อยเช่าระยะสั้น ปัจจุบันมีเจ้าของที่ผ่านการตรวจสอบแค่ 9 ราย จากผู้ปล่อยเช่ากับ Airbnb ในนิวยอร์ก 38,500 ราย

นับเป็นปีที่ท้าทายของ Airbnb ในเมืองหลายเมืองที่เคยปล่อยเช่าได้อย่างเสรี จะเริ่มมีกฎระเบียบเข้าควบคุมมากขึ้นแล้ว

ที่มา: Reuters, New York Post

Airbnb ได้รายงานผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 โดยมีปริมาณการจองที่พักทะลุ 120 ล้านครั้ง ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 20% มีกำไรสุทธิ 117 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

“การเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่งและสถิติใหม่สำหรับการจองในช่วง 3 เดือนแรกของปี ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าความต้องการเดินทางยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีความหวาดกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม” Brian Chesky ซีอีโอ Airbnb กล่าว 

สำหรับไตรมาส 2 บริษัทยังเห็นปริมาณการจองล่วงหน้า ดังนั้น ในไตรมาสที่ 2 จะเป็นอีกไตรมาสที่มีการเติบโตอย่างแข็งแรง โดยที่น่าสนใจ การจองที่พักข้ามประเทศมีมากขึ้น 36% โดยเอเชียแปซิฟิกถือเป็นภูมิภาคที่มีการฟื้นตัวอย่างดี โดยมีจำนวนการจองที่มากขึ้น 40% และการเดินทางไปภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้นถึง 160% 

นอกจากนี้ การจองที่พักในเมืองใหญ่เพิ่มขึ้น 20% ส่วนการจองที่พักแบบระยะยาวมากกว่า 28 วัน ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 18% ของปริมาณการจองในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา และเทรนด์นี้เกิดในทุกภูมิภาค

Source

ไทย Top 5 ปลายทางของ Airbnb

นายอมันพรีท บาจาจ ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย ฮ่องกง และไต้หวัน ของ Airbnb กล่าวว่า ในปี 2022 การท่องเที่ยวในแถบอเมริกาและยุโรปมีการฟื้นตัวมากกว่าฝั่งเอเชีย เนื่องจากมาตรการด้านโควิดที่ผ่อนคลายมากกว่า แต่ในปี 2023 การท่องเที่ยวของภูมิภาคเอเชียมีการฟื้นตัวมากขึ้น เนื่องจากการเปิดประเทศของจีน ขณะที่ไทยเองก็ถือเป็นหนึ่งในปลายทางสำคัญ

โดยปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวถึง 11.15 ล้านคน โดย กรุงเทพฯ ถือเป็นปลายทางอันดับ 1 ที่มีการจองที่พักมากที่สุดของแพลตฟอร์ม ตามด้วย ภูเก็ต, พัทยา, เชียงใหม่ และเกาะสมุย โดยประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยมากที่สุดของแพลตฟอร์ม ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ยุโรป, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย และจีน

สำหรับในปี 2023 นี้ ไทยยังคงติด Top 5 ปลายทางยอดนิยมบน Airbnb คาดว่าภาพรวมทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยประมาณ 25-30 ล้านคน โดย นักท่องเที่ยวจีนจะเป็นกลุ่มขับเคลื่อนหลัก เพราะตั้งแต่ที่จีนเปิดประเทศ ไทยเป็นปลายทางที่นักท่องเที่ยวจีนค้นหาที่พักมากที่สุด และกรุงเทพฯ ถือเป็นปลายทางอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก

สงกรานต์ยอดค้นหาพุ่ง 310%

สำหรับช่วงเทศกาล สงกรานต์ การค้นหาที่พักในช่วงเทศกาลดังกล่าวเติบโตขึ้น 310% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดย 5 ปลายทางที่ถูกค้นหามากที่สุด ได้แก่

• กรุงเทพฯ
• พัทยา
• เชียงใหม่
• กระบี่
• ภูเก็ต

โดยนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางในช่วงสงกรานต์มากที่สุด ได้แก่ ออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี และฝรั่งเศส ส่วนประเทศในแถบเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์, เกาหลีใต้, จีน และมาเลเซีย

เทรนด์ใหม่เน้นพักยาวเที่ยวเป็นกลุ่ม

สำหรับเทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวในปี 2023 จะเป็นการเดินทางแบบกลุ่มมากขึ้น เฉพาะประเทศไทยเติบโตขึ้นถึง 300% เนื่องจากผู้คนต้องการเดินทางมาเพื่อสานสัมพันธ์กับเพื่อน คนรัก และครอบครัว นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแบบ Family Travel ทั่วโลกก็เติบโตขึ้นถึง 60% นอกจากนี้ อีกเทรนด์ที่เห็นคือ การนำ สัตว์เลี้ยง ไปท่องเที่ยวด้วย โดยปัจจุบันมีโฮสต์ที่รองรับการเข้าพักของนักท่องเที่ยวที่มีสัตว์กว่า 2,800 โฮสต์

ขณะที่ระยะเวลาในการเข้าก็เติบโตขึ้น โดยการพักในไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 5 คืน และการเข้าพักระยะยาวมากกว่า 28 วัน เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า เนื่องจากคนสามารถทำงานและท่องเที่ยวด้วยการทำงานทางไกลได้ ทำให้การท่องเที่ยวเป็นแบบอยู่ยาว (Long Stay) มากขึ้น นอกจากนี้ ปลายทางที่นักท่องเที่ยวสนใจหมุดหมายท่องเที่ยวใหม่ ๆ เน้นสัมผัสธรรมชาติและเสน่ห์ของคนพื้นเมือง

“ที่คนจีนเลือกไทยเป็นประเทศแรก ๆ ที่เขาอยากมาเที่ยวเพราะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีจำนวนมาก และเขาก็มีความสนใจที่จะเรียนรู้และสัมผัสกับภูมิปัญญาท้องถิ่น”

เกาหลีใต้ปลายทางฮิตของคนไทย

กลับกัน สำหรับคนไทยเองก็มีความต้องการเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น โดยจุดหมาย 5 อันดับที่คนไทยค้นหามากที่สุดของ Airbnb ในปี 2022 ได้แก่ เกาหลีใต้, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น โดยเมืองที่นักท่องเที่ยวไทยจองที่พักที่สุด ได้แก่ โซล, ลอนดอน, ปารีส, เมลเบิร์น และนิวยอร์ก

สำหรับ Airbnb ปัจจุบันมีโฮสต์ 6.6 ล้านแห่ง รวมนักท่องเที่ยวกว่า 4.4 พันล้านราย โดยทางแพลตฟอร์มไม่สามารถเปิดเผยว่าจำนวนนักท่องเที่ยวบนแพลตฟอร์มและจำนวนโฮสต์เติบโตเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน

บริษัทแพลตฟอร์มตัวกลางให้เช่าที่พักรายวัน Airbnb คาดว่า ไตรมาส 4 ปีนี้ รายได้บริษัทน่าจะอยู่ระหว่าง 1,800-1,880 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งค่ากลางถือว่าต่ำกว่าที่ Refinitiv IBES นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ว่าจะทำได้ที่ 1,850 ล้านเหรียญสหรัฐ

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้นเริ่มฟื้นตัวได้อย่างงดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่เป็นหน้าท่องเที่ยว การเดินทางและจองที่พักปีนี้ถือว่าดีที่สุดในรอบ 3 ปี แต่ต่อมากลับต้องเผชิญกับความเสี่ยงจาก “เงินเฟ้อ” ซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก

รวมถึง Airbnb ก็เช่นกัน เมื่อไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดจองสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยมียอดจองที่พักและแพ็กเกจ ‘experiences’ ทะลุ 100 ล้านครั้งภายในไตรมาสเดียว แต่บริษัทบอกว่า ขณะนี้ยอดจองที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4 เริ่มจะเห็นสัญญาณชะลอตัวเล็กน้อย

“หลังจากผลกระทบจากโรคระบาดเริ่มลดลง แต่เงื่อนไขจากเศรษฐกิจมหภาคยังคงอยู่ เราคาดว่าการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวระหว่างประเทศจะยังมีแรงส่งอยู่ แม้อาจจะสะดุดไปบ้างก็ตาม” Airbnb ระบุในจดหมายถึงผู้ถือหุ้น รวมถึงบอกด้วยว่าบริษัทได้อยู่ในจุดที่ดี เตรียมตัวสำหรับหนทางข้างหน้าแล้ว

สายการบินหลักในสหรัฐฯ เริ่มเพิ่มเที่ยวบินระหว่างประเทศแล้ว โดยเฉพาะการบินเชื่อมยุโรป เพราะนักท่องเที่ยวอเมริกันจะมีข้อได้เปรียบเรื่องค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น แต่ Airbnb กลับพบว่านักท่องเที่ยวทั้งในสหรัฐฯ และในทวีปยุโรป เลือกที่จะจองที่พักในประเทศมากกว่า

• งานในฝัน!? Airbnb อนุญาตให้พนักงาน “ทำงานจากที่ไหนก็ได้” ไม่ต้องเข้าออฟฟิศอีกต่อไป
• “เงินเฟ้อ” ปัจจัยลบแรงแทนที่ “โควิด-19” คนไทยรัดเข็มขัด “ท่องเที่ยว-บันเทิง” กระทบก่อน

ด้านการปรับขึ้นราคา ที่พักของ Airbnb ปรับขึ้นมาแล้ว 5% เมื่อไตรมาสก่อน โดยราคาเฉลี่ยต่อคืนขึ้นมาอยู่ที่ 156 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5,870 บาท) สาเหตุที่ยังปรับขึ้นได้เพราะที่ผ่านมาบริษัทโปรโมตเรื่องการเช่าที่พักระยะยาว สร้างพื้นที่ทำงานแบบไฮบริดระหว่างท่องเที่ยวไปด้วย ทำให้เจ้าของบ้านยังสามารถขึ้นราคา

ปัจจุบันรายได้ของ Airbnb ครึ่งหนึ่งมาจากบ้านพักนอกประเทศสหรัฐฯ และค่าที่พักทั่วโลกสามารถขยับขึ้นได้หมด (หากไม่คำนวณค่าเงินแลกเปลี่ยนกลับมาเป็นดอลลาร์สหรัฐ)

ไตรมาส 3 ปี 2022 ถือเป็นไตรมาสที่ดีมากของ Airbnb บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 1,210 ล้านเหรียญ เติบโต 45.6% และทำรายได้ 2,880 ล้านเหรียญ เติบโต 28.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ว่าจะทำได้ที่ 2,840 ล้านเหรียญ

Source

วันที่ 24 พฤษภาคม 2022 “Airbnb” ประกาศถึงลูกค้าชาวจีนภายในประเทศว่า บริษัทจะหยุดรับจองที่พักและกิจกรรมประสบการณ์ภายในจีนตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคมนี้ โดยสำนักข่าว The Guardian พบว่า หากต้องการจะจองที่พักในวันที่ตั้งแต่ 30 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป จะปรากฏข้อความ ‘Error’ ขึ้นมาบนหน้าจอ

แหล่งข่าววงในของ Airbnb กล่าวกับสำนักข่าวว่า สาเหตุที่บริษัทตัดสินใจปิดบริการโดยไม่มีกำหนดไปก่อน เพราะกิจกรรมเศรษฐกิจภายในประเทศจีนกำลังได้รับผลกระทบจากการ “ล็อกดาวน์” ยาวนาน และรัฐบาลไม่มีท่าทีว่าจะปรับตัวไปสู่การ “อยู่ร่วมกับไวรัส” หรือเปิดพรมแดนแต่อย่างใด

• เบื่อจีนล็อกดาวน์! ‘Apple’ เล็ง อินเดีย-เวียดนาม ฐานการผลิตใหม่

หลังการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนในประเทศจีน ทำให้รัฐบาลยิ่งเพิ่มความเข้มงวดในการกักเชื้อโรค COVID-19 มีการล็อกดาวน์ในเมืองต่างๆ เช่น เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง รวมถึงห้ามการเดินทางระหว่างเมืองหรือระหว่างมณฑล

Airbnb นั้นให้บริการในจีนมาตั้งแต่ปี 2016 โดยมีลิสต์ที่พักให้เช่าทั่วประเทศ ที่ผ่านมามีผู้จองที่พักในจีนแล้วประมาณ 25 ล้านคน แต่บริษัทเองก็ต้องเผชิญการแข่งขันสูงจากบริษัทท้องถิ่นของจีน ทำให้รายได้จากจีนคิดเป็นเพียง 1% ของรายได้รวมทั่วโลก และเมื่อเผชิญ COVID-19 ก็ยิ่งทำให้การทำธุรกิจในประเทศจีนยิ่งยากลำบากขึ้นอีก

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว Pheonix ของจีน รายงานว่า Airbnb จะยังไม่ปิดสำนักงานที่มีพนักงานหลายร้อยคนในกรุงปักกิ่ง

เรื่องนี้เป็นประเด็นร้อนในโซเชียลมีเดียจีน Weibo โดยหลายความคิดเห็นเพ่งเล็งไปที่มาร์เก็ตแชร์ของ Airbnb ที่น้อยมากๆ อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนเกิดโรคระบาด

• งานในฝัน!? Airbnb อนุญาตให้พนักงาน “ทำงานจากที่ไหนก็ได้” ไม่ต้องเข้าออฟฟิศอีกต่อไป

แม้จีนยังไม่เปิดประเทศ แต่ส่วนอื่นของโลกเริ่มเปิดประเทศกันเต็มที่แล้ว ทำให้ Airbnb ประกาศว่าบริษัททำสถิติมียอดจองสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีการจองที่พักและกิจกรรมประสบการณ์ 102 ล้านรายการ ทางบริษัทมองว่าเกิดจากดีมานด์ที่อั้นไว้มาตลอดการปิดการเดินทางได้กลับมาแล้ว

บริษัทยังกล่าวถึงเทรนด์การท่องเที่ยวด้วยว่า คนส่วนใหญ่ยังจองที่พักเพื่อหลีกหนีออกจากเมือง และมีการจองเพื่อ staycation ในที่ที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก แต่ว่าเทรนด์การกลับมาท่องเที่ยวในเมืองและเที่ยวต่างประเทศก็เริ่มฟื้นตัวแล้วเช่นกัน

Source

Airbnb ประกาศกับพนักงานในวันที่ 28 เม.ย. 2022 ว่า พวกเขาสามารถ “ทำงานจากที่ไหนก็ได้” ภายในประเทศที่พวกเขาทำงานอยู่ในปัจจุบัน โดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศอีกตลอดไป และการทำเช่นนั้น จะไม่มีผลกระทบต่อเงินเดือนหรือสวัสดิการแต่อย่างใด หมายความว่าบริษัทจะไม่ตัดเงินเดือนหากพนักงานเลือกย้ายไปอยู่ในเมืองที่ค่าครองชีพต่ำลง ทั้งนี้ Airbnb มีพนักงาน 6,000 คนทั่วโลก โดยครึ่งหนึ่งในจำนวนนี้อยู่ในสหรัฐอเมริกา

Brian Chesky ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอบริษัท เขียนในอีเมลถึงพนักงานทุกคนว่า ความยืดหยุ่นในการทำงานอย่างถาวรนี้จะทำให้บริษัทสามารถ “ว่าจ้างและรักษาบุคลากรที่ดีที่สุดในโลกไว้ได้” ไม่ใช่ต้องหาแต่บุคลากรที่ “อยู่ในระยะเดินทางไปกลับออฟฟิศของเราได้”

Chesky ระบุว่า พนักงานจะต้องปรึกษาผู้จัดการของตนก่อนย้ายสถานที่ทำงาน รวมถึงมีหน้าที่บางประเภทที่อาจจะยังต้องเข้าออฟฟิศหรือถูกกำหนดสถานที่ทำงานอย่างชัดเจนเพื่อให้รับผิดชอบหน้าที่หลักได้ เขายังบอกด้วยว่า เนื่องจากการย้ายไปทำงานจากต่างประเทศนั้นมีความซับซ้อนอยู่ “ทำให้เราไม่สามารถสนับสนุนการทำงานลักษณะนั้นได้ในปีนี้”

อย่างไรก็ตาม เพื่อส่งเสริมการไปทำงานแบบ “ลองสเตย์” ในประเทศอื่นเป็นจริงได้บ้าง ตั้งแต่เดือนกันยายนปีนี้ พนักงานจะสามารถย้ายไปทำงานได้ใน 170 ประเทศ ยาวนานสูงสุด 90 วันต่อปีต่อหนึ่งโลเคชัน แต่ทุกคนยังต้องมีที่อยู่ถาวรไว้สำหรับทำเอกสารยื่นภาษีและรับเงินเดือน

“เราตื่นเต้นที่จะให้ความยืดหยุ่นแก่คุณได้ถึงระดับนี้ บริษัทส่วนใหญ่ไม่ทำแบบนี้เพราะความซับซ้อนของการทำเอกสารภาษี การจ่ายเงินเดือน และไทม์โซนการทำงานที่จะติดตามมา แต่เราหวังว่า โซลูชันที่เราสร้างขึ้นจะสามารถเปิดเป็นโอเพ่นซอร์ส เพื่อให้บริษัทอื่นได้สร้างความยืดหยุ่นแบบนี้เหมือนกับเรา” Chesky กล่าว

เรื่องไทม์โซนสำหรับการทำงานในสหรัฐฯ Chesky มองว่า Airbnb น่าจะปรับมาใช้ Pacific Standard Time (PST) เป็นหลัก (ในสหรัฐฯ ไม่รวมอลาสก้าและฮาวาย สามารถแบ่งเป็น 4 เขตเวลาที่ต่างกันสูงสุด 3 ชั่วโมง เขตเวลา PST จะตรงกับฝั่งตะวันตกของประเทศ)

ความเคลื่อนไหวนี้ของ Airbnb ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะ Chesky ลงทุนทำการตลาดเรื่องการ “ทำงานจากที่ไหนก็ได้” ด้วยตนเองมาตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยการย้ายที่อยู่และทำงานไปรอบประเทศสหรัฐฯ ทุกๆ 2 สัปดาห์ เพื่อช่วยโปรโมตวิถีการทำงานที่ให้ประโยชน์สูงมากกับบริษัทในช่วงโรคระบาดที่ผ่านมา

• อนาคตของที่ทำงาน! “สตาร์ทอัพ” หันไปเช่า Airbnb แทนการต่อสัญญาออฟฟิศ

มีคนมากมายที่เลือกย้ายไปอยู่ใน Airbnb ในช่วงที่ออฟฟิศปิด เพื่อจะเที่ยวไปด้วยทำงานไปด้วยได้ และ Chesky เชื่อว่าวิถีนี้จะเป็นกระแสต่อเนื่องในปี 2022 เขาถึงกับเรียกวิธีใช้ชีวิตแบบนี้ว่าเป็น “การกระจายศูนย์กลางการอยู่อาศัย”

“ความยืดหยุ่นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณให้ความไว้ใจคนที่อยู่ในทีม” Chesky กล่าว “คุณได้แสดงให้เห็นแล้วว่าคุณสร้างความสำเร็จได้มากแค่ไหนเมื่อทำงานจากระยะไกล ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เราได้หาหนทางฝ่าพ้นโรคระบาด สร้างบริษัทขึ้นมาใหม่ตั้งแต่พื้นฐาน เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อัปเกรดบริการของเราทั้งหมด และรายงานรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยทั้งหมดเกิดขึ้นระหว่างที่เราทำงานจากระยะไกลนี่แหละครับ”

Source

“ลูกค้าทั่วโลกจะไม่สามารถจองที่พักในรัสเซียหรือเบลารุสได้อีก ส่วนลูกค้าในรัสเซียและเบลารุสก็จะไม่สามารถจองที่พักผ่าน Airbnb ได้” บริษัทระบุในแถลงการณ์

โดยคำสั่งจองที่พักในรัสเซียเเละเบลารุส ตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. เป็นต้นไปจะถูกยกเลิกทั้งหมด

Reuters รายงานว่า ก่อนหน้านี้ Airbnb ชี้เเจงว่า ไม่สามารถดำเนินการธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินบางแห่งในรัสเซียและเบลารุสได้ เนื่องจากผลกระทบการคว่ำบาตรจากตะวันตก หลังจากรัฐบาลรัสเซียส่งกองกำลังทหารหลายหมื่นคนไปรุกรานยูเครน

ขณะที่ ที่พักบนเเพลตฟอร์ม Airbnb ใน ‘ยูเครน’ กลับถูกจองเต็มจากผู้คนทั่วโลก ที่จ่ายเงินเพื่อจองที่พักแต่ไม่ได้เข้าพักจริง นับเป็นอีกหนึ่งแคมเปญโซเชียลมีเดียเพื่อระดมทุนให้ชาวยูเครน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยสงคราม โดยมีการณรงค์ให้ทำการจองห้องพักกับเจ้าของที่เป็น ‘ประชาชนรายย่อย’ มากกว่าบริษัทใหญ่ๆ

ทั้งนี้ ยอดจองที่พัก Airbnb เพื่อช่วยเหลือชาวยูเครน ส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลียเเละประเทศอื่นๆ ทั่วโลก 

• ผู้คนทั่วโลก แห่จอง ‘Airbnb’ ในยูเครน เเต่ไม่ได้เข้าพักจริง ช่วยเหลือการเงินชาวยูเครน
• การตลาดแบบ Airbnb ซีอีโอลุยเอง! ย้ายที่พักทุก 2 สัปดาห์พัฒนาศักยภาพ “ทำงานทางไกล”

ที่มา : Reuters