KUB – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 29 Aug 2022 06:35:56 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สถานีต่อไป KUB Coin โดนแขวน?!! https://positioningmag.com/1397997 Mon, 29 Aug 2022 05:00:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1397997 บทความโดย ibit ผู้จัดการออนไลน์
สถานีต่อไป KUB Coin โดนแขวน?!! หลังพบเหรียญไม่ตรงปก ถ้ายิ่งแก้เหรียญยิ่งแย่ ก.ล.ต.ห้ามใช้เหรียญซื้อขายสินค้าและบริการ มูลค่าลดฮวบ หลัง “SCBX” ล่มดีลซื้อหุ้น “บิทคับ” มูลค่า 1.78 หมื่นล้าน ย้อนแย้ง “ท๊อป จิรายุส” เสนอรัฐบาลส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ก้าวสู่ Digital Hub แต่กลับแหกกฎเอง วัดใจ ก.ล.ต.ต้องเพิกถอน “KUB Coin” เพื่อมาตรฐานที่ถูกต้องโปร่งใส และเป็นธรรมกับผู้ลงทุนรายย่อย พร้อมตั้งข้อสังเกตผู้บริหาร “PROEN” ทราบดีลเอสซีบีเอกซ์ล่มก่อนรีบชิ่งหรือไม่

หลังจากที่บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ประกาศยกเลิกการลงทุนซื้อหุ้นในบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (บิทคับ) ในสัดส่วน 51% มูลค่ากว่า 17,850 ล้านบาท โดยระบุเหตุผลที่ชัดเจนว่า เนื่องจากบิทคับยังมีประเด็นคงค้างที่ต้องดำเนินการหาข้อสรุปตามคำแนะนำและสั่งการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

โดยประเด็นสำคัญที่ บิทคับ ยังคงค้างอยู่ที่ ก.ล.ต. และไม่สามารถดำเนินการแก้ไขได้ตามคำสั่ง จนกลายเป็นที่มาของการล้มบิ๊กดีลครั้งนี้ คือ กรณีที่ ก.ล.ต. มีคำสั่งให้ บิทคับ แก้ไขคุณสมบัติของเหรียญ KUB ที่บริษัทให้คะแนนเหรียญตัวเองสูงเกินมาตรฐานอย่างไม่เคยมีมาก่อน จนทำให้ขาดคุณสมบัติที่จะเข้ามาเทรดในกระดาน แต่บิทคับ กลับไม่แก้ไข พร้อมทั้งยืนยันเหรียญ KUB ดีและเหมาะสมมาตั้งแต่ต้น

มาดูจุดตั้งต้นของเหรียญ “KUB” ที่ท๊อปหวังใช้เทนเงินซื้อขายสินค้า

ทั้งนี้ Bitkub Coin หรือ KUB ออกโดย บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ในไวท์เปเปอร์ระบุ จำนวนเหรียญไว้ทั้งสิ้น 1,000 ล้านเหรียญ ก่อนจะเผาหรือทำลายทิ้ง 890 ล้านเหรียญ เหลือเพียง 110 ล้านเหรียญ เพื่อใช้สำหรับจ่ายค่าธรรมเนียม (ค่า Gas) ในการทำธุรกรรมบนเครือข่าย เช่น การโอนสินทรัพย์ การจัดเก็บข้อมูล และอื่นๆ รวมถึงเป็นค่าธรรมเนียมในการใช้งาน Smart Contracts หรือ Decenterlized Application (dApps) รวมถึงสามารถซื้อขายบนกระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบิทคับ

ขณะเดียวกัน ผู้ถือเหรียญ KUB สามารถ Lock & Drop โดยจะได้รับสิทธิพิเศษผ่านแอปพลิเคชัน Bitkub NEXT ที่เป็นกระเป๋าสตางค์ดิจิทัล ที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จํากัด ที่ผู้ถือสามารถฝากเหรียญ KUB ไว้ตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อรับสินทรัพย์ดิจิทัลและรางวัลอื่นจากพันธมิตร

นอกจากนี้ ยังสามารถใช้แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการจากพันธมิตรของ “บิทคับ” และร้านค้าทั่วไปสามารถเลือกรับเหรียญ KUB เพื่อแลกเปลี่ยนกับสินค้าสินและบริการ แม้เหรียญ KUB ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ชำระเงิน แต่พันธมิตรและร้านค้าทั่วไปสามารถเลือกที่จะรับเหรียญ KUB เพื่อใช้ได้ตามความเหมาะสม

หรือนี่จะเป็นนัยสำคัญที่ซ่อนเร้นอยู่ในไวท์เปเปอร์ ที่ “ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ที่คิดการใหญ่ วาดหวังไว้ตั้งแต่แรก เพื่อจะสร้างและผลักดันให้เหรียญ KUB เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ เป็นเงินดิจิทัลสกุลหลักหรือไม่

KUB ไม่ตรงปกเหตุปั่นเหรียญจากดีล “SCBX”

ขณะเดียวกันการประกาศเข้ามาลงทุนของกลุ่มเอสซีบีเอกซ์ ได้กลายเป็นจุดสร้างความสนใจให้ “บิทคับ” อีกครั้ง หลัง เอสซีบีเอกซ์ จะเข้ามาซื้อหุ้น บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ในสัดส่วน 51% มูลค่ารวมกว่า 17,850 ล้านบาท ทำให้นักลงทุนสนใจเข้ามาเก็งกำไรเหรียญ KUB เพราะคาดว่า หลังจากเอสซีบีเอกซ์ เข้ามาจะทำให้ธุรกิจของบิทคับ มีความมั่นคง และสร้างสามารถสร้างผลกำไรได้ในอนาคต

จากข่าวดังกล่าว ทำให้ราคาเหรียญ KUB ทะยานขึ้นทันที จากที่เคยลงไปต่ำสุดประมาณ 12 บาท พอมีดีลดังกล่าวเกิดขึ้น ราคาเหรียญขยับขึ้นจากเดิมที่ระดับ 30-33 บาท ขึ้นไปยืนเหนือ 500 บาท และโดนทุบลงมาเหลือเพียง 200 บาท ภายในเวลาไม่กี่วัน จนโดน ก.ล.ต. ต้องเข้ามาตรวจสอบถึงความผิดปกติว่ามีการปั่นเหรียญหรือไม่

จากความผันผวนของราคาที่เกิดขึ้น ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย และ ก.ล.ต. ได้ออกหลักเกณฑ์ไม่ให้นำสินทรัพย์ดิจิทัล มาใช้เป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ โดยผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องไม่ได้บริการ สนับสนุน หรือส่งเสริมการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในการชำระค่าสินค้าและบริการ อาจจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงิน และระบบเศรษฐกิจโดยรวม ที่สำคัญอาจเกิดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินทรัพย์ดิจิทัล ความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ ความเสี่ยงข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล หรือการถูกใช้เป็นเครื่องมือของการฟอกเงินได้

สิ่งที่ ธปท. และ ก.ล.ต. กังวลเรื่องความผันผวนของราคาสินทรัพย์ ได้รับการพิสูจน์อย่างเห็นได้ชัด จากขณะนี้ราคาเหรียญดิจิทัล รวมถึง KUB อยู่ในภาวะผันผวนอย่างรุนแรง ซึ่งต้องยอมรับการตัดสินใจของหน่วยงานรัฐทำได้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นผู้ที่ได้รับความเสียหายก็คือประชาชนทั่วไป

ท๊อปดิ้นรนหาพันธมิตรช่วยพยุงเหรียญ

หลังจากราคา KUB ผันผวนและลดลงอย่างหนัก “ท๊อป บิทคับ” ได้พยายามดิ้นรน ไม่ให้เหรียญตัวเองเหวี่ยงไปมากกว่านี้ หลังการทุบกำไรจาก 500 บาท เหลือกว่า 200 – 300 บาท จึงหาพันธมิตรเข้ามาช่วยพยุงราคาเหรียญ อาทิ บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) (PROEN) ลงทุนซื้อ KUB จำนวน 250,000 เหรียญ KUB มูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 72,949,815 บาท หรือคิดเป็นราคาเฉลี่ยประมาณ 291.80 บาท บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ลงทุน 104.26 บาท/เหรียญ จำนวน 125,000 เหรียญ ใช้เงินทุนราว 13 ล้านบาท และบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ลงทุน 225,000 KUB คิดเป็นเงินลงทุน 60.77 ล้านบาท โดยมีการรับประกันราคา (Price Guarantee) โดยมีการรับประกันการซื้อคืนขั้นต่ำเมื่อครบกำหนดเป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เอสซีบีเอกซ์ ประกาศล้มดีลไม่กี่วัน PROEN ได้ทำหนังสือถึงบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (Bitkub) แจ้งใช้สิทธิยกเลิกสัญญาพันธมิตร และขอยกเลิการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าว

KUB เลื่อนลอยขาดความน่าสนใจ

ขณะที่ บิทคับ เอง เมื่อทางการสั่งห้าม ทำให้ความคาดหวังที่จะให้ เหรียญ KUB กลายเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนใช้ซื้อสินค้าและบริการ เป็นอันต้องจบลง เพราะคุณสมบัติเหรียญไม่ตรง ทำให้แผนที่วางไว้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ดูเลื่อนลอย ขาดความน่าสนใจ แตกต่างกับ DESTINY TOKEN (เหรียญบุพเพสันนิวาส ๒) ที่กำหนดไว้ชัดเจนการระดมทุนเพื่อนำไปสร้างภาพยนตร์ เมื่อมีรายได้ก็จะนำมาเป็นผลตอบแทนคืนให้แก่ผู้ลงทุน

ทั้งนี้ภาพยนตร์เรื่อง “บุพเพสันนิวาส ๒” ได้ระดมทุนผ่านการซื้อ DESTINY TOKEN (เหรียญบุพเพสันนิวาส ๒) ที่เสนอขายรวม 16,087 โทเคน มูลค่ารวม 256.23 ล้านบาท ผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิการรับคืนเงินต้นเมื่อจบโครงการพร้อมผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ที่ 2.99% ต่อปี และจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนพิเศษเพิ่มอีก 2.0% ต่อปี ของมูลค่าเงินลงทุนเริ่มต้น รวมเป็น 5% ต่อปี เมื่อภาพยนตร์บุพเพสันนิวาส ๒ มีรายได้ Box Office ทั่วประเทศตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป

รวมทั้งผู้ที่ซื้อเหรียญจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ อีกมากมาย และรอชมภาพยนตร์ บุพเพสันนิวาส ๒ ในโรงภาพยนตร์ก่อนใคร

เหรียญไม่ตรงปก “บิทคับ” แข็งเมือง ก.ล.ต. ทำดีล “SCBX” ล่ม-เหรียญ KUB รูดกราว

ก่อนที่ เอสซีบีเอกซ์ จะประกาศล้มดีลซื้อ บิทคับ นั้น ก.ล.ต.ได้มีคำสั่งให้ บิทคับ แก้ไขคุณสมบัติเหรียญ KUB ที่ให้คะแนนสูงเวอร์ จนขาดคุณสมบัติที่จะเข้าเทรดในกระดาน แต่เมื่อครบกำหนด บิทคับ ได้ขอขยายเวลาในการแก้ไขคุณสมบัติ ซึ่งก.ล.ต. ก็ขยายให้ถึงวันที่ 4 ส.ค. แต่เมื่อครบกำหนด บิทคับ กลับไม่แก้ไข และยืนยันเหรียญมีคุณสมบัติครบถ้วนตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว

คำถามที่ตามมา คือ จากการที่ ก.ล.ต. สั่งให้ บิทคับ แก้ไขคุณสมบัติเหรียญ KUB แต่ไม่สามารถดำเนินการ ทั้งๆ ที่มีเวลากว่า 1 เดือน ตามที่ ก.ล.ต.กำหนด และขยายเวลาให้ถึงวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นเพราะเหตุใด หรือเป็นเพียงเพราะเหรียญไม่มีคุณสมบัติ หรือเป็นเพียง “เหรียญทิพย์” ที่เสกขึ้นมาไม่ “ตรงปก” ตั้งแต่ต้น

หรือในทางกลับกัน มองว่า เมื่อไม่สามารถแก้ไขคุณสมบัติของเหรียญได้ตามคำสั่งของ ก.ล.ต. ทางบิทคับ ไม่รู้จะแก้อย่างไร เพราะรู้อยู่แก่ใจ เหรียญไม่ตรงปก “ยิ่งแก้ยิ่งแย่” กว่าเดิม

จากเหตุนี้ทำให้เอสซีบีเอกซ์ ที่ไม่อยากจะร่วมทุนอยู่แล้ว หลังจากตลาดคริปโตอยู่ในช่วงขาลง ความน่าสนใจหมดไป จึงอาศัยเหตุที่ค้างคากับ ก.ล.ต. กรณี “เหรียญไม่ตรงปก” ประกาศล่มดีลดังกล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการล้มดีลของ SCB ได้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนและเก็งกำไรเหรียญ KUB ที่หวังราคาจะเพิ่มขึ้นหากดีลสำเร็จ แต่เมื่อมีการยกเลิกจึงได้เทขาย KUB ออกมาอย่างหนัก ทำให้ราคาร่วงทันทีกว่า 30% ราคาต่ำสุดที่ 48.59 บาท ก่อนจะปรับขึ้นเล็กน้อย ณ เวลา 18.12 (25 ส.ค.) อยู่ที่ 62.03 บาท ลดลงกว่า 16.12% สวนทางกับราคาหุ้น SCB ปรับขึ้นทันที 5 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 110.50 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 6 บาท หรือ 5.74% ซึ่งนับเป็นราคาปิดสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน เมื่อรับทราบข่าวล้มดีลดังกล่าว เนื่องจากนักลงทุนมองว่า เป็นการลงทุนไม่คุ้มค่า

ขณะที่วันที่ 26 ส.ค. ราคาเหรียญ KUB อยู่ที่ 56.71 บาทต่อเหรียญ จากระดับ 71.28 บาทต่อเหรียญ (ช่วงเช้าวันที่ 25ส.ค.) คิดเป็นการลดลงของราคาเหรียญประมาณ 20% อย่างไรก็ตามหลายคนเชื่อว่าการลดลงของราคาเหรียญ KUB จะยังมีออกมาอย่างต่อเนื่องเพราะข่าวที่เป็นปัจจัยบวกและสร้างสีสันให้กับเหรียญ KUB มากที่สุดหนีไม่พ้นการประกาศเข้าซื้อซื้อหุ้น 51% ใน “บิทคับ ออนไลน์” ของกลุ่มไทยพาณิชย์ เมื่อ 2 พ.ย.2564และปัจจุบันข้อมูลดีๆทางธุรกิจของ “บิทคับ” ในระดับนี้ก็แทบหาไม่เจออีกแล้ว

KUB เสี่ยงสูงถูก ก.ล.ต.สั่งแขวน

คำถามต่อมาคือ เมื่อเหรียญไม่ตรงปก ได้สะท้อนจากราคาเหรียญ KUB ที่ตกต่ำช่วยย้ำชัดถึงคุณสมบัติของเหรียญที่กลุ่ม “บิทคับ” การันตีในคุณภาพและมาตรฐานนั้นไม่ได้เป็นดังราคาคุยที่กล่าวอ้าง เพราะหากเป็นจริงความเชื่อมั่นต่อราคาเหรียญของนักลงทุนย่อมมีมากกว่านี้ และโอกาสในการปรับตัวลดลงย่อมเป็นไปได้น้อย โดยเรื่องดังกล่าวช่วยยืนยันได้ว่าสิ่งที่ ก.ล.ต.ออกมาเตือน และสั่งให้แก้ไขนั้นเป็นเรื่องจริง ขณะที่คุณสมบัติที่ทางกลุ่มได้กล่าวอ้างมาเป็นเพียงแค่การอุปโลกน์ หรือ “คุณสมบัติทิพย์” จากทางผู้บริหารของ “บิทคับ” เท่านั้น

ดังนั้น หากเปรียบเทียบเหรียญ KUB เป็นดั่งอาหาร-เครื่องดื่ม ซึ่งเวลาจะผลิตออกมาจำหน่ายผู้ประกอบการจำเป็นต้องขอเลข อย.มากำกับเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และเมื่อ อย.มีคำสั่งให้แก้ไขสินค้า แต่เจ้าของเครื่องดื่มกลับไม่ยอมแก้ไข ก็ไม่มีหนทางไหนจะเกิดขึ้นนอกจาก ถูก อย.สั่งเก็บสินค้า ฉันใดก็ฉันนั้นโอกาสที่เหรียญ KUB จะถูกสั่งเก็บเหมือนสินค้าไร้คุณภาพจาก อย.ก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกขณะ นำไปสู่ความเสี่ยงที่มีแต่นับวันรอให้เหตุการณ์นั้นมาถึง

เฉกเช่นเดียวกันเมื่อเทียบกับต่างประเทศโดยเฉพาะสิงคโปร์ อยู่ภายใต้การควบคุมของ The Monetary Authority of Singapore (MAS) ซึ่งมีความเข้มงวดและเด็ดขาด หากตรวจสอบพบการกระทำผิด เหรียญไม่ตรงปก ขาดคุณสมบัติจะมีการลงโทษเพิกถอนอย่างแน่นอน หาก ก.ล.ต.ไทย ตรวจพบความผิดครบองค์ประกอบ ก็อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะโดน ก.ล.ต.แขวน หรือเพิกถอน เช่นเดียวกัน

หวังเป็น Digital Hub ต้องแขวน KUB

ขณะเดียวกัน ล่าสุด “ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้คิดการใหญ่เสนอแนะรัฐบาลส่งเสริมโครงสร้างพื้นและและให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อก้าวสู่ความเป็น Digital Hub

หากต้องการรัฐบาลส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อก้าวสู่เศรษฐกิจจริงจังอย่างที่ “ท๊อป จิรายุส” กล่าวอ้าง รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องออกกฎเกณฑ์และมาตรฐานควบคุมผู้ประกอบการอย่างเข้มงวดด้วยหรือไม่ เพราะการดำเนินธุรกิจจะต้องอยู่นพื้นฐานและกฎกติกาที่ถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม สำหรับผู้ประกอบการ รวมถึงป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับนักลงทุนเหมือนที่ผ่านมา

ดังนั้น ก่อนที่จะพัฒนาก้าวสู่ Digital Hub หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องถาม “ท๊อป จิรายุส” และ ก.ล.ต. ต้องเล่นตามกฎกติกา ไม่มีความผิดครบองค์ประกอบจะต้องใช้มาตรการเด็ดขาดแขวนเหรียญ หรือเพิกถอนเหรียญ KUB ก่อน รวมถึงต้องถอนใบอนุญาตของ “บิทคับ” ด้วยหรือไม่

Source

]]>
1397997
ถอดรหัส PROEN ล้าง KUB สัญญาณชีพ “บิทคับ” โคม่า!!? https://positioningmag.com/1397016 Mon, 22 Aug 2022 08:15:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1397016 บทความโดย ibit ผู้จัดการออนไลน์
ถอดรหัสโปรเอ็น คอร์ปหรือ PROEN ยอมขาดทุนเหรียญ KUB กว่า 52 ล้านบาท ล่มสัญญาพาร์ตเนอร์บิทคับวงในเชื่อเพราะเห็นสัญญาณหายนะ หลังโดนใบเหลืองจากก... ให้แก้คุณสมบัติเหรียญ KUB แต่ยังดื้อแพ่ง นับวันรอใบแดง สั่งห้ามซื้อขาย แถมดีลเอสซีบีเอ็กซ์ ยังโดนเทอย่างไม่มีกำหนด ได้กลับมา 20 ล้านบาท ดีกว่าไม่ได้ จับตาบจ.พันธมิตรรายอื่น ทยอยสลายก๊วนถอนตัว 

จากกรณีที่ บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) (PROEN) ผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยนายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทฯ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า เมื่อวันที่ 17 .. 65 ที่ผ่านมา บริษัทได้ทำหนังสือถึงบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (Bitkub) แจ้งใช้สิทธิยกเลิกสัญญา และขอยกเลิการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล

โดยบริษัทให้เหตุผลระบุว่า หลังจากบริษัทได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ ตามประกาศของสำนักงาน ก...เรื่องการลงทุนหรือการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัทจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงราคาเหรียญ KUB และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทอย่างมีนัยสําคัญ PROEN จึงได้ทําหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการบริษัท PROEN ได้อนุมัติการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ประเภทคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัท บิทคับ บล็อคเซน เทคโนโลยี จำกัด (Bitkub) โดยบริษัทจะเข้าลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ประเภทคริปโตเคอร์เรนซีสกุลเงิน Bitkub Coin (เหรียญ KUB) ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับ Bitkub เพื่อวัตถุประสงค์ในการเป็นในการเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Validator Node POSA) แบบ Proof of Stake Alliance ในระบบบล็อกเชน Bitkub Chain

โดยมีเงื่อนไขการเข้าร่วมโดยบริษัทต้องซื้อเหรียญ KUB จาก Bikub จำนวน 250,000 เหรียญ KUB มูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 72,949,815 บาท หรือคิดเป็นราคาเฉลี่ยประมาณ 291.80 บาท และได้รับเหรียญ KUB เข้าบัญชีบริษัท และไม่ให้บริษัทขายและ/หรือแลกเปลี่ยนเหรียญดังกล่าวเป็นระยะเวลาก่อนวันที่ 31 .. 66 โดยบริษัทได้รับประกันราคาซื้อคืนในราคาที่ไม่ต่ำกว่าต้นทุนเมื่อครบกำหนดเวลา

PROEN ถอนตัวแบบเจ็บๆ

จากเงื่อนไขดังกล่าว ในเมื่อ PROEN เป็นผู้บอกเลิกสัญญาก่อนที่จะครบกำหนด 31 .. 65 แล้วส่งที่เกิดขึ้นคือผลขาดทุนจากเหรียญ KUB นั้น บริษัทต้องแบกรับภาระเองใช่หรือไม่ หากเทียบราคาต้นทุนที่ PROEN ใช้เงินลงทุน 72.75 ล้านบาทในการเข้าถือเหรียญ KUB จำนวน 2.5 แสนเหรียญ ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 291.80 บาท / 1 KUB

ปัจจุบัน (20 ..65 เวลา 21.30 .) ราคา KUB อยู่ที่ประมาณ 80 บาท ทำให้ PROEN ขาดทุนเหรียญละ 211.80 บาท หรือคิดเป็น 72.58% มูลค่าการขาดทุนรวมทั้งสิ้น 52.88 ล้านบาทบาท จากต้นทุนทั้งหมด 72.75 ล้านบาท

PROEN เผ่นเห็นสัญญาณหายนะ?

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เพราะเหตุใด PROEN จำต้องยอมรับผลขาดทุนแบบเจ็บปวด จำนวนกว่า 52 ล้านบาท ทำไมไม่อดทนยอมถือ KUB ต่อจนครบกำหนด 31 .. 66 หรืออีกประมาณ 9 เดือนกว่า ก็สามารถขายคืนให้บิทคับในราคาต้นทุน ตามสัญญาและเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ คือได้เงินคืนครบตามจำนวนที่ลงทุน 72.75 ล้านบาท แต่กลับเลือกเอาส่วนที่เหลือแค่ 20 ล้านบาทคืน

หรือว่า? ผู้บริหาร PROEN ได้เห็นสัญญาณร้ายอะไรบางอย่าง ที่อาจจะก่อให้เกิดหายนะกับบิทคับในอนาคตอันใกล้ ก่อนที่จะครบกำหนดสัญญาหรือไม่ จึงได้รีบยกเลิกสัญญา และถอนเงินทุนออกมา แม้จะขาดทุนหนัก แต่ก็ยังได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง หากรอให้ถึงวันนั้นอาจจะเสียหายหนักกว่านี้ หรือไม่เหลืออะไรเลยหรือไม่?

ตีจากก่อน ก... สั่งเพิกถอน KUB

บุคคลในแวดวงตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล และนักเทรดคริปโต ได้ให้มุมมองต่อการถอนตัวจากการลงทุนเหรียญ KUB ของ PROEN ในครั้งนี้ ประเด็นหลักไม่น่าจะเกิดจากตลาดคริปโตฯ ผันผวน หรือราคา KUB ที่ปรับตัวลดลงมาอย่างมาก เพราะหากเป็นประเด็นนี้จริง เมื่อครบกำหนดสัญญา ก็สามารถขายคืนให้บิทคับในราคาต้นทุนตามสัญญาที่ทำไว้อยู่แล้ว

แต่ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่ปัญหาของตัวเหรียญ KUB เอง ที่สำนักงานงาน ก... ออกมาระบุชัดเจนว่า บิทคับให้คะแนนเหรียญตัวเองสูงเกินมาตรฐานแบบไม่เคยมีมาก่อน จนทำให้เหรียญขาดคุณสมบัติเข้ามาเทรดในกระดานคริปโต ซึ่ง ก... ได้มีคำสั่งให้ บิทคับ ทำการแก้ไข แต่กลับไม่มีการแก้ไขจากบิทคับแต่อย่างใด อีกทั้งยังยืนยันว่าเหรียญ KUB มีมาตรฐานและเหมาะสมเข้ามาเทรดในกระดานตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว

สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการ ก... เมื่อวันที่ 30 มิ.. 65 มีมติสั่งการให้บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitkub) แก้ไขการคัดเลือกและอนุมัติเหรียญ KUB เข้ามาให้บริการในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากมีการให้คะแนนเหรียญตัวเองสูงกว่ามาตรฐานและไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ขาดคุณสมบัติเข้ามาซื้อขายในกระดานสินทรัพย์ดิจิทัล โดยให้แก้ไขคุณสมบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ 1 .. 65 โดยจะครบกำหนด 30 .. 65

ต่อมาเมื่อวันที่ 25 .. 65 ทาง บิทคับ ได้ทำหนังสือขอขยายระยะเวลาออกไป ซึ่ง ก... ได้ขยายเวลาให้ตามที่ร้องขอ โดยกำหนดให้ดำเนินการแก้ไขภายในเวลาทำการของสำนักงาน ก... ในวันที่ 4 .. 65

แต่เมื่อถึงเส้นตาย ก... ทางบิทคับ กลับโต้แย้งว่า เทคโนโลยีของเหรียญ KUB เป็นเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐาน มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร และเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่พร้อมแก่การให้บริการตั้งแต่วันแรกที่มีการออกและเสนอขายให้แก่นักลงทุน ดังนั้น บริษัทฯ จึงเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า เหรียญ KUB เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีโครงสร้างเครือข่ายบล็อกเชนที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การท้าทายอำนาจ ... โดยไม่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขคุณสมบัติของเหรียญ KUB ของ บิทคับ ในครั้งนี้ เริ่มมีหลายฝ่ายออกมาประเมินว่ามีความเป็นไปได้ที่เหรียญเจ้าปัญหาตัวนี้ อาจถูก ... สั่งห้ามซื้อขาย หรือถอดถอนออกจากการดานคริปโตได้ ซึ่งหากเกิดเป็นจริงขึ้นมา อาจนำไปสู่ความพังพินาศของใครต่อใครเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่หรือรายย่อย

นอกจากเรื่องความดันทุรังของบิทคับแล้ว บิทคับเองยังมีปัญหากับ ก... จนนำไปสู่บทลงโทษ ทั้งการตักเตือน และปรับอีกหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในระบบ ที่มีนักลงทุนร้องเรียน หรือการรวมหัวกับ Market Maker แทรกแซงราคาเหรียญ จนถูก ก...สั่งปรับไปแล้วหลายครั้ง ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกลดทอนความน่าเชื่อถือจากพันธมิตรลง

SCBX เททำพาร์ตเนอร์ฝันค้าง

ไม่เพียงเท่านี้ พันธมิตร ที่เข้ามาลงทุนเหรียญ KUB เอง นอกจากจะเป็นการเอื้อประโยชน์หรือสนับสนุนทางธุรกิจแล้ว ต่างมุ่งหวังกำไรจากราคาเหรียญที่พุ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน แต่กลับตรงกันข้ามตลาดคริปโตเข้าสู่ขาลง จนราคาย่ำแย่ อยู่ที่ปัจจุบันไม่ถึง 100 บาท จากเคยขึ้นไปสูงสุดกว่า 500 บาท ทำให้ความน่าสนใจของ KUB หมดลง

ขณะที่ปัจจัยบวกที่พันธมิตรต่างคาดหวังจะให้เข้ามาช่วยสนับสนุนราคาเหรียญกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง คือ กรณีที่กลุ่มไทยพาณิชย์ ในนามบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ประกาศเข้ามาร่วมทุนซื้อหุ้นในสัดส่วน 51% มูลค่ารวมกว่า 1.78 หมื่นล้าน ซึ่งสร้างความสั่นสะเทือนให้แก่วงการตลาดคริปโตฯ ในประเทศเป็นอย่างยิ่ง เพราะเพียงแค่ประกาศความสนใจก็ทำให้มูลค่าของเหรียญ และมูลค่าองค์กรบิทคับติดจรวดขึ้นไปทันที

ระยะเวลาล่วงเลยนับตั้งแต่ 2 .. 64 รวมระยะเกือบ 9 เดือนแล้วกลับไม่มีวี่แววความคืบหน้าแต่อย่างใด

และดูท่าจะกลายเป็นฝันค้างเสียแล้ว สำหรับกลุ่มบิทคับเมื่อยานแม่เอสซีบีเอกซ์ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 .. 65 ประเด็นสำคัญว่า การตรวจสอบกิจการ หรือดีลดิลิเจนท์ อาจจะเป็นเป็นที่พึงพอใจของฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะในส่วนสาระสำคัญที่น่าจะเกิดปัญหา หรือไม่เป็นไปตามที่ต่างฝ่ายต่างคาดหวังไว้ระหว่างกัน รวมทั้งยืนยันถึงนโยบายการดำเนินธุรกิจของกลุ่มเอสซีบีเอกซ์ จะดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามกฏเกณฑ์และข้อกำหนดของ Regulator ที่เกี่ยวข้องก่อนจบอย่างสวยหรูว่า ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างกระบวนการสอบทางธุรกิจ และระหว่างการหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง โดยมีการขยายเวลาการเข้าทำธุรกรรมออกไปจากกำหนดการเดิม แบบไม่ขอระบุช่วงเวลาที่ชัดเจน

ประเด็นดังกล่าว ทำให้แวดวงตลาดทุนต่างพากันเชื่อว่า งานนี้ก็คือการบอกเทแบบสุภาพนั่นเอง ขณะที่แวดวงรายย่อยทั้งสายหุ้นและสายเหรียญต่างก็บ่นอุบเพราะโดนแกงนั่นเอง

เมื่อโอกาสจะทำกำไรจากดีล เอสซีบี เอกซ์ มันจบลงไป ความน่าสนใจการลงทุนกับบิทคับทั้งรูปแบบพาร์ตเนอร์ หรือลงทุนในเหรียญมันก็หมดไปโดยปริยาย ไม่แปลกที่พาร์ตเนอร์ธุรกิจที่แห่เข้ามาประกาศร่วมลงทุนในช่วงเวลานั้นจะเริ่มทยอยถอนตัว เพราะโอกาสในการทำกำไรมันจบลงแล้ว ประตูนี้แทบจะปิดไปแล้ว…

จะมีก็แต่คำพูดปลอบประโลมกันเองของนักลงทุนรายย่อยที่ยังเชื่อใจในตัว ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ว่าท้ายสุดดีลจะเกิดขึ้น ราคาเหรียญจะกลับมา แต่ความเจ็บปวดที่ต้องกัดฟันถือเหรียญต่อไปทั้งที่มีแต่โอกาสเป็นขาลงมันเจ็บกว่า ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ความต้องการถือเหรียญนี้ลดลงไปมาก นักลงทุนเข้ามาเพื่อลงทุนเมื่อกำไรไม่เห็น ทุนมีแต่หด ใครล่ะจะยอมขาดทุน ยิ่งบิทคับไม่ยอมแก้ไขคุณสมบัติเหรียญตามคำสั่งก...ที่เป็นผู้ควบคุม ก็เหมือนนักฟุตบอลที่โดนใบเหลืองจากกรรมการไปแล้ว ยังดื้อแพ่งจะทำผิดอีก ก็มีแต่รอใบแดงจากกรรมการเท่านั้น นั่นยิ่งทำให้คุณค่าของเหรียญลดลงไปด้วย เพราะทุกคนก็ต่างกังวลว่าต่อจากนี้ ก...จะมีบทลงโทษ หรือคำสั่งออกมาเช่นไร และเมื่อพิจารณาจากราคาเหรียญในปัจจุบัน พร้อมกับปฏิกิริยาของผู้ก่อตั้ง ก็พอรู้แล้วว่าคงไม่ได้รับคำชื่นชมเป็นแน่ ตอนนี้ยังพอใกล้หลักร้อยหน่อย หลังจากนี้อาจไม่ใช่แล้ว

จับตาพันธมิตรรายอื่นๆ

เป็นที่ทราบกันดีว่านอกจาก PROEN แล้วบิทคับยังมีพันธมิตรหรือพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจอีกมากมายที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ตัดสินใจเข้าไปร่วมลงทุนถือเหรียญ KUB ด้วย โดยปัจจุบันหลายฝ่ายเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่จะได้เห็นการทยอยถอนตัวเกิดขึ้น

ส่วนพันธมิตรที่น่าสนใจ และเคยเป็นข่าว ได้แก่ บมจ.ทีวี ไดเร็ค หรือ TVD ทำสัญญาซื้อเหรียญ KUB Coin ที่ราคา 104.26 บาท/เหรียญ จำนวน 125,000 เหรียญ ใช้เงินทุนราว 13 ล้านบาท โดยทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงรองรับในระดับ 12% หรือจำนวน 15,000 เหรียญ ราคาซื้อคืนที่ 90 บาท ระยะเวลาสัญญา 1 ปี ซึ่งเหตุการณ์ของ TVD เกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกับ PROEN ซึ่งในช่วงเวลานั้น ทั้ง 2 บริษัทออกมายืนยันความเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่ได้รับการรับประกันราคาซื้อคืนจากกลุ่มบิทคับที่แตกต่างกันไป และก็นำมาซึ่งระบบ 2 มาตรฐานทางธุรกิจที่รายใหญ่ได้ประโยชน์หรือสิทธิพิเศษมากกว่านักลงทุนรายย่อยซึ่งต้องยอมรับชะตากรรมกับราคาที่ร่วงลงในชีวิตประจำวัน

นอกจากบริษัทจดทะเบียน 2 รายข้างต้นแล้ว ยังมี บจ.อีกหลายแห่งที่ทำสัญญาและร่วมลงทุนกับบิทคับในลักษณะดังกล่าว อาทิ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ลงทุน 225,000 KUB คิดเป็นเงินลงทุน 60.77 ล้านบาท โดยมีการรับประกันราคา (Price Guarantee) ซื้อคืนขั้นต่ำเมื่อครบกำหนด

บริษัท ทีพีซีเอส จำกัด (มหาชน) หรือ TPCS ลงทุน KUB จำนวน 247,106 เหรียญ มูลค่าลงทุน 35 ล้านบาท ต้นทุนเฉลี่ยเหรียญละ 141 บาท ไม่มีการรับประกันราคาซื้อคืนขั้นต่ำ ขณะที่บริษัทย่อย คือ บริษัท ทีพีซีเอกซ์ จำกัด (TPCX) เข้าลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท จำนวน 62,500 เหรียญ ต้นทุน 312 บาท มีการประกันราคาซื้อคืนขั้นต่ำ

บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ได้ชี้แจงว่า บริษัทได้ลงนามในข้อตกลง Memorandum of Understanding (MOU) เพื่อเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Node Validator) ในลักษณะ Sharing Node ไม่จำเป็นต้องลงทุนเหรียญ KUB เพิ่มเติม แต่มีเงื่อนไขกำหนดให้ฝาก KUB ที่ได้รับผลตอบแทนจากการเป็น Node Validator ในช่วงปีก่อนหน้านี้ มูลค่า 3.96 ล้านบาท (31 มี..65)

บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SIS ลงทุน 250,000 KUB มูลค่ารวม 67,113,829.80 บาท มีประกันราคาซื้อคืนขั้นต่ำไม่ต่ำกว่าราคาทุน

ส่วนบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC เป็นเพียงผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Node Validator) ด้วยการนำ facilities ที่บริษัทมีอยู่แล้วไปมีส่วนร่วมในการเป็น Node Validator ไม่ได้เข้าลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล มีเพียงเหรียญ KUN ที่ได้รับเป็นค่าธรรมเนียมจากการเป็น Node Validator เท่านั้น

 อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียง บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) (PROEN) หรือ PROEN พันธมิตรของบิทคับแค่เราเดียวที่มองเห็นสัญญาณร้ายบางอย่าง จึงรีบถอยฉากออกมาก่อนที่จะได้รับความเสียหายไปมากกว่านี้ ซึ่งก็ต้องจับตาดูท่าทีของพันธมิตรรายอื่นๆ จะเดินหน้าหรือถอยฉากออกมาเหมือนกับ PROEN หรือไม่?

Source

]]>
1397016
เบื้องหลัง SCBX เท “บิทคับ” คริปโตดิ่งเหว-โดนโทษบ่อย-ปั่นเหรียญ KUB-บัญชีม้า-สองมาตรฐาน-การตลาดยุเยาวชน-ธรรมาภิบาลมีปัญหา https://positioningmag.com/1392049 Mon, 11 Jul 2022 05:35:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1392049 บทความโดย ibit ผู้จัดการออนไลน์
เบื้องหลังไทยพาณิชย์เทบิทคับตลาดคริปโตฯดิ่งเหว และ ด้วยวีรกรรมของยูนิคอร์นรายนี้เอง ทั้งจากการถูก ...ลงโทษและถูกปรับกว่า 11 ครั้ง ผู้บริหารขาดธรรมาภิบาลระบบงานมีปัญหา ตรวจพบบัญชีม้า นอมินี สร้างดีมานด์เทียม ปั่นราคา ให้คะแนนเหรียญ KUB ตัวเองเวอร์ สองมาตรฐาน อุ้มแต่รายใหญ่ ทิ้งรายย่อย เก็บค่าต๋งแพงลิบค่าธรรมเนียมเอาเปรียบ การตลาดที่ปลุกปั่นต้อนเยาวชน

ดูท่าฝันจะค้างเสียแล้วสำหรับกลุ่มบิทคับเมื่อยานแม่กลุ่มไทยพาณิชย์ในนาม บริษัท เอสซีบีเอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX เริ่มลังเลเปิดตู้เซฟควักเงิน 1.78 หมื่นล้านบาทจ่ายแลกหุ้น 51% ใน บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด หรือ Bitkub กระดานเทรดคริปโตเคอร์เรนซี อันดับหนึ่งของไทย จนแวดวงตลาดทุนต่างพากันเชื่อว่า งานนี้ก็คือการบอกเทแบบสุภาพนั่นเอง

ขณะที่แวดวงรายย่อยทั้งสายหุ้นและสายเหรียญต่างก็บ่นอุบเพราะโดนแกงโดย ณ ช่วงเวลานี้หลายฝ่ายมีความเชื่อว่าดีลดังกล่าวมีโอกาสล่มที่สูงมาก เพราะหากพิจารณาจากสำนวนตัวอักษรที่ธนาคารไทยพาณิชย์ออกมาให้ข้อมูลแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา (8 ..65) พอจะจับประเด็นได้ว่า กำหนดการเดิมที่หมายมั่นจะสู่ขอ Bitkub ขึ้นมาอยู่ในยานแม่ SCBX ไม่สามารถเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในไตรมาสแรกปีนี้ นั่นเพราะดีลดิลิเจนท์ที่เข้าไปส่องดูบิทคับมานานกว่า 6 เดือนข้อมูลในการตรวจสอบที่ได้รับ น่าจะเป็นที่ไม่น่าพึงพอใจของฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะในส่วนสาระสำคัญที่น่าจะเกิดปัญหา หรือไม่เป็นไปตามที่ต่างฝ่ายต่างคาดหวังไว้ระหว่างกัน

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือคำยืนยันจากไทยพาณิชย์ว่ายานแม่ของกลุ่มอย่าง SCBX จะดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามกฏเกณฑ์และข้อกำหนดของ Regulator ที่เกี่ยวข้อง หรือพูดง่ายๆ ว่าออกมาย้ำจุดยืนของตนเองว่าจะไม่มีการแหกคอกเกิดขึ้น เพียงเพื่อหวังจะคว้าดีลๆ เดียว แต่อาจสร้างผลกระทบให้กับการดำเนินธุรกิจอื่นๆ ของกลุ่ม โดยเน้นย้ำในข้อความชี้แจงว่า ….. “ดีลดังกล่าวมีเงื่อนไขว่าผลการสอบทานธุรกิจของบิทคับ ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญต้องเป็นที่น่าพอใจและคู่สัญญาได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้นครบถ้วน

ก่อนจะปิดท้ายอย่างสุภาพว่าปัจจุบันยังอยู่ระหว่างกระบวนการสอบทางธุรกิจ และระหว่างการหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง โดยมีการขยายเวลาการเข้าทำธุรกรรมออกไปจากกำหนดการเดิม แบบไม่ขอระบุช่วงเวลาที่ชัดเจนจนอาจรัดคอตนเอง นั่นทำให้โอกาสรับทรัพย์ก้อนโตของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ในบิทคับเป็นอันต้องฝันค้างเอาไว้ต่อไป รวมศิริอายุของดีลผ่านพ้นมาแล้ว 8 เดือน จากวันที่เขย่าวงการตลาดทุน หรือตลาดคริปโตฯไทยเมื่อเมื่อวันที่ 2 .. 64 

ผู้ถือหุ้นโล่งไม่ต้องจ่ายโอเวอร์?

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน พบว่า นักลงทุนต่างมีความคิดเห็นที่หลากหลาย โดยในกลุ่มที่ลงทุนในหุ้นของ SCB ณ ช่วงเวลานี้ส่วนใหญ่พอใจกับข้อมูลที่ชี้แจงออกมา เนื่องจากเชื่อว่าการเข้าลงทุนในบิทคับในช่วงเวลานี้มีความเสี่ยงทั้งจากสภาวะตลาดเหรียญคริปโตฯ ที่อยู่ในช่วงขาลงในทุกตลาดทั่วโลกนั่นย่อมส่งผลให้มูลค่าของเหรียญ KUB Coin ลดลงไปในทิศทางเดียวกับเหรียญอื่นๆ และนั่นย่อมส่งผลให้จำนวนผู้เข้ามาลงทุนผ่านกระดานเทรดบิทคับ ออลนไลน์อ่อนตัวลงไปด้วย ซึ่งน่าจะมีผลให้มูลค่าในการเข้าซื้อหุ้น 51% ด้วยเม็ดเงิน 1.78 หมื่นล้านบาทไม่สมเหตุสมผล

ขณะเดียวกันบางส่วนยังเชื่อว่า เหตุผลที่ SCB เลื่อนการเข้าลงทุนเป็นเจ้าของกระดานเทรดเหรียญ น่าจะมาจากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่เป็นไปตามที่ทั้งสองฝ่ายคาดการณ์ไว้ หรือไม่ตรงปกอาทิเรื่องของอัตราการเติบโตของธุรกิจ หรือกรณีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของดีลที่เจรจาร่วมกันไว้ 

เพราะที่ผ่านมานอกเหนือจากข่าวดีในด้านการขยายตลาดและการเติบโตธุรกิจ Bitkub ข่าวด้านลบออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการถูกกล่าวโทษ หรือถูกปรับจาก regulator อย่างคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (...) ตลอดจนแผนการตลาดซึ่งเป็นที่ค้านสายตาหลายต่อหลายคน โดยเฉพาะการเชิญชวนเข้ามาลงทุนในเหรียญ KUB ด้วยเม็ดเงินเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับโอกาสของผลตอบแทนในอนาคต “10บาทก็ลงทุนได้จนถูกใครต่อใครมองว่าเป็นบ่อนพนัน หนำซ้ำยังแทรกซึมเข้าไปในสถานศึกษาต่างๆ เข้ามาลงทุน

มูลค่าการเข้าลงทุนรอบนี้สูงมาก ช่วงประกาศข่าวออกมาถือว่าเป็นปรากฏการณ์แก่ตลาดทุนและตลาดเหรียญคริปโตฯ เลยก็ว่าได้ แต่เอาเข้าจริงๆ เมื่อเทียบกับ Binance รายใหญ่ระดับโลกที่จับมือกับ Gulf บริษัทจดทะเบียนใหญ่ในตลาดหุ้นร่วมกันจัดตั้งธุรกิจหลายคนเริ่มมองว่าลงทุนได้ฉลาดกว่า และใช้ต้นทุนได้ต่ำกว่ามาก

ตลาดคริปโตดิ่งเหวมูลค่าลดฮวบ

นอกจากนี้ หลายฝ่ายเชื่อว่า หากดีลดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้จริงราคาที่ใช้ในการซื้อขายหุ้น 51% ไม่ควรจะเป็น 1.78 หมื่นล้านบาทเหมือนตอนแรก เมื่อเทียบกับสภาวะตลาดคริปโตฯในปัจจุบันที่ดิ่งเหว ดังนั้นหากดันทุรังตัวเลขเดิมในการดีลอาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของผู้ซื้อ

อย่างไรก็ดี ตัวเลขที่ประเมินกันในตอนแรกที่ 1.78 หมื่นล้าน ว่ากันว่า เป็นตัวเลขที่สูงเกินจริงไปมากอยู่แล้ว ขณะนั้นบิทคับได้โชว์ตัวเลขผลประกอบการที่ระบุว่า สามารถทำกำไรได้ปีละกว่า 2 พันล้าน โดยมีอัตราการเติบโตกว่า 1,000% ตลอดสามปีที่ผ่านมา ทว่า นับแต่ค้นปี65 จนถึงปัจจุบัน ปรากฏว่า ภาวะตลาดคริปโตฯผันผวนตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นทำให้มูลค่า และโอกาสทำรายได้ของบิทคับก็ลดลงตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

Photo : Shutterstock

แม้ว่าตลาดจะตกต่ำ และแม้ว่า บิทคับ จะมีปัญหาอย่างไร 7-8 เดือนที่ผ่านมา ผู้บริหารไทยพาณิชย์ กลับไม่แสดงท่าทีจะบอกให้ชัดเจนว่า จะไปต่อ หรือ พอกันทีกับดีล บิทคับ ไม่ยอมตอบกระทั่งข้อซักถามของผู้ถือหุ้นในการการประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา จนปล่อยให้มีข้อสังสัยกันเรื่อยมาว่า เพราะอะไร?

ว่ากันว่า ที่ SCBX ยื้อเวลามานานไม่ปล่อยมือจากบิทคับ มีคำถามว่า นั่นเพราะ นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กับ นายจิรายุส หรือ ท๊อป ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง บิทคับ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันดี ใช่หรือไม่? ซึ่งที่ผ่านมา ทราบกันดีว่า นายอาทิตย์ เป็นผู้ผลักดันดีลนี้มาตั้งแต่ต้น ออกตัวแรงว่าต้องการจะให้ธนาคารซื้อหุ้นของบิทคับ โดยพยายามโน้มน้าวผู้บริหารไทยพาณิชย์คนอื่นๆ ให้เห็นด้วย ทั้งๆ ที่หลายคนก็ฝืนใจโดยไม่เห็นด้วยนัก

ส่วนฝั่งท๊อป จิรายุส ผู้ขาย หากดีลนี้ไม่เกิดขึ้น นอกจากจะฝันค้างถึงเม็ดเงินที่จะไหลเข้ากระเป๋าส่วนตัวหลายพันล้าน ย่อมต้องมีผลกระทบเกิดขึ้นกับพาร์ตเนอร์ธุรกิจรายอื่นๆ ที่เข้ามาแล้ว และกำลังจะเข้ามาร่วมมือในอนาคต

การได้อยู่ใต้ร่มเงาของ SCBX ย่อมช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทำให้การเรียกร้องราคาความร่วมมือย่อมโก่งราคาได้มากกว่า แต่ถ้าไม่ได้อยู่ในส่วนหนึ่งของแผนยานแม่ มูลค่าที่พันธมิตรรายอื่นๆ ที่ควักจ่ายไว้อาจต้องมีเงินทอนคืน หรือความน่าสนใจเข้าร่วมมือที่ลดลง นอกจากนี้ ด้วยเงื่อนไขสัญญาที่พันธมิตรจะต้องมีการลงทุนในเหรียญ KUB แม้จะเคยออกมาการันตีรับซื้อคืนในราคาเดิม แต่ระยะเวลาที่ต่างกัน และสถานการณ์ที่ต่างกัน บางทีเงินที่ประกาศรับซื้อคืนในราคาเดิมก็อาจสร้างปัญหาในอนาคตได้เช่นกัน

วีรกรรมบิทคับทำพิษ

จริงๆ มีหลายฝ่ายเห็นว่า ไทยพาณิชย์ ไม่ควรจะซื้อบิทคับตั้งแต่แรกแล้ว เพราะถ้าไม่นับตลาดคริปโตฯที่ดิ่งนรก ด้วยการกระทำของตัวเองของบิทคับในช่วงที่ผ่านมา และจากการเข้าไปตรวจสอบของธนาคารเองก็น่าจะได้เห็น ว่า ภาพที่สร้าง ไม่เหมือน ภาพจริงที่ปรากฏ ใช่หรือไม่ ป้ายโฆษณาชวนเชื่อมต่อโลกอนาคตของนายท็อปที่ติดอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองอย่างสวยหรู ภาพจริง Bitkub ถูกตรวจสอบ หรือถูกติดตามการกระทำในหลายด้าน ดังที่ “ibit” เคยวิเคราะห์และไล่เรียงให้ฟังดังนี้

สร้างวอลุ่มเทียมเรียกแขกเข้าวง

โดยสามารถสรุปได้ อาทิ 1.ปั่นวอลุ่มเทียมหลอกนักเทรด จากกรณี ก...ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 3 ราย กรณีสร้างปริมาณเทียมสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Bitkub (ศูนย์ซื้อขาย Bitkub) ของบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด โดยให้ผู้กระทำผิดชำระเงินรวม 24.16 ล้านบาท พร้อมกับกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการ หรือผู้บริหาร

เนื่องจาก ก..ต พบเหตุสงสัยว่า อาจมีการสร้างปริมาณเทียมในศูนย์ซื้อขาย Bitkub จึงได้ตรวจสอบโดยพบการกระทำเข้าข่ายเป็นความผิดของบุคคล 3 ราย ได้แก่ (1) บริษัท บิทคับ (2) นายอนุรักษ์ เชื้อชัย (Market Maker) ร่วมกันในการส่งคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล อันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับปริมาณการซื้อหรือขาย (3) นายสกลกรย์ สระกวี ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้มีอำนาจจัดการของบริษัท สั่งการ หรือกระทำการหรือไม่สั่งการหรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำ เป็นเหตุให้บริษัท บิทคับ กระทำความผิดดังกล่าวในช่วงก..2562

ระบบงานและบริการที่ยังมีปัญหา

ประเด็นถัดมาที่หลายฝ่ายเชื่อว่ามีผลต่อการตัดสินใจดีล SCBX ถูกให้น้ำหนักไปที่ระบบสารสนเทศ และรับงานให้บริการลูกค้าที่เคยมีปัญหาจนถูก ก...สั่งให้ดำเนินการแก้ไข อาทิ ในช่วงเดือนมกราคม 2564 “บิทคับ ออนไลน์ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รายงานเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อระบบสารสนเทศที่มีความสำคัญ ประเภทระบบหยุดชะงัก (system disruption) ต่อสำนักงานล่าช้ากว่าระยะเวลาที่ประกาศกำหนด เป็นจำนวน 6 ครั้ง

ถัดมาวันที่ 8 .. – 7 มี.. 2564 “บิทคับมีระบบงานในการกำกับดูแลการปฏิบัติงานของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (compliance) “ไม่รัดกุมเพียงพอ” ที่จะทำให้บริษัท บิทคับ สามารถประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก่อนหน้านั้นวันที่ 28 .. 2563 – 20 .. 2564 “บิทคับ ออนไลน์มีระบบงานที่เกี่ยวกับการรับและจัดการข้อร้องเรียน และการจัดให้มีช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า รวมทั้งจำนวนและความรู้ความสามารถของบุคลากรไม่เหมาะสมและเพียงพอให้บิทคับประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (trading rules) ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก...

หรือเหตุการณ์ในช่วง วันที่ 2 -21 .. “บิทคับ ออนไลน์มีระบบงานที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย ระบบรับฝากและถอนทรัพย์สิน และระบบการแสดงยอดทรัพย์สินของลูกค้า ไม่เหมาะสมและเพียงพอให้บิทคับประกอบธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ เป็นต้น จนทำให้ถูก ก...กล่าวโทษ หรือมีคำสั่งปรับเงิน และคำสั่งอื่น ๆ เข้ามาควบคุมอีกมากมาย

ป้ายโฆษณาชวนเชื่อเชื่อมต่อโลกอนาคต ที่ติดตามตอม่อ บนทางด่วน และท้องถนน ยังคงมีให้เห็นเต็มบ้านเต็มเมือง ขณะที่ “SCBX” ประกาศเลื่อนดีลซื้อหุ้นบิทคับออกไปอย่างไม่มีกำหนด

ตรวจพบ บัญชีม้านอมินี

จากการตรวจสอบของ ก... ยังพบว่า บิทคับเคยมีปัญหาปรากฏเหตุระบบการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัทขัดข้องในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2563 ต่อเนื่องถึงต้นเดือนมกราคม 2564 อันส่งผลกระทบก่อให้เกิดความเสียหายต่อลูกค้าของบริษัทเป็นวงกว้าง

คณะกรรมการ ก... ในการประชุมครั้งที่ 3/2564 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 สั่งการให้บริษัทระงับการเปิดรับลูกค้าใหม่ รวมถึงลูกค้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการยืนยันหรือเพื่อพิสูจน์ตัวตนเพื่อเปิดบัญชี หรือ KYC

มีข้อสังเกตว่า บิทคับตอนนั้นปล่อยผี การเปิดบัญชีไม่เป็นไปตาม ก... กำหนดโดยเฉพาะกรณีลูกค้าที่จัดอยู่ในกลุ่มประเภทที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการพิจารณารับลูกค้าของบริษัทก่อน

ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ และหากที่ก่อนนี้ ผู้ก่อตั้งบิทคับ ระบุว่า บริษัทมีลูกค้าเพิ่มขึ้นกว่าจำนวนมากหลัง BX ปิดตัวไปหลายแสนบัญชีที่เข้ามาในช่วงระหว่างนั้น ผ่านระบบ KYC เข้ามาได้อย่างไร? และใครเลยจะรู้ได้ว่า บัญชีกว่า 3 ล้านบัญชีที่บิทคับกวาดมาจะมีบัญชีตัวแทน หรือนอมินีหรือบัญชีม้า อยู่มากน้อยแค่ไหนหลุดลอดมา

Photo : Shutterstock

...ยังระบุว่า การพิสูจน์ตัวตนของลูกค้า และผู้รับประโยชน์ที่แท้จริงของลูกค้าบิทคับ (“enhanced KYC/CDD”) ของกลุ่มลูกค้าที่เป็น “market maker” จำนวน 17 ราย พบว่า  มีจำนวน 4 รายที่ไม่รัดกุม โดยบริษัทยังไม่ได้ enhanced KYC/CDD ซึ่งลูกค้า 4 รายดังกล่าวมียอดทรัพย์สินเป็นเงินสดและเหรียญเป็นจำนวนมากไม่สอดคล้องกับเอกสารหลักฐานที่แสดงศักยภาพทางการเงินของลูกค้าที่นำมา

ประเด็นนี้มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจาก การพิสูจน์ตัวตนไม่ได้ว่าลูกค้าเป็นใคร หรือมีบัญชีม้า หรือนอมินีจำนวนมากในตลาด ย่อมทำให้เปิดช่องในการฟอกเงิน เลี่ยงภาษี ทำราคาซื้อขาย หรือปั่นเหรียญ ทำรายการที่ไม่เหมาะสม หรือธุรกรรมที่กระทำการผิดกฎหมาย

เรื่องนี้มีตัวอย่าง ของ อีลอน มัสก์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทเทสลา และสเปซเอ็กซ์ ที่เพิ่งประกาศ ตัดสินใจยุติการยื่นข้อเสนอมูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้อกิจการทวิตเตอร์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดัง เมื่อวันศุกร์ (8 ..) เพราะพบว่ามีการละเมิดข้อตกลงหลายอย่าง

โดยมัสก์ระบุว่า สาเหตุที่ไม่ไปต่อกับข้อตกลงซื้อกิจการนี้ก็เพราะทวิตเตอร์ล้มเหลวในการให้ข้อมูลที่เพียงพอเรื่องการ สแปม และบัญชีผู้ใช้ปลอม หรือ บัญชีม้า นั่นเอง

KUB Coin ไม่มีมาตรฐาน

เงื่อนงำของบิทคับยังไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะเพียงแค่เมื่อ ก...ประกาศมาตรการลงโทษผู้บริหารของบิทคับกับ Market Maker ได้ไม่เท่าไรก็มีคำสั่งออกมาอีกฉบับบิทคับ ออนไลน์แก้ไขการคัดเลือกและอนุมัติเหรียญ KUB เข้ามาซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 โดยให้ Bitkub ประสานกับบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (BBT) ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญ KUB ดำเนินการแก้ไขมาตรฐานเทคโนโลยีของโปรเจกต์ของเหรียญ KUB ให้เป็นไปตามคะแนนที่ Bitkub ได้พิจารณาไว้เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 และให้ Bitkub แสดงหลักฐานอย่างชัดเจนต่อ ก... ว่า มาตรฐานเทคโนโลยีของโปรเจคของเหรียญ KUB เป็นไปตามคะแนนที่ Bitkub ได้พิจารณาไว้

เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 เมื่อ Bitkub ได้พิจารณาอนุมัติเหรียญ KUB เข้ามาให้บริการซื้อขายในศูนย์ซื้อขายฯ ของ Bitkub โดยที่เหรียญ KUB มีคุณสมบัติไม่ถึงเกณฑ์ที่จะได้รับอนุมัติเข้ามาซื้อขายตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัล (Listing Rule) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก...

Photo : Shutterstock

นั่นทำให้ ก... ได้ตรวจสอบการคัดเลือกเหรียญ KUB แล้ว พบว่า Bitkub มีการให้คะแนนการคัดเลือกเหรียญ KUB เพื่ออนุมัติให้เข้ามาซื้อขายในศูนย์ซื้อขายฯ ของ Bitkub ไม่เป็นไปตาม Listing Rule ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก... ขณะเดียวกัน Bitkub ได้ให้คะแนนในเรื่องมาตรฐานเทคโนโลยีของโปรเจกต์ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานและไม่เคยมีมาก่อนแต่ไม่ปรากฏหลักฐานและเอกสารที่แสดงให้เห็นว่า เหรียญ KUB มีเทคโนโลยีดังกล่าวอยู่จริง

ให้คะแนนเหรียญตัวเองเวอร์

นอกจากนี้ Bitkub ยังให้คะแนนในหัวข้อการระดมทุนและหัวข้อส่วนลด Pre-ICO Sale ที่ไม่สอดคล้องกับลักษณะของเหรียญ KUB ด้วย จึงทำให้ ก... เห็นว่า คะแนนการคัดเลือกเหรียญ KUB โดยรวมไม่ถึงเกณฑ์ที่จะอนุมัติเข้ามาซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเมื่อราคาเหรียญ KUB จะดิ่งลงมาต่ำกว่า 100 บาท/เหรียญ หลังจาก ก...มีคำสั่งดังกล่าวออกมา เรียกได้ว่าผลกรรมของบิทคับกำลังทยอยถูกเปิดเผยออกมาตามกรรมที่ได้กระทำไว้อย่างต่อเนื่อง

แต่สิ่งที่ชวนให้น่าติดตามต่อสำหรับประเด็นดังกล่าว คือ การแก้ไขคะแนนของเหรียญ KUB Coin ให้ต้องกับเงื่อนไขของ ก...จะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันได้หรือไม่ และเมื่อแก้ไขได้จะมีผลต่อราคาเหรียญในปัจจุบันมากน้อยเพียงใด

ขณะเดียวกันหากไม่สามารถแก้ไขได้ เหรียญ KUB จะสามารถซื้อขายบนกระดานเทรดต่อไปได้หรือไม่ รวมไปถึงนักลงทุนที่ถือเหรียญอยู่จะได้รับความยุติธรรมจากผลที่เสียหายที่เกิดขึ้นได้หรือเปล่า?

ลาก Kub Coin ขึ้นไปถึง 1,833%

Kub Coin เปิดตัวเมื่อวันที่ 20 ..2564 แต่ไม่ได้สวยหรูอย่างที่นักเทรดคิด โดยการซื้อขายเปิดด้วยตัวแดงจากการเทขายอย่างหนัก ราคาร่วงจาก 30 บาทไหลรูดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดที่ 12 บาท นักวิเคราะห์มองว่า นั่นคือภาพสะท้อนความเชื่อมั่นและปัจจัยพื้นฐานที่มีต่อ Kub Coin และเจ้ามือถือโอกาสทำกำไรตั้งแต่แรกเลย

แต่ราคา Kub Coin ที่เปิดตัวไม่สวยด้วยแดงเลือดสาดทำให้บรรดานักลงทุนเรียกร้องผ่านโซเชียลทวีตข้อความเรียกร้องให้ท๊อป จิรายุส ที่สร้างตัวตนให้แฟนคลับบนโลกออนไลน์รับรู้ถึงคนที่จะเปลี่ยนโลก เปลี่ยนชีวิตนักเทรด ให้เชื่อมั่นในเหรียญ Kub ออกมาช่วยเหรียญหน่อย ซึ่ง ท๊อป ก็ขานรับได้โพสต์ลงทวิตเตอร์ว่าเดี๋ยวคอยดูกัน

ว่ากันว่า ใน 2 วันแรกที่ KUB Coin สามารถขายได้ 50 ล้านเหรียญ จากนั้นราคาก็ร่วงลงมาเหลือ 13-14 บาท เนื่องจาก ก... มองเห็นสัญญาณอันตราย จึงตั้งกฎว่า ห้ามบุคคลที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ซื้อขายออกเหรียญเองเทรดเอง เพราะขัดแย้งผลประโยชน์ แม้จะไม่มีผลย้อนหลัง แต่ทำให้ศูนย์ซื้อขายอื่นๆ ทำไม่ได้จนเกิดเป็นดราม่ากัน

หลังจากนั้น ปรากฏในเวลาต่อมาเพียง 1 เดือน บิทคับต้องออกประกาศไวท์เปเปอร์ V2 ออกมา ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญ คือ การเผาเหรียญทิ้ง 89% หรือ จาก 1,000 ล้านเหรียญให้เหลือเพียง 110 ล้านเหรียญ เพื่อดึงราคา และสภาพคล่องให้ Kub Coin

ทว่า จุดเปลี่ยนของ Kub Coin ก่อนที่ราคาถูกปั่นทะลุเมฆต้องบอกว่า มาจากข่าวการเข้ามาซื้อหุ้นของผู้เล่นรายใหญ่ SCBX ค่ำคืนวันที่ 2 .. 2564 ราคาเหรียญขยับจากเดิมที่ระดับ 30-33 บาทต่อ 1 เหรียญ พุ่งสูงขึ้นถึง 98 บาทต่อเหรียญ หรือกว่า 196%

แต่หลังจากราคา KUB Coin ขึ้นไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันที่ 28 .. 64 ที่ราคา 580 บาท หรือเพิ่มขึ้นกว่าราคาตั้งต้นกว่า 1,833% ได้ไม่นาน ก็มีแรงเทขายอย่างหนักในช่วงเช้าวันที่ 30 ..2564 ส่งผลให้ราคาเหรียญดิ่งเหวลงไปอยู่ต่ำสุดของวันที่ 150 บาท หรือ ร่วงไป 70%

สองมาตรฐาน รายย่อยตาย อุ้มรายใหญ่

ขณะเดียวกันยังมีข่าวประเภทบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่ไหลออกมาต่อเนื่อง อย่างเช่น ล่าสุด ในกรณีของ บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ PROEN และ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ลงทุนเหรียญ KUB Coin เข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับบิทคับเพื่อวัตถุประสงค์การเป็นพาร์ตเนอร์ในการเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Validator Node) ในระบบการตรวจสอบธุรกรรมบล็อกเชน (Block chain)

โดย บมจ.โปรเอ็น คอร์ป ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล จำนวน 2.5 แสนเหรียญ ในราคาลงทุนเฉลี่ยเหรียญละ 291 บาท (ประมาณ 72.9 ล้านบาท) เมื่อราคาเหรียญปรับตัวลงมา ล่าสุด ( 31 ..) ราคาเหรียญเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 112 บาทต่อ 1 เหรียญ นั่นทำให้มูลค่าลงทุนของ PROEN ลดลงไปประมาณ 179 บาท หรือกว่า 159%

ส่งผลให้นักลงทุนที่ถือหุ้น PROEN ตัดสินใจเทขายหุ้นออกมา เนื่องจากกังวลว่าบริษัทจะได้รบผลกระทบจากการลงทุนในเหรียญ KUB ทำให้ผู้บริหารบริษัทต้องออกมาชี้แจง (31 ..) ว่า การร่วมลงทุนกับ Bitkub นั้นมีข้อตกลงในการยืนยันการรับประกันราคาซื้อคืนขั้นต่ำเมื่อครบกำหนดภายในวันที่ 31 .. 2566 ที่ไม่ต่ำกว่าราคาต้นทุน แต่หากราคาซื้อขายสูงกว่าบริษัทจะได้รับส่วนต่างกำไรทั้งหมด

Closeup – Woman is checking Bitcoin price chart on digital exchange on smartphone, cryptocurrency future price action prediction.

ขณะที่ บมจ.ทีวี ไดเร็ค หรือ TVD ทำสัญญาซื้อเหรียญ KUB Coin ที่ราคา 104.26 บาท/เหรียญ จำนวน 125,000 เหรียญ ใช้เงินทุนราว 13 ล้านบาท โดยทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงรองรับในระดับ 12% หรือจำนวน 15,000 เหรียญ ราคาซื้อคืนที่ 90 บาท ระยะเวลาสัญญา 1 ปี

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 2 กรณี ทำให้เริ่มมีหลายฝ่ายมองว่า เป็นการเอาเปรียบนักลงทุนทั่วไปหรือไม่? เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ต้องยอมรับความเสี่ยงต่อการขึ้นลง หรือความผันผวนของราคาเหรียญด้วยตนเอง และบิทคับก็ไม่มีมาตรการอะไรออกมารับรอง

คำถามก็คือ พฤติการณ์ช่วงโปรโมชัน KUB ราคาดิ่งเหว ช่วยเหลือพันธมิตรด้วยการอุ้มสมประกันราคา โดยที่มีมาตรฐานไม่เท่ากันกับรายย่อยที่อยู่บนดอยสูงของเจ้าของเหรียญ KUB เพื่อดันราคาของ KUB ให้สูงขึ้น เพื่อมิให้มูลค่าของตลาดซื้อขายคริปโตของบิทคับดูราคาต่ำไปด้วย เพียงเพื่อให้ SCBX ไม่ทิ้งดีล

ค่าต๋งแพง โขกค่าธรรมเนียมสูง

บิทคับ เพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตสูงเป็นที่ต้องตาของ SCBX นั้น ถูกพบว่า บิทคับ คิดค่าธรรมเนียมในการเทรด 0.25% ไปกลับซื้อขาย เก็บค่าต๋ง 0.50% ถือว่าแพงกว่า กระดานเทรดคริปโตรายอื่นๆ หรือ อย่างไบแนนซ์กว่าเท่าตัว และเมื่อมีการทำรายการถอนบิทคับ จะคิดค่าธรรมเนียม 20 บาทต่อรายการกับนักลงทุน ซึ่งว่ากันว่าเป็นค่าธรรมเนียมที่มหาโหดที่คนในวงการการเงินมองว่า บิทคับเอากำไรเกินควร ทั้งๆ ที่แบงก์คิดค่าธรรมเนียมค่าบริการกับบิทคับเพียง 3 บาทต่อรายการ แต่บิทคับเอามาเรียกเก็บจากลูกค้าเพิ่มถึง 17 บาท

ปั่นเยาวชน มอมเมาด้วยการตลาด

สิ่งที่สังคมรับไม่ได้ และ เห็นว่า ไทยพาณิชย์ต้องคิดให้รอบคอบในการเข้าลงทุนเทกโอเวอร์บิทคับ ก็คือ การทำการตลาดของยูนิคอร์นรายนี้ที่ทำทุกวิถีทางที่จะได้ลูกค้ามาเปิดบัญชีเทรดกับตลาดตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่เยาวชนที่อ่อนด้อยประสบการณ์ ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่ไทยพาณิชย์จะได้รับคือ การซื้อบ่อนพนัน

จากทั้งหมด บทสรุปของบิทคับ จากสตาร์ทอัป อัปเกรดขึ้นมาเป็นยูนิคอร์นภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยการขี่กระแสขาขึ้นของบิตคอยน์พร้อมกับความพยายามในการสร้างลัทธิหรือการสร้างภาพให้ธุรกิจและตัวของท๊อปจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ให้เป็นดั่งเจ้าลัทธิที่ปลุกเร้าเจ้าของธุรกิจ ชนชั้นอีลิท และ คนดัง ด้วยการตั้งโปรแกรม “ Chosen1” ทุ่มงบประมาณการตลาดมากมายมหาศาล ชวนเชื่อให้เชื่อไปในแนวทางเดียวกันกับบิทคับ ว่า บิทคับคือผู้ที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลกการเงิน และเชื่อมต่ออนาคตด้วยนวัตกรรมใหม่ พร้อมกับการปูพรมกวาดต้อนนักลงทุนหน้าใหม่ไร้ประสบการณ์ นักเรียนมัธยม เด็กมหาวิทยาลัย ที่ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเองด้วยแคมเปญเช่น 10 บาทก็ลงทุนได้ สะท้อนให้เห็นว่า บิทคับนั้นเอาการตลาดนำหน้าเพื่อรายได้ เพื่อผลกำไรทางธุรกิจ มากกว่าผลลัพธ์การพัฒนาตลาดคริปโตฯ

ธรรมาภิบาลแบบนี้ ไทยพาณิชย์ ไม่เทไหวหรือ?

อ่านเพิ่มเติม

]]>
1392049
ให้คะแนนเหรียญตัวเองสุดเวอร์ ก.ล.ต.ชี้เหรียญ KUB ขาดคุณสมบัติเทรด บี้ “บิทคับ” แก้ไขใน 30 วัน https://positioningmag.com/1390887 Fri, 01 Jul 2022 07:23:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1390887 บอร์ด ... ชี้ บิทคับ ให้คะแนนเหรียญตัวเองสุดเวอร์ KUB ขาดคุณสมบัติเข้ามาเทรดในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ขีดเส้นแก้ไขให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใน 30 วัน

คณะกรรมการ ก... ในการประชุมครั้งที่ 7/2565 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 อาศัยอำนาจตามมาตรา 35 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.. 2561 (... สินทรัพย์ดิจิทัลฯ) ออกประกาศฉบับที่ 108 / 2565 สั่งการให้ Bitkub แก้ไขการคัดเลือกและอนุมัติเหรียญ KUB ในการเข้ามาซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (ศูนย์ซื้อขายฯ) ของ Bitkub ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565

โดยให้ Bitkub ประสานกับบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (BBT) ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญ KUB โดยให้ BBT แก้ไขมาตรฐานเทคโนโลยีของโปรเจคของเหรียญ KUB ให้เป็นไปตามคะแนนที่ Bitkub ได้พิจารณาไว้เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 และให้ Bitkub แสดงหลักฐานอย่างชัดเจนต่อ ก... ว่า มาตรฐานเทคโนโลยีของโปรเจกต์ของเหรียญ KUB เป็นไปตามคะแนนที่ Bitkub ได้พิจารณาไว้

สืบเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 Bitkub ได้พิจารณาอนุมัติเหรียญ KUB เข้ามาให้บริการซื้อขายในศูนย์ซื้อขายฯ ของ Bitkub โดยที่เหรียญ KUB มีคุณสมบัติไม่ถึงเกณฑ์ที่จะได้รับอนุมัติเข้ามาซื้อขายตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัล (Listing Rule) ของ Bitkub ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ... 

โดย ก... ได้ตรวจสอบการคัดเลือกเหรียญ KUB แล้ว พบว่า Bitkub มีการให้คะแนนการคัดเลือกเหรียญ KUB เพื่ออนุมัติให้เข้ามาซื้อขายในศูนย์ซื้อขายฯ ของ Bitkub ไม่เป็นไปตาม Listing Rule ของ Bitkub ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ... โดย Bitkub ให้คะแนนในเรื่องมาตรฐานเทคโนโลยีของโปรเจคในระดับที่ “สูงกว่ามาตรฐานและไม่เคยมีมาก่อน แต่ไม่ปรากฏหลักฐานและเอกสารที่แสดงให้เห็นว่า เหรียญ KUB มีเทคโนโลยีดังกล่าวอยู่จริง 

นอกจากนี้ Bitkub ยังให้คะแนนในหัวข้อการระดมทุนและหัวข้อส่วนลด Pre-ICO Sale ที่ไม่สอดคล้องกับลักษณะของเหรียญ KUB ด้วย จึงทำให้ ก... เห็นว่า คะแนนการคัดเลือกเหรียญ KUB โดยรวมไม่ถึงเกณฑ์ที่จะอนุมัติเข้ามาซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้

ทั้งนี้หลังจากที่ทาง ก... ได้ออกประกาศฯ ล่าสุด ณ เวลา 23.15 . (30 มิ..) พบว่าราคาเหรียญ Kubcoin ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 92 บาท/เหรียญ จากราคาที่สูงที่สุดของวันนี้ที่ 107 บาท/เหรียญ

Source

]]>
1390887
KUBCOIN เจ้ามือรวย แมงเม่าม้วยมรณา https://positioningmag.com/1377337 Mon, 14 Mar 2022 03:56:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1377337 ย้อนรอยอภินิหาร “Kubcoin” จากเหรียญมโนสู่เหรียญทองคำ ราคาจาก 30 บาทลากขึ้นไป 500 กว่าบาท หรือขึ้น 1,800% ก่อนเจ้ามือทุบจนแมงเม่าแดดิ้น ก.ล.ต. ลั่นตรวจสอบถึงที่สุด สะท้อนภาพความน่าเชื่อถือตลาดไทย เหรียญไทย อันตรายไม่ต่างจากบ่อนพนัน ฝันเทียบสากลยังห่างไกล คนต้องมนต์ต้องคิดให้หนัก

จากกรณี “ซูเปอร์ดีล” ที่กลุ่มธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB)” จะเข้าซื้อหุ้นบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitkub) 51% คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.78 หมื่นล้าน เพื่อเป็นทางลัดเข้าสู่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ประเภทศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) เริ่มมีคำถามว่า จะได้คุ้มกับเสียหรือไม่? (ดังรายละเอียดตอนที่ 1) ขณะที่ฝั่งของสตาร์ทอัป บิทคับ (Bitkub) โดย กลุ่มของ “ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ก่อตั้งวิเคราะห์กันว่า มีได้กับได้ โดยเด้งแรกที่ได้คือ เงินจากการขายหุ้นให้ SCBX ที่ส่งผลให้จากสตาร์ทอัปที่เพิ่งก่อตั้งมาเพียงไม่กี่ปีกลายร่างเป็น “ยูนิคอร์น” ตัวใหม่ของประเทศ และ อีกเด้ง คือ มูลค่าราคาของ Kubcoin เหรียญของ Bitkub เองที่ราคาพุ่งสร้างอภินิหารที่ตามมาด้วยข้อสงสัยมากมาย

KUB Cion เริ่มจากเหรียญมโน??

ตามข้อมูลในไวท์เปเปอร์ V1 ของ Bitkub ระบุว่า Bitkub Coin (KUB) คือ เหรียญประจําเครือข่าย Bitkub Chain (เปรียบได้กับ Ether บน Ethereum Network) ทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนเครือข่ายกระจายศูนย์ โดยจะมีหน้าที่เป็น Gas เช่นการสร้างบล็อกเชนใหม่ การทําธุรกรรมบนเครือข่าย Bitkub Chain หรือ เครือข่าย Smart Contracts เช่น การโอนทรัพย์สิน, การจัดเก็บข้อมูลและอื่นๆ และ สามารถนําไปแลกเป็น Fee Credits หรือค่าธรรมเนียมในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลบนกระดานเทรด Bitkub

เรียกว่า Kub เป็น Utility Token ที่บิทคับเขียนแผนวาดฝันโฆษณาชี้ชวนกับนักลงทุน จะให้เป็นตัวอย่างของเหรียญคริปโตพันธุ์ไทยที่จะผลักดันให้มีการใช้เชื่อมต่อการทำธุรกรรมต่างๆ บนเครือข่ายของพวกเขา ไม่ต่างจากเครือข่ายของอีเทอร์เลียมในระดับสากล โดย Bitkub จะทำการออกเหรียญทั้งหมด 1,000 ล้านเหรียญ คำนวณมูลค่าที่เหมาะสมไว้ที่ราคา 30 บาทต่อ 1เหรียญ หรือ จะระดมทุนได้กว่า 30,000 ล้านบาท!

Photo : Shutterstock

ทว่า ในแวดวงสตาร์ทอัปขณะนั้นหลังจากได้เข้าไปดูไวท์เปเปอร์ V1 ของบิทคับต่างพากันประหลาดใจไม่น้อย ที่แผนนอกจากจะให้รายละเอียดไม่มากนัก ไม่ต่างกับการ “มโน” ที่ KUB ไม่มีมูลค่าอะไรในตัวเอง หรือ ปัจจัยพื้นฐานอะไรรองรับ แต่กลับการเล่นใหญ่ด้วยการตั้งเป้าระดมกว่า 30,000 ล้าน และ ชี้ชวนให้เห็นว่า Kubcoin คือเงินอนาคตจะมาเปลี่ยนโลกธุรกิจ “Kubcoin is Futureof Thailand” ทำไมหน่วยงานกำกับดูแลถึงกล้าปล่อยให้มีการระดมทุนหลายหมื่นล้านได้เลยหรือ?

มิหนำซ้ำ ยังมีคำถามว่า เจ้าของสามารถเสกเหรียญขึ้นมาเพื่อขายเอาเงินไปใช้ในโครงการ แถมยังเทรดในตลาดตัวเองเก็งกำไรสูงต่ำหูดับตับไหม้ ลักษณะไม่แตกต่างจากยกบ่อนพนันออนไลน์ขึ้นมาเล่นอย่างถูกกฎหมายใช่หรือไม่??

ที่สำคัญ จากไวท์เปเปอร์ แสดงให้เห็นถึง บิทคับ ตั้งใจปล่อยเหรียญออกมาขายในตลาดตัวเองเรื่อยๆ โดยอ้างว่า เป็นค่าพัฒนาธุรกิจ สภาพคล่อง และพันธมิตรธุรกิจ ซึ่งถ้าเป็นไปตามโรดแมปย่อมหมายถึงเม็ดเงินมหาศาลที่จะเข้ากระเป๋าเจ้าของเหรียญอย่างง่ายดาย

อภินิหาร Kubcoin จาก 30 บ. ราคาปั่นขึ้นไป 1,833%

Kubcoin เปิดตัวเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2564 แต่ไม่ได้สวยหรูอย่างที่นักเทรดคิด โดยการซื้อขายเปิดด้วยตัวแดง จากการเทขายอย่างหนัก ราคาร่วงจาก 30 บาทไหลรูดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดที่ 12 บาท นักวิเคราะห์มองว่า นั่นคือ ภาพสะท้อนความเชื่อมั่นและปัจจัยพื้นฐานที่มีต่อ Kubcoin และเจ้ามือถือโอกาสทำกำไรตั้งแต่แรกเลย

ราคา Kubcoin ที่เปิดตัวไม่สวยด้วยแดงเลือดสาดทำให้บรรดานักลงทุนเรียกร้องผ่านโซเชียลทวิตข้อความเรียกร้องให้ท๊อป จิรายุส ที่สร้างตัวตนให้แฟนคลับบนโลกออนไลน์รับรู้ถึงคนที่จะเปลี่ยนโลก เปลี่ยนชีวิตนักเทรด ให้เชื่อมั่นในเหรียญ Kub ออกมาช่วยเหรียญหน่อย ซึ่ง ท๊อป ก็ขานรับได้โพสต์ลงทวิตเตอร์ว่า “เดี๋ยวคอยดูกัน”

ว่ากันว่า ใน 2 วันแรกที่ Kubcoin สามารถขายได้ 50 ล้านเหรียญ จากนั้นราคาก็ร่วงลงมาเหลือ 13-14 บาท เนื่องจากคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. มองเห็นสัญญานอันตราย จึงตั้งกฎว่าห้ามบุคคลที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ซื้อขายออกเหรียญเองเทรดเองเพราะขัดแย้งผลประโยชน์ แม้จะไม่มีผลย้อนหลัง แต่ทำให้ศูนย์ซื้อขายอื่นๆ ทำไม่ได้จนเกิดเป็นดราม่ากัน

หลังจากนั้น ปรากฏในเวลาต่อมาเพียง 1 เดือน บิทคับ ต้องออกประกาศไวท์เปเปอร์ V2 ออกมา ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญ คือ การ “เผาเหรียญ” ทิ้ง 89% หรือ จาก 1,000 ล้านเหรียญให้เหลือเพียง 110 ล้านเหรียญ เพื่อดึงราคา และ สภาพคล่องให้กับ Kubcoin

ทว่า จุดเปลี่ยนของ Kubcoin ก่อนที่ราคาถูกปั่นทะลุเมฆก็ต้องบอกว่า มาจากข่าวการเข้ามาซื้อหุ้นของผู้เล่นรายใหญ่ SCBX ค่ำคืนวันที่ 2 พ.ย. 2564

ราคาเหรียญขยับจากเดิมที่ระดับ 30 – 33 บาท ต่อ 1 เหรียญ พุ่งสูงขึ้นถึง 98 บาทต่อเหรียญ หรือกว่า 196%

จากนั้น “สตอรี่” เพื่อสนับสนุนให้เหรียญดูมีค่ามีราคาต่างๆ ก็ผุดขึ้นมาเป็นราววางพล็อตซีรีส์เกาหลีนั่นคือ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. “ท๊อป จิรายุส” นำทีมเปิดตัว “Bitkub NFT” ซึ่งเป็น Official Project แพลตฟอร์มของ Bitkub Chain ประโคมโอ่ว่า เพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถเข้ามาสัมผัสและเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่กำลังเป็นกระแสระดับโลก

สิ่งที่ช่วยเพิ่มแรงดึงดูดของ Bitkub NFT คือการดึงคนที่มีชื่อเสี่ยง เข้ามาร่วมซื้อขาย อาทิ บี้ เดอะสกา, ปลื้ม VRZO, เก๋ไก๋สไลเดอร์ ฯลฯ เข้ามาเปิดขายในแพลตฟอร์มดังกล่าว

ข่าวดีประกอบกับ การตีปี๊บสร้างกระแสจากอินฟูเอนเซอร์ทำให้ราคา Kubcoin ในช่วงนั้นซึ่งขยับขึ้นไปอยู่ที่ 123 บาทต่อ 1 เหรียญ ส่งผลจิตวิทยาทำให้บรรดานักเทรดมือใหม่ นักเรียน นักศีกษา เหล่านักลงทุนรายย่อยมองเห็นโอกาสเข้าตลาดหากำไร ไม่ต้องคิดมากแห่แหนเข้ามาเทรด Kubcoin กันอย่างคึกคัก ยิ่งทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นไปอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งดีดตัวเพิ่มขึ้นไปจนถึงระดับ 500 บาทต่อ 1 เหรียญ เพิ่มขึ้น 306.50% ทำจุดสูงใหม่เป็นประวัติการณ์ (All Time High) เป็นอภิหารที่ไม่มีวันลืมเลือนของนักเทรด หรือนักรบของบิทคับ

ปรากฏการณ์ดังกล่าว ทำให้สาวกหรือผู้ที่ชื่นชอบใน Bitkub ที่ทำกำไรได้สุดโต่ง ประกาศจะแก้ผ้าวิ่งหน้าบริษัท Bitkub ทำเอา “ท๊อป จิรายุส” ปลื้มส่งข้อความผ่านทวิตฯ กลับว่าถ้าจะวิ่งขอเป็น Bikini สีเขียวจะดีกว่า

ขณะที่ ณ เวลานั้น นักวิเคราะห์หลายคนที่กังวลว่าราคาของเหรียญอาจมีการปรับฐานร่วงลงได้ตามกลยุทธ์ Sell on Fact ส่วนด้านเหตุและผลของคำกล่าวอ้าง ในเวลานั้นคือ มูลค่าราคาเหรียญ KUB ที่ระดับ 500 บาทต่อ1 เหรียญนั้นมาจากสภาวะตลาดที่มีการเข้าซื้อมากจนเกินไป (Over bought)

แต่ใช่ว่า Kubcoin จะหยุดเพียงเท่านี้ เพราะหลังจากดูเหมือนจะหมดสตอรี่สร้างราคาให้เหรียญ จนราคาร่วงลงมาต่ำกว่า 240 บาทต่อเหรียญอีกครั้ง ปรากฏ Kubcoin ก็สร้างอภินิหารสำแดงเดชส่งท้ายปี ในวันที่ 28 พ.ย. เมื่อทางกลุ่มประกาศข่าวดี Kubcoin ถูกนำไปเทรดในกระดานระดับโลกแล้วถึง 3 ตลาด จนราคาขยับไปที่ 580 บาทต่อ 1 เหรียญ หรือ 1,833% จากราคาตั้งต้นของเหรียญที่ระดับ 30 บาทต่อ 1 เหรียญ

วันมหาวิปโยคปั่นแล้วทุบ?

อย่างไรก็ดี การลงทุนมีความเสี่ยง การเทรดคริปโตที่ว่ากันว่าเป็นตลาดซิ่ง ที่ขึ้นสูงสุดสอยอยู่บนดอยฟ้ากว้างฉันใดก็ดำดิ่งลงก้นเหวได้พลันเช่นกัน หรือเรียกว่า กำไรเป็นพัน% ก็ต้องเตรียมตัวทำใจขาดทุนได้เป็นพัน% โดยเฉพาะเมื่อปัจจัยเปลี่ยนแปลงเร็ว และ เจตนาของขาใหญ่ ที่จงใจปั่นราคาแล้วทุบ?

ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า เป็นวันวิปโยคของบรรดานักลงทุนรายย่อยในตลาดบิทคับ ขณะที่ยังเมามันส์กับการเก็งกำไร สรรเสริญท๊อป จิรายุส เป็นสุดยอดเจ้าพ่อคริปโตฯผู้เสกความมั่งคั่งให้นักลงทุนได้ จู่ๆ หลังจากราคา Kub ขึ้นไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ไม่นาน ก็มีแรงเทขายอย่างหนักในช่วงเช้าวันที่ 30 พ.ย. 2564 ส่งผลให้ราคาเหรียญดิ่งเหวลงไปอยู่ต่ำสุดของวันที่ 150 บาท หรือ ร่วงไป 70%

วันเดียวกันกับที่ Kub ร่วงหนักอีกสองเหรียญสัญชาติไทย Jfincoin และ Six Coin ที่เทรดในตลาดของ Bitkub ก็กอดคอกันในร่วงพร้อมกันอย่างน่าผิดสังเกต ลักษณะเหมือนการปั่นราคาแล้วทุบลงมาในจังหวะแพตเทิร์นเดียวกัน ซึ่งในแวดวงนักลงทุนว่ากันว่า เป็นหายนะของแมงเม่าอย่างแท้จริง ที่ถูกเกมปั่นราคาหลอกให้เข้ามาซื้อในราคาที่สูงก่อนที่เหมือนมีใครถอดปลั๊กตลาด Bitkub แบบน่าสงสัยว่า มันเกิดอะไรขึ้น?

ราคาที่ร่วงอย่างน่าตกใจ ทำให้รายย่อยนักเทรดทั้งหลายร้องระงมไปทั่วโซเซียล ไม่เว้นแม้แต่ “เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” นักฟุตบอลทีมชาติไทย คนดังถึงกับโพสต์ความในใจพร้อมแคปหน้าจอกราฟแสดงราคาเหรียญ Kubcoin ลงโซเชียลส่วนตัว ฝากถึง บิทคับในวันมหาวิปโยควันนั้นว่า “ทำกันได้ลงคอนะ Kub” โดยมีแฟนๆ และสาวกบิทคับออกมาแสดงความเห็นร่วมชะตากรรมเดียวกันและแชร์ไปจำนวนมาก

เจ้ามือรวย แมงเม่าม้วยมรณา

ประเด็นดังกล่าว หลายฝ่ายเชื่อว่า เหรียญที่เทรดในตลาดบิทคับ ย่อมมีผู้กำกับ หรือ “เจ้ามือ” ทำราคาเหรียญ KUB ที่ไม่น่าขยับขึ้นได้ให้ขึ้นได้ราวกับร่ายเวทมนต์ นอกจากนี้ยิ่งทำให้เชื่อว่า การขยับของเหรียญ KUB ไม่ได้มาจากปัจจัยพื้นฐานของเหรียญ หากแต่มาจากอารมณ์ร่วมของนักลงทุน และ “พลังยุทธ์” มากกว่า หนี่งในนั้นก็เป็นผู้ก่อตั้งเองที่ขยันทวิตข้อความสนับสนุนเหรียญของตัวเอง

หากจะถามว่า Kub ที่ถูกปั่นราคาให้บินสูงขึ้นเรื่อยๆ จาก 30 บาทมาไกลถึง 500 กว่าบาทแน่นอน เจ้ามือกินรวบ รวยอู้ฟู่ แต่สำหรับรายย่อยมันคือ หายนะ การหมดเนื้อหมดตัว ใครที่ขายไม่ทัน ออกไม่ได้ แม้จะรู้ว่า การลงทุนมีความเสี่ยง แต่คำถามคือ หากเป็นเรื่องของการทำราคา ปั่นเหรียญ อินไซต์เดอร์การซื้อขายอย่างยุติธรรมมันควรมีหรือไม่? หรือจะปล่อยให้พวกเขาแมงเม่าม้วยมรณาไปอย่างไม่อินังขังขอบ ตกเป็นเหยื่อของเจ้ามือที่โกยเงินเข้ากระเป๋าไปเรียบร้อย

ปั่นคริปโตน่ากลัวพอกับปั่นหุ้น

จากข้อมูลที่กล่าวมา ทำให้พอทราบว่าลักษณะการเคลื่อนไหวของราคาเหรียญคริปโตฯ ทุกวันนี้ ไม่ต่างอะไรจากหุ้นปั่นในอดีต ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเจอคำถามว่า “ขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือขึ้นโดยเหตุผลรองรับไม่เพียงพอ” และใครที่ได้ที่เสียกับลการขึ้นของราคาหุ้น จะเป็นป้าแม้วที่ขายส้มตำอยู่หน้าออฟฟิศ หรือน้าปูแม่บ้านหรือเปล่า? หรือ “คนที่คุณรู้ว้าใคร?”

สิ่งเหล่านี้ ทำให้ต้องย้อนกลับมาถึง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีความสามารถในการตรวจสอบมากน้อยเพียงใด เพราะนี่คือเหรียญคริปโตฯ ไม่ใช่หุ้นที่มี “ซิลลิ่ง –ฟลอร์” มาช่วยติดเบรก หรือส่งสัญญาณเตือน อีกทั้งถ้ามีการเตือนเกิดขึ้น บรรดาสาวกในวงการคริปโตฯ คงไม่พอใจหากราคาเหรียญถ้าจะเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงแล้วต้องถูกห้าม หรือถูกเบรก และมองว่าเป็นการปิดกั้นเสรี

Closeup – Woman is checking Bitcoin price chart on digital exchange on smartphone, cryptocurrency future price action prediction.

ขณะเดียวกันหากมองในมุมของการลงทุนหุ้น เรื่องราวบางเรื่องที่เหรียญคริปโตนำมาสร้างกระแสปั่นราคา หนีไม่พ้นกับคำว่า “Insider” การเอาข้อมูลภายในมาหาผลประโยชน์ จึงถือเป็นเรื่องสำคัญของหน่วยงานที่กำกับดูแลควรให้ความใส่ใจต่อเหตุการณ์เหล่านี้

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวถึงกระแสการปั่นราคาเหรียญคริปโตฯ ที่เกิดขึ้นว่า ก.ล.ต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการตรวจสอบถึงความไม่เป็นธรรมของราคาเหรียญคริปโตฯ ด้วยเช่นกัน เพราะลักษณะของการสร้างราคามีความใกล้เคียงกับการปั่นหุ้น แต่จำเป็นต้องดูให้ชัดเจน ต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูล ทำให้ต้องใช้เวลา และต้องไปดูว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้อง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันมีข่าวอะไรถึงทำให้ราคามันปรับขึ้น

“อย่างไรก็ตาม ก็ต้องให้โอกาสชี้แจง ที่ผ่านมาราคาเหรียญคริปโตฯ ถือว่าร้อนเกินควร ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริง มันเป็นหน้าที่ ก.ล.ต.เรามีอำนาจหน้าที่ ที่ผ่านมาเขามีแต่ปั่นหุ้น ตอนนี้ก็อาจมีการปั่นเหรียญ อยู่ดีๆ ขึ้นราคาได้งัยเราต้องดูสภาพผิดปกติ มีใครเข้ามาทำราคา ใครเอาเปรียบผู้ลงทุน และเนื่องจากมันเป็นคดีอาญา จึงต้องใช้เวลาในการพิจารณาอย่างชัดเจน ต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อไม่ให้มีข้อสงสัย”

KUB ส่งเสริมหรือทำลายความน่าเชื่อถือคริปโตไทย?

จากปรากฏการณ์ อภินิหาร Kubcion นับแต่เป็นเหรียญในไวท์เปเปอร์ถูกปล่อยออกมาเทรดใน Bitkub Exchange แพลตฟอร์มเทรดคริปโตฯ สัญชาติไทยจนถึงการ “ปั่นราคา” อยู่เหนือเหตุผลของปัจจัยพื้นฐานดูเหมือนว่า ตอนนี้จะเริ่มมีคำถามว่า แท้ที่จริง การออก Kub ของบิทคับเพื่อส่งเสริมหรือทำลายความน่าเชื่อถือให้กับวงการสินทรัพย์ดิจิทัลไทยกันแน่?

คำอธิบายในไวท์เปเปอร์ดูเหมือนจะทำเป็นตัวอย่างให้องค์กรธุรกิจ กลุ่มนายทุนได้เห็นถึง ด้านของการพัฒนาส่งเสริมการเชื่อมต่อโลกอนาคต แรกๆ หากองค์กรธุรกิจกระโจนลงมา หรือ คนที่มีชื่อเสียงไม่ต้องการตกเทรนด์ อาจจะดีในแง่ส่งเสริมภาพลักษณ์ของตนเองให้ดูดีทันสมัย แต่ในระยะยาวมันอาจจะตรงกันข้ามก็ได้ ใครเลยจะรู้

Photo : Shutterstock

เนื่องเพราะ ทำไปทำมา Kubcoin กลับสื่อไปอีกด้าน นั่นคือ ด้านมืด เงินอนาคตหาได้อย่างง่ายดาย หลอกนักเทรดมือไหม่ คนรุ่นใหม่หวังรวยโดยโชคช่วยให้เข้ามาสัประยุทธ์ในตลาดที่เต็มไปด้วยการสร้างราคาเหรียญ เก็งกำไร ไม่ต่างกับการพนัน เป็นตลาดที่พร้อมจะสร้างความร่ำรวยให้กับเจ้าของเหรียญอย่างนั้นหรือ??

เหรียญอย่าง KUB, SIX, JFIN มีการซื้อขายคิดเป็นเกือบ 70% ของยอดการซื้อขายทั้งหมด แซงหน้าเหรียญยอดนิยมอย่าง BTC อย่างไม่เห็นฝุ่น ย่อมไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากการเก็งกำไรการขึ้น-ลงอย่างรุนแรงของเหรียญของคนไทย ที่มีการซื้อขายเฉพาะในวงคนไทยเป็นส่วนใหญ่ สะท้อนภาพว่า เหรียญสามารถถูกปั่นราคาได้ง่ายใช้เงินไม่มากปริมาณ supply ของเหรียญน้อย อาศัย Market marker ที่ถูกจ้างมา และข่าวความร่วมมือนู่นนี่นั่นก็ทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงได้ตามปรารถนาของ “เจ้ามือ” จน “แมงเม่า” นักลงทุนหน้าใหม่ หลงแสงเข้ามาติดกับดัก เหรียญที่ถูกปั่นราคาขึ้นไปก็พร้อมที่จะเทขายเพื่อทำกำไรอย่างที่เห็น

ขณะที่การตรวจสอบของก.ล.ต.แม้จะเปิดวอร์รูมติดตามตรวจสอบ ฟังว่า ได้ตรวจสอบกรณีของ 3 เหรียญไทยสร้างราคาหรือไม่ไปแล้วตั้งแต่เกิดเรื่อง แต่ก็ถูกมองว่า ล่าช้า จึงมีคำกล่าวว่า ขนาดปั่นหุ้นยังจับได้ยาก ปั่นคริปโต การจะจับมือใครดมนั้นยิ่งไม่ต้องคาดหวัง

ความน่าเชื่อของตลาดคริปโตฯ ไทยจึงยังเป็นเครื่องหมายคำถามตัวโตๆ ซึ่งการพัฒนาส่งเสริมสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ใช่เรื่องผิดแปลกเพราะแนวโน้มโลกการเงินเปลี่ยนแปลงเร็ว ไทยก็ต้องปรับตัวตาม แต่ใครก็ตามที่เอากระแสมาขี่ ทำโฆษณา เอาความคิดสร้างความร่ำรวย สร้างความเชื่อผิดๆ ให้ตลาด มิหนำซ้ำกระทำเป็นตัวอย่าง ย่อมเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

โปรดติดตาม “Bitkub” ยูนิคอร์นสายพันธุ์อันตราย?? ได้ในตอนที่ 3 วันจันทร์หน้า

Source

]]>
1377337
สรุปดราม่า “ภาษีคริปโต” จ่ายเฉพาะส่วนกำไร แม้ผลรวมทั้งปีจะขาดทุนก็ตาม https://positioningmag.com/1369710 Thu, 06 Jan 2022 15:02:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1369710 ดราม่าภาษีคริปโตที่สร้างความวิตกกังวลต่อนักลงทุนอย่างมาก โดยเฉพาะนักลงทุนรุ่นใหม่ที่นิยมเข้าเทรดเหรียญคริปโตในกระดานเทรดทั้งไทย และต่างประเทศ ซึ่งเป็นกระแสที่ร้อนแรงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดทางกรมสรรพากรได้ประกาศเรียกเก็บภาษีคริปโตตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 นี้เป็นต้นไป ซึ่งจากการประกาศออกมาดังกล่าว ก่อให้เกิดข้อถกเถียงของนักลงทุนเหรียญคริปโตในโซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์มต่อมาตรการ “ภาษีคริปโต 15%” ที่เกิดขึ้นอย่างเผ็ดร้อน

ล่าสุด สมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี และโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยมาตรการภาษีคริปโตผ่านทางรายการ The Morning Wealth ถึงแนวทางการจัดเก็บภาษีที่ได้จากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ คริปโต รวมไปถึง NFT และอื่นๆ

โดยระบุว่าการคิดคำนวณ และจัดเก็บภาษีนั้น เป็นการคิดจากฐานของภาษีเงินได้ ในการนำไปซื้อขาย หรือทำธุรกรรมคริปโตในทุกรายการ (transactions) ที่มีกำไรเป็นเงินสด เช่น ผู้เสียภาษีทำการแลกเปลี่ยนบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน 10 รายการในปีนั้น โดยขายเหรียญได้กำไรเป็นเงินสด (THB) 5 รายการ รวม 2 แสนบาท แต่อีก 5 รายการ ขายเหรียญแล้วขาดทุน 5 แสนบาท

รวมทั้งปีผู้เสียภาษีขาดทุนจากการแลกเปลี่ยนรวม 3 แสนบาท ภาษี 15% นั้นก็จะต้องระบุเงินได้เพื่อเสียภาษีจากกำไร 2 แสนบาทอยู่ดี แม้ยอดรวมทั้งปีจะขาดทุน หรือแม้จะยังไม่ได้ถอนเงินบาทออกมาจากกระดานเทรดบนแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นก็ตาม เนื่องจากสรรพากรถือว่าการซื้อขายและกำไรเกิดขึ้นแล้ว แม้ว่านักลงทุนเจ้าของบัญชีเทรดนั้นจะยังไม่ได้ถอนเงินออกมาก็ตาม

Photo : Shutterstock

การที่กรมสรรพากรเตรียมที่จะนำ Big Data และ Data Analytic มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเส้นทางการเงิน และการลงทุนของนักลงทุน โดยหากผู้เสียภาษีอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเสียภาษีไม่ถูกต้อง ผู้เสียภาษีจะต้องยื่นเอกสารหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าการยื่นแบบเสียภาษี ถูกต้องตามความเป็นจริง หรือแสดงเงินได้น้อยกว่าความเป็นจริงหรือไม่

โดยหากจำนวนรายได้กำไรที่เกิดขึ้นจริงมากกว่าหรือที่เกิดขึ้นต่ำกว่า ก็ต้องชำระส่วนต่างที่เกิดขึ้นจากส่วนที่ขาดตกบกพร่องไป นอกจากนี้อาจต้องเสียดอกเบี้ยอีก 1.5% ต่อเดือน ในส่วนที่ยื่นขาด ซึ่งขณะนี้ทางสรรพากรกำลังประสานงานร่วมกับกระดานเทรดต่างๆ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลการซื้อขาย รายได้ และกำไรของนักลงทุน เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำส่งข้อมูลภาษีของผู้ซื้อและผู้ขายให้กับกรมสรรพากร

การที่กรมสรรพากรเดินหน้าเรียกเก็บภาษี Capital Gain จาก “คริปโตเคอร์เรนซี” กรณีซื้อขาย-แลกเปลี่ยน รวมทั้งชำระค่าสินค้า-บริการ โดยกำหนดให้มีการเสียภาษีโดย หัก ณ ที่จ่ายจำนวน 15% ขณะเดียวกันผู้ที่ได้รับรางวัลจากการชิงโชคก็จะต้องเสียภาษีในส่วนนี้ด้วยในจำนวน 5%

นอกจากนี้ หากนักลงทุนมีการฝากเหรียญเพื่อกินดอกเบี้ยก็จะต้องมีการจ่ายภาษีจำนวน 15% อีกด้วยเช่นกัน และหากมีการรับมรดกยกเว้นภาษี ด้านนิติบุคคล ก็จะต้องยื่นจ่ายภาษีนี้ด้วย โดยผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษี ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึง วันที่ 31 มีนาคม 2565 โดยล่าสุดกรมสรรพากรได้สรุปแนวทางการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี ไว้ดังนี้

Photo : Shutterstock

1. กรณีกำไรจากการขาย หรือแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซี (Capital Gain) ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (4) (ฌ) ผู้ขายมีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ขณะที่ผู้ซื้อมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%

2. กรณีนำคริปโตเคอร์เรนซี ไปชำระค่าสินค้าหรือบริการ โดยมูลค่ามากกว่าตอนที่ได้มา ถือเป็นเงินได้ตาม 40 (4) (ฌ) ผู้ที่ชำระค่าสินค้า หรือบริการด้วยคริปโตเคอร์เรนซี มีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ขณะที่ผู้รับชำระค่าสินค้าหรือบริการด้วยคริปโตเคอร์เรนซี มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%

3. กรณีได้รับจากการให้โดยไม่มีค่าตอบแทน ถือเป็นเงินได้ตาม 40 (8) แบ่งเป็น กรณีทั่วไปผู้ได้รับต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 และแบบ ภ.ง.ด.94 สำหรับกรณีนี้ผู้ให้ไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ขณะที่บางกรณีเป็นเงินได้ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว หรือ Final withholding tax และ กรณีได้รับยกเว้นภาษีไม่ต้องยื่นแบบ แต่ตอนขายต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ขณะที่ผู้ที่จ่ายรางวัลชิงโชคเป็นคริปโตเคอร์เรนซี 1,000 บาท ขึ้นไป มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย 5%

4. กรณีได้รับทางมรดก ถือเป็นเงินได้ตาม 40 (8) ตอนได้รับมรดก และตอนขาย ได้รับการยกเว้นภาษี ไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษี

5. กรณีได้รับจากการทำงาน ถือเป็นเงินได้ทุกประเภท ผู้ได้รับมีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 และ ถ้ามีเงินได้ตามมาตรา 40 (5)-(8) ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 กรณีนี้อาจต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย

6. กรณีขุดเหรียญ (Mining) ถือเป็นเงินได้ตาม 40 (8) ผู้ขุดชนะ มีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 และ แบบ ภ.ง.ด.94

7. กรณีการฝากเหรียญเอาดอกเบี้ย (Staking) ถือเป็นเงินได้ตาม 40 (4) (ช) ผู้ฝากมีหน้าที่ต้องยื่น แบบ ภ.ง.ด.90 ตัวกลางรับแลกเปลี่ยน หรือ Exchange มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย 15%

Photo : Shutterstock

การจัดเก็บภาษีเงินได้จากกำไรจากการขายคริปโตเคอร์เรนซี ในส่วนของบุคคลธรรมดา จะแบ่งเป็น

1. เก็บตามแหล่งเงินได้ในประเทศ โดยการขายคริปโตฯ ในประเทศทุกรายการถ้ามีกำไร จะต้องเสียภาษี ตามมาตรา 40 (4) (ฌ)

2. เก็บตามแหล่งถิ่นที่อยู่อาศัย กรณีที่ขายคริปโตฯ ในต่างประเทศ และมีกำไร แล้วนำเงินกลับเข้ามาในประเทศ ในปีภาษีนั้นๆ ก็ต้องเสียภาษีเช่นกัน ถ้าอยู่เกิน 180 วัน และนิติบุคคลต้องเสียภาษีจากกำไรจากการขายคริปโตเคอร์เรนซีด้วย โดยสามารถนำไปคำนวณเป็นรายได้ รวมกับรายได้อื่น ๆ ถ้าหากมีกำไรก็ต้องเสียภาษี ในอัตราของนิติบุคคล

ขณะที่เหรียญคริปโตเคอร์เรนซีที่มีความร้อนแรงและกำลังเป็นที่จับตาจากทั้งนักลงทุนและ สำนักงาน ก.ล.ต. จากปริมาณการซื้อขายที่มีมากผิดปกติ และราคาที่พุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้ง ส่วนของการซื้อขายเหรียญคริปโตแม้ว่าจะอยู่ภายใต้การบังคับใช้กฏหมาย ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็ไม่มีข้อบังคับในส่วนของ insider trading เหมือนเช่นกรณีที่เกิดกับการซื้อขายหุ้น

โดยเฉพาะ 3 เหรียญดังที่ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในปี 2564 ที่ผ่านมา โดยอันดับได้แก่

1. JFIN ราคาปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 7,092% นับจากวันที่ 1 ม.ค. 2564 ถึง 31 ธ.ค. 2564

2. KUB ราคาปรับขึ้น 1,312% นับจากวันที่ 21 พ.ค. 2564 ถึง วันที่ 31 ธ.ค. 2564

3. SIX ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3,500% นับจาก 1 ม.ค. 2564 ถึง 31 ธ.ค. 2564 โดยกำไรจากการขายจะต้องนำไปยื่นแบบเสียภาษีเงินได้ และต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%

ทั้งนี้ การที่กรมสรรพากรกำหนดให้แจ้งเงินได้จากกำไรจากการขายคริปโตเคอร์เรนซี และสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ระบุให้เก็บภาษีจากกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ที่ผ่านมารูปแบบการยื่นภาษีออนไลน์ยังไม่มีความชัดเจน จึงได้มีการปรับรูปแบบใหม่ให้เห็นชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันผู้เสียภาษีจำนวนมากมีเงินได้และกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวเพิ่มขึ้น

สำหรับการตรวจสอบการเสียภาษีเงินได้ที่มาจากกำไรจากการขายคริปโตเคอร์เรนซี หรือสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นไปตามหลักปฏิบัติปกติของกรมสรรพากร ซึ่งผู้เสียภาษีมีหน้าที่ประเมินตัวเอง และต้องแจ้งข้อมูลรายได้ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่ามีเงินได้จากทางไหนบ้างให้ครบถ้วน

Source

]]>
1369710