LINE ประเทศไทย – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sat, 26 Mar 2022 12:11:20 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ทิศทาง ‘LINE for Business’ ธุรกิจลักชัวรี่-ภาครัฐมาเเรง ลุยโซลูชันจัดการข้อมูลเเละ NFT https://positioningmag.com/1379204 Fri, 25 Mar 2022 09:10:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1379204 เปิดกลยุทธ์ LINE for Business เเพลตฟอร์มดิจิทัลยอดนิยม พบกลุ่มธุรกิจสินค้าหรูเติบโตก้าวกระโดด ภาครัฐไทยทำรายการดิจิทัลผ่าน LINE API โตถึง 482 % ปีนี้พร้อมบุกโซลูชันจัดการข้อมูล ‘อย่างง่าย’ จับธุรกิจขนาดกลาง-เล็ก เริ่มทำตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล คว้าโอกาส NFT 

นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ LINE ประเทศไทย เล่าถึงภาพรวมธุรกิจในปีที่ผ่านมาว่าเป็น ‘ปีเเห่งความท้าทาย’ ที่ต้องปรับตัวอย่างมาก ทั้งวิถีการใช้ชีวิตเเละกลยุทธ์ในการทำธุรกิจ

ในช่วงเเรกของวิกฤตโควิด-19 ผู้คนปรับตัวเเบบเฉพาะหน้า เเต่เมื่อเวลาผ่านไปมีหลายพฤติกรรมที่ได้กลายมาเป็นเทรนด์กระเเสหลักอย่างการทำงานจากที่บ้าน การใช้บริการส่งของหรือส่งอาหารเเบบเดลิเวอรี่ รวมไปถึงการหารายได้ในรูปเเบบสกุลเงินดิจิทัล

นอกจากนี้ เเรงกดดันจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นและแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก เหล่านี้ล้วนเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจ

ลักชัวรี่มาเเรง ภาครัฐใช้ LINE API โต 482%

ประเทศไทย มีการเติบโตในเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นอย่างมาก ในปี 2564 โดยมียอดผู้ใช้ LINE ทั้งสิ้น 50 ล้านราย เพิ่มจากสิ้นปี 2563 ที่มียอดผู้ใช้ 47 ล้านราย

ดัชนีชี้วัดของการใช้งานบริการดิจิทัลผ่าน LINE API เติบโตขึ้นถึง 47% จาก 4.6 หมื่นล้านการดำเนินการในปี 2563 สู่ 6.9 หมื่นล้านการดำเนินการในปี 2564

โดยธุรกิจกลุ่มสถาบันการเงินยังคงเป็นผู้นำในการใช้งาน ‘LINE API’ มากที่สุด

ส่วนกลุ่มธุรกิจสินค้าหรู ‘Luxury’ ถือเป็นธุรกิจกลุ่มใหม่ที่มีการบริโภคภายในประเทศสูงขึ้นเป็นอย่างมาก จากมูลค่าเงินลงทุนที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดบน LINE for Business ถึง 200% ในช่วงปี 2562-2564

ที่น่าสนใจ คือ กลุ่มภาครัฐและบริการสาธารณะ กลายเป็นกลุ่มที่เติบโตทางด้านดิจิทัลมากที่สุดในปี 2564 ด้วยยอดการทำรายการดิจิทัลผ่าน LINE API เติบโตถึง 482% เมื่อเทียบกับปี 2563

ตามมาด้วย กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ท่องเที่ยว และค้าปลีก ที่มียอดการเติบโตของการใช้งานผ่าน LINE API มากกว่า 100%

พัฒนาโซลูชันจัดการข้อมูล ‘อย่างง่าย’ จับธุรกิจกลาง-เล็ก

สำหรับกลยุทธ์ของ LINE ในปี 2565 จะมุ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับธุรกิจในการปรับตัวสู่ดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กลุ่มธุรกิจไทยให้เเข่งขันในได้ในระดับสากล

นอกจากนี้ จะมีการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องข้อมูล หรือ DATA ที่จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต

ที่ผ่านมา LINE มีโซลูชันจัดการข้อมูลให้แบรนด์ธุรกิจขนาดใหญ่ภายใต้ชื่อ ‘MyCustome’ โซลูชันในการบริหารจัดการข้อมูลที่ทำให้แบรนด์สามารถเก็บข้อมูลโดยได้รับการอนุญาตจากลูกค้าโดยตรง (1st party data consent)

ทั้งจากภายในแพลตฟอร์ม LINE หรือนำข้อมูลภายในของแบรนด์ หรือที่ได้จากช่องทางอื่นมารวมไว้ในที่เดียวกัน เพื่อเป็นประโยชน์ในการเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปใช้งานได้ทั้งในและนอกแพลตฟอร์ม LINE

เเละในปีนี้ LINE พัฒนาโซลูชันใหม่ล่าสุด ‘Business Manager’ ช่วยบริหารจัดการข้อมูลอย่างง่าย ตอบโจทย์ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่ไม่ได้ต้องการบริหารงานข้อมูลที่ซับซ้อน โดยจะเน้นไปที่การบริหารจัดการข้อมูลที่เกิดขึ้นโดยตรงบนแพลตฟอร์ม LINE ระหว่าง LINE Official Account และ LINE Ads Platform เพื่อให้แบรนด์สามารถนำมาวิเคราะห์ นำเสนอสินค้าบริการที่โดนใจลูกค้า

ด้านการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเเบรนด์ นอกจาก บัญชีรับรอง (Verified Account) เเล้ว ในปีนี้จะมีโปรแกรม BLUE BADGE ให้ความรู้ จัดอันดับ และให้รางวัลแก่แบรนด์ที่ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ทั้งในแง่ของสินค้า บริการ เเละการออกแบบผลิตภัณฑ์ร้านค้า

เดินหน้าลุย NFT for Business

ในปี 2022-2023 นี้ LINE เตรียมความพร้อมเพื่อเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจโลกใหม่ ผ่านการพัฒนาโซลูชันสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ NFT (Non-fungible Token)

โดย LINE ตั้งเป้าที่จะเป็นแพลตฟอร์มที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานให้กับองค์กรธุรกิจไทย ที่จะเดินหน้าสู่การทำการตลาดด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งในด้าน การจัดหา creator ให้กับแบรนด์ และเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ในการใช้งาน NFT เพื่อธุรกิจ (NFT for Business) ด้วยการร่วมมือกับ LINE Consumer Business ที่เพิ่งประกาศทิศทางในการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรม NFT อย่างเต็มรูปแบบ

โดย LINE เตรียมจะผลักดันให้เหล่าครีเอเตอร์ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 1 ล้านราย สร้างรายได้เพิ่ม ผ่านการสร้างสรรค์ commercial arts ในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ Licensing IP Business หรือการขายสินค้า (Merchandising) โดยที่ผ่านมา มีครีเอเตอร์ชาวไทยมากกว่า 28 รายที่กลายเป็นผู้เล่นธุรกิจ IP ผ่านการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งช่วยสร้างมูลค่าให้กับแบรนด์ต่าง ๆ เช่น Uniqlo และ AIS สำหรับปีนี้ LINE ก็มีแผนจะจะเปิดตัว Line Valley สำหรับการขายสินค้าให้กับเหล่าครีเอเตอร์ด้วย

พร้อมออกโปรแกรมพัฒนาครีเอเตอร์ใหม่ จัดตั้ง LINE Creators Academy สร้างความรู้ที่เกี่ยวข้องกับ NFT ตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงระดับสูงสำหรับครีเอเตอร์ที่สนใจ ซึ่งปัจจุบัน LINE ประเทศไทย ได้เป็นพันธมิตรกับตลาด NFT (NFT Marketplace) ชั้นนำ อาทิ EAST NFT, Bitkub NFT, Coral by KASIKORN X และ Zixel by Zipmex  NFT

เมื่อวันพุธที่ 23 มี..ที่ผ่านมา  LINE ประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศเเผนเตรียมเปิดตัว “LINE NFT” ในวันที่ 13 เม.ย.ที่จะถึงนี้ โดยจะเปิดให้ซื้อขาย NFT ได้ครบจบในแอปพลิเคชันเดียว ซึ่งจะมีการจัดแสดงผลงาน NFTs มากกว่า 100 รูปแบบ พร้อมเปิดให้ชมผลงาน NFT limited edition ของบริษัทบันเทิงญี่ปุ่นยักษ์ใหญ่อย่าง Yoshimoto Kogyo ซึ่ง ณ ตอนนี้จะเปิดให้บริการ “LINE NFT” แค่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก NFT Nonfungible.com ระบุว่า ในปี 2021 ที่ผ่านมา มียอดขาย NFT ทั่วโลกถึง 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตถึง 21,000% จากปี 2020 ที่มียอดรวมเเค่ 82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

]]> 1379204 คุยกับ “นายต้นไม้” กับอาชีพ “นักออกแบบสติกเกอร์ไลน์” หาเลี้ยงชีพด้วยรายได้หลักแสน! https://positioningmag.com/1348880 Mon, 30 Aug 2021 06:33:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1348880 เชื่อหรือไม่ว่า การออกแบบสติกเกอร์ไลน์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในตอนนี้ ไม่ใช่แค่งานอดิเรก แต่สามารถเป็นอาชีพหลักได้ด้วยรายได้หลักแสนต่อเดือน ทาง Positioning พาไปพูดคุยกับ “ต้นไม้-มนันห์ตชัย ไพรสินธ์” เจ้าของคาแร็กเตอร์ “นายต้นไม้” ออกแบบสติกเกอร์ไลน์มาแล้วกว่า 30 ชุด

ยุคบุกเบิก Sticker Creator

ถ้าพูดถึงแอปพลิเคชัน “LINE (ไลน์)” ได้กลายเป็นแอปฯ แชทที่มีอิทธิพลต่อคนไทยอย่างยาวนาน กลายเป็น Generic Name ในการส่งข้อความต่างๆ หนึ่งในฟีเจอร์ที่ถูกจริตคนไทยอย่างแรงกล้าก็คือ “สติกเกอร์ไลน์” นั่นเอง เรียกว่าถูกใจตั้งแต่กลุ่มเด็ก วัยรุ่น และผู้สูงอายุ

ในช่วงแรกทางไลน์ได้มีสติกเกอร์เซตทั้งแบบฟรี หรือเรียกว่า Official Account ทางสปอนเซอร์ผลิตสติกเกอร์ไลน์เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภค และเซตสติกเกอร์การ์ตูนทั่วไป มีทั้งคาแร็กเตอร์ไลน์ และคาแร็กเตอร์ลิขสิทธิ์ต่างๆ

ความนิยมของสติกเกอร์ไลน์สูงขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2557 ทางไลน์ได้เปิดตัวโครงการ Sticker Creator เปิดโอกาสให้ “คนทั่วไป” ส่งสติกเกอร์เข้าไปขายในแพลตฟอร์มไลน์ได้ เรียกว่าเป็นการบุกเบิกอาชีพ “นักออกแบบสติกเกอร์ไลน์” ในทันที บางคนส่งสติกเกอร์ไปเพื่อหวังรายได้เสริมเล็กๆ น้อยๆ บางคนส่งสติกเกอร์ไปเพื่ออยากใช้สติกเกอร์ที่ออกแบบเอง หรือบางคนรับจ้างออกแบบสติกเกอร์ไลน์เลยก็ยังมี

“ต้นไม้-มนันห์ตชัย ไพรสินธ์” เจ้าของคาแร็กเตอร์ “นายต้นไม้” เป็นหนึ่งในผู้ออกแบบสติกเกอร์ หรือครีเอเตอร์ในยุคบุกเบิกเลยก็ว่าได้ ได้เข้าร่วมโครงการตั้งแต่ปีแรกที่เปิดโครงการ ปัจจุบันได้ออกแบบสติกเกอร์ออกมาให้ดาวน์โหลดแล้วกว่า 30 ชุด สร้างรายได้รวมถึงหลักล้านบาท สติกเกอร์ที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จัก และสร้างรายได้ให้เขาอย่างมาก คือ สติกเกอร์ “นายต้นไม้ ver.2”

ต้นไม้ ครีเอเตอร์หนุ่มวัย 30 ปี อาศัยอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น เป็นคนชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก รักการ์ตูนเป็นชีวิตจิตใจ เมื่อจะเข้ามหาวิทยาลัย ตอนแรกต้นไม้อยากเรียนสายนิเทศศิลป์ แต่ด้วยทุนทรัพย์ที่ไม่พร้อมเท่าไหร่นัก จึงต้องเบนเข็มมาเรียนคณะ “จิตรกรรม” ม.ขอนแก่น

จุดเริ่มต้นของการวาดคาแร็กเตอร์นายต้นไม้นั้น เริ่มตั้งแต่ช่วงตอนเรียนปี 3 ได้เริ่มทำเพจ นายต้นไม้ ปัจจุบันมีผู้ติดตามกว่า 1.6 ล้านยูสเซอร์ ภายในเพจส่วนใหญ่มีเนื้อหาเกี่ยวกับภาพวาดการ์ตูน พร้อมกับคอนเทนต์แนวคู่รัก รวมถึงคอนเทนต์ที่อิงกับสถานการณ์ในปัจจุบันด้วย ทำให้มีคนชื่นชอบ และแชร์กันเยอะ

จากนั้นก็เริ่มมีแฟนเพจเสนอความคิดเห็นว่าให้ทำสติกเกอร์ไลน์ได้ ประกอบกับเจอพี่ที่รู้จักคนหนึ่งก็ให้คำแนะนำเรื่องการทำสติกเกอร์ไลน์ จึงได้เริ่มทำอย่างจริงจัง ในตอนแรกนั้นยังไม่มีทีมงานในประเทศไทยในการอนุมัติสติกเกอร์ของคนไทยด้วยซ้ำ แต่ก็เริ่มมีกลุ่มไลน์ครีเอเตอร์ที่แลกเปลี่ยนความรู้กัน

“นายต้นไม้” คาแร็กเตอร์ผู้ชายธรรมดา

ต้นไม้ได้วาดคาแร็กเตอร์นายต้นไม้ที่สะท้อนตัวตนของตัวเอง เป็นเด็กผู้ชายผมตั้ง มีเครา ซึ่งตรงกับคาแร็กเตอร์ของตัวเขาเอง ต้นไม้บอกว่าตอนนั้นตั้งใจวาดการ์ตูนไปจีบสาว เลยทำเป็นคาแร็กเตอร์ตัวเอง

ถ้าถามว่าความนิยม หรือความสำเร็จอของคาแร็กเตอร์นี้เกิดจากอะไร ต้นไม้ตอบอย่างซื่อๆ ว่า “ความเป็นผู้ชายธรรมดา” นั่นเอง

ต้นไม้เริ่มเล่าถึงกระบวนการในการวาดสติกเกอร์ไลน์ในช่วงแรกว่า “หลังจากที่สมัครโครงการ ก็เริ่มวาดวันนั้นเลย ใช้เวลาวาด 2-3 สัปดาห์ ได้การ์ตูน 40 ตัว ชุดแรกชื่อว่านายต้นไม้กับนายโดโด้ คำว่าครีเอเตอร์จะต่างจากนักวาดรูป นักวาดรูปจะวาดอะไรก็ได้ แต่สติกเกอร์ต้องสื่อสาร มีความหมาย จะใช้คำไหนอะไรยังไง ตอนนั้นยังไม่มีอินไซต์อะไรด้วย ส่งไปตรวจครั้งแรกเกือบ10 เดือน แล้วโดนตีกลับมา พอแก้แล้วส่งไปใหม่ก็รออีก 5-6 เดือน จนได้วางขาย”

หลังจากที่วางขายเดือนแรกมียอดขาย 14,000 บาท จากนั้นเลยทำชุดที่ 2 คาแร็กเตอร์โดโด้ เดือนแรกมียอดขายแค่ 3,000 บาท จึงเกิดอาการท้อ ไม่อยากทำแล้ว จากนั้นก็เลยเป็นจุดเปลี่ยนที่ว่าสติกเกอร์ต้องมีอะไรบางอย่างที่แตกต่าง และเป็นตัวเอง

จากนั้นจึงได้ทำสติกเกอร์นายต้นไม้กับแฟน ซึ่งต้นไม้บอกว่าตอนนั้นถือเป็นคนแรกที่ทำสติกเกอร์คู่รัก พร้อมกับใส่ข้อความสำหรับคู่รัก เช่น “ยอมแล้วค้าบ” หรือง้อ งอน เป็นต้น ทำให้สติกเกอร์เป็นไวรัล มีดารานำมาใช้ คนแชร์ 60,000-70,000 ครั้ง

ส่วนชุดที่สร้างชื่อ และดังเปรี้ยงที่สุดก็คือ นายต้นไม้ Ver.2 มียอดขายขึ้นอันดับ 1 อยู่ 2 เดือน มีข้อความ คาแร็กเตอร์ที่ถูกจริตคนไทยมากขึ้น กล้าใส่แอคชั่นต่างๆ เช่น หอมแก้ม บีบแก้ม เขย่าตัว ทำให้คนใช้งานได้ในหลายโอกาส

“การวาดสติกเกอร์ไลน์มีความยากตรงที่ จะสร้างคาแร็กเตอร์ยังไงให้เป็นตัวเรามากที่สุด หลายคนเปลี่ยนแนวไปเรื่อย ต้องเกาะตามกระแส พอขายไม่ได้จะไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ บางคนก๊อบปี้เลย ทำให้คาแร็กเตอร์ไม่ชัด มันก็ขายยาก ถ้าเรามีคาแร็กเตอร์ชัดเจน แข็งแรง ยังไงคนก็จำได้ ขายได้”

ลงทุนหลักพัน รายได้หลักแสน!

หลายคนอาจจะสงสัยว่า การที่จะออกแบบสติกเกอร์ไลน์ต้องลงทุนอะไรบ้าง แล้วต้องมีอุปกรณ์เยอะหรือไม่ ลงทุนแล้วคุ้มค่ามั้ย ต้นไม้บอกว่าแรกเริ่มเขาลงทุนซื้อแค่ “เมาส์ปากกา” ในงบ 2,000-3,000 บาท เท่านั้น แต่ถ้าใครมีงบขึ้นมาหน่อยก็ถอย iPad สักเครื่องก็ยังได้ แต่สำหรับต้นไม้นั้น การลงทุนหลักพัน แต่ได้ผลตอบแทนหลักแสนต่อเดือนทีเดียวเชียว!

ปัจจุบันต้นไม้มีสติกเกอร์วางขายทั้งหมด 30-40 ชุด รายได้เฉลี่ย 100,000-200,000/เดือน เซตนายต้นไม้ Ver.2 ยังคงติดท็อปอยู่ ต่อไปตั้งเป้าว่าจะออกสติกเกอร์นายต้นไม้ปีละ 1 เซต

“แต่การวาดสติกเกอร์ก็คาดเดาไม่ได้เหมือนกัน บางชุดบทจะมาก็มา บทจะไม่มาก็ไม่มา ต้องรู้คำในกระแส บางทีนึกคำอะไรได้จะพิมใส่โน้ตไว้ก่อน หรือจะใช้วิธีตั้งโพสต์ถามแฟนเพจ”

ไม่ใช่งานอดิเรก แต่คืออาชีพหลัก

ในตอนนี้ต้นไม้พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า การเป็นนักออกแบบสติกเกอร์ไลน์ เป็นอาชีพหลักที่ใช้เลี้ยงชีพ และเลี้ยงครอบครัว ไม่ได้เป็นแค่งานอดิเรก หรืองานเสริมอีกต่อไป

แต่เดิมต้นไม้ค่อนข้างมีฐานะยากจน สมัยเรียนมหาวิทยาลัยมีไปนั่งสเก็ตช์รูปตามถนนคนเดินเพื่อหารายได้เสริม และเป็นนักดนตรีกลางคืนได้รายได้ชั่วโมงละ 300 บาท พอเล่นดนตรีเสร็จก็กลับมาวาดสติกเกอร์ต่อ จนถึงตอนนี้ได้เลิกเล่นดนตรีมา 4 ปีแล้ว

“แต่ก่อนผมเล่นดนตรีกลางคืนได้ชั่วโมงละ 300 บาท เล่นเสร็จตี 2 กลับมาวาดสติกเกอร์ต่อถึง 6 โมงเช้า ถ้าคนอื่นเดิน ผมจะวิ่ง ไม่เคยทิ้งอะไรเลย ดนตรีก็ไม่ทิ้ง วาดสติกเกอร์ก็ไม่ทิ้ง จนตอนนี้เลิกเล่นดนตรีได้ 4 ปี เพราะมีครอบครัว”

แต่ช่วงของวิกฤต COVID-19 ที่กระทบไปทุกอาชีพ ทุกสายงาน ต้นไม้ที่ทำอาชีพหลักคือนักออกแบบสติกเกอร์ไลน์ ก็ทำอาชีพเสริมด้วยการขายอาหาร ต้นไม้บอกว่า ถ้าไม่ได้วาดสติกเกอร์ ตอนนี้คงเป็น “พ่อครัว” อยู่

“ครีเอเตอร์เป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ ขอแค่ทำให้สำเร็จ ต้องสม่ำเสมอ อาจจะยากในช่วงชุดแรก เราทุกคนหวังที่จะดังในชุดแรกเสมอ แต่ถ้าเริ่มทำแล้วอย่าท้อ จริงๆ อาชีพนักวาดในเมืองไทยมันไม่ค่อยรุ่งเท่าไหร่ด้วยซ้ำ เพราะคนไทยไม่ค่อยเสพงานศิลปะ มันไม่เห็นทาง แต่ครีเอเตอร์เป็นช่องทางสำคัญสร้างรายได้ให้คนออกแบบ คงไม่รวยใน 1-2 ชุด แต่เป็นค่าขนมได้”

สุดท้ายต้นไม้ได้ฝากถึงคนที่อยากเป็นครีเอเตอร์ อยากให้ลงมือทำเลย อย่ากลัว ไม่มีอะไรน่ากลัว ซื่อสัตย์กับสิ่งที่ทำ กับตัวเอง ทำมันถึงที่สุด วันนึงผลผลิตดอกไม้จะเบ่งบาน ทำจนกว่างานจะไม่ต้องการเราแล้ว วาดจนกว่าร่างกายจะบอกว่าไม่ไหว เกาะกระแสในบางคำ ตามคีย์เวิร์ดให้ทัน ใช้คำที่ใช้ได้ ต้องวางแผนให้ดีด้วย รวมถึงคำนึงเรื่องวัฒนธรรมแต่ละประเทศ อย่างคำว่าอ้วน คนไทยจะชอบ ดูน่ารัก แต่ในต่างประเทศจะไม่ค่อยชอบกัน

]]>
1348880
LINE จับจริตสายมู เปิดฟีเจอร์ “ขอพร-แก้บน” ออนไลน์ ประเดิมด้วย “ไอ้ไข่-หลวงพ่อทันใจ” https://positioningmag.com/1339369 Mon, 28 Jun 2021 08:48:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1339369 LINE จัดทัพใหม่ เปิดธุรกิจ LINE Consumer Business สำหรับกลุ่มผู้บริโภค หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการรีล็อนซ์บริการ “LINE ดูดวง” เพิ่มฟีเจอร์ “ขอพร-แก้บนออนไลน์” เอาใจสายมูยุค COVID-19 ประเดิมด้วย “ไอ้ไข่-หลวงพ่อทันใจ” แหล่งศักดิ์สิทธิ์ยอดฮิตแห่งยุค

จับจริตคนไทย ขอพร-แก้บนได้แค่ปลายนิ้ว

ในปีนี้ถือเป็นอีกปีที่สำคัญของ LINE ที่ก้าวสู่ปีที่ 10 ในการให้บริการแล้ว แรกเริ่มนั้น LINE เป็น Chat Application ยอดนิยม มีฟีเจอร์ “สติกเกอร์” ที่สามารถครองใจคนไทยได้อย่างอยู่หมัด หลังจากนั้นก็ทยอยมีบริการใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง จนในตอนนี้เป็นมากกว่าแชท แอปฯ แต่เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ครอบคลุมอีโคซิสเท็ม รวมไปถึงเครื่องมือการทำธุรกิจให้กับแบรนด์ด้วย

ในปี 2564 นี้ LINE ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจบริการ ขยาย LINE Consumer Business ประกอบด้วย LINE STICKERS, LINE MELODY และ LINE ดูดวง เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้แก่ผู้บริโภค รวมถึงยังต้องการดันครีเอเตอร์ หรือนักสร้างสรรค์คอนเทนต์คนไทยทั้งสติกเกอร์ ดนตรี และดูดวง สู่ระดับโกลบอลให้ได้

line ดูดวง

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญก็คือบริการ LINE ดูดวง ที่ได้นำมาปรับใหม่ รีลอนช์ใหม่ มีมาสคอตตัวใหม่ โดยยังมีฟีเจอร์ยอดฮิตอย่างเซียมซี และเปิดไพ่อยู่ แต่มีเพิ่มบริการใหม่ “ขอพร-แก้บนออนไลน์” เพื่อเอาใจสายมูชาวไทย

LINE ได้จับจริตคนไทยได้อย่างอยู่หมัด คนไทยเองเป็นคนที่ชอบเรื่องดวงชะตา ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ที่ไหนที่ว่าดี ที่ว่าเฮง ต้องตามไปบูชาไปขอพรกันถ้วนหน้า ยิ่งในตอนนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ยิ่งทำให้คนต้องหาที่พึ่งทางใจ บวกกับไม่สามารถเดินทางไปขอพรเองได้ จึงเกิดบริการนี้ขึ้น

ฟีเจอร์ขอพร-แก้บนออนไลน์นี้ LINE ได้ต่อยอดจากงาน LINE Hack 2020 โดยผู้ชนะในปีที่แล้วได้แก่ “ศรัทธา.online” มีบริการในทำนองนี้ เป็นการรับขอพร แก้บนออนไลน์ ทาง LINE ได้นำมาต่อยอดทำให้เป็นบริการจริง

นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ กล่าวว่า

“ที่ผ่านมาธุรกิจพาณิชย์ตลาดผู้บริโภคของ LINE ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยเฉพาะธุรกิจหลักอย่าง LINE STICKERS ที่เปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์ไทยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ผลงานสติกเกอร์เทียบเคียงกับครีเอเตอร์ระดับโลก เพื่อใช้บนแพลตฟอร์มของ LINE มาตั้งแต่ปี 2557 เราเห็นถึงศักยภาพการพัฒนาขยายธุรกิจ ในด้านของการทำธุรกิจลิขสิทธิ์ (Licensing) และธุรกิจจำหน่ายสินค้า (Merchandising)

ในการขยายธุรกิจส่วนของธุรกิจเพลง LINE MELODY ที่เปิดตัวในปี 2562 ที่ผ่านมา LINE จึงได้ปรับโครงสร้างธุรกิจพาณิชย์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดกลุ่มธุรกิจใหม่ LINE Consumer Business เพื่อพัฒนาและผลักดันธุรกิจพาณิชย์ต่างๆ เริ่มต้นด้วย 3 บริการ ได้แก่ LINE STICKERS, LINE MELODY และ LINE ดูดวงที่กลับมาด้วยโฉมใหม่ให้มีบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพันธมิตรทางธุรกิจของเราอีกด้วย”

ประเดิมด้วยไอ้ไข่-หลวงพ่อทันใจ

ฟีเจอร์ขอพร-แก้บนออนไลน์ จะอยู่ในหน้าของ LINE ดูดวง สามารถขอพรได้ภายใน 6 ขั้นตอนก็เสร็จสมบูรณ์ ในเฟสแรกที่เป็นช่วงการทดลองระบบ จะมี 2 สถานที่ยอดนิยม ได้แก่ ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ และหลวงพ่อทันใจ วัดพระธาตุดอยคำ

line ดูดวง

เมื่อกดเลือกสถานที่ที่ต้องการขอพร หรือแก้บน ก็สามารถเลือกวันที่ต้องการ แพ็กเกจการขอพรต่างๆ เช่น ไอ้ไข่จะมีแพ็กเกจขอพรเริ่มต้นที่ชุดเริ่มต้น 359 บาท ชุดกลาง 699 บาท และชุดใหญ่ 1,499 บาท จากนั้นก็กรอกข้อมูลการขอพรในระบบ

เมื่อเสร็จสิ้นแล้วพนักงานจะนำคำขอพร รวมถึงชุดที่ขอพรไปทำพิธี มีการถ่ายรูปเพื่อรายงานผลกลับมาที่ผู้ขอพรอีกด้วย เป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคใหม่ ขอพร-แก้บนแบบทันใจ และเข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน

สำหรับในอนาคต ทาง LINE ดูดวง กำลังพูดคุยกับพาร์ตเนอร์ในการหาสถานที่ขอพร และแก้บนเพิ่มเติม ต้องเป็นสถานที่ยอดนิยม และดูผลตอบรับจากช่วงทดลองระบบก่อนด้วย

และในอนาคตอาจะมีบริการ “ใส่บาตร” หรือ “ถวายสังฑทาน” ออนไลน์เพิ่มเติม ถ้าหากผู้บริโภคต้องการ และให้การตอบรับ รวมถึงอาจจะเจาะตลาดไปยังต่างประเทศ ที่นิยมมาไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในไทยอีกด้วย

ปัจจุบัน LINE ดูดวง มีผู้ติดตาม 10.8 ล้านราย และแอคทีฟ ยูสเซอร์ที่เข้าระบบทุกวัน 3.1 ล้านราย

]]>
1339369
Social Distance ดันยอดใช้ LINE Call พุ่ง 264% ห่างกันบนโลกออฟไลน์ แต่ใกล้กันบนออนไลน์ https://positioningmag.com/1271773 Sat, 04 Apr 2020 14:35:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1271773 LINE เผยตัวเลขการใช้งานฟีเจอร์ในเครือ ในช่วง Work from Home และมาตรการ Social Distance พบมียอดการใช้ LINE Call โดยรวมเพิ่มขึ้น 10% แต่ใช้ผ่านคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้น 264%

คุยกันบนโลกออนไลน์มากขึ้น

LINE ประเทศไทย เปิดเผยตัวเลขการใช้งานแพลตฟอร์มไลน์ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ที่ภาครัฐมีนโยบายให้ประชาชนและทุกภาคส่วนเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distance รวมถึงการลดการออกไปนอกบ้านโดยไม่จำเป็น เพื่อช่วยลดอัตราการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้การใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์มีตัวเลขสูงขึ้นมาก

ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า

“จากการเก็บข้อมูลของ LINE ประเทศไทยในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเดือนที่มีการเริ่มนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distance พบว่ามียอดการใช้ LINE Call ทั้งบนมือถือและบนคอมพิวเตอร์รวมกันสูงขึ้น 10% และจากการมีมาตราการ Work From Home ทำให้การใช้งาน LINE Call บนเครื่องคอมพิวเตอร์สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 264%ในขณะที่การโทรวิดีโอ คอลผ่าน LINE Video call บนเครื่องคอมพิวเตอร์มีการใช้งานที่สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 270% และ Voice Call ที่สูงขึ้นกว่า 236%”

ตามข่าวสารมากขึ้น

สำหรับฟีเจอร์อื่นๆ ของ LINE อย่าง LINE TODAY ได้สร้างแท็ปคอนเทนท์สำหรับรวบรวมข่าวสารและเรื่องควรรู้เกี่ยวกับ COVID-19 ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลในภาวะที่คนต้องการทันเหตุการณ์ ทำให้คนเข้ามาอ่านอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกิดการเติบโตในภาพรวมของแพลตฟอร์ม

  • ช่วงเวลาสุดสัปดาห์ มีการใช้งานเพิ่มสูงถึง 35% ซึ่งต่างจากปกติที่คนมักจะเข้ามาอ่านช่วงเวลาระหว่างสัปดาห์มากกว่า
  • คนใช้เวลาอ่านคอนเทนต์นานขึ้น 12.5 %
  • คอนเทนต์เพื่อการผ่อนคลายไม่ว่าจะเป็นบันเทิงและไลฟ์สไตล์ ก็สูงขึ้นเช่นกันโดยเฉลี่ย 15.5%
  • กระตุ้นให้คนอยากแชร์คอนเทนต์บอกต่อผ่านแชท LINE สูงขึ้นถึง 139%

LINE TV

  • LINE TV มียอดการเข้าชมมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงวันเสาร์ที่ยอดการดูเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเวลาปกติถึง 45%
  • ทำให้คนนอนดึกขึ้นอีก 1 ชั่วโมง จากเดิมช่วงเวลา 4-5 ทุ่ม เพิ่มเป็นถึงเที่ยงคืน
  • ซีรีส์ ซิทคอมที่ชื่นชอบ นำเทรนด์ฮิตโดย ‘เพราะเราคู่กัน 2Gether The Series’, เป็นต่อ2020 และ ไปให้ถึงดวงดาว
  • คอนเทนต์ประเภทแอนิเมชั่น, การ์ตูน ได้รับความนิยมสูงถึง 30 %
  • โดยเฉพาะช่วงคืนวันศุกร์ที่คุณพ่อคุณแม่ให้ลูกดูการ์ตูนผ่าน LINE TV เพิ่มขึ้นกว่า 47%
  • คนเลือกดูผ่าน Big Screen สูงขึ้น ถึง 33%

ร้านอาหารเพิ่มขึ้น 5 เท่า

ในส่วนของบริการฟู้ดเดลิเวอรี่ LINE MAN มียอดการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า จากช่วงเวลาปกติก่อนหน้านี้ มีการออกฟีเจอร์ Contactless ลดการสัมผัสและ Self-Pick-up สั่งอาหารผ่านแอปฯ และรับที่หน้าร้านเองโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และได้เร่งขั้นตอนรับสมัครร้านค้าใหม่ด้วยแอป Wongnai Merchant ขึ้นแพลตฟอร์มใน 1 วัน จนมีร้านใหม่เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า

]]>
1271773
LINE ประเทศไทยประกาศปิดสำนักงานชั่วคราว ให้พนักงาน Work from Home ทันที! https://positioningmag.com/1269657 Tue, 24 Mar 2020 08:14:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1269657 LINE ประเทศไทย ประกาศปิดสำนักงานในไทยชั่วคราว จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม ป้องกันการระบาดของ COVID-19 ให้พนักงาน Work from Home ทันที

LINE ประกาศสนับสนุนให้พนักงานทุกคน Work from Home หรือทำงานจากที่บ้านได้ทันที พร้อมพิจารณาขยายไปตลอดเดือนเมษายนหากจำเป็น รวมทั้งได้ปิดสำนักงานกรุงเทพฯ ชั่วคราว ตั้งแต่ 22 มีนาคมจนถึง 31 มีนาคม 2563

ในช่วงเดือนเมษายนสำนักงานจะเปิดเพื่อพนักงานสามารถเข้ามายังสำนักงานเพื่อใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์เครื่องใช้ของสำนักงานได้ในกรณีจำเป็

นับตั้งแต่ที่เริ่มมีการระบาดของไวรัส COVID-19 ทาง LINE ประเทศไทยได้มีการเตรียมแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ หรือ BCP (business continuity planning) เพื่อไม่ให้การดำเนินงานและการให้บริการหยุดชะงักในกรณีที่รัฐบาลประกาศการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 เข้าสู่ระยะที่ 3 หรือมีการปิดพื้นที่บางส่วนในกรุงเทพฯ

โดยฝ่ายทรัพยากรบุคคลได้มีการอบรมเพื่อให้พนักงานทุกคนเข้าใจถึงวิธีการทำงานที่จะปรับเปลี่ยนไปเมื่อสถานการณ์วิกฤตที่สุดมาถึง ดังนั้น การประกาศปิดสำนักงานเป็นการชั่วคราวนี้ จะไม่กระทบการให้บริการและการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด โดยการประชุมภายในและภารกิจที่สำคัญอื่นๆ จะสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะให้พนักงานเข้าร่วมจากระยะไกลผ่านระบบออนไลน์ที่มีแพลตฟอร์มไลน์เป็นเครื่องมือในการสื่อสารและสนับสนุนการทำงานทั้งหมด

]]>
1269657