vaccine – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 28 May 2021 11:22:38 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ผู้ผลิตวัคซีน อาจโกยรายได้ปีนี้ เกือบ 6 ล้านล้านบาท ‘ซิโนฟาร์ม-ซิโนแวค’ สัดส่วน 25% https://positioningmag.com/1334373 Fri, 28 May 2021 08:30:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1334373 ในปีนี้ บริษัทวิจัยประเมินว่า บรรดาผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลก อาจทำรายได้สูงสุดเเตะ 190,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 6 ล้านล้านบาท โดยสองบริษัทจีนอย่าง Sinopharm (ซิโนฟาร์ม) เเละ Sinovac (ซิโนเเวค) โกยสัดส่วนรายได้ไปถึง 25%

Airfinity บริษัทด้านการวิเคราะห์ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ รายงานตัวเลขคาดการณ์รายได้จากการจำหน่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19’ ของ 9 บริษัทใหญ่ เช่น Pfizer (ไฟเซอร์) เเละ Moderna (โมเดอร์นา) ของสหรัฐฯ Sinovac Biotech และ Sinopharm Group ของจีน

โดยระบุว่า กรณีการผลิตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ผู้ผลิตวัคซีนทั้งหลายจะทำรายได้ราวสูงสุดถึง 190,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5.9 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้ สองบริษัทจากประเทศจีน จะมีสัดส่วนรายได้อย่างน้อย 1 ใน 4 (ราว 25%)

เเต่หากเกิดข้อจำกัดด้านการผลิตและปัญหาการขาดแคลน อาจทำให้ตัวเลขรายได้ของปีนี้ ลดลงมาอยู่ที่ 115,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.59 ล้านล้านบาท)

วัคซีนโควิด-19 ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนของรัฐบาลต่างๆ เพื่อฟื้นฟูสังคม และหลีกเลี่ยงต้นทุนทางเศรษฐกิจที่จะเสียหายหลายล้านล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงวัคซีนของประเทศยากจนหลายแห่ง ยังเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากภาระค่าใช้จ่าย และการกักตุนวัคซีนในประเทศร่ำรวย

Rasmus Bech Hansen ซีอีโอของ Airfinity ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่านี่เป็นตลาดที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตัวเลขเหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ใช่ว่าทุกประเทศจะสามารถจัดหาวัคซีนที่จำเป็นได้ เพราะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากเพื่อฉีดวัคซีนให้ประชากรทั้งหมด

Photo : Shutterstock

Airfinity ย้ำว่า การคาดการณ์รายได้ ขึ้นอยู่กับราคาและการที่บริษัทต่างๆ จะบรรลุเป้าหมายการผลิตและการจัดส่งหรือไม่ โดยขณะนี้มีบางบริษัทกำลังเผชิญปัญหานี้อยู่

ปัจจัยเหล่านี้ อาจทำให้จำนวนวัคซีนที่ผลิตได้จริงในปีนี้ น้อยกว่าที่เหล่าผู้ผลิตคาดการณ์ไว้ถึง 42% เเละอาจทำให้รายได้รวม ลดลงเหลือเพียง 97,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

ยกตัวอย่าง เช่น การผลิตวัคซีนของ Novavax (โนวาเเวกซ์) ในสหรัฐฯ ที่ประกาศจะเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้มากกว่า 2,000 ล้านโดสในปีนี้ แต่ทาง Airfinity ประเมินว่าจะสามารถผลิตได้เพียง 400 ล้านโดส

จีนกำลังมีบทบาทสำคัญในการกระจายวัคซีนทั่วโลก หลังคู่เเข่งอย่างอินเดียต้องเจอกับวิกฤตการระบาดขั้นสาหัสทำให้ต้องระงับการส่งออกวัคซีนไปต่างประเทศชั่วคราว

Airfinity ประเมินว่า บริษัทจีนอย่าง Sinovac อาจทำรายได้จากการจำหน่ายวัคซีนมากถึง 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Sinopharm จะทำได้ 23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขณะนี้ทั้งสองบริษัท ทำรายได้ไปแล้วอย่างน้อยแห่งละ 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่ผ่านมา เราเคยมองว่าการส่งออกวัคซีนของจีนเป็นเครื่องมือนโยบาย ทำให้ตัวเลขรายได้ที่เเท้จริงกลับถูกมองข้ามไปจริงๆ เเล้วราคาวัคซีนของจีนไม่ได้ถูกขนาดนั้น” Bech Hansen กล่าวว่า 

(Photo by Andressa Anholete/Getty Images)

ด้านรายได้ของ Pfizer และ Moderna บริษัทวิจัยประเมินว่า อาจทำรายได้ถึง 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ แต่ตัวเลขจริงอาจจะลดลงกว่านั้น

โดย Pfizer เองตั้งเป้าจะจำหน่ายวัคซีนที่ร่วมพัฒนากับ BioNTech ของเยอรมนีได้ราว 26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วน Moderna ตั้งเป้าว่าจะทำรายได้ราว 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับราคาของวัคซีนเเต่ละเจ้า ตามรายงานของ Airfinity ระบุว่า

  • Sinovac และ Sinopharm อยู่ที่โดสละ 12-23 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 375-720 บาท) 
  • Pfizer อยู่ที่โดสละ 12-14.50 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 375-453 บาท)
  • Moderna อยู่ที่โดสละ 18-32 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 563 – 1,000 บาท)
  • AstraZeneca อยู่ที่โดสละ 3.50-5.25 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 109 – 164 บาท)

ทั้งนี้ รายละเอียดเกี่ยวกับสัญญาการซื้อขายวัคซีนที่เเตกต่างกันทำให้คาดการณ์ตัวเลขยอดขายได้ยาก เนื่องจากผู้ผลิตจะกำหนดราคา ตามระดับรายได้ของประเทศนั้นๆ เช่นกลุ่มลูกค้าประเทศร่ำรวย บริษัทจะขายให้เเพงกว่าประเทศรายได้ต่ำหรือปานกลางนั่นเอง

 

 

ที่มา : Bloomberg

 

]]>
1334373
อินโดนีเซีย เปิดทางเอกชนซื้อ ‘วัคซีนโควิด’ ให้พนักงานและครอบครัว ช่วยกระจายฉีด ‘เร็วขึ้น’ https://positioningmag.com/1332766 Tue, 18 May 2021 11:38:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1332766 ตอนนี้บริษัทต่างๆ ในอินโดนีเซีย กำลังเร่งฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้กับพนักงานเเละครอบครัวของพวกเขา…

รัฐบาลอินโดนีเซีย ได้เปิดตัวโครงการกระจายวัคซีนช่องทางใหม่เปิดโอกาสให้ธุรกิจภาคเอกชน สามารถจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ให้กับพนักงานและสมาชิกในครอบครัวได้ เพื่อเป็นกำลังเสริมช่วยกระจายวัคซีนไปทั่วประเทศ เร่งให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ให้เร็วที่สุด

อินโดนีเซีย เป็นประเทศขนาดใหญ่ที่มีประชากรถึง 270 ล้านคน มียอดมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาไปเเล้วมากกว่า 1.7 ล้านคน มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เเรงงานในบริษัทที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก อย่างอุตสาหกรรมอาหารและปิโตรเคมี จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการฉีดวัคซีนของภาคเอกชน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ประกาศว่าเราหวังว่าโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด จะได้รับการปกป้องจากโควิด -19 เพราะพวกเขามีบทบาทสำคัญในการเติบโตของเศรษฐกิจ

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนกับบุคลากรทางการแพทย์เเละผู้สูงอายุ มาตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม เเละตั้งเป้าว่าประชาชนราว 70 ล้านคน จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนภายในเดือนสิงหาคม หรือเดือนกันยายนเป็นอย่างช้า

ล่าสุดบริษัทกว่า 22,000 แห่ง ซึ่งมีพนักงานและสมาชิกในครอบครัวรวมกันหลายล้านคน ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการจัดซื้อวัคซีนภาคเอกชนแล้ว และคาดว่าจะมีบริษัทจำนวนมากที่จะทยอยเข้ามา

โดยมีบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ เช่น Unilever Indonesia ยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าอุปโภคบริโภค ฝั่งธุรกิจปิโตรเคมีอย่าง Chandra Asri และ Sinar Mas Agribusiness and Food ซึ่งเเต่ละบริษัทจะมีการจัดซื้อวัคซีนเพื่อฉีดให้พนักงานของตัวเองประมาณ 2,000- 4,000 โดส

ทั้งนี้ พนักงานในบริษัทผู้ผลิตกระดาษที่ตั้งอยู่นอกกรุงจาการ์ตา ประมาณ 4,000 คนได้รับการฉีดวัคซีนเเล้ว

โครงการฉีดวัคซีนภาคเอกชนนั้น จะช่วยเสริมโครงการวัคซีนฟรีของภาครัฐที่กำลังจะขยายสู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคมนี้

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีวิโดโด ยอมรับว่าอินโดนีเซียก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับประเทศอื่น ๆ ที่กำลังเผชิญกับความท้าทายในการหาวัคซีนเพิ่ม

โดยอินโดนีเซียใช้วัคซีนทั้งหมด 3 ยี่ห้อ ได้แก่ แอสตราเซเนกา ซิโนแวค และซิโนฟาร์ม ซึ่งได้ทำการกระจายวัคซีนไปแล้ว 23 ล้านโดส จากเป้าหมาย 380 ล้านโดส เเละคาดว่าจะฉีดวัคซีนรวม 181 ล้านคนหรือราว 67% จากประชากร 270 ล้านคนภายในปี 2022 

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐบาลอินโดนีเซีย มีคำสั่งระงับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาจำนวน 448,480 โดสเป็นการชั่วคราว เพื่อเร่งสืบสวนหาสาเหตุ หลังเกิดกรณีชายวัย 22 ปี เสียชีวิต เมื่อฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาไปเพียง 1 วัน

ตามข้อมูลของ ourworldindata.org และ SDG-Tracker ระบุว่า สัดส่วนของประชากรทั้งหมดของอินโดนีเซียที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดส ณ วันที่ 4 พฤษภาคม 2021 อยู่ที่ 4.64% ทำให้ตอนนี้ อินโดนีเซียมีอัตราการฉีดวัคซีนสูงที่สุดในอาเซียน

สำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย ในไตรมาสแรกของปีนี้ ติดลบที่ 0.74% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าไตรมาสที่ 2 จะพลิกกลับมาโตเป็นบวกได้เนื่องจากภาคการผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เริ่มจะดำเนินไปตามปกติหลังกระจายวัคซีนได้ทั่วถึง

 

ที่มา : Straitstimes , NHK 

 

 

 

]]>
1332766
ญี่ปุ่น เร่งเปิดศูนย์ฉีด ‘วัคซีนโควิด’ ขนาดใหญ่ในโตเกียว-โอซาก้า หลังโดนวิจารณ์ฉีดล่าช้า https://positioningmag.com/1329130 Sun, 25 Apr 2021 08:28:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1329130 ญี่ปุ่น เตรียมเปิดศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19’ ขนาดใหญ่ รองรับฉีดได้ราว 10,000 คนต่อวัน ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียวเเละเมืองโอซาก้า ภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ เพื่อช่วยกระจายวัคซีนให้ประชาชนเร็วขึ้น หลังตอนนี้ฉีดไปได้เพียง 1% 

จากรายงานของสื่อท้องถิ่นอย่าง Nikkei ระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูงะ วางเเผนจะเปิดศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีนป่องกันโควิด-19 แก่ประชาชนที่อาศัยเเละทำงานในกรุงโตเกียวและเมืองโอซาก้า

โดยศูนย์วัคซีนฯ ที่กำลังจะเปิดให้บริการในกรุงโตเกียวนั้น คาดว่าจะให้บริการได้เร็วที่สุดภายในภายในต้นเดือนพ..นี้ ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้สูงสุดประมาณ 10,000 คนต่อวัน

นอกจากนี้ กองกำลังป้องกันตนเอง (SDF) จะสนับสนุนด้านบุคลากรการแพทย์ มาช่วยฉีดวัคซีนโควิด-19 ในศูนย์ดังกล่าวด้วย

ทางการญี่ปุ่นกำลังพยายามสกัดการเเพร่ระบาดของไวรัสโตโรนาที่กลับมารุนเเรงอีกครั้ง โดยรัฐบาลกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความล่าช้าในการกระจายวัคซีน ซึ่งส่วนใหญ่มีจัดการผ่านหน่วยงานเทศบาล

รายงานของ Reuters ระบุว่า ญี่ปุ่นเพิ่งเริ่มฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุในเดือนนี้ เเละขณะนี้มีพลเมืองที่ได้รับวัคซีนครบแล้วเพียง 1% ของประชากรทั้งประเทศที่มีอยู่เกือบ 126 ล้านคน เเละอีกเพียง 3 เดือนก็จะถึงวันเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวด้วย

รัฐบาลคาดว่าจะมีวัคซีนเพียงพอฉีดให้กับทุกคนที่มีสิทธิ์ภายในสิ้นเดือนก..นี้ หลังได้เจรจากับผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่อย่าง Pfizer เพื่อสั่งวัคซีนเพิ่มเติม

รายงานข่าวระบุว่า ญี่ปุ่นจะได้รับวัคซีนจาก Pfizer จำนวน 144 ล้านโดส และจาก Moderna อีกราว 50 ล้านโดส คาดว่าจะเพียงพอสำหรับฉีดให้กับประชาชนราว 110 ล้านคนในญี่ปุ่นที่อายุ 16 ปีขึ้นไป

ล่าสุดญี่ปุ่นมียอดผู้ติดเชื้อสะสมราว 5.5 เเสนคน มียอดเสียชีวิต 9,760 คน โดยพื้นที่ในโตเกียว โอซาก้า เกียวโต และเฮียวโงะ เริ่มใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งที่ 3 ในวันนี้ไปจนถึงวันที่ 11 พฤษภาคม รวม 17 วัน ซึ่งมีมาตรการสั่งปิดร้านอาหารที่เสิร์ฟแอลกอฮอล์ ร้านคาราโอเกะเเละโรงภาพยนตร์เป็นการชั่วคราว

ส่วนห้างสรรพสินค้า ยังสามารถเปิดได้เฉพาะส่วนขายอาหารและของใช้ในชีวิตประจำวัน ขณะที่รถโดยสารสาธารณะจะปิดให้บริการเร็วขึ้นในวันทำงาน และมีการปรับลดเที่ยวบริการในช่วงวันหยุด

 

ที่มา : Reuters , Nikkei

]]>
1329130
‘Sanofi’ เตรียมทุ่ม 400 ล้านยูโร ตั้งโรงงานผลิตวัคซีนใน ‘สิงคโปร์’ รองรับโรคระบาดในอนาคต https://positioningmag.com/1327778 Tue, 13 Apr 2021 08:43:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1327778 ‘Sanofi’ บริษัทยายักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศส ลงทุนหนักหลังตามไม่ทันคู่เเข่ง เตรียมทุ่ม 400 ล้านยูโร (ราว 1.5 หมื่นล้านบาท) สร้างโรงงานเเห่งใหม่ในสิงคโปร์ภายในช่วง 5 ปีนี้ เพื่อผลิตวัคซีนหลายชนิด รองรับโรคระบาดในอนาคต

Sanofi ระบุว่าการขยายโรงงานดังกล่าว เป็นไปเพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตวัคซีนจำนวนมหาศาลในเอเชีย พร้อมตอบสนองต่อความเสี่ยงจากการเเพร่ระบาดเเบบใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก

คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ พร้อมดำเนินการได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2026 โดยส่วนใหญ่จะผลิตเพื่อนำมาใช้ในเอเชีย เเละเสริมกำลังการผลิตที่มีอยู่ของบริษัทในยุโรปและอเมริกาเหนือ

จุดเด่นของโรงงานใหม่ในสิงคโปร์เเห่งนี้ คือจะสามารถผลิตวัคซีนได้ 3-4 ชนิด ด้วยต้นทุนที่ลดลง ขณะที่
โรงงานอื่นๆ ของ Sanofi ผลิตวัคซีนได้เเห่งละชนิดเท่านั้น

อีกทั้งยังจะสามารถผลิตวัคซีนชนิดพิเศษขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ตามสถานการณ์เเละความจำเป็นด้านสาธารณสุข จากแพลตฟอร์มเทคโนโลยีการผลิตที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับชนิดเซลล์ที่แตกต่างกัน 

การดึงดูดลงทุนของภาคเอกชนต่างชาติ เป็นหนึ่งในนโยบายการตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสิงคโปร์ ที่ก่อนหน้านี้ ประกาศตัวเตรียมเป็น ‘จุดศูนย์กลาง’ ขนส่งวัคซีนไปทั่วภูมิภาค โดยชูความพร้อมทางด้านดิจิทัล

ขณะเดียวกัน Sanofi กำลังสู้กับการเเข่งขันที่ดุเดือดในวงการผู้ผลิตวัคซีน ที่ถูกคู่เเข่งอย่าง Pfizer-BioNTech , Moderna , Johnson & Johnson เเซงหน้าเรื่องการผลิตวัคซีน COVID-19 ไปจึงมีความพยายามที่จะกลับมาชิงตลาดอีกครั้งด้วยการทุ่มลงทุนครั้งใหญ่ ซึ่ง Sanofi เผยว่าวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาของบริษัทจะพร้อมใช้ได้เร็วที่สุดในช่วงปลายปี 2021

 

ที่มา : CNA , Straitstimes

]]>
1327778
‘ไบเดน’ เร่งสปีดฉีดวัคซีน เพิ่มเป้าหมายใหม่ให้ได้ 200 ล้านโดสใน 100 วันแรก หลังรับตำแหน่ง https://positioningmag.com/1325157 Fri, 26 Mar 2021 11:37:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1325157 โจ ไบเดนประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ เร่งสปีดกระจายวัคซีน COVID-19 ตั้งเป้าหมายใหม่ ฉีดวัคซีนให้ชาวอเมริกัน 200 ล้านโดส ภายใน 100 วันเเรกหลังเข้ารับตำแหน่ง เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากเดิมที่เคยวางไว้เพียง 100 ล้านโดส

เเม้จะฟังดูเป็นไปได้ยาก เพราะเป็นการเพิ่มขึ้นสองเท่าจากเป้าหมายเดิมของเรา เเต่ก็ยังไม่มีประเทศไหนทำได้เท่าที่เราอยู่ทำตอนนี้ผมเชื่อว่าเราทำได้

ไบเดนเคยให้คำมั่นไว้เมื่อก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีว่า จะเร่งกระจายวัคซีนเเก่ประชาชนทั่วประเทศให้ได้ 100 ล้านโดส ภายใน 100 วันแรกที่รับตำแหน่ง โดยหลังชนะเลือกตั้งเเละได้เข้ามาบริหารจริง รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ไปได้เเล้วตั้งแต่วันที่ 59

ข้อมูล ณ วันที่ 26 มีนาคม สหรัฐฯ ฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปเเล้วกว่า 133 ล้านโดส อัตราเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2.5 ล้านโดสต่อวัน โดยมีการประเมินว่า หากยังมีอัตราการฉีดวัคซีนต่อวันเท่าเดิมไปเรื่อยๆ รัฐบาลจะบรรลุเป้าหมาย (200 โดส) ได้ในวันที่ 23 เมษายน 2564 เร็วกว่าเป้าหมาย 100 วันเเรกของไบเดนราว 1 สัปดาห์

เพื่อเพิ่มจำนวนวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้ทั่วถึง รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ทำข้อตกลงกับJohnson & Johnson’ (J&J) สั่งซื้อวัคซีนเพิ่มอีก 200 ล้านโดส โดยครึ่งเเรกของล็อตนี้ คาดว่าจะจัดส่งได้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน

วัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาของ J&J ถือเป็นชนิดที่ 3 ที่ผ่านการรับรองให้ใช้ได้ในอเมริกา เป็นกรณีฉุกเฉินสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ต่อจาก Pfizer-Biontech เเละ Moderna 

สำนักงานอาหารและยาหรือเอฟดีเอ (FDA) ระบุว่า วัคซีนของ J&J ที่ฉีดเพียงเข็มเดียวก็มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันผู้ป่วย COVID-19 และสามารถป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้

โดยเมื่อรวมจำนวนวัคซีนของ J&J กับวัคซีนของ Pfizer-Biontech เเละ Moderna จะทำให้สหรัฐฯ มีวัคซีนเพียงพอต่อการฉีดให้กับประชาชนถึง 300 ล้านคน เกือบครอบคลุมประชากรทั้งหมดในประเทศที่มีอยู่ราว 328 ล้านคนในปี 2019

 

 

ที่มา : CNBC , Bloomberg 

]]>
1325157
เเคนาดา เริ่มฉีดวัคซีน COVID-19 ล็อตเเรก สั่งจอง “เกินจำนวน” ประชากร เผื่อส่งต่อให้ประเทศยากจน https://positioningmag.com/1310428 Tue, 15 Dec 2020 06:38:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1310428 เเคนาดาเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ของบริษัท Pfizer เเละ BioNTech ล็อตเเรกเเล้ววันนี้ หลังมีการอนุมัติการใช้วัคซีนเป็นกรณีฉุกเฉิน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยเจ้าหน้าที่ผู้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ 5 รายในรัฐออนแทรีโอ เป็นหนึ่งในชาวแคนาดากลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีนดังกล่าว เเละคาดว่าวัคซีนราว 2.5 แสนโดส จะส่งถึงแคนาดาภายในเดือนธันวาคมนี้ 

Patty Hajdu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของเเคนาดา กล่าวว่านี่ถือเป็นก้าวเเรกที่สำคัญ เเละยังมีงานหนักหนาที่รออยู่ข้างหน้า ท่ามกลางช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้

การเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนายังมีอยู่ต่อเนื่อง ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกแล้วกว่า 72.7 ล้านราย เสียชีวิตรวม 1.6 ล้านราย โดยเฉพาะประเทศในโซนยุโรป สหรัฐฯ เเละเอเชียตะวันออกอย่างญี่ปุ่นเเละเกาหลีใต้ โดยผู้คนใน
สหราชอาณาจักรและอเมริกา ก็เริ่มได้รับวัคซีน COVID-19 เเล้วเช่นกัน

ทั้งนี้ วัคซีนของ Pfizer ได้รับการอนุมัติการใช้งานแล้วในอังกฤษ แคนาดา บาห์เรน และซาอุดีอาระเบีย มีผลการทดลองที่ยืนยันประสิทธิภาพในการป้องกัน COVID-19 สูงกว่า 90% โดยเป็นวัคซีนแบบตัดต่อสารพันธุกรรม หรือที่เรียกกันว่า RNA (mRNA)

แคนาดา ได้ทำสัญญาสั่งจองกับผู้ผลิตวัคซีนรายอื่นๆ อีก 6 รายในตลาดโลก เเละกำลังตรวจสอบวัคซีนอีก 3 ชนิด รวมถึงวัคซีนของบริษัท Moderna ที่คาดว่ารัฐบาลแคนาดาจะอนุมัติการใช้ในเร็วๆ นี้

โดยเเคนาดาได้สั่งจองวัคซีนต้านไวรัสโคโรนา ด้วยจำนวนที่มากกว่าประชากรในประเทศที่มีอยู่ราว 38 ล้านคนไปเกือบ 4 เท่า ซึ่งรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดได้เตรียมส่งต่อวัคซีนจำนวนหนึ่งไปยังประเทศยากจนที่ขาดเเคลนทุนทรัพย์ในการจัดการกับวิกฤต COVID-19 ต่อไป

 

ที่มา : AP , ABC News 

 

]]>
1310428